Marvel : The King ราชาของโลกมาเวล - ตอนที่ 156
ตอนที่ 156 รอ
ชารอนมองไปที่ซู่เจินอย่างสับสน ในขณะเดียวกันซู่เจินก็มองมาที่เธอด้วยรอยยิ้ม หรือว่าเขาจะรู้ว่าเธอเป็นใคร ? ไม่สิมันเป็นไปไม่ได้หรอก!”
เพราะว่าตัวตนของเธอนั้นถูกเก็บเอาไว้เป็นความลับ รวมถึงเธอก็ไม่ได้ทําภารกิจของ SHIELD มากมายขนาดนั้น และเธอก็ไม่ได้เป็นสายลับระดับสูงของ SHIELD อีกด้วย ดังนั้นแล้วเขาจะรู้เกี่ยวกับตัวตนของเธอได้อย่างไรจริงไหม ?
และ ..
ทันใดนั้นชารอนก็นึกข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนของซูเจนขึ้นมาได้ โดยในข้อมูลมันได้เขียนเอาไว้ว่าที่มาของซู่เจินนั้นลึกลับเป็นอย่างมาก และเขาก็มีความสามารถในการกลืนกินความสามารถของคนอื่น ซึ่งความสามารถที่เขาได้กลืนกินไปมันก็มี ความสามารถของปีศาจเพลิง จอห์น และความสามารถของ คนพลังไฟ จอห์นนี่ สตอร์ม ที่ในตอนนี้ก็ยังไม่สามารถหาวิธีฟื้นฟูความสามารถของเขากลับมาได้
และมันก็ยังมีอีกอย่างที่สําคัญไม่แพ้กันนั่นก็คือ เขามีผู้หญิงอยู่ข้างกายเยอะมาก
ซึ่งก็ดูเหมือนว่าในตอนนี้เขากําลังเล็งมาที่ตัวเธอ ?
“ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณพูดขึ้นมา” ชารอนพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น
ซู่เจินยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยและพูดว่า “ผมคิดว่าสตีฟจะบอกข้อมูลเกี่ยวกับผมให้คุณรู้อยู่ก่อนแล้วซะอีก ดูเหมือนว่าผมจะเข้าใจผิดสินะ”
“มันจะเป็นอย่างงั้นได้อย่างไร ? เพราะว่าฉันและสตีฟเป็นแค่เพื่อนบ้านกันเท่านั้น” ชารอนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
ซู่เจินพยักหน้าขึ้นมาเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไรต่อ ทําให้บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยความเงียบและความอึดอัดในทันที
แน่นอนว่าชารอนนั้นรู้จักตัวตนของซู่เจินเป็นอย่างดี ซึ่งซู่เจินก็สามารถรู้เรื่องนี้ได้เช่นกันเพราะว่าเขาได้ยินสิ่งที่เธอกําลังคิดอยู่ภายในจิตใจได้อย่างชัดเจน และเนื่องจากการที่ชารอนมีความคิดเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิงของเขาที่อยู่มากมายด้วย ทําให้ซู่เจินจึงไม่กล้าที่จะหยอกล้อเธออีกต่อไป เพราะไม่งั้นเจตนาของเขามันจะชัดเจนมากเกินไป และทําให้สถานการณ์มันจะยิ่งอึดอัดมากขึ้นไปอีก
ในขณะที่บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด ชารอนก็อยากที่จะพูดอะไรบางอย่างขึ้นมาเพื่อทําให้บรรยากาศ ในตอนนี้มันผ่อนคลายลง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี ซึ่งตามปกติแล้วเธอเป็นคนที่พูดเก่งมาก ๆ แต่เนื่องจากในตอนนี้เธอกําลังรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะคําพูดของซู่เจินเมื่อครู่นี้ มันจึงทําให้เธอสมองของเธอคิดไม่ออกเลยว่าจะพูดอะไรขึ้นมาดี
ซึ่งซู่เจินก็สามารถได้ยินเสียงที่อยู่ภายในจิตใจของเธอพูดอยู่ตลอดเวลาว่า รีบพูดอะไรออกมาสักอย่างสิ, รีบพูดหัวข้อออกมา , มันจะน่าอายเกินไปแล้ว เป็นต้น ดังนั้นซูเจินจงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ เมื่อได้ยินความคิดของเธอ
