Marvel : The King ราชาของโลกมาเวล - ตอนที่ 114
ตอนที่ 114 ดันเจี้ยนซูเปอร์ฮีโร่
เสียงของการหายใจอย่างรุนแรงและความสุขอันเปี่ยมล้น ค่อยๆเบาลงเรื่อยๆ หลังจากนั้นไม่นานมันก็สงบลง
นาตาชานอนพิงไปที่แผงอกของซูเจิน ถึงแม้ว่าตอนนี้ร่างกายของพวกเขาทั้งสองคนจะเต็มไปด้วยเหงื่อและความเหนื่อยหอบ แต่พวกเขาทั้งสองคนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กัน
“ที่รัก … คุณพอใจแล้วหรือยัง ?”
นาตาชาถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่ซู่เจินกําลังก้มมองลงมาที่เธอ
“ถ้าผมบอกว่าไม่ล่ะ ?” ซูเจินถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
นาตาชาเหลือบมองไปที่ซูเจินเล็กน้อยและค่อย ๆ พูดขึ้นมาอย่างแผ่วเบาว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันก็คงจะต้องพยายามมากขึ้นกว่าเดิมสินะ” หลังจากพูดจบนาตาชาก็ค่อยๆควบคุมพลังจิตของเธอไปที่ผ้าห่มของซูเจิน
ซูเจินก้มลงไปมองเล็กน้อย และเขาก็เห็นว่าผ้าห่มของเขามันกําลังค่อยๆถูกดึงออกทีละเล็กน้อย และหลังจากนั้นไม่นานมันก็หล่นลงไปกองกับพื้น ทันใดนั้นซูเจินก็รู้สึกว่านาตาชากําลังเปลี่ยนเป้าหมายเป็นอย่างอื่น ทําให้ตัวของเขาสั่นขึ้นมาเล็กน้อย
“ไม่เอาน่า คุณไม่ควรเอาพลังจิตของคุณมาใช้ทําเรื่องแบบนี้นะ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าผมไม่ได้รู้สึกถึงมันเลย” ซูเจินบ่นขึ้นมากับนาตาชาอย่างหดหู ซึ่งเธอก็ไม่คิดว่ามันจะทําให้ซูเจินรู้สึกแย่ขนาดนั้น
นาตาชาหัวเราะขึ้นมาพร้อมกับเม้มริมฝีปากสีชมพูของเธอเบาๆ และพูดว่า ” แล้วคุณจะให้ฉันใช้อะไรล่ะ ?”
“คุณรู้อยู่แล้วไม่ใช่หรอ? “ ซูเจินจ้องไปที่ปากของนาตาชาและพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
นาตาชาไม่ได้ตอบอะไรออกมา แต่เธอกับค่อยๆโน้มตัวของเธอลงไปอย่างช้าๆ
ในตอนเย็นนาตาชาก็ได้กลับไปที่ฐานเพื่อฝึกฝนความสามารถใหม่ของเธอ เพราะว่าความสามารถนี้มันจะช่วยทําให้เธอสามารถต่อสู้ได้ง่ายดายยิ่งขึ้น ส่วนทางด้านของซูเจินในตอนนี้ก็กําลังพักอยู่ในโรงแรมเช่นเดิม โดยที่เขาได้แจ้งกับพนักงานเอาไว้แล้วว่าเขาจะพักอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
เพราะว่าตอนนี้เขาพร้อมที่จะเปิดดันเจี้ยนแห่งใหม่แล้ว
แม้ว่าสกายจะต้องผิดหวังอย่างแน่นอนที่เขาไม่ได้อยู่กับเธอ ซึ่งเขาก็เคยบอกกับเธอไว้ว่าเขาจะอยู่กับเธอเป็นเวลาหนึ่งเดือน แต่ในความเป็นจริงแล้วดูเหมือนว่าเขาจะหายตัวไปบ่อยๆ อย่างไรก็ตามเขาก็ตั้งใจที่จะเข้าไปในดันเจี้ยนแห่งนี้จริงๆ เพราะว่าที่นั่นเต็มไปด้วยคนที่มีความสามารถพิเศษมากมาย ดังนั้นมันจึงสามารถสร้างประโยชน์ให้กับซูเจินได้อย่างมหาศาล ทําให้เขาสามารถทําอะไรหลังจากนี้ได้สะดวกยิ่งขึ้น
เช่น … ชุดเกราะเหล็ก , วัตถุดิบของยา GH325 ที่ทําให้โควสันฟื้นคืนชีพขึ้นมา!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าวัตถุดิบของยา GH325 ที่สามารถทําให้คนตายสามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ ซึ่งมันเหมาะกับสกายเป็นอย่างมาก เพราะว่าเผ่าพันธุ์อินฮิวแมนสามารถใช้ยาตัวนี้ได้โดยไม่มีผลข้างเคียง!
