“น่าแปลกใจจริงๆ” เรย์โลวพูด “เขาไปโดยไม่ทำอะไรจริงๆด้วย”
“อือ” ฉันตอบ “ถึงจะแปลกไปหน่อย แต่หมอนั้นก็ไม่ใช่คนไม่ดีหรอกนะ”
รอยยิ้มแหยๆบนใบหน้าของฉันบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ฉันมีเมื่อมองจอมมารเดินออกจากห้องไป ดังที่สัญญากันไว้ ฉันตั้งท่าเตรียบชักดาบออกมาทันทีที่สัมผัสถึงรังสีอามหิตที่ออกมาจากตัวเขา แต่โชคดีจริงๆที่ฉันไม่จำเป็นต้องใช้มัน
เพราะว่าฉันไม่อยากจะสู้กับเขา
การได้เห็นถึงพลังของเขาในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ มันทำให้ฉันขนลุก เขาเป็นเหมือนกับพายุอันบ้าคลั่ง เขาปัดการโจมตีของผู้ใช้อาวุธเสริมพลังได้อย่างง่ายดาย และยังจัดการลงได้โดยใช้เพียงพละกำลังเพียวๆ ถึงหลังๆมานี้ฉันจะชนะในการประลองกับอัศวินศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ แต่ก็นึกภาพที่จะเอาชนะเขาไม่ได้เลย ยูกินะแข็งแกร่งเกินไป ฉันอาจจะโจมตีโดนอยู่บ้างแต่ก็จะแพ้ในตอนท้ายอยู่ดี
และความแข็งแกร่งก็ไม่ใช่เเพียงเหตุผลเดียวที่ฉันไม่อยากจะสู้ด้วย ทั้งยูกิ เลฟี่ และฉันนั้นเข้ากันได้ดี ถึงจะมีจุดให้ติอยู่บ้าง แต่ก็ดึงให้ตัวเองไปเกลียดพวกเขาไม่ได้เลย ถึงจะขี้แกล้งกันไปหน่อย แต่ฉันก็ไม่ได้ติดใจอะไร การได้ใช้เวลาร่วมกันกับพวกเขานั้นเป็นอะไรที่สนุก มีหลายต่อหลายครั้งที่ฉันยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวต่อการกระทำต่างๆของพวกเขาด้วย
“เขาไม่มีความมุ่งร้ายหรอก สำหรับฉัน เขาเป็นแค่คนที่สู้เพื่อปกป้องก็เท่านั้น”
“นั้น… ผมก็เข้าใจได้ ในเมื่อพวกเขาจากไปแล้ว ท่านผู้กล้า ผมมีสิ่งที่สำคัญที่ต้องบอกให้คุณได้ทราบเอาไว้” เรย์โลวหันมองซ้ายขวาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
“อะไรงั้นหรอท่านเจ้าเมือง?”
“มันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่จอมมารพูดเอาไว้ คำสั่งเคลื่อนทัพและตัวคุณก็ไม่ใช่ที่ไหน เป็นองค์ชายริตต์นั้นเองครับ”
“องค์ชาย…?” ถ้าจำไม่ผิด ครั้งนึงฉันเคยเจอเขาในโบสท์ ดูเป็นเด็กหนุ่มที่กระตือรือร้นดี ฉันพูดได้เลยว่าเขาเป็นคนที่มีเจตนาดี แต่ก็ดูจะมีความมุ่งมั่นเกินตัวไปหน่อย
“ป่าต้องห้าม ถูกจัดให้เป็นดินแดนที่ไม่มีการจดบันทึกลงในแผนที่มาหลายชั่วรุ่น พระองค์คงทรงคาดการณ์ไว้ว่ามีทรัพยากรมากมายเพียงพอกับเวลา และประเทศของเราจะได้กำไรอย่างมหาสารหากเข้ายึดครองได้สำเร็จ เมื่อได้ยินแผนของพระองค์ เหล่าขุนนางคนอื่นๆก็ต้องการที่จะเพิ่มแหล่งทรัพยากรของตน ทำให้เขาสามารถรวบรวมกองทัพได้ด้วยวิธีนี้”
“ถ้างั้นองค์ราชาก็รู้ถึงเป้าหมายขององค์ชายงั้นสิ?”