“ในเมื่อคุณทํางานอยู่ทุกวันแบบนี้ คุณก็คงจะไม่มีเวลาพักผ่อนหรือผ่อนคลายมากนักใช่ไหม ? และในวันหยุด คุณอยากไปเที่ยวที่ไหนมากที่สุดอย่างงั้นหรอ ?” ซู่เจินพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน และเมื่อชารอนได้ยินเช่นนั้นเธอก็ร้องอุทานขึ้นมาด้วยความดีใจ
“ประเทศจีน!” ชารอนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้นมา
“ประเทศจีน ? หรือที่คุณสนใจในประเทศจีน มันจะเพราะว่าผมบอกกับคุณว่าผมเป็นคนจีนอย่างงั้นหรอ ?” ซู่เจินถามขึ้นมา
ชารอนส่ายหัวและพูดขึ้นมาอย่างจริงจังว่า “ไม่ใช่อย่างแน่นอน เพราะที่ฉันสนใจในประเทศจีนก็เพราะว่าประเทศจีนมีอาณาเขตที่กว้างใหญ่ไพศาล และมีมรดกทางวัฒนธรรมอยู่มากมาย แถมยังมีทิวทัศน์ที่สวยงาม โดยเฉพาะกําแพงเมืองจีนที่เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ซึ่งมันก็เป็นเรื่องยากเป็นอย่างมากที่จะจินตนาการ ได้ว่ามันถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร ดังนั้นแล้วถ้าเกิดว่าฉันมีโอกาสฉันก็อยากจะไปเที่ยวและพักผ่อนที่นั่น และ ฉันก็อยากเห็นกําแพงเมืองจีนสักครั้งในชีวิตจริง ๆ”
“ถ้าเกิดว่าคุณอยากไปที่นั่นจริง ๆ ผมก็สามารถเป็นไกด์ให้กับคุณได้นะ” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณ” ชารอนพยักหน้าและพูดขอบคุณขึ้นมาอย่างมีมารยาท
เพราะถึงอย่างไรท้ายที่สุดแล้วงานที่เธอกําลังทําอยู่มันก็อาจจะไม่มีเวลาให้เธอได้หยุดพักเลย
“เอาล่ะ! ตอนนี้สตีฟได้กลับมาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นผมขอตัวก่อนก็แล้วกัน เอ่อ … ขอบคุณมากสําหรับการต้อนรับของคุณ และถ้าเกิดว่ามีคราวหน้า เดี๋ยวผมจะเลี้ยงอาหารค่ําตอบแทนคุณก็แล้วกัน”
เมื่อซู่เจินได้ยินเสียงไขกุญแจและเปิดประตูเข้าไปภายในห้องจากห้องข้าง ๆ เขาก็ลุกขึ้นยืนและหันไปพูดขอบคุณกับชารอนเล็กน้อย
ชารอนรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย เพราะเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าซูเจนรู้ได้อย่างไรว่าสตีฟกลับมาแล้ว แถมเธอก็ยังไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยด้วย
“ด้วยความยินดี” ชารอนพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับเดินไปส่งซู่เจินที่หน้าประตู
และเมื่อเธอเปิดประตูห้องออกไป เธอก็บังเอิญเห็นสตีฟที่กําลังเปิดประตูเข้าไปในห้องพอดี ทําให้ปากของเธอเบิกกว้างขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ ทันใดนั้นซู่เจินก็เดินแซกตัวของชารอนออกมาจากห้องของเธอ
“ในที่สุดคุณก็กลับมาสักที ผมรอคุณอยู่ตั้งนาน” ซู่เจินหันไปพูดกับสตีฟด้วยรอยยิ้ม หลังจากนั้นเขาก็หันไปพูดกับชารอนเล็กน้อยว่า “แล้วเจอกันใหม่นะ”
“เช่นกันนะคะ”ชารอนตอบกลับมา และหันไปพยักหน้าทักทายกับสตีฟเล็กน้อยพร้อมกับปิดประตูเข้าไปภายในห้องของเธอ
“คุณมาที่นี่ทําไม ?” หลังจากซู่เจินเดินเข้าไปในห้องเรียบร้อยแล้ว สตีฟก็ปิดประตูพร้อมกับถามขึ้นมาเบา ๆ
“แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะ ?”
ซู่เจินถามกลับมาด้วยรอยยิ้ม
สตีฟลองคิดย้อนกลับไปตอนที่ซู่เจินเดินออกมาจากห้องของชารอน มันก็ทําให้เขาไม่ต้องคิดอะไรมากมายอีกต่อไป ?
