“ถ้าจำไม่ผิดเธอบอกว่าพวกเธอรับซื้อซากมอนเตอร์สินะ?” ผมถามพนักงานต้อนรับ
“ใช่คะ”
ถ้าจะให้พูด ผมก็รู้สึกแย่อยู่ที่ไปใช้เงินของผู้กล้าเยอะขนาดนั้น ผมเลยน่าจะใช้โอกาศนี้หาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองซักหน่อย ผมเตรียมที่จะเอื้อมมือเข้าไปหยิบของในไอเท็มบ๊อก แต่ก็หยุดการทำงานของสกิลเอาไว้
“นี้ เนลล์ มนุษย์คิดยังไงกับไอเท็มบ๊อกหรอ?” ผมเอนตัวไปทางผู้กล้าและกระซิบถาม
“ไอเท็มบ๊อก? อ๋อ หมายถึงเวทเก็บของนะหรอ?”
“ก็ประมาณนั้นแหละ”
“ถึงจะหายากไปหน่อย แต่ถ้าเป็นคนที่มีค่าสัมพันกันก็ใช้ได้นะ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอก”
เยี่ยม จะได้ใช้ได้เต็มเนี่ยวไม่ต้องกั๊ก ผมเปิดใช้งานสกิลและเริ่มควานหาของที่จะมาขาย เอาอะไรดีน้า… ของที่ผมออกล่ากับฟิร์คงเอามาขายไม่ได้ พวกนั้นมันอร่อยเกินไปละนะ เอามาขายไปคงเสียเปล่าหมด เอาเป็นพวกที่ผมจัดการได้ในหมัดเดียวล่ะกัน
ผมหยิบศพมอนมาจำนวนนึงแล้ววางลงบนเคาเตอร์
“ล-ลูกพี่ เห็นนั้นหรือเปล่านะ? หมอนั้นพึ่งจะหยิบเสือโคร่งออกมาด้วย!”
“ยังไม่หมดแค่นั้น มันมีหมีกระหายเลือดด้วยว่ะ!”
“เชี่ย! นั้นมัน มาร์โมโดลติส(Marmodoltis)!” [TL:ตัวไรมิรุ ทางอิงยังมิรุ้เลยว่าเป็นตัวอะไร]
คนบางส่วนที่มองมาทางผมออกอาการตกใจ ทำให้เกิดความสนใจที่มากขึ้น ไม่นานแทบทั้งกิลด์ก็เพ่งความสนใจมาที่ผม
“ฟุฟุ” ผมกอดอก ผมยิ้มและมองไปยังเหล่าผู้คนที่กำลังตกตระลึงกันอยู่ จงดูไว้ซะเจ้าพวกต่ำต้อย และรับรู้ถึงความต่างชั้นของพลังซะ Mwahahahaha!
“หยุดทำตัวงี่เง่าได้แล้วยูกิ ทำธุระของเจ้าให้เสร็จ เราจะได้ไปกันซักที”
“โธ่เอ๊ย…ช่วยอย่าขัดตอนคนเขากำลังมีความสุขจะได้ไหมนิเลฟี่ ซักนิดซักหน่อยไม่เห็นจะเป็นไรเลย?”
“จ้า จ๊ะ ตามใจเจ้าเลย แต่ช่วยรีบๆหน่อย เราเบื่อที่นี้เต็มทนแล้ว”
“ก็ได้…” ผมหันไปทางพนักงานที่อ้าปากตาค้างอยู่ “คือ ช่วยคิดเป็นเงินทีครับ?”
“ด-ได้ค่ะ ซักครู่นะคะ” พนักงานกลับเป็นปกติก่อนจะไปหยิบถุงเงินมาให้ผม “ข-ขอบคุณที่รอค่ะ นี้ค่ะ”
“เยี่ยม ขอบคุณนะ”
“ข-ขอบคุณที่มาใช้บริการค่ะ! ครั้งหน้ามาใหม่นะคะ!” ผมเห็นพนักงานต้อนรับก้มโค้งให้ก่อนที่จะเดินออกมา
***
“เนลล์ รับ”
“หือ? อ๊ะ!?”
ผมแบ่งเงินเป็นครึ่งต่อครึ่ง เก็บไว้ในไอเท็มบ๊อกครึ่งนึง อีกครึ่งก็ให้ผู้กล้าไป
“เพื่ออะไรเนี่ย?”
“ก็ที่เราซื้อของนู้นนั้นในตอนที่เดินเล่นในเมืองไปไง?”
“ตอนนั้นนะหรอ!? ต-แต่นี้มันมากกว่าที่ฉันใช้ไปอีกนะ!”
“ก็ ชั้นไม่ได้จะเอาไปใช้ทำอะไรอย่างอื่่นอีกแล้ว ที่เกินๆไปก็คิดซะว่าเป็นค่าพาเดินทัวร์เมืองและสอนเรื่องของมนุษย์ก็แล้วกัน”
“จริงหรอ? แน่ใจนะว่าจะไม่ขอคืนที่หลังนะ?”
