Marvel : The King ราชาของโลกมาเวล - ตอนที่ 69
“พวกเขาออกไปแล้ว”
ในขณะที่ซู่เจินกำลังนั่งดื่มอยู่ จู่ ๆ นาตาชาก็พูดขึ้นมาอย่างกระทันหัน หลังจากนั้นไม่นานเป้าหมายทั้งสามคนก็ลุกขึ้นพร้อมกับหยิบกระเป๋าขึ้นมาและเดินออกจากร้านไป
“ไปกันเถอะ!”
เมื่อซู่เจินพูดจบเขากับนาตาชาก็ลุกขึ้นทันที และเมื่อลุกขึ้นยืนเรียบร้อยแล้วนาตาชาก็เดินมาควงแขนของซู่เจินเอาไว้อย่างรวดเร็ว
ซู่เจินรู้สึกได้ถึงความนุ่มนิ่มที่แขนของเขา พร้อมกับกลิ่นน้ำหอมที่โชยมาตามสายลม!
แถมอันที่ชนแขนของเขาอยู่มันยังยืดหยุ่นดีซะด้วย
ซู่เจินรู้ดีว่านาตาชาไม่ได้มีเจตตาที่จะทำแบบนี้ แต่มันก็ … ใครใช้ให้เธอมีหน้าอกใหญ่และอวบแบบนี้ล่ะ
“อย่าคิดลึก!”
นาตาชาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ราวกับว่าเธอรู้ว่าซู่เจินกำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากนั้นนาตาชาก็ดึงตัวของซู่เจินออกมาจากบาร์ทันที
ด้านนอกของบาร์ชายสองคนและหญิงอีกหนึ่งคนเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่บริเวณใกล้เคียง และขับออกไปอย่างรวดเร็ว
“คุณมีรถใช่ไหม” ซู่เจินถามขึ้นมาเบา ๆ
“ไม่! แล้วคุณล่ะ?” นาตาชาส่ายหัวเบา ๆ และถามขึ้นมาอย่างไม่จริงจัง เพราะว่าเธอเห็นอยู่แล้วว่าซู่เจินไม่ได้ขับรถมา
เมื่อเห็นว่าเป้าหมายของพวกเขาขับรถออกไปไกลแล้ว
ซู่เจินก็พานาตาชาเดินไปยังตรอกที่อยู่ไม่ห่างไกลจากตรงที่เขาอยู่มากนัก แม้ว่านาตาชาอยากจะถามซู่เจินว่าเขากำลังทำอะไร แต่เธอก็ไม่ได้พูดออกมา เพราะเธอคิดว่าซู่เจินจะต้องมีแผนอะไรสักอย่างอย่างแน่นอน
“กอดผมเอาไว้!”
เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาถึงด้านในตรอก ซู่เจินก็หันไปพูดกับนาตาชาเบา ๆ
นาตาชาเดินเข้าไปกอดเอวของซู่เจินพร้อมกับเอนตัวไปพิงที่หน้าอกของซู่เจินเอาไว้
“แล้วไงต่อ ?” นาตาชาถามขึ้นมา
ซู่เจินยิ้มขึ้นมาแล้วพูดว่า “แล้วไงต่องั้นหรอ ? ผมก็จะพาคุณบินไปน่ะสิ!”
เมื่อซู่เจินพูดจบก็มีพลังงานคล้าย ๆ กับเมฆหมอกมาห่อหุ้มร่างกายของเขาและนาตาชาเอาไว้ โดยที่นาตาชามองไปที่พวกมันด้วยความอยากรู้อยากเห็น และในขณะเดียวกันร่างของพวกเขาก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าและบินตามรถคันนั้นไปอย่างรวดเร็ว
“นี่ … มันคืออะไร?”
นาตาชาพบว่าร่างกายของเธอไม่ได้รับผลกระทบเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นแรงลมหรือแรงต้านอากาศ ซึ่งถ้าหากว่าเธอไม่ได้เห็นทิวทัศน์ด้านล่างที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เธอคงคิดว่าเธอกำลังเดินอยู่อย่างแน่นอน!
“ความสามารถนี้ของคุณมันคืออะไร ? เพราะว่าพลังที่ห่อหุ้มฉันอยู่มันให้ความรู้สึกที่พิเศษมาก!” นาตาชาเริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย มันเป็นไปได้ไหมว่าซู่เจินจะกลืนกินความสามารถพิเศษอย่างอื่นเข้าไป ? และช่วงนี้เธอก็ไม่ค่อยได้ยินข่าวของซู่เจินสักเท่าไหร่ ยกเว้นเรื่องที่เขา ….เอายานบินของมนุษย์ต่างดาวมายังโลก ?