“ในขณะที่พระองค์ท่านทรงเป็นพระอัจฉริยภาพและจิตใจดีเกินคำบรรยาย พระองค์ไม่ทรงเชี่ยวชาญในบทบาทพระมหากษัตริย์มากนัก ผมคาดว่าพระองค์คงไม่รู้ถึงสิ่งที่องค์ชายกระทำอยู่” เรย์โลวพูดพลางส่ายหน้า
“ผมได้พยายามที่จะเข้าเฝ้าและรายงานเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่หลายครั้ง แต่ก็โดนปฏิเสธกลับมาทุกครั้ง ผมจึงยอมแพ้ ผมก็เลยพยายามที่จะเตือนบุคคลที่รับผิดชอบในการจัดทัพกองกำลัง แต่พวกเขาเยาะเย้ยผมว่าขี้ขลาดและไม่ได้พิจารณาข้อมูลที่ผมส่งให้เลยแม้แต่น้อย”
“พวกนั้นไม่สนใจคุณเลยหรอคะ?”
“ก็อย่างที่คุณพูดนั้นแหละครับ…” เรย์โลวขบฟันกำหมัดในระหว่างที่พูด “ไม่มีใครรู้ตัวเลยซักนิดว่าการกระทำของพวกเขาจะนำภัยมาสู่ประเทศ! ให้ตายสิ! ทำไมถึงได้ไร้ความรับผิดชอบได้ขนาดนี้กัน!?”
“เสียใจด้วยนะค่ะ” ฉันพูดขึ้น “ฉันจะลองไปที่โบสท์และขอความคิดเห็นจากบาทหลวงดู ถึงจะไม่มีอะไรมารับประกันความสำเร็จแต่ฉันก็จะลองดู”
“ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง แต่การได้ฟังข้อเสนอของท่านก็ช่วยให้อารมมณ์ของผมดีขึ้น ขอบคุณนะครับ ท่านผู้กล้า ผมติดหนี้ท่าน” เรย์โลวคลายมือและถอนหายใจ
“โปรดให้ทางโบทส์ได้ทราบถึงความโง่ง่านี้ที ผมหวังว่าพวกเขาจะสามารถออกพระราชกฤษฎีกาที่เด็ดขาดพอที่จะหยุดประเทศนี้จากการทำลายตัวเองลงได้”
***
“เป็นเจ้าชายเองงั้นหรอ?” ผมพึมพำในขณะที่มีสิ่งของบางอย่างลอยมาลงบนฝ่ามือของผม มันมีรูปร่างเหมือนหูติดปีก ถ้ามองไกลๆจะเหมือนกับผีเสือ ซึ่งมันก็คือหูปีศาจ เป็นมอนเตอร์จากดันเจี้ยนที่มีความสามารถคล้ายกับตาปีศาจ สิ่งที่ต่างคือผมสามารถมองผ่านตาปีศาจได้ และจะได้ยินผ่านหูปีศาจ ตราบใจที่อยู่ในรัศมี 10 เมตรรอบตัวมัน
โดยปกติโกเลมพวกนี้มันจะทำงานได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในอาณาเขตของดันเจี้ยนเท่านั้น แต่ตัวที่ผมมีอยู่นั้นเป็นตัวที่มีระดับสูงกว่าตัวปกติทั่วไป มันมีถ่าน 3A ที่ทำให้มันทำงานนอกอาณาเขตได้ตราบเท่าที่ผมคอยเติมพลังเวทให้ และยังมีสกิลติดตัวสุดมีประโยชน์อย่าง ซ้อนเล้น IV และ ปกปิดพลังเวท III ด้วย การรวมกันของสองสกิลนี้ ทำให้มันยากที่จะถูกตรวจจับได้ หากว่าไม่มีไม่มีคนที่สัมผัสดีเกินไปล่ะนะ แต่ก็ใช้กับเลฟี่ไม่ได้ผลหรอกนะ
แต่ของดีก็แลกมาด้วยราคาที่สูงราคาของมันเท่าๆกับตอนผมสร้างบ่อน้ำพุร้อนและโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นเลยล่ะ แถมเจ้านี้มันก็กินพลังเวทแบบสุดๆ จะชาร์จให้เต็มทีเล่นเอาพลังเวทผมเกือบหมดบ่อแนะ ระยะเวลาการทำงานของมันก็ไม่ได้นานอะไรด้วย ถ้าผมเผลอลืมมันเอาไว้ที่ไหน มันก็จะพลังงานหมดและปิดฟังชั้นทั้งหมดของมัน และกลายเป็นหลักฐานชั้นดีได้เลย
แต่ถ้าเอาไปใช้งานได้ถูกทีถูกเวลามันก็มีประโยชน์อยู่ดี ผมที่สงสัยว่าตาแก่จะต้องบอกเรื่องที่ผมต้องการกับเนลล์แน่ๆ ก็ได้เปิดใช้งานเจ้าสิ่งนี้ในทันทีที่ออกมา
“เป็นอุปกรณ์ที่แปลกดีนะ” เลฟี่พูดถึงโกเลม
“หึ เจ้านี้นะเป็นแค่ 1 ใน 27 อุปกรณ์ลับที่ชั้นมีเท่านั้นนะ”
“ถ้างั้นเราจะถือว่าเจ้าได้ข้อมูลทั้งหมดที่ต้องการแล้วสินะ?”
