Marvel : The King ราชาของโลกมาเวล - ตอนที่ 85
“เริ่มต้นภารกิจ”
“ภารกิจหลัก: ช่วยแอร์โรว์ปกป้องเมืองสตาร์ซิตี้“
“ภารกิจรอง1: ร่วมมือกับแอร์โรว์ในการทำภารกิจมากกว่าหนึ่งครั้ง“
“ภารกิจรอง2: มีค่าความสัมพันธ์กับแอร์โรว์อย่างน้อย 50 %!”
“ภารกิจเนื้อเรื่อง: เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งของ จัสติช ลีก“
“กำลังเปิดระบบ ค่าความสัมพันธ์ … “
การแจ้งเตือนของระบบในครั้งนี้ทำให้ซู่เจินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ระบบจะให้ภารกิจกับเขามา แต่ครั้งนี้มันดูเหมือนว่าจะแตกต่างจากครั้งก่อนเล็กน้อย “ระบบ! ค่าความสัมพันธ์มันคืออะไร ?”
“ระดับค่าความสัมพันธ์ มันก็เป็นไปตามชื่อของมันนั่นก็คือ ระดับความสัมพันธ์ฉันท์มิตรระหว่างโฮสต์กับฝ่ายตรงข้าม ยิ่งโฮสต์มีค่าความสัมพันธ์มากเท่าไหร่ โฮสต์ก็จะยิ่งมีความน่าไว้วางใจมากขึ้นเท่านั้น ในขณะเดียวกันถ้าเกิดว่าค่าความสัมพันธ์ของโฮสต์สูงถึง 80% โฮสต์จะสามารถเปิดระบบสนามประลองขึ้นมาได้“
“แล้วสนามประลองมันคืออะไร ? ดูเหมือนว่ายิ่งฉันอัพเกรดระบบมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งมีฟังก์ชั่นเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เท่านั้น“ ซู่เจินถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“ระบบสนามประลอง ก็คือสถานที่ที่มีไว้ให้กับโฮสต์และเพื่อนของโฮสต์ที่มีค่าความสัมพันธ์มากกว่า 80% มาต่อสู้กัน โดยที่โฮสต์สามารถเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้ของเขาได้อย่างรวดเร็วจากสนามประลองแห่งนี้“
“เป็นคำอธิบายที่เข้าใจง่ายดีจริง ๆ ดูเหมือนว่าระบบค่าความสัมพันธ์อันนี้มันจะมีประโยชน์สำหรับฉันมากเลยที่เดียว เพราะว่ามันสามารถเรียนรู้และพัฒนาเทคนิคการต่อสู้ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว … แล้วระบบค่าความสัมพันธ์อันนี้สามารถใช้ในโลกมาเวลได้ด้วยใช่ไหม ? หรือว่าใช้ได้แค่ในดันเจี้ยนอย่างเดียว?”
“ได้ทั้งสองอย่าง!”
“นั่นสินะดูเหมือนว่าระบบค่าความสัมพันธ์อันนี้มันจะถูกเปิดใช้งานขึ้นเพราะว่าฉันเปิดดันเจี้ยนแห่งที่สามขึ้นมา อย่างไรก็ตามภารกิจพวกนี้มันไม่สมเหตุสมผลไปหน่อยเหรอ ภารกิจหลักและภารกิจรองไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่อะไรคือภารกิจเนื้อเรื่อง ? เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งของจัสติช ลีก ? ไม่ใช่ว่าตอนนี้มันไม่มีกรีนแลนเทิร์นอยู่ในจักรวาล DC แห่งนี้เแล้วไม่ใช่เหรอ ? นอกจากนี้ฉันยังมีเวลาอยู่ในนี้ได้เพียงแค่ 7 วันเท่านั้น จะเอาเวลาไหนไปทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ!” ซู่เจินบ่นขึ้นมาอย่างหดหู่
“ภารกิจเนื้อเรื่อง หมายถึงภารกิจที่สามารถทำร่วมกันกับดันเจี้ยนแห่งอื่นได้ โดยที่ดันเจี้ยนแห่งนั้นจะต้องอยู่ในโลกเดียวกันเท่านั้น และมันจะไม่มีการจำกัดระยะเวลาในการทำภารกิจอีกด้วย!”ระบบอธิบายขึ้นมา
“ไม่จำกัดระยะเวลา ? แบบนี้ค่อยดีขึ้นหน่อย!” ซู่เจินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ถึงแม้ว่าภารกิจมันจะไม่มีบทลงโทษหลังจากที่เขาทำภารกิจล้มเหลว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้รวมถึงภารกิจหลักและภารกิจรองที่ยังคงมีการจำกัดเวลาอยู่เหมือนเดิม
ดังนั้นตอนนี้เขาจะต้องรีบทำภารกิจหลักและภารกิจรองให้เสร็จโดยเร็วที่สุด แต่ก่อนหน้านั้นเขาจะต้องไปหาเฟลิเซ่ที่เมืองวอเตอร์ฟรอนท์ก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าเธอยังอยู่ที่นั่นและไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น หลังจากนั้นเขาจะได้ลบดันเจี้ยนของกรีนแลนเทิร์นทิ้งได้อย่างสบายใจและเปิดดันเจี้ยนแห่งใหม่ได้ในที่สุด
เพราะว่าตราบใดที่มันยังมีการเชื่อมโยงอยู่ในไทม์ไลน์เดียวกัน มันก็เพียงพอแล้วสำหรับการที่ซู่เจินจะมีดันเจี้ยนของโลก DC เอาไว้เพียงแค่แห่งเดียวเท่านั้น
ซู่เจินเดินไปซื้อแผนที่ของเมืองวอเตอร์ฟรอนท์มาจากร้านแผงลอยข้างถนนอย่างรวดเร็ว และหลังจากที่เขารู้ที่ตั้งและทิศทางของเมืองเรียบร้อยแล้ว เขาก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าและมุ่งหน้าไปที่เมืองวอเตอร์ฟรอนท์ทันที
หลังจากนั้นไม่นานซู่เจินก็บินมาถึงเมืองวอเตอร์ฟรอนท์อย่างรวดเร็ว และอีกสักพักหนึ่งเขาก็เจอเข้ากับบ้านของเฟลิเซ่ที่อยู่ท่ามกลางตึกสูงมากมาย
ซู่เจินค่อย ๆ ลอยตัวไปที่ระเบียงพร้อมกับเปิดหน้าต่างออกและเข้าไปด้านในทันที และเมื่อเขาเข้าไปถึงด้านในของตัวบ้าน เขาก็พบว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน
‘เฟลิเซ่ทำงานอยู่ที่บริษัทงั้นเหรอ ?’ ซู่เจินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเฟลิเซ่ทันที
“สวัสดีค่ะ ฉันเฟลิเซ่กำลังพูดสายกับคุณอยู่ค่ะ” ทันทีที่ซู่เจินโทรติด เขาก็ได้ยินเสียงของเฟลิเซ่ดังขึ้นมาจากโทรศัพท์ทันที
เห็นได้ชัดเลยว่าเธอน่าจะกดรับโทรศัพท์โดยที่ไม่ได้ดูชื่อของคนที่โทรมาหาเธอเลยแม้แต่น้อย ?
“สวัสดีครับ ผมชื่อซู่เจิน“ ซู่เจินจงใจแกล้งพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเดียวกันกับเธอ
“อ๊า … “ จู่ ๆ เฟลิเซ่ก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับหายใจเข้าออกอย่างรุนแรง “ในที่สุดคุณก็โทรมาหาฉันได้สักที! เพราะว่าฉันพยายามโทรหาคุณหลายครั้งมากแต่มันก็ไม่ติดเลยสักครั้ง … คุณรู้ไหมว่ามันทำให้ฉันเป็นห่วงคุณมากไหน“
“อาจจะเป็นเพราะว่าสถานที่ที่ผมอยู่มันไม่ค่อยมีสัญญาณ … แล้วตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนงั้นเหรอ ?”
“ฉันอยู่ที่บริษัท! แล้วคุณล่ะจะกลับมาเมื่อไหร่ ?”
“ก็คงอีกสักพักหนึ่ง แล้วก็ … ผมได้ส่งของบางอย่างไปให้คุณที่บ้านด้วย“
“คุณส่งอะไรมาที่บ้านของฉันงั้นเหรอ ?”
“เดี๋ยวคุณก็เห็นมันเองแหละ … งั้นตอนนี้ผมขอวางสายก่อนนะ เพราะว่าผมมีธุรอะไรบางอย่างต้องไปทำ!”
หลังจากซู่เจินพูดจบเขาก็วางสายทันที
ในขณะเดียวกันทางด้านของเฟลิเซ่ที่วางสายโทรศัพท์เรียบร้อย เธอกำลังนั่งคิดอย่างสงสัยว่าซู่เจินส่งของอะไรมาให้เธอกันแน่ “ไม่! ฉันจะต้องกลับไปดูมันเดี๋ยวนี้!” ความอยากรู้อยากเห็นของเธอมันทำให้เธอไม่สามารถทำงานได้อย่างมีความสุข เธอจึงลางานก่อนครึ่งวันและรีบกลับไปดูของที่ซู่เจินส่งมาให้ทันที
หลังจากที่เธอออกมาบริษัท เธอก็รีบขับรถมุ่งหน้าไปที่บ้านอย่างรวดเร็ว
และเมื่อเฟลิเซ่มาถึงบ้าน เธอก็พบว่าไม่มีของอะไรวางอยู่ที่หน้าประตูบ้านของเธอเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ทำให้เธอในตอนนี้รู้สึกมึนงงเล็กน้อย
คุณบอกว่าส่งของมาให้ฉันไม่ใช่เหรอ ? แล้วทำไมฉันถึงไม่เห็นมัน … หรือว่าเขาจะส่งของไปผิดบ้าน ? แถมบ้านหลังนี้เธอก็อยู่ตัวคนเดียว ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่จะมีคนเข้าไปในบ้านของเธอได้ โดยไม่ผ่านทางประตู?
