Memorize - เล่มที่ 19 ตอนที่ 9
ผมตะโกนเสียงดังเพื่อป้องกันตัว จากนั้นรีบก้มตัวลง แล้วดีดตัวพุ่งออกไปอย่างแรงทันที ดูเหมือนพวกศัตรูจะได้ยินเสียงตะโกนของผม จึงทำให้มันหันหน้ามา พลางมีสีหน้าสงสัยเล็กน้อย แต่ทว่าในวินาทีที่มันสบตาเข้ากับผม ผมจึงได้วาดเกียรติยศแห่งวิคตอเรียออกเป็นแนวเส้นตรง เป้าหมายแรกก็คือ เจ้าหนุ่มที่เหยียบอกอิมฮันนานั่นเอง
ฉับ!
ดาบทะลุเข้าไปตรงกลางกบาลของมัน แล้วเจาะทะลุไปจนถึงปากที่กำลังอ้าค้างอยู่เช่นเดิม ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มันล้มตัวลงไป พร้อมกันนั้นผมก็ได้ปลุกพลังเวทขึ้นมา แล้วซัดร่างมันลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าเบื้องบนโดยทันที
พลั่ก!
ท้องฟ้าเบื้องบนเกิดการกระเพื่อมสั่นไหวอย่างใหญ่หลวง โดยท้องฟ้าที่เกิดการสั่นไหวเช่นนั้น ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นกระแสพลังเวทในเวลาต่อมา จึงทำให้กระแสพลังเวทเหล่านั้นเข้าครอบคลุมพวกเร่ร่อนที่อยู่ทั่วอาณาบริเวณนั้นอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้
ฉับ ฉับ ฉับ ฉับ!
กระแสพลังเวทเข้าเฉือนร่างกายของใครหลายๆ คนอย่างไร้ซึ่งความลังเล ไม่รู้ว่านั่นเป็นเพราะการจู่โจมของผมรูปแบบหนึ่งหรือไม่ กระแสพลังเวทนั้นทำเอาพวกศัตรูล้มกลิ้ง และด้วยความที่ยังมีพลังหลงเหลืออยู่ จึงทำให้กระแสนั้นไม่ยอมหยุดอยู่กับที่ และวิ่งแล่นทะลุนอกเขตไปอีกด้วย เลือดพุ่งกระฉูดไปทั่วทุกสารทิศ พร้อมทั้งเสียงหวีดร้องที่ดังขึ้น
ทว่ายังมีคนอีกสองคนที่โชคดีหนีรอดมาได้ ผมเห็นดังนั้นจึงรีบจัดการฆ่าพวกมันอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นจึงพยุงร่างอิมฮันนาที่เอาแต่เงยหน้ามองเหม่ออยู่เช่นนั้น
“ผู้เล่นอิมฮันนา ไม่เป็นไรนะครับ”
“คะ คุณซูฮยอน!”
อิมฮันนาทำหน้าบิดเบี้ยว อาจเป็นเพราะยังเจ็บส่วนอกที่ถูกเหยียบย่ำมาไม่หาย แต่ยังโชคดีที่ไม่มีส่วนไหนได้รับบาดเจ็บหนัก หล่อนวางมือทาบลงบนอก แล้วปรายตามองผมด้วยสายตาอันแสนร้อนรุ่มกลุ้มใจ
“ทะ ทำได้อย่างไรคะเนี่ย…คุณซูฮยอน เอ่อ ไม่สิ แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่!”