“คุณได้ยินเสียงอะไรไหม ? ดูเหมือนว่ามันจะดังขึ้นมาจากภายในห้อง” สตีฟไม่ได้สนใจเรื่องส่วนตัวของซู่เจินมากนักและเขาก็ไม่มีความกล้าพอที่จะถามกับซู่เจินโดยตรงอีกด้วย ในขณะเดียวกันเขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นมาจากภายในห้องของเขา ซึ่งมันเหมือนกับเสียงดนตรีอะไรบางอย่าง
“ลองเดินเข้าไปดูสิ” ซู่เจินพูดขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ
สตีฟพยักหน้าขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมกับเดินเข้าไปด้านในอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นใครบางคนกําลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น
และเมื่อสตีฟเห็นว่าคน ๆ นั้นเป็นใครเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและถามขึ้นมาอย่างสงสัยว่า “เกิดอะไรขึ้นอย่างงั้นหรอ ? หรือว่าคุณจะไปโกรธใครมา ? ถึงได้มานั่งเล่นอยู่ภายในบ้านของฉันแบบนี้ ?”
นิคฟิวรี่รู้สึกสับสนเล็กน้อย และต้องการที่จะตะโกนถามขึ้นมาว่าใครกันแน่ที่มาหาเขา ? และเมื่อเขาเห็นว่าเป็นซู่เจินและสตีฟ เขาก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนที่จะค่อย ๆ ตั้งสติขึ้นมาได้
“ฉันถูกเมียไล่ออกมานอนนอกบ้าน” นิคฟิวรี่พูดขึ้นมา
“คุณมีเมียมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ทําไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย” สตีฟพูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
นิคฟิวรี่ส่ายหัวและพูดขึ้นมาว่า “คุณยังไม่รู้จักฉันดีพอ” และเมื่อนิคฟิวรี่พูดจบเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาขึ้นมา พร้อมกับโบกมือให้ซู่เจินและสตีฟเข้ามาดูใกล้ ๆ
ซู่เจินเหลือบมองไปยังเนื้อหาที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือเล็กน้อย ซึ่งเนื้อหาภายในนั้นมันก็คล้ายกับสิ่งที่เขาเคยเห็นมาก่อน และมันก็ไม่ได้มีอะไรมากมายไปกว่านั้น มันก็แค่บอกว่าห้องที่พวกเขากําลังอยู่ในตอนนี้มันกําลังถูกเฝ้ามองจากใครบางคนอยู่ ซึ่งซู่เจินก็ไม่ได้สนใจอะไรมันมากนัก และปล่อยให้สตีฟและนิคฟิวรี่ได้พูดคุ ยกันตามลําพัง ส่วนเขาก็เดินตรงไปที่หน้าต่างเพื่อดูสภาพแวดล้อมภายนอกข้ามเวลา
ซึ่งเหตุการณ์ตามปกติจากเนื้อเรื่องแล้ว บนตึกที่มีชั้นดาดฟ้าไม่ไกลจากนี้จะวินเทอร์โซลเจอร์คอยซุ่มรออยู่และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็จะยิงไปที่นิคฟิวรี่จากจุดที่เขาอยู่นั่นก็คือชั้นดาดฟ้าบนตึก ซึ่งเหตุการณ์นั้นมันก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้อีกแล้ว เพราะว่าตอนนี้วินเทอร์โซลเจอร์ไม่สามารถทําหน้าที่นี้ได้ ซึ่งมันก็อาจจะเป็นมนุษย์กลายพันธ์ที่ทําหน้าที่นี้แทน
และเมื่อซู่เจินคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่ามีใครบางคนปรากฏตัวขึ้นมาบนดาดฟ้าจากระยะไกล
“มาจริง ๆ ด้วย ?”
ซู่เจินรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยกับการคาดเดาที่แม่นยําของเขา ในขณะเดียวกันเขาก็รีบโทรจิตไปหาสตีฟและนิคฟิวรี่ในทันที “มีใครบางคนที่น่าสงสัยอยู่ไม่ไกลจากนี้ ซึ่งผมก็คิดว่าเขาน่าจะมาฆ่าคุณโดยเฉพาะ ดังนั้นพวกคุณทั้งสองรีบไปซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้องเดี๋ยวนี้เลยและอย่าส่งเสียงดังออกมาเด็ดขาด เพราะเดี๋ยวผมจะสร้างภาพลวงตาขึ้นมาทําให้เขาสับสน
สตีฟและนิคฟิวรี่มองหน้ากันเล็กน้อยหลังจากที่พวกเขาได้ยินคําพูดของซู่เจิน พร้อมกับรีบไปซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้องทันที ในขณะเดียวกันสตีฟก็หยิบโล่ของเขาขึ้นมาและมองดูไปรอบ ๆ อย่างเงียบ ๆ
หลังจากนั้นไม่นาน ซู่เจินก็สังเกตเห็นใครบางคนกําลังกระโดดขึ้นมาบนระเบียงและเปิดหน้าต่างเข้ามาอย่างง่ายดาย พร้อมกับเดินเข้าไปด้านใจอย่างช้า ๆ !