Memorize - เล่ม 14 ตอนที่ 6
เสียงของมันสั่นเครือ คงคิดว่าตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องแยกกันแล้วจริงๆ ลูกยูนิคอร์นจึงเริ่มมีน้ำตาคลอเต็มหน่วยอย่างรวดเร็ว พอมองท่าทางนั้นก็น่าแปลกที่ผมเองก็รู้สึกเหมือนใจอ่อนยวบลงเหมือนกัน เพราะอย่างนั้นจึงตัดสินใจที่จะจากลากันไปให้เร็วที่สุด ผมโบกมือแล้วบอกลาจ่าฝูงยูนิคอร์นเป็นครั้งสุดท้าย
“แยกกันตอนนี้น่าจะดีแล้ว จะบอกเผื่อไว้ว่าให้ระวังตอนเดินทางกลับด้วย ถ้างั้นก็ไปนะ”
ผมหมุนตัวอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็ได้เห็นสมาชิกเผ่าที่กำลังทำหน้าเสียใจอย่างพร้อมเพรียงกัน ผมเหมือนจะรู้ว่าสายตานั้นมีความหมายว่าอะไร แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน
ผมจับจ้องไปทางผู้เล่นที่สมาชิกเผ่าแบกอยู่ จากนั้นจึงเปิดปากพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“จะเดินทางกลับเมืองตอนนี้กันเลยนะครับ โชคดีที่ทั้งสามคนยังคงมีลมหายใจอยู่ คราวนี้อาจจะรอดตายจริงๆ ก็ได้ครับ”
ตอนนั้นพวกผู้เล่นจึงได้พยักหน้าอย่างยากลำบากราวกับตั้งสติได้
ในตอนที่กำลังจะประกาศว่าจะออกเดินทาง ตอนที่กำลังจะก้าวออกไปก้าวหนึ่ง ผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาจับชายเสื้อผมแล้วดึงไว้
พอหันไปมองด้านหลงจึงได้เห็นว่าจ่าฝูงยูนิคอร์นกำลังกัดเสื้อของผมอยู่ ไม่ใช่ลูกยูนิคอร์น เป็นครั้งแรกที่จ่าฝูงกัดผม พอจ้องมองมันนิ่งๆ ด้วยความตกใจไม่น้อย มันจึงปล่อยชายเสื้อออกแล้วส่งเสียงร้องเบาๆ
ฮฮฮฮี้
“ทำไม”
ฮฮฮฮี้ ฮฮฮฮี้ ฮฮฮฮี้ ฮฮฮฮี้
“เดี๋ยวสิ ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ…แต่บอกแล้วไงว่าไม่รู้เรื่องน่ะ”
ใบหน้าของจ่าฝูงยูนิคอร์นเต็มไปด้วยความเศร้าโศก พอยักไหล่ไป มันก็หันไปด้านหลังแล้วจึงพยักหน้าแรงๆ หนึ่งครั้งทันที ตอนนั้นเอง
ฮฮฮฮี้
ลูกยูนิคอร์นกำลังยืนนิ่งอยู่พร้อมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ตอนนั้นเองยูนิคอร์นโตเต็มวัยตัวหนึ่งซึ่งรับสัญญาณจากจ่าฝูงยูนิคอร์นก็ก้าวออกมาด้านหน้าแล้วดันลูกยูนิคอร์นที่ยืนอยู่เฉยๆ เบาๆ ซึ่งดันมาทางฝั่งที่ผมอยู่
ฮี้
ฮฮฮฮี้
ฮี้ๆ
ฮฮฮฮี้ ฮฮฮฮี้
ลูกยูนิคอร์นคงจะตกใจมาก มันเลยรีบหันกลับไปมองด้านหลัง แต่การกระทำของยูนิคอร์นโตเต็มวัยก็ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าลูกยูนิคอร์นจะแสดงให้เห็นปฏิกิริยาตอบสนองแบบไหน มันก็เพียงแค่ดันตรงก้นอยู่เงียบๆ เท่านั้น ในตอนที่ลูกยูนิคอร์นเอาชนะเรี่ยวแรงของยูนิคอร์นโตเต็มวัยไม่ได้แล้วถูกผลักมาด้านหน้าก้าวสองก้าว ผมจึงพูดขึ้นกับจ่าฝูงยูนิคอร์นที่เพียงแค่มองการกระทำนั้นอยู่เงียบๆ
“เดี๋ยวก่อน พวกนายกำลังทำอะไรกันน่ะ”
แน่นอนว่าไม่มีคำตอบกลับมา ไม่สิ ถึงแม้ว่ามันจะตอบแต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดี จ่าฝูงยูนิคอร์นจ้องมองผมด้วยดวงตาหยี เป็นแบบนั้นนานแค่ไหนแล้วนะ จ่าฝูงเดินมาสองสาวก้าวตรงหน้าของผมแล้วจู่ๆ ก็ก้มหัวลง
“…”
ผมตะลึงงัน ยูนิคอร์นที่มีความระแวดระวังสูงและมีความทะนงตัวอย่างมาก แต่เจ้าตัวที่รับหน้าที่เป็นหัวหน้าฝูงกลับกำลังก้มหัวให้ผู้ชาย
ฮี้ ฮี้!