อิมฮันนามีสีหน้าที่ทั้งยินดีและขอบคุณผมอย่างมากในเวลาเดียวกัน ผมเองก็ยินดีที่ได้เจอหล่อนเช่นเดียวกัน แต่ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันค่อนข้างฉุกละหุก ผมไม่มีเวลาจะมานั่งสาธยายอะไรมากนัก จึงได้รีบชี้นิ้วไปยังอีกฟากฝั่งหนึ่งโดยทันที
“ไว้จะอธิบายคราวหลัง คุณรู้สถานการณ์ในตอนนี้ดีแล้วใช่ไหมครับ”
แต่แล้วหล่อนก็ทำสีหน้าสุขุมและพยักหน้ารับโดยทันที คงรู้สึกได้ถึงความรีบร้อนของผม
“ผู้เล่นอิมฮันนา ตอนนี้มีพวกศัตรูกำลังรวมตัวกันอยู่ที่ด้านหน้าตรงนี้ เพราะฉะนั้นขอให้คุณเดินเอียงไปทางซ้ายมือหน่อย พอไม่ให้พวกมันเห็นตัวคุณได้ แล้วจึงค่อยวิ่งหนีออกไปทางขวามือนะครับ ตรงนั้นจะมีค่ายคุ้มกันตั้งอยู่ ไปเข้ารวมตัวที่นั่นได้เลยครับ”
“คะ? ค่ายคุ้มกันหรือคะ”
“ค่ายคุ้มกันที่วิเวียนกับพี่ชายผมสร้างขึ้นมาน่ะครับ บางทีตอนนี้อาจจะมีเหล่าผู้เล่นที่อยู่รอบๆ นี้รวมตัวอยู่ด้วยก็ได้ครับ ที่แห่งนั้นถือว่าปลอดภัยมากที่สุดในตอนนี้แล้วครับ”
“ค่ะ รับทราบ ถ้างั้นตรงไปทางนั้นได้เลยใช่ไหมคะ”
ผมพึงพอใจเป็นอย่างมาก คงเป็นเพราะหล่อนเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว หรือไม่ก็ตัดสินใจออกมาได้อย่างฉับไว หากหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าผมไม่ใช่อิมฮันนา แต่เป็นอันซลแล้วล่ะก็ เห็นทีคงจะวุ่นวาย เอาแต่ร้องไห้กวนใจอยู่เป็นแน่
อันซล
“ครับ งั้นคุณไปก่อนได้เลยนะ”
“ค่ะ คะ? เดี๋ยวสิคะ! ต้องไปด้วยกันไม่ใช่เหรอคะ”
“ขอโทษทีครับ ผมต้องไปตามหาสมาชิกเผ่าคนอื่นๆ ด้วยน่ะ”
“…!”
บางทีผมอาจจะต้องพาใครหลายๆ คนพ่วงไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นจองฮายอน, ชินซังยง, อันฮยอน, อันซลและอียูจอง เป็นต้น แต่ทว่าอิมฮันนาน่ะ ด้วยความที่หล่อนเป็นผู้เล่นนักธนูอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นแค่ผมบอกทิศทางหล่อนไป อย่างไรหล่อนก็สามารถเดินทางไปตัวคนเดียว แล้วถึงที่แห่งนั้นได้สบายๆ แน่นอน หล่อนเป็นผู้เล่นที่มีความสามารถไม่น้อยเลยทีเดียว
“งั้น”
“แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่!”
ผมได้ยินเสียงอิมฮันนาร้องเรียกผม แต่ด้วยความที่ผมยังเป็นห่วงเด็กคนอื่นๆ อยู่ จึงทำได้แค่ส่งสายตาร่ำลาไปให้ แล้วหมุนกายไปทันที และเริ่มออกวิ่งไปอีกครั้งหนึ่ง
เป้าหมายต่อไปคือ…
แต่แล้วผมก็หยุดวิ่งไปชั่วขณะ เพราะผมรู้สึกได้ว่าอิมฮันนากำลังตามหลังผมมาอยู่
ผมพลันเกิดความรู้สึกประหลาดใจขึ้นเล็กน้อย แล้วจึงเหลียวกลับไปมองด้านหลัง
“ผู้เล่นอิมฮันนา ตอนนี้มัวทำอะไรอยู่ล่ะครับ”
“ฉันจะไปด้วย ไปด้วยกันนะคะ”
“…ครับ?”