และถ้าเกิดนํามันมาเทียบกับน้ําพุคืนชีพของนินจามาสเตอร์ในแอร์โรว์ ก็จะพบว่าทั้งสองอันนี้มันมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน
“ระบบ ช่วยลบดันเจี้ยนกรีนแลนเทิร์นทิ้งและเปิดดันเจี้ยนแห่งใหม่ : ซูเปอร์ฮีโร่”
หลังจากซูเจินพูดจบ ระบบก็จัดการให้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งซูเจินก็ไม่ได้รู้เกี่ยวกับดันเจี้ยนแห่งนี้มากนัก เขารู้อย่างเดียวว่าภายในดันเจี้ยนแห่งนี้มันมีคนที่มีความสามารถพิเศษอยู่มากมาย อธิเช่น ความสามารถในการรักษาตัวเองได้อย่างรวดเร็ว ความสามารถในการบิน , และมันยังไงมีความสามารถในการควบคุมเวลาและพื้นที่โดยรอบได้ , ความสามารถในการอ่านใจ เป็นต้น
สําหรับซูเจินแล้วดันเจี้ยนแห่งนี้คือสรวงสวรรค์ ซึ่งเป้าหมายของเขาก็คือ ฮิโรชิ นากามูระ ชายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่สามารถควบคุมเวลาและพื้นที่โดยรอบได้
“วูบ!”
ทิวทัศน์เบื้องหน้าของซูเจินเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งซูเจินก็คุ้นเคยกับเหตุการณ์แบบนี้เป็นอย่างดี เขามองไปรอบๆเพื่อสังเกตว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคนร้องอุทานดังขึ้นมา
เมื่อเขาหันไปมองทางต้นเสียง เขาก็พบว่าตอนนี้กําลังมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกําลังกระโดดลงมาจากโครงเหล็กที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเจ้าโครงเหล็กอันนี้มันก็อยู่สูงจากตัวพื้นอย่างน้อยก็ 20 เมตร และถ้าเกิดว่าเธอตกลงมา เธอก็คงจะต้องตายอย่างแน่นอน! ทําให้คนดีแบบซูเจินจึงจําเป็นที่จะต้องรีบเข้าไปช่วยเหลือ แต่ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าเด็กผู้หญิงที่กระโดดลงมา เธอกําลังสวมชุดของเชียร์ลีดเดอร์อยู่ บวกกับยังมีเด็กผู้ชายอยู่อีกคนหนึ่งที่กําลังถ่ายวิดีโออยู่บริเวณด้านล่างไม่ไกลจากตรงนั้นมากนัก
เมื่อซูเจินเห็นแบบนั้น ความคิดที่อยากจะช่วยผู้หญิงคนนั้นก็หายไปในทันที
พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่มีความสามารถในการรักษาตัวเองได้อย่างรวดเร็ว หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เธอสามารถเรียกได้ว่าเป็น “อมตะ” ซึ่งมันเป็นความสามารถที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าตัวของเธอจะถูกผ่าออกเป็นเสี่ยงๆ เธอก็สามารถกลับมาเป็นปกติได้โดยเวลาไม่นาน ซึ่งมันก็คล้ายๆกับความสามารถของวูล์ฟเวอรีน และแข็งแกร่งมากกว่าความสามารถในการรักษาตัวเองของไวรัสเอ็กซ์ตรีมมิสของเขา
“ระบบ … ไหนล่ะภารกิจ ?”