“มันคือพลังของกรีนแลนเทิร์น” ซู่เจินเขย่าแหวนที่อยู่บนนิ้วของเขาให้กับนาตาชาดู “แหวนวงนี้สามารถสร้างอะไรขึ้นมาก็ได้จากจิตนาการ ยิ่งจินตนาการมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น!”
“แหวนกรีนแลนเทิร์นอันนี้คุณได้มันมาจากนอกโลกใช่ไหม?”
“ใช่!”
ซู่เจินพยักหน้าขึ้นมาเบา ๆ และมองไปที่รถที่กำลังขับเข้าไปจอดในโรงแรมเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง หลังจากที่พวกเขาจอดรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็เดินเข้าไปในโรงแรมทันที
ซู่เจินค่อย ๆ ร่อนตัวลงกับพื้นอย่างช้า ๆ พร้อมกับมองไปที่โรมแรมแห่งนั้นและหันไปพูดกับนาตาชาว่า “แล้วคุณจะเอายังไงต่อ ? เข้าไปเลยหรือจะวางแผนกันก่อน ? “
“เข้าไปกันเลยสิ!”
ตอนแรกนาตาชาคิดว่าจะต้องวางแผนอะไรให้เรียบร้อยซะก่อน แต่ในเมื่อมีซู่เจินมาด้วยทำให้เธอมีความมั่นใจมากขึ้น ดังนั้นจึงไม่ต้องคิดแผนอะไรให้มากความ
พวกเขาทั้งสองคนค่อย ๆ เดินเข้าไปในโรงแรมอย่างช้า ๆ โดยที่นาตาชาควงแขนของซู่เจินเอาไว้ ไม่นานพวกเขาก็พบห้องที่เป้าหมายของพวกเขาเข้าไปพักอย่างรวดเร็ว
ซึ่งตอนนี้พวกเขาก็ได้มายืนอยู่หน้าห้องของเป้าหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จู่ ๆ ซู่เจินก็กระซิบขึ้นมาข้างหูของนาตาชาว่า “พวกเขาใจกล้ากันมากเลยที่เดียว คนสามคนนอนอยู่ห้องเดียวกัน พวกเขาจะเล่น 3P กันงั้นหรอ?”
นาตาชามองไปที่ซู่เจินและพูดขึ้นมาเบา ๆ “ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นคนที่น่าสมเพชแบบนี้“
“มันเป็นเรื่องปกติของผู้ชาย ? และมันก็ดีกว่าการเสแสร้งนิจริงไหม?” ซู่เจินพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
นาตาชาไม่ได้ตอบและเคาะประตูห้องทันที
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นและไม่นานก็มีเสียงของผู้ชายตะโกนดังขึ้นมาจากในห้อง “ใคร!”
นาตาชาไม่ตอบและยังคงเคาะประตูต่อไป
เสียงฝีเท้าค่อย ๆ ดังขึ้นมาพร้อมกับประตูที่เปิดออก
มีชายคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู และมองไปที่ซู่เจินกับนาตาชาพร้อมกับถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อยว่า “พวกคุณเป็นใคร?”
นาตาชายิ้มออกมาอย่างอ่อนหวานพร้อมกับจับไปที่แขนของชายคนและดึงตัวของเขาเข้ามาพร้อมกับเข่าลอยเข้าที่หน้าอกของชายคนนั้นทันที ชายคนนั้นล้มลงกับพื้นและแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา ส่วนซู่เจินที่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ แค่เขามองดูก็รู้แล้วว่าเข่าลอยเมื่อกี้มันเจ็บมากแค่ไหน ถือซะว่าคนพวกนี้โชคร้ายละกันที่มาเจอกับเธอ!
เมื่อคนที่อยู่ในห้องอีกสองคนเห็นว่านาตาชาและซู่เจินเดินเข้ามา พวกเขาก็มีปฏิกิริยาทันที ชายอีกคนรีบวิ่งไปหยิบไม้เท้าออกมาจากกระเป๋าเดินทางอย่างรวดเร็ว และในขณะที่เขาถือไม้เท้าอยู่อารมณ์ของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
ความโกรธแค้น!
เขาคำรามออกมาและพุ่งเข้าไปโจมตีนาตาชาอย่างรวดเร็ว
นาตาชาก้มตัวลงกับพื้นและเอามือข้างซ้ายแตะพื้นเอาไว้ พร้อมกับเอาขาซ้ายเตะไปที่ข้อมือของชายคนนั้นอย่างรุนแรง ทำให้เขาร้องออกมาอย่างเจ็บปวดและไม้เท้าตกลงกับพื้นทันที นาตาชารีบใช้มือข้างขวาของเธอหยิบไม้เท้าอันนั้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว!