“ฉันบอกว่าจะไปกับแคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่…ฉันจะไปกับคุณซูฮยอนด้วย!”
คำพูดที่ผมคาดไม่ถึงว่าจะออกมาปากหล่อน ทำเอาผมขมวดคิ้วอย่างหนัก
“อย่าพูดอะไรไร้สาระ…!”
“ไม่เอา! จะให้ฉันอยู่ดูเฉยๆ แบบนี้น่ะหรือคะ”
“…?”
“เดี๋ยวก็หายไปอีก เดี๋ยวก็ได้แต่เฝ้ามองดูอย่างนั้น…ฉันจะตามไปด้วย ไม่ว่ายังไงคราวนี้ฉันก็จะไปด้วยให้ได้!”
ผมรู้สึกงงไปหมด หลังจากที่ได้เห็นใบหน้าของอิมฮันนาที่กำลังตะเบ็งเสียงออกมา ช่างมุ่งมั่นตั้งใจจนถึงขนาดที่ผมไม่สามารถต่อกรได้เลย
ปกติแล้วหล่อนจะดูนุ่มนวล อ่อนหวาน แต่ทว่าคราวนี้กลับให้ความรู้สึกที่แปลกแตกต่างออกไป ผมเห็นดังนั้นจึงได้แต่ปิดปากเงียบอย่างไม่รู้สาเหตุเช่นกัน
คำพูดที่อิมฮันนาพูดไว้เมื่อสมัยก่อน วิ่งแล่นผ่านเข้ามาในความทรงจำของผม
‘ฉันขอพูดแบบเป็นทางการไปก่อน หลังจากนี้จะเปลี่ยนไปพูดแบบไม่เป็นทางการค่ะ’
‘ฉันอยากจะลองลิขิตชะตาของตัวเองสักครั้งน่ะค่ะ
“…”
“…”
ผมจดจ้องอิมฮันนาในช่วงระยะเวลาอันแสนสั้น
ผมเห็นแววตาของอิมฮันนาสั่นไหวน้อยๆ พลางกัดปากตัวเองแน่น
เวลาผ่านไปเพียงห้าวินาทีเท่านั้นที่เราสบตากัน
“โอเค”
ผมเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาทันที จึงตอบรับให้หล่อนร่วมเดินทางไปด้วย
“เฮ้อ…!”
ทันใดนั้นเสียงถอนหายใจเบาๆ จึงดังขึ้น พร้อมกับคิ้วที่เคยพันกันจนยุ่งเหยิงก็คลายออกไป ริมฝีปากปิดสนิทของอิมฮันนาค่อยๆ เผยออกมาให้เห็นถึงรอยยิ้มอันแสนดีใจ
“คุณซูฮยอน! จะ จริงใช่ไหมคะ พูดจริงนะคะ?”