ในเมื่อตอนนี้เขาได้เข้ามาในดันเจี้ยนเรียบร้อยแล้ว บวกกับการที่เขาได้พบกันหนึ่ง ในตัวหลักของเรื่อง หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือเนื้อเรื่องมันได้เริ่มเดินแล้วนั่นเอง แต่ถึงอย่างนั้นภารกิจมันก็ยังไม่ปรากฏออกมา ทําให้ซูเจินรู้สึกมึนงงเล็กน้อยและรีบถามระบบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“ติ้ง!”
“เริ่มต้นทําภารกิจ”
“ภารกิจหลัก : กลืนกินความสามารถอย่างน้อยสามความสามารถขึ้นไป”
ระบบรับมอบหมายภารกิจให้กับซูเจินอย่างรวดเร็ว แต่หลังจากที่ซูเจินรอมาเนิ่นนาน เขาก็พบว่าระบบมันดันปล่อยภารกิจหลักออกมาแค่ภารกิจเดียวเท่านั้น
“ทําไมมันเป็นอย่างงี้ล่ะ ? ไม่มีภารกิจรองอย่างงั้นหรอ?”
“ภารกิจรองจะถูกปล่อยออกมาในภายหลัง โดยใช้การดําเนินเนื้อเรื่องเป็นตัวกําหนดของภารกิจ!”
“แบบนี้ก็ได้เหรอ?”
ซูเจินถึงกับพูดไม่ออก เขาพบว่าบางครั้งระบบมันก็เชื่อถือไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภารกิจที่ไม่รู้ว่ารางวัลของมันคืออะไร
“ดูเหมือนว่ายิ่งอัพเกรดนายมากเท่าไหร่ ความน่าเชื่อถือมันก็ยิ่งน้อยลงมากขึ้นเท่านั้น ลืมไปว่าฉันยังมีภารกิจหลักอยู่”
ซูเจินส่ายหัวของเขาขึ้นมาเบาๆ พร้อมกับวางแผนว่าจะทําอะไรต่อไปดี
ซึ่งในตอนนี้ซูเจินก็น่าจะอยู่ใกล้ๆ กับเมืองเล็กๆ ในโอดิสซีย์ รัฐเท็กซัส เพราะถึงยังไงแล้วเด็กผู้หญิงคนนี้ก็คือเชียร์ลีดเดอร์ของโรงเรียนมัธยมปลายที่อยู่ที่นี่
แน่นอนว่าเป้าหมายแรกของซูเจินก็ยังคงเป็น ฮิโรชิ นากามูระ ที่อยู่ที่ญี่ปุ่น แต่ในเมื่อตอนนี้เขาได้พบกับเด็กผู้หญิงที่มีความสามารถในการรักษาตัวเองแบบนี้ เขาก็คงจะไม่สามารถปล่อยปะละเลยความสามารถอันนี้ไปได้ง่ายๆ ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถทําภารกิจได้สําเร็จเท่านั้น แต่มันยังเป็นประโยชน์กับตัวของเขาเองด้วย
ท้ายที่สุดแล้วความสามารถอันนี้มันก็สามารถเป็นตัวช่วยค้ําประกันชีวิตของเขาเอาไว้ได้
ซูเจินจ้องมองไปที่อันเดดเกิร์ลคนนั้น ที่กําลังเตรียมตัวจะเดินจากไปพร้อมกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่กําลังบันทึกวิดีโออยู่ หลังจากที่พวกเขาเดินออกไปแล้ว ซูเจินก็ค่อยๆเดินตามพวกเขาไปอย่างช้าๆ และในไม่ช้าอันเดดเกิร์ลคนนั้นก็เดินแยกออกไปกันคนละทางกับเด็กผู้ชาย ซึ่งเขาก็สังเกตเห็นว่าเด็กผู้ชายคนนั้นกําลังทําท่าทางผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย
แน่นอนว่าอันเดดเกิร์ลคนนั้นเป็นกัปตันของทีมเชียร์ลีดเดอร์ ทําให้ภาพลักษณ์ของเธอมันค่อนข้างมีเสน่ห์โดยธรรมชาติ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอจะยังคงเรียนอยู่แค่มัธยม แต่เธอก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมากภายในโรงเรียน ส่วนเด็กผู้ชายคนนั้นเป็นคนที่อยู่ในประเภทที่ถูกละเลย และก่อนที่พวกเขาจะแยกจากกันซูเจินก็ได้ยินอันเดดเกิร์ลคนนั้นพูดขึ้นมาว่า “พรุ่งนี้ที่โรงเรียน ฉันมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ต้องการคุยกับนาย” หลังจากพูดจบเธอก็เดินออกไปทันที ทําให้เด็กผู้ชายคนนั้นที่ได้ยินรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก ทําให้ซูเจินที่กําลังยืนดูอยู่ห่างๆ อดส่ายหัวขึ้นมาไม่ได้
หลังจากที่อันเดดเกิร์ลคนนั้นเดินไปไกลแล้ว ซูเจินก็รีบตามไปทันที
เมื่ออันเดดเกิร์ล หรือแคลร์ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินตามมา เธอก็นึกว่าเป็นเด็กผู้ชายคนนั้น ทําให้เธอหยุดเดินและหันหลังกลับมาพร้อมกับกําลังจะพูดอะไรบางอย่างขึ้นมา แต่ทันใดนั้นเธอก็พบว่าไม่ใช่เด็กผู้ชายคนนั้นที่เดินตามเธอมา แต่เขากับเป็นชายแปลกหน้าคนหนึ่ง เขาเป็นคนเอเชียมีผมสีดําและผิวสีเหลือง
ทําให้เธอในตอนนี้รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากถึงกับพูดอะไรไม่ออก
เพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับชาวต่างชาติ และเมื่อเธอเห็นว่าเขากําลังเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม แคลร์ก็พูดทักทายขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวว่า “สวัสดี!”
“สวัสดี” ซูเจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเห็นว่าเขาสามารถพูดภาษาอังกฤษ แคลร์ก็รู้สึกโล่งใจและพูดต่อว่า “คุณมาที่นี่เพื่อท่องเที่ยวอย่างงั้นหรอ? เพราะว่าที่นี่มันไม่ค่อยจะมีคนมาท่องเที่ยวสักเท่าไหร่”
“เธอไม่ต้องสนใจมันหรอก ผมชื่อซูเจิน แล้วคุณล่ะ ?”
“ฉันแคลร์ แคลร์ เบนเน็ตต์”
“แคลร์ ผมเห็นว่ามีเลือดติดอยู่บนเสื้อผ้าของคุณ … คุณต้องการความช่วยเหลือไหม ?” ซูเจินชี้ไปที่เสื้อผ้าของเธอ เพราะว่าตอนนั้นเธอได้รับบาดเจ็บจากการที่เธอกระโดดลงมาจากโครงเหล็ก ซึ่งอาการบาดเจ็บของเธอมันได้หายไปเรียบร้อยแล้ว แต่มันก็ยังมีลอยเลือดติดอยู่ดี
“ฉันไม่เป็นไร ขอบคุณ! และฉันก็ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลืออะไรหรอก” แคลร์พูดขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก
“คุณไม่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆอย่างงั้นหรอ ? ผมคิดว่าคุณน่าจะมีความลับบางอย่างที่ไม่อยากบอกกับคนอื่นๆใช่ไหม ยกตัวอย่างเช่น ความสามารถพิเศษอะไรบางอย่าง? “ เมื่อเห็นท่าทางที่ตื่นตระหนกของแคลร์ ซูเจินก็ยิ้มขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์