ในตอนที่ผมกำลังทำอะไรไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่ง ลูกยูนิคอร์นก็ถูกดันเข้ามาให้ถึงตัวผม มันหันหน้าไปมาไม่หยุดราวกับทำอะไรไม่ถูกเช่นเดียวกัน แต่ยูนิคอร์นตัวอื่นๆ นั้นไม่มีตัวไหนออกมาเลย เพียงแค่จ้องมองลูกยูนิคอร์นที่ถูกดันด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า
‘หรือว่านี่…’
ผมรีบทำใจให้สงบ ถึงแม้จะไม่รู้เรื่องรู้ราวมากแค่ไหนแต่มาจนถึงตอนนี้แล้วก็ไม่มีทางที่จะไม่รู้ความตั้งใจของจ่าฝูงยูนิคอร์นแน่ ผมจับให้หัวของมันซึ่งยังคงก้มอยู่ให้เงยขึ้นแล้วถามด้วยน้ำเสียงสุขุม
“หรือว่าพวกนาย ต้องการให้ฉันรับเลี้ยงลูกยูนิคอร์นงั้นเหรอ”
ฮฮฮฮี้ ฮฮฮฮี้
จ่าฝูงยูนิคอร์นพยักหน้า ในตอนที่เห็นปฏิกิริยาตอบสนองนั้น ผมก็กลืนน้ำลายลงไปในคอเอื้อกใหญ่ อย่างไรก็อยากได้ยูนิคอร์นสักตัวเหมือนกัน แต่นี่มันเหมือนกับกลิ้งเข้ามาหาโดยอัตโนมัติ
แต่ผมก็ชอบใจเพียงครู่เดียวเท่านั้น ผมรีบใช้ความพยายามในการจัดการสีหน้าแล้วทีนี้จึงเหลือบตาไปมองลูกยูนิคอร์นซึ่งถูกดันเข้ามาตรงข้อเท้าของผม
คราวนี้เจ้าตัวก็คงลังเลใจ มันจึงเงยหน้ามองผมด้วยดวงตาคลอไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง และยูนิคอร์นโตเต็มวัยที่พาลูกหลานของมันมาจนถึงตรงนี้ก็ทำท่าเหมือนจัดการงานที่ตัวเองต้องทำเสร็จหมดแล้ว จึงเดินกลับไปยังที่เดิมของตัวเอง
ความเงียบสงบปกคลุมอยู่ทั่ว ทั้งจ่าฝูงยูนิคอร์น ทั้งลูกยูนิคอร์น ไม่สิ ทั้งหมดที่อยู่ที่นี่กำลังจ้องมองผม ในตอนที่กำลังเรียบเรียงความคิดว่าจะต้องพูดอย่างไรตรงนี้ดี เสียงพูดอันแผ่วเบาก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“หรือว่า…ขอฝากเอาไว้ชั่วคราวคะ”
คนที่ปริปากพูดขึ้นมาเมื่อครู่นี้คือผู้เล่นที่พวกเราช่วยชีวิตออกมาจากคุกใต้ดินเป็นคนแรกสุด และคงเพราะสะเทือนใจอย่างรุนแรงจากคุก พวกเราจึงแทบไม่มีโอกาสได้ยินเสียงของเธอเลย แต่ว่าจู่ๆ ลมอะไรพัดมาไม่รู้ เธอจึงกำลังพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาแต่ชัดถ้อยชัดคำ
“ในกลุ่มพวกผู้เล่นที่ฉันรู้จักมีพี่สาวคนหนึ่งที่เลี้ยงยูนิคอร์นให้เชื่องอยู่น่ะค่ะ พี่สาวคนนั้นเมื่อก่อนเคยพูดว่า ยูนิคอร์นที่สูญเสียพ่อแม่ไปจะจมอยู่ในความรู้สึกสูญเสียอย่างใหญ่หลวงมากๆ และถ้าไม่สามารถเอาชนะความโศกเศร้านั้นได้ ก็จะเครียดจนปลิดชีวิตตัวเอง…”
“เดี๋ยวก่อนนะครับ แต่ยูนิคอร์นตัวนี้ไม่ได้ตัวคนเดียวนะครับ มองแค่ตรงหน้าในตอนนี้ก็เห็นแล้วว่ามีฝูงหากินด้วยกันเกินยี่สิบตัวเลยนะครับ”
