ผมแปลกใจมากที่ผู้กล้าไม่ทำตัวเป็นศัตรูกลับเลย เธอเป็นมิตรและเปิดใจพอที่จะเห็นอคติที่ผ่านมาจากการสนทนา จริงๆจะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูก เธอดูไร้เดียงสาเกินกว่าจะเห็นความตั้งใจจริงๆของผมมากกว่า
ถึงผมจะอยากถามเธอถึงเรื่องของมนุษย์ก็เถอะ แต่ความจริงคือผมไม่ได้ตั้งใจจะให้เธอมาป้วนเปี้ยนในอาณาเขตผมนานขนาดนี้ ความลังเลอันมากมายเกิดขึ้นในหัวเมื่อผมพิจารณาถึงไอเดียนี้ดู มันดูเสี่ยงเกินไปและไม่น่าจะได้ผลประโยชน์อะไรกลับมา ผมจึงตั้งใจจะส่งเธอกลับไป แต่อิลูน่าก็เป็นคนมากล่อมผมอีกที
สิ่งแรกที่อิลูน่ามาบอกผมหลังจากอาบน้ำเสร็จคือผู้กล้าเป็นคนที่เชื่อใจได้ ซึ่งสัญชาติญาณของอิลูน่าก็เป็นอะไรที่เชื่อถือได้ เธอสามารถบอกสิ่งที่เป็นภัยและไม่เป็นได้เพียงแค่มอง เธอสามารถรับรู้ได้ถึงมอนเตอร์อันตรายและอยู่ห่างออกมาในตอนที่ไปเที่ยวเล่นในป่ากับผมโดยไม่ต้องพึ่งคำเตือนของผม ถ้าอิลูน่าจะยืนยันว่าผู้กล้านั้นไร้พิษภัย งั้นผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เชื่อ ผมเชื่อในสัญชาติญาณของอิลูน่าจนแทบจะลดการป้องกันตัวจนหมดเลยละ
ก็ต้องขอบคุณแวมไพร์น้อยของเรา ผมจึงได้ตัดสินใจให้ผู้กล้าค้างคืนและถามเกี่ยวกับมนุษย์ในวันต่อมา
ซึ่งคำตอบของเธอก็ให้ข้อมูลได้อย่างดีเลย
จากการตอบของเธอ ผมก็รู้ได้ทันทีว่าโบทส์มีอิทธิพลที่กว้างขวางมาก ถึงขนาดมีกองทหารส่วนตัวอย่างกองอัศวินศักดิ์สิทธิ์นั้นนะ แต่ผู้บงการอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ ถึงขนาดทำให้
โบสท์อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถหรือไม่อาจปฏิเสธคำขอได้ คงเป็นเรื่องผ่านการเงินหรือแรงกดดันทางการเมืองหรืออิทธิพลอื่นๆ ถึงโบสท์จะทรงพลัง แต่ผู้อยู่เบื้องหลังนั้นทรงพลังกว่า—โดยเฉพาะถึงขนาดขับเคลื่อนกำลังพลได้เลยเนี่ย
ผมอยากจะพูดว่าตัวเองกำลังต่อกรกับประเทศทั้งประเทศอยู่อะไรประมาณนั้น แต่มันก็ดูไม่เป็นอย่างนั้น มันมีบางอย่าง… แปลกๆ แรงพลังดันของทั้งกองกำลังก่อนหน้านี้และผู้กล้ามันดู… ขาดอะไรบางอย่างไป วิธีการของผู้บงการมันดูซับว้อนเกินความจำเป็นเหมือนกับว่าพยายามจะข้ามขั้นตอนอะไรซักอย่าง
กองกำลังที่มาเหยีบประตูบ้านผมก่อนหน้านี้มันดูเล็กเกินไปที่จะเป็นกองทัพ อาจเป็นเพราะเขาดูถูกพลังของผมเพราะขาดข้อมูล หรือไม่ก็เป็นแค่พวกปัญญาอ่อน แต่เขาก็ดูเรียนรู้จากความผิดพลาดครั้งก่อนนะ