“ก็หมดแล้วแหละนะ”
“งั้นเราก็ไปกันเถอะ”
“อือ ไปกัน”
ขอโทษทีนะตาแก่ โทษทีนะผู้กล้า ผมเก็บโกเลมเข้าช่องเก็บของและเริ่มเดินข้างเลฟี่ ถึงมันอาจจะดูเหมือนผมมาที่นี้เพื่อเป็นนักท่องเที่ยว แต่ผมก็ไม่ได้มาเล่นๆโดยๆไร้จุดหมายแน่นอน
เป้าหมายของผมสำเร็จแล้ว ตอนนี้ก็รู้แล้วว่ากำลงัเผชิญหน้าอยู่กับใคร และตัวตนของเขาที่น่าจะอาศัยอยู่ในเมืองหลวงของประเทศนี้แน่นอน อืมมม… ยากแหะ ตอนแรกผมวางแผนว่าจะไปทำลายใครก็ตามที่กล้ามายุ่งกับเรา แต่ให้ไปบุกเมืองหลวงเลยมันก็ออกจะข้ามขั้นไปหน่อย
การจะโจมตีเมืองหลวงได้นั้นจะต้องกองกำลังที่เด็ดขาด และเปี่ยมไปด้วยพลังอันมหาศาล เพราะมันต้องถูกปกป้องโดยกองทัพที่มีพลังเทียบเท่ากับผู้กล้าแน่นอน ถ้ามาแค่คนสองคนผมมั่นใจว่าสามารถเอาลงได้สบายๆ แต่ถ้าต้องรับมือทั้งกองทัพด้วยตัวคนเดียวนี้ไม่น่าจะรอดกลับมาได้ จะแอบเข้าไปลอบฆ่าก็ไม่ได้ไม่งั้นได้เกิดสงครามแน่ถ้าโดนรู้ว่าผมเป็นตัวต้นเหตุ
ถึงผมจะไม่มีทางแพ้ให้กับกองทัพใดๆก็ตามตราบใดที่มีเลฟี่อยู่ข้างกาย แต่ผมไม่ต้องการที่จะพึ่งพาเธอเลย โดยเฉพาะเรื่องแบบนี้ การบดขยี้ศัตรูของผมคือความรับผิดชอบของตนเอง และที่สำศัญกว่านั้น ผมไม่อยากให้เลฟี่ต้องสู้ ผมอยากให้เธอทำตัวขี้เกียจไปวันๆในดันเจี้ยนตามใจปราถณา ผมต้องการให้เธอมีความสุข
เหตุผลทั้งหมดที่ผมออกมาหาตัวศัตรูของตนก็เพราะต้องการให้เลฟี่และคนอื่นๆได้ใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข ไม่ต้องมามีปัญหาอะไรมาให้วุ่นวาย การให้เลฟี่ออกมาสู้มันขัดกับการออกมาหาศัตรูของผมแต่แรกแล้ว มันไม่มีความหมายในชัยชนะที่ได้มาจากพลังของเธอหรอก
ทุกอย่างที่ผมทำมันต้องจบลงด้วยมือของผมเอง และด้วยพลังของผมคนเดียว
“เอาล่ะ ชั้นจะเอายังไงกับคุณเจ้าชายเขาดีนะ?” ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่ค่อยราบรื่นเหมือนที่วางแผนไว้ในตอนแรกซะแล้วสิ
MANGA DISCUSSION