“ระหว่างมาก็น่าจะเห็นนะคะ ว่าต่อให้มีเพื่อนร่วมกลุ่ม ความโศกเศร้าของยูนิคอร์นก็ไม่ได้ดีขึ้นมาง่ายๆ หรอกค่ะ แต่มีเพียงแค่ตอนที่อยู่ด้วยกันกับลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่เท่านั้นที่แม้จะแค่บางครั้งแต่ก็แสดงท่าทียิ้มแย้มไม่ใช่เหรอคะ”
“เรื่องนั้น…”
“ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไมลูกยูนิคอร์นถึงเอาแต่ตามลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่ขนาดนั้นค่ะ ถึงอย่างนั้นสิ่งเดียวที่ยืนยันได้ในตอนนี้ก็คือ ในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ คนที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะสลัดความโศกเศร้าของลูกยูนิคอร์นทิ้งไปได้ก็คือลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่ค่ะ ในระหว่างที่มาที่นี่ พวกยูนิคอร์นก็คงรู้สึกได้ถึงเรื่องนั้น และเพราะอย่างนั้นก็เลยตั้งใจจะขอร้องไม่ใช่เหรอคะ”
แม้จะยาวสักหน่อยแต่หญิงสาวก็พูดอย่างชัดเจน จากนั้นเธอก็ก้มหัวลงเล็กน้อยแล้วปิดปากเงียบไป บางทีคงจะบอกความจริงที่ตัวเองรู้อยู่ออกมาทุกอย่างก็ได้
ผมถอนหายใจออกมายาวเหยียด จากนั้นจึงสบตากับจ่าฝูงยูนิคอร์นแล้วพูดขึ้นอย่างสุขุม
“หมายความว่าจะขอให้ลูกยูนิคอร์นมาอยู่กับฉันตามที่ผู้หญิงข้างหลังพูดงั้นเหรอ หมายความว่าฉันน่ะ…เหมาะสมที่สุดในการเป็นคนที่จะสามารถเติมเต็มความรู้สึกเดียวดายของเด็กคนนี้ได้งั้นสินะ”
หงึกๆ
“อืม…ถ้างั้นถ้าหมายความว่าจะฝากไว้กับฉันสักพัก ก็จะต้องพาไปคืนให้ทีหลังอีกทีสินะ”
ครั้งนี้จ่าฝูงยูนิคอร์นไม่พยักหน้า มันก้มลงมองลูกยูนิคอร์นที่ทรุดนั่งลงตรงพื้นแทนแล้วร้องด้วยเสียงต่ำๆ ผมไม่รู้แบบละเอียดนักหรอกนะ แต่ไม่รู้ทำไมรู้สึกเหมือนมันกำลังพูดว่า ‘เรื่องนั้นน่ะ พอถึงเวลานั้นค่อยให้เด็กคนนี้ตัดสินใจ’ ถึงแม้ว่านี่จะเป็นการตีความไปตามอำเภอใจของผมก็เถอะ
แน่นอนว่าลูกยูนิคอร์นทำหางลู่ลง อีกทั้งยังทำหูตกด้วย แต่พอผมใช้มือทั้งสองข้างโอบกอดมันเข้ามา หูของมันก็ตั้งขึ้นแล้วหางก็ส่ายไปมาทันที
ผมสงสัยจริงๆ ว่าอะไรในตัวผมกันแน่ที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้ แต่ผมก็จับหน้าของลูกยูนิคอร์นให้เงยขึ้นเพื่อสบตากับมันก่อน จากนั้นผมก็มองดวงตาใสแจ๋วของมันพร้อมกับเปิดปากพูดขึ้นด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“เด็กน้อย นายอยากทำยังไงล่ะ”
ฮี้
“จะลองมาอยู่ด้วยกันกับฉันสักพักหรือว่าจะตามพวกเพื่อนร่วมฝูงไปด้วยเฉยๆ ล่ะ ไม่ว่านายจะเลือกแบบไหน ฉันก็จะเคารพการเลือกของนายนะ และการเลือกของนายก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุดด้วย”
ฮี้…
ลูกยูนิคอร์นทำสีหน้าลำบากใจในทันที มันมองผมหนึ่งครั้ง แล้วก็มองจ่าฝูงยูนิคอร์น จากนั้นก็มองเพื่อนร่วมกลุ่มที่ยืนอยู่ข้างหลังผม แล้วก็มองพวกยูนิคอร์นอีกครั้ง