“เอาไปเถอะน่า”
“ขอบคุณมากนะ!” ผู้กล้าลนลานพลางเกือบจะทำกระเป๋าตกในตอนที่นางกำลังหาจุดที่จะใส่เงินอยู่ แปลกแหะ ไอเราก็นึกว่าหล่อนมีปัญหาเรื่องเงินหรืออะไรซักอีก
ถึงเธอจะแข็งแกร่งพอที่จะจัดการมอนเตอร์ที่ผมเพิ่งขายไปได้อย่างง่ายๆ แต่เธอก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชินกับการมีเงินเยอะๆติดตัว
“จริงสิ ตกลงเจ้านี้มันคืออะไรนะ?” ผมหยิบการ์ดที่ได้จากกิลด์มาและชี้ไปที่ลวดลายที่สลักไว้
“มันคือตราเวทมนต์ของนายนะ ตราของนายมันสะท้อนถึงคลื่นพลังเวท และทุกคนจะมีแตกต่างกัน ตัวตรามันจะเรืองแสงหน่อยๆด้วยนะถ้านายใส่พลังเวทลงไป”
“งั้นหรอ?” ผมลองทำตามที่เธอบอกดูและมันก็เรืองแสงจริงๆ
“มันจะเรืองแสงต่อเมื่อเป็นพลังเวทของเจ้าของเท่านั้น ดังนั้นจะปลอมแปลงเป็นใครไม่ได้หรอกนะ”
“น่าประทับใจแหะ แล้วถ้าเกิดเป็นพวกที่ไม่มีพลังเวทล่ะ?”
“พูดอะไรของนายนะ? ทุกคนเขาก็มีพลังเวทกันหมดนั้นแหละ” ผู้กล้ามองผมด้วยความสงสัย
“ถ้าจะให้อธิบายในสิ่งที่นายพูดละก็ ใกล้เคียงสุดคงเป็นพวกที่คุมพลังเวทตัวเองไม่ได้นั้นแหละ พวกนั้นเป็นข้อยกเว้น และจะมีการ์ดพิเศษเป็นของตัวเอง”
โอ้ มนุษย์ในโลกนี้มีวิทยาการที่ไกลกว่าที่ผมคาดแหะ คงต้องให้เครดิตมากกว่านี้ซักหน่อยแล้ว
“งั้น ทุกทีก็เป็นแบบนี้หมดเลยหรอ?”
“ก็ไม่หรอก ที่เมืองนี้นะเป็นที่เดียวที่มีการจัดการที่ดีแบบนี้ ที่อื่นหละหลวมกว่านี้อีก”
เหมือนจะไม่ใช่แหะ อย่างนี้เจ้าเมืองที่เจอก่อนหน้าต้องเป็นผู้ปกครองที่เก่งเอาเรื่องเลยนะเนี่ย
“แล้วเจ้าตรานี้มันมีความหมายอะไรไหม?”
“มีคนเคยว่าไว้ว่ามันหมายถึงธาตุที่แต่ละคนถนัด แต่ก็ไม่มีใครมายืนยันอย่างชัดเจน เพราะตัวตรามันไม่ได้แสดงอะไรออกมาชัดเจนละนะ”
หืมมม… คงจะเป็นอย่างนั้นแหละนะ ผมเก่งในเวทน้ำ ตัวตราเลยออกจะคล้ายๆกับ 水, ตัวคันจิที่หมายถึงน้ำ, และ 川, คันจิที่หมายถึงแม่น้ำ ผมออกจะชอบตราของตัวเองแหะ เดี่ยวลอกสลักลงบนอาวุธที่จะสร้างบ้างดีกว่า
“แล้วของเธอเป็นยังไงหรอเลฟี่?” ผมหันไปทางมังกรสาวที่อยู่ข้างๆ
“เจ้าดูเอาเองเลย” เลฟี่หยิบกิลด์การ์ดออกมาจากกระเป๋าเดรสแล้วยื่นให้ผม
“นี้มัน… ไฟ…?”
“ใช่ ถึงเราจะไม่เคยแสดงให้ดุ แต่ธาตุที่เราถนัดที่สุดคือเปลวเพลิงละนะ”
“พอคิดๆดูชั้นก็ไม่ค่อยเห็นเธอใช้ไฟจริงๆนั้นแหละ”
“เราแค่ยังไม่เห็นโอกาศที่จะแสดงมันออกมาก็เท่านั้น” เลฟี่ยิ้มออกมา “ไฟ โดยธรรมชาติ เป้าหมายของมันมีแค่การเผาและทำลาย เจ้ามีความเข้ากันได้สูงในธาตุดินและน้ำ และเราก็คิดว่าการสอนในด้านที่เจ้าถนัดนั้นจะได้ผลลัพที่ดีกว่า”
“ไม่รู้สิ เลฟี่ ชั้นคิดว่าไฟมันมีดีมากกว่าการทำลายนะ ชั้นรู้สึกว่ามันเท่ และให้ความรู้สึกถึงแรกผลักดันและความอบอุ่นด้วย”
“จริงหรือ?” เลฟี่ผงะเล็กน้อย
“ก็จริงนะสิ เธอก็คือเธอนี้น่าเลฟี่ ชั้นมั่นใจว่ามันต้องเป็นไฟที่อบอุ่นอย่างแน่นอน”
เลฟี่ยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะเร่งฝีเท้ามาเดินเทียบเท่ากับผม
MANGA DISCUSSION