การส่งผู้กล้ามารอบนี้ก็นับเป็นการพัฒนาที่ก้าวกระโดดเลย เธอก็แข็งแกร่งกว่ากองกำลังทั้งหมดก่อนหน้านี้แล้ว เธอมีโอกาศจะจัดการผมลงได้ด้วยซ้ำถ้าไม่กลายเป็นแมวขี้กลัวไปซะก่อน ถึงค่าสถานะผมจะสูงกว่า แต่ผมก็ไม่ได้ฝึกต่อสู้อะไรขนาดนั้น ผมไม่มีเทคนิคหรือประสบการณ์ต่อสู้อะไรมากมาย
การส่งผู้กล้ามาก็เป็นอะไรที่เสี่ยงใช้ได้ เพราะดูๆหมอนั้นก็เหมือนจะไม่อยากจะลงทุนกับกองทัพไปมากกว่านี้เพราะเพิ่งโดนผมกวาดล้างไป แต่อย่างน้อยก็น่าจะส่งคู่หูหรือพรรคพวกกำลังเสริมมาด้วยอีกซักหน่อยก็ดี ถ้าเสียผู้กล้าไปหมอนั้นนะจะซวยหนักเลยนะ
ทางออกที่ดีที่สุดคงเป็นการส่งผู้กล้ามาพร้อมกับกองทัพ ถ้าผู้อยู่เบื้องหลังระคำสั่งมาจากทางประเทศ มันก็ไม่เข้าท่าเลยที่จะส่งกองกำลังเดี่ยวๆมาเข้าป่าแบบนี้ ถ้าไม่คำนึงถึงจุดประสงค์มันก็คงจะดูจริงถ้าเขาทำงานให้พวก “ขุนนาง” เพื่อฟื้นฟูเกียรติของหมู่บ้านอะไรแบบนี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน มันก็ดูไม่เข้าท่าอยู่ดีที่จะส่งผู้กล้าแยกกับกองทัพมาแบบนี้
ถ้าเขามีความสามารถในการทำให้กองทัพยอมทำตามความประสงค์ของตัวเองแบบนี้ ใครก็ตามที่ออกเก็บผมอย่างน้อยก็ควรจะเป็นคนที่ยศสูงในรัฐระดับหนึ่งเลยนะ เขาต้องได้รับอิทธิพลอย่างมากถึงจะออกมาทำเช่นนี้ หรืออะไรประมาณนั้น ให้ตายสิ ผมต้องไปในที่ที่มีมนุษย์มากกว่านี้เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับผู้คนในโลกนี้ให้มากกว่านี้แล้วสิ
[TL: ณ จุดที่พระเอกคิดถึงแผนการของอีกฝั่งนี้ ใครงงก็ขออภัยด้วยนะจิ ผมอ่านเองยังงงเลยจิ พยายามเกาคำให้ได้มากที่สุดละ แต่อิงก็งงจริงจิ ม๊ายหว่ายจิ เจอบทอย่างนี้เข้าไปแต่ละทีก็มิเคยรอดเลยจิ]
โชคดีหน่อยที่มีคนจะช่วยผมในเรื่องนั้นได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว
“อ้อ จริงด้วยสิ เดี๋ยวชั้นฝากหน้าที่นำเที่ยวให้กับเธอนะ”
“ห๊ะ?” ผู้กล้ามองกลับมาอย่างงงๆก่อนจะรู้ว่าผมพูดอยู่กับเธอ “เอ่ออ… ชั้นไม่เข้าใจว่านายพูดถึงอะไรอยู่นะ”
“ก็ เธอกำลังจะกลับใช่ไหมละ?”
“อืม…?”
“ก็นั้นแหละ ชั้นจะติดไปดวยนะ”
“ห๊า?” ผู้กล้าจ้องผมราวกับกำลังประมาลคำพูดของผม
“ชั้นอยากจะเข้าหมู่บ้านมนุษย์มาได้ซักพักแล้ว และนี้ก็เป็นโอกาศอันดีเลย ดังนั้นก็ ขอบคุณล่วงหน้านะ”
“ห๊ะ!?”