อิมฮันนาเผยสีหน้าที่ดูโล่งใจขึ้น หล่อนพลันดูมีสีหน้าสดใสขึ้นมาก แต่ทว่าผมก็ไม่ได้ตอบกลับไปในทันที ได้แต่พยักหน้าให้แทนคำตอบ แล้วจึงมองไปยังท้องฟ้า ณ ทิศทางหนึ่ง บนนั้นปรากฏข้อความสามข้อความที่พรคุ้มครองแห่งสงครามแจ้งมาให้ทราบเมื่อครู่ก่อนหน้า
[อัปเดตข้อมูลตำแหน่งของผู้เล่นจองฮายอน]
ข้อมูลของจองฮายอนอัปเดตแล้ว ผมจึงรีบกะระยะทางและทิศทางอย่างรวดเร็ว แล้วจึงได้ทราบว่าข้อมูลที่แทบจะคล้ายคลึงกับของอิมฮันนาได้อัปเดตแล้วเรียบร้อย
ผมจึงไม่คิดซ้ำสองอีกต่อไป ตัดสินใจช่วยจองฮายอน ผู้เป็นเป้าหมายต่อไปในทันที
หลังจากผมตัดสินใจได้เช่นนั้น ผมจึงได้หันไปมองอิมฮันนา ตอนนี้ผมตัดสินใจทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นลำดับถัดไปก็ถึงคราวที่เราจะต้องเคลื่อนตัวกันเสียที
“ครับ แต่มีเงื่อนไขหนึ่งข้อแทนนะ”
“คะ? เงื่อนไขหรือคะ”
“ในระหว่างเดินทาง คุณจะต้องทำตามที่ผมพูดอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ถ้าคุณไม่มีความมั่นใจมากพอที่จะทำสิ่งนี้ ผมก็คงไม่สามารถยินยอมให้คุณเดินทางไปด้วยได้ครับ”
“งั้นหรือคะ ฉันจะทำตามแน่นอนค่ะ”
อิมฮันนาพยักหน้าให้กับคำขู่ของผม พลางแสดงสีหน้าแน่วแน่ออกมา ดูท่าว่าคงจะลืมการต่อต้านที่แสดงให้เห็นเมื่อครู่ก่อนนี้ไปเสียแล้ว
“สัญญาค่ะ ขอแค่คุณอนุญาตให้ฉันไปด้วย…”
“…”
ท่าทางที่ดูไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยนั้น ทำให้ผมไม่สามารถเชื่อถือได้อย่างสนิทใจ แต่ตอนนี้อิมฮันนาก็มีเรื่องที่จะต้องช่วยผมอยู่หนึ่งอย่างแล้ว ดังนั้นผมจึงสาวเท้าเข้าไปใกล้หล่อนอย่างรวดเร็ว หล่อนเงยหน้ามองผม ไม่ไหวติงต่อสิ่งอื่นใด ผมจึงสัมผัสไปที่ร่างของหล่อน แล้วจึงอุ้มขึ้นมาด้วยท่าเจ้าหญิง
อิมฮันนาเผลอร้องตกใจน้อยๆ
“อะ อุ๊ย!”
“ระหว่างเดินทาง…”
“คะ แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่?”
“…ระหว่างเดินทางไป ถ้าผมบอกให้คุณกลับ คุณก็จะต้องทำตามนะครับ”
อิมฮันนาถลึงตาตกใจ แต่แล้วก็ได้หลับตาลงไปอย่างแผ่วเบา หล่อนยื่นแขนทั้งสองข้างเข้ามากอดคอผมไว้อย่างช้าๆ ในช่วงที่ผมรู้สึกได้ถึงมือเรียวบางสัมผัสเข้าบริเวณลำคอ จึงทำให้ผมตัดสินใจ เริ่มวิ่งออกไปอย่างไม่รีรอ
“ฉัน…ฉันเองก็มั่นใจว่าตัวเองวิ่งเก่งในระดับหนึ่งนะ…”
ความไม่พึงพอใจที่เผยออกมาช้าไปนั้น ทำเอาผมหลงลืมช่วงที่กำลังออกแรงวิ่งไปด้วยความรวดเร็วของตัวเองทันทีทันใด
คะแนนความคล่องแคล่วของอิมฮันนาอยู่ที่เก้าสิบสองคะแนน ซึ่งต่างกับผมแค่หกคะแนนเท่านั้น แน่นอนว่าเก้าสิบสองคะแนนนั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่รวดเร็วมากก็จริง แต่ทว่าก็ยังแตกต่างกับผมอยู่มากโขเลยทีเดียว เพราะผมมีอุปกรณ์หลายชิ้นที่พร้อมสนับสนุนกำลังอยู่มากกว่าหล่อน ตอนนี้ผมไม่ได้ต่อสู้ปะทะกับพวกศัตรูแต่อย่างใด ทว่ากำลังวิ่งข้ามผ่านไปให้ได้มากที่สุด เพราะฉะนั้นแล้ววิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้คือ การอุ้มหล่อนไปนั่นเอง