และอื่น ๆ อีกมากมาย ……
ทันใดนั้นเฟลิเซ่ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอรีบหยิบกุญแจบ้านของเธอออกมาเพื่อไขเปิดประตู และเดินเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว
“ซู่เจินนั่นคุณใช่ไหม? … คุณกลับมาแล้วงั้นเหรอ! “
ทันทีที่เฟลิเซ่เดินเข้าไปในบ้านเธอก็ตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
ในขณะที่ซู่เจินกำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงของเฟลิเซ่ตะโกนขึ้นมา ทำให้เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยและพูดขึ้นมาว่า “คุณรู้ได้ไงว่าผมกลับมาแล้ว ?”
“คุณกลับมาแล้วจริง ๆ ด้วย!“
เมื่อเห็นว่าซู่เจินกำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เฟลิเซ่ก็รีบพุ่งเข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับจับร่างของซู่เจินเหวี่ยงไปที่บนโซฟาทันที
“ผมชอบการต้อนรับของคุณแบบนี้จริง ๆ!“ ซู่เจินจูบเธอเบา ๆ และพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ตอนแรกผมอยากทำให้คุณรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ผมก็ไม่คิดว่าคุณจะฉลาดขนาดนี้ ถึงกับเดาได้ว่าผมกลับมาแล้ว“
“จริง ๆ ฉันก็ไม่รู้เหรอกว่าคุณกลับมาแล้ว!” เฟลิเซ่พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มและถามต่อว่า “แล้วคุณเข้ามาในบ้านได้ยังไง ?”
“คุณลืมไปแล้วเหรอว่าผมบินได้“
ซู่เจินยิ้มขึ้นมาพร้อมกับชี้ไปที่ระเบียง ทำให้เฟลิเซ่ที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับเคาะไปที่หัวของเธอเบา ๆ อย่างน่ารักและพูดขึ้นมาว่า “ฉันนี่มันโง่จริง ๆ แล้ว … กลับมาคราวนี้คุณจะต้องออกไปทำธุรอีกไหม ?”
“จริง ๆ แล้วผมก็ไม่อยากไปนะ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ต้องไปอยู่ดี เพราะคุณก็รู้ว่าผมมีความสามารถพิเศษและถือได้ว่าเป็นซูเปอร์ฮีโร่คนหนึ่ง ดังนั้น … “
“ฉันเข้าใจ ๆ!“ เฟลิเซ่พยักหน้าขึ้นลงเบา ๆ
เพราะเธอรู้ว่าไม่มีใครที่ว่างได้ตลอดเวลาอย่างแน่นอน ซึ่งแต่ละคนก็มีธุรหรือสิ่งที่ต้องทำแตกต่างกันไป ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่จะต้องแยกจากกันเป็นครั้งคราว
“คุณจำได้ไหมว่าคุณเคยขอให้ฉันช่วยหาบ้านให้ ? ซึ่งตอนนี้ฉันเจอบ้านหลังหนึ่งที่ดูดีมาก ดังนั้นเดี๋ยวฉันจะพาคุณไปดูก็แล้วกันว่าถูกใจคุณไหม“ ทันใดนั้นเฟลิเซ่ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และรีบถามซู่เจินขึ้นมาทันที
ซู่เจินส่ายหัวขอโทษและพูดว่า “เอาไว้ตอนหลังก็แล้วกัน เพราะว่าตอนนี้ผมมีธุรอะไรบางอย่างที่ต้องจัดการให้เรียบร้อยซะก่อน แล้ว … สัปดาห์นี้คุณว่างไหม ? ผมจะได้พาคุณไปกับผมด้วย!”
“งั้นฉันขอเวลาสักพักหนึ่งในการจัดการอะไรให้เรียบร้อยซะก่อน“ เฟลิเซ่พูดขึ้นมาทันที
“โอเค! ถ้าเกิดว่าคุณจัดการอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วพวกเราจะได้รีบออกเดินทางกันทันที!”
แน่นอนว่าซู่เจินกำลังจะพาเธอไปที่เมืองสตาร์ซิตี้ เพื่อไปเที่ยวในวันหยุดพักผ่อนพร้อมกับทำภารกิจไปด้วย อย่างไรก็ตามเฟลิเซ่ก็มีหน้าที่การงานของเธออยู่ ทำให้ซู่เจินไม่สามารถพาเธอไปได้จนกว่าเธอจะเคลียอะไรให้เสร็จเรียบร้อยซะก่อน
“อืม!” เฟลิเซ่พยักหน้าเบา ๆ และรีบลุกขึ้นจากตัวของซู่เจิน เพื่อไปจัดการอะไรของเธอให้เรียบร้อย
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เธอก็จัดการอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทำให้ซู่เจินพาเธอไปที่ระเบียงทันที พร้อมกับกอดเธอเอาไว้และค่อย ๆ ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าและบินตรงไปที่เมืองสตาร์ซิตี้อย่างรวดเร็ว