เจ้าตัวน้อยที่หันหน้าสลับไปมาแบบนั้นขยับเท้าทั้งสี่โดยที่แววตายังคงเจือความขัดแย้งกันอยู่ ตอนที่มันมองลงไปที่พื้น ผมจึงโน้มตัวลงไปตรงพื้นหามันตรงๆ แต่มันกลับวิ่งไปหาจ่าฝูงยูนิคอร์นแล้วร้องด้วยเสียงอันแผ่วเบา
ฮี้ ฮี้ๆ ฮี้ๆๆ
ฮฮฮฮี้ ฮฮฮฮี้ ฮฮฮฮี้ ฮฮฮฮี้
ฮี้ๆๆๆ ฮี้ๆๆๆๆ
ฮฮฮฮี้ ฮฮฮฮี้ ฮฮฮฮี้ ฮฮฮฮี้
ทั้งสองตัวเหมือนกำลังคุยกันอยู่พักหนึ่ง ไม่นาน ลูกยูนิคอร์นก็เริ่มเอาหัวถูไถตรงขาของจ่าฝูงยูนิคอร์น จ่าฝูงยูนิคอร์นค่อยๆ หลับตาลงแล้วเอาริมฝีปากถูตรงหัวของเจ้าตัวน้อยช้าๆ และริมฝีปากที่ประทับลงไปตั้งแต่ส่วนหัวก็ไล้ไปตามลำคอ ผ่านหลัง จนไปถึงส่วนก้น ขั้นตอนการถูไถทั่วทั้งตัวของกันและกันแบบนั้นไม่ยอมจบลงง่ายๆ แม้จะเกินหนึ่งนาทีแล้วก็ตาม
หลังจากประทับริมฝีปากลงทุกส่วนแล้ว ยูนิคอร์นจ่าฝูงก็จ้องมองผมหนึ่งครั้งด้วยสายตาอันแรงกล้าแบบที่ไม่เคยมีก่อนหน้านี้แล้วหันตัวพรึ่บไป ทันใดนั้นลูกยูนิคอร์นซึ่งอยู่ข้างๆ ก็เริ่มเดินไปพร้อมกับจ่าฝูง เดินไปทางจุดที่พวกยูนิคอร์นรวมตัวกันอยู่
“อ้า…”
“อุ๊ยตาย”
‘จิ๊’
เสียงอุทานด้วยความเสียดายดังออกมาจากเด็กๆ สุดท้าย ลูกยูนิคอร์นก็ไม่เลือกผม มองอย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นการเลือกที่เป็นไปตามคาดอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้ที่เสี้ยวหนึ่งในใจต้องรู้สึกเสียดาย ผมพูดอ้อมค้อมนิดหน่อยเพราะดูเหมือนว่าในภายภาคหน้าอาจจะเชื่อมสัมพันธ์กันได้ แต่กลับกลายเป็นว่าพูดให้ตรงกว่านี้สักหน่อยน่าจะดีกว่า
ผมจิ๊ปากในใจพร้อมกับมองภาพด้านหลังของลูกยูนิคอร์นที่เดินห่างออกไป จากนั้นผมเองก็หมุนตัวหันหลังอย่างช้าๆ รู้สึกเสียดายจริงๆ แต่ดูเหมือนว่าจะต้องพอใจด้วยเหมือนกันกับเรื่องที่สามารถเชื่อมความสัมพันธ์ที่ไม่เลวร้ายกับพวกยูนิคอร์นได้
ตอนนั้นเอง
ฮฮฮฮฮฮี้ ฮฮฮฮฮฮี้ ฮฮฮฮฮฮี้ ฮฮฮฮฮฮี้
แต่แล้วเสียงดังลั่นของพวกยูนิคอร์นก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน พอหันหน้าขวับไปก็เห็นลูกยูนิคอร์นที่หยุดเดินกลางคันและพวกยูนิคอร์นตัวอื่นๆ ที่มองเจ้าตัวน้อยต่างก็ร้องคร่ำครวญ
จากนั้นลูกยูนิคอร์นก็ยกขาขวาหน้าขึ้นมาเหมือนตอนแยกจากกันกับพวกเราเมื่อครั้งก่อน แต่นั่นไม่ได้ยกมาทางพวกเรา กลับยกไปทางพวกยูนิคอร์นที่อยู่ทางฝั่งตรงข้าม
และในตอนที่เสียงร้องคร่ำครวญเบาลง มันก็หมุนตัวมาทางฝั่งตรงข้ามแล้วเริ่มวิ่งมายังจุดที่พวกเราอยู่ ทันทีที่เห็นภาพนั้น ผมก็รู้สึกได้ว่าความคิดที่เคยตัดสินใจว่าะต้องยอมแพ้แน่ๆ แล้วกลับพลิกผันในพริบตาเดียว
“โอ๊ะ มาหาเหรอ มาจริงๆ ใช่ไหม”
“จะ เจ้ายูนิ!”
ลูกยูนิคอร์นหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าผมแล้วยิ้มเผล่พร้อมกับร้องดังฮี้ เป็นรอยยิ้มสดใสของมันที่ไม่ได้เห็นมานานจริงๆ อันซลกับอียูจองยิ้มกว้างอย่างที่คิดพร้อมกับวิ่งเข้ามากอดลูกยูนิคอร์นด้วยความดีใจอย่างมาก
เป็นเรื่องที่ไม่อยากจะเชื่อเลย การที่ลูกยูนิคอร์นเดินไปก็เพื่อบอกลา นั่นหมายความว่ามันเลือกผม ผมมองเจ้าตัวเล็กที่ถูกกอดเอาไว้ในอ้อมแขนของอันซลพร้อมกับแกว่งขาทั้งสี่ข้างไปมา จากนั้นจึงหัวเราะเก้อๆ ออกมาครู่หนึ่ง
พอเบนสายตาไปทางด้านหน้าจึงเห็นพวกยูนิคอร์นกำลังค่อยๆ หมุนตัวไปอย่างช้าๆ โดยไม่รู้ตัว ในขณะที่พวกมันหมุนตัวแล้วเดินไปก็ยังคงทอดสายตามองลูกยูนิคอร์นอย่างต่อเนื่อง
ในตอนที่จ่าฝูงยูนิคอร์นซึ่งหมุนตัวไปเป็นตัวสุดท้ายกำลังจะหันหน้าไป สายตาของผมกับมันก็ประสานกันกลางอากาศอีกครั้ง ดวงตาของจ่าฝูงยูนิคอร์นที่เดินไปอย่างยืดยาดดูเศร้าสร้อยมากๆ
ผมทอดสายตามองอยู่อย่างนั้นพักหนึ่ง และตอนนั้นจ่าฝูงยูนิคอร์นก็พยักหน้าแรงๆ จากนั้นไม่นานจึงเบนสายตาไป
“…”
พอมองดูพวกยูนิคอร์นที่ไกลออกไปทีละนิดแบบนั้น ผมก็รู้สึกได้ว่าใครบางคนกำลังสะกิดผมอยู่ทางด้านหลัง อันซลกำลังยิ้มอย่างสดใสอยู่ด้านหลังพร้อมกับโอบรอบตัวลูกยูนิคอร์นเอาไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง
“ท่านพี่! ท่านพี่! ดูเหมือนว่าเจ้ายูนิจะอยากให้ท่านพี่กอดนะคะ!”
ฮี้ๆ!
ลูกยูนิคอร์นยิ้มแพรวพราวพร้อมกับยื่นขาทั้งสองข้างมาทางผม ผมจับขาทั้งสองข้างนั้นแล้วผมเองก็ยิ้มบางๆ กลับไป
ผมตบหลังของลูกยูนิคอร์นเบาๆ พร้อมกับจมอยู่ในห้วงความคิดนิ่งๆ ไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร แต่ไหนๆ ก็กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว ผมจึงคิดว่าจะพยายามยื้อเวลาให้ได้นานที่สุด เพราะว่าเจ้ายูนิคอร์นเต็มใจที่จะเข้ามาหาผมเอง แต่ก็…
‘ผมไม่ได้บังคับมันสักหน่อย’