“เวรเอ้ย..!”
ซู่เจินอดไม่ได้ที่จะสบถขึ้นมาเบา ๆ เขาไม่คิดว่านาตาชาจะลงมือได้รวดเร็วแบบนี้ แถมใครจะไปคิดว่าผู้ชายคนนั้นจะอ่อนแอแบบนี้ เขาเพิ่งจะถือไม้เท้าได้แปปเดียวก็ถูกนาตาชาแย่งไปซะแล้ว!
เมื่อนาตาชาถือไม้เท้าเอาไว้ในมือ เธอก็คำรามขึ้นมาพร้อมกับดวงตาที่แดงปลั่ง และเริ่มอาละวาดทันที
เธอหวดไม้เท้าไปที่ไหล่ของชายคนนั้น หลังจากนั้นเธอก็หวดไปที่คางอีกทีพร้อมกับเตะไปที่ตัวของชายคนนั้นให้ลอยขึ้น และเอาเท้าถีบเข้าไปที่หน้าท้องของชายคนนั้นอย่างรุนแรง
อุก! ตู้ม!!
ชายคนนั้นถูกถีบกระเด็นไปกระแทกกับกระแพงอย่างรุนแรง ทำให้กำแพงภายในห้องสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง และร่างของเขาก็ค่อย ๆ หล่นลงมากองอยู่กับพื้นอย่างช้า ๆ
เมื่อนาตาชาจัดการผู้ชายคนนั้นเรียบร้อยแล้ว เธอก็หันไปมองผู้หญิงอีกคนที่อยู่ในห้องทันที
ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนว่าจะตกใจกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้ามาก เมื่อเธอเห็นว่านาตาชากำลังวิ่งเข้ามาหาเธอ เธอก็รีบวิ่งหนีทันที ในขณะที่นาตาชาจะจับตัวของเธอได้นั้น จู่ ๆ ร่างกายของเธอก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้!
“รีบพาเขาออกไปจากที่นี่เร็วเข้า!”
ซู่เจินรีบตะโกนบอกกับผู้หญิงคนนั้นทันที ทำให้เธอรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย หลังจากที่เธอตั้งสติได้แล้วเธอก็รีบไปอุ้มชายคนนั้นเอาไว้และรีบหนีไปอย่างรวดเร็ว ส่วนอีกคนที่อยู่ตรงหน้าประตูห้องแม้ว่าเธอจะอยากช่วยเขา แต่เธอก็ไม่ได้มีร่างกายที่แข็งแรงมากมายอะไรขนาดนั้น
เมื่อซู่เจินเห็นเช่นนั้น เขาก็ใช้พลังจิตของเขาโยนอีกคนที่อยู่ตรงหน้าประตูออกไปทันที
“ปัง!“
และซู่เจินก็ใช้พลังจิตของเขาปิดประตูพร้อมกับมองไปที่นาตาชาที่กำลังพยายามดิ้นรนอย่างรุนแรง
“ปล่อย … ปล่อยฉัน … ” นาตาชาตะโกนขึ้นมาพร้อมกับกัดฟันของเธออย่างรุนแรง
“คุณถูกควบคุมด้วยความโกรธอยู่ ผมจะปล่อยคุณไปได้ยังไง!”
ซู่เจินพูดขึ้นมาพร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ
เขารับรู้ถึงพลังของไม้เท้าอันนี้ดี และแน่นอนว่ามันจะต้องมีผลข้างเคียงอย่างแน่นอน!
“ฉันบอกว่า … ให้ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”
นาตาชาตะโกนขึ้นมารุนแรง โดยที่ไม่ฟังคำพูดของซู่เจินเลยแม้แต่น้อย ทำให้พลังจิตของซู่เจินรู้สึกสั่นคลอนเล็กน้อย และในจังหวะนั้นนาตาชาก็หวดไม้เท้าไปที่ซู่เจินอย่างรวดเร็ว
ซู่เจินไม่ได้ขยับตัวอะไร แต่ทันใดนั้นก็มีกลุ่มก้อนพลังงานปรากฏขึ้นมาต่อหน้าของซู่เจินเพื่อขัดขวางไม้เท้าอันนั้นเอาไว้ พร้อมกับที่ซู่เจินยื่นมือของเขาออกไปจับที่แขนของนาตาชาและบีบอย่างรุนแรง “อ๊า!“ นาตาชาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และปล่อยไม้เท้าอันนั้นออกจากมือของเธอทันที
กูรูลู ๆ
ไม้เท้าตกลงไปกระแทกกับพื้นและกลิ้งไปอยู่ข้าง ๆ ตัวของนาตาชาที่เป็นลมหมดสติไปเรียบร้อยแล้ว