“อา จริงสิ ยูกิ เราจะไปด้วยนะ” คนต่อมาที่พูดคือเลฟี่ เธอและคนอื่นๆมารวมตัวกันอยู่หน้าปราสาท ผมบอกพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วและพวกเขาจะมาส่งผม
“เธอจะไปด้วยหรอ?” เลฟี่ไม่ได้พูดอะไรเลยตอนที่ผมบอกว่าจะไป นี้เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ยิน คนที่จะไปด้วยเป็นอิลูน่าด้วยซ้ำ ผมก็อยากจะพาเธอไปนะ แต่ผมทำไม่ได้ ผมมั่นใจว่าผมจะปกป้องตัวเองได้ถ้าตัวตนของผมถูกเปิดเผย แต่ผมไม่แน่ใจหากมีอิลูน่าติดมาด้วย การปล่อยให้อิลูน่าอยู่กับเลล่าและลูดูจะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด
“อะไรละ? เจ้ามีเหตุผลจะปฏิเสธรึ?” รอยยิ้มอันมั่นใจปรากฏขึ้นบนหน้าของเลฟี่ ราวกับจะท้าให้ผมปฏิเสธ
“ไม่ละ ไม่เลยซักนิด ชั้นดีใจด้วยซ้ำที่เธอจะมาด้วย ชั้นแค่ตกใจนะ เพราะไม่คิดว่าเธอจะสนใจ”
การที่มีเลฟี่มาด้วยก็เบาใจลงได้หน่อย ตัวตนของเธอนะทำให้สถานการณ์ที่แย่ที่สุดจบลงได้ง่ายๆเลย
“จ-เจ้าดีใจงั้นรึ?” เลฟี่แก้มแดงแบบอ่อนๆ แต่เธอก็แก้เขินด้วยการไอ
“ที่เราเลือกไปกับเจ้าด้วยเพราะเรารู้ว่าเจ้านะใจอ่อนกับผู้หญิง มันจะรบกวนเราถ้าเจ้าใช้เวลากับพวกมนุษย์นานเกินไป เป้าหมายของเราจึงเป็นแค่การจับตาดูเจ้าเพียงเท่านั้น”
“ใช่ค่ะ ใช่! พยายามเข้านะคะ พี่เลฟี่! พยายามเข้า!” เดี๋ยวนะ นั้นอิลูน่าพูดหรอ? หรือที่จะมาด้วยแต่แรกก็เพราะเหตุผลเดียวกัน? [TL: Lol โดนเหล่าเมียหึงหวงละ]
“ได้เลย เราจะคอยเฝ้าไม่ให้ยูกิออกนอกลู่นอกทางเอง”
ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ นี้ไม่คิดจะเชื่อใจกันซักนิดเลยสินะ
“ครับ ครับ เข้าใจแล้ว ยังไงก็ฝากดูบ้านในระหว่างที่ชั้นไม่อยู่ด้วยละ เข้าใจกันนะ?”
“ตามที่ต้องการค่ะ นายท่าน” เลล่าตอบ
“ได้เลยค่ะ! เดี๋ยวเราจะดูแลให้เรียบร้อยเอง มาสเตอร์!”
“ก็ไม่รู้สิ แต่พอได้ยินเธอพูดอย่างนั้นแล้วมันทำชั้นกังวลแปลกๆแหะ ลู”
“ห๊ะ!? ไหงงั้นอะ!?” ยัยมนุษย์สัตว์ได้แต่ตกใจจนอ้าปากค้าง
“แค่ล้อเล่นนา ก็รู้นิว่าชั้นเชื่อใจพวกเธอ ไม่งั้นชั้นไม่ฝากฝั่งพวกเธอหรอก ริร์ ชั้นฝากหน้าที่ปกป้องบ้านให้นายนะ จัดการศัตรูทุกตัวที่โผล่มาเลยนะ และชิอิก็ด้วยนะ ปกป้องทุกคนแทนชั้นด้วยละ โอเค?”
สัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวของผมตอบกลับด้วยท่าทางของตนเอง ริร์พยักหน้า ชิอิกระโดดเด้งไปมา
“เอาละ งั้น เดี๋ยวเจอกันในอีกสัปดาห์นะ” ผมบอกลากับทุกคน พร้อมทั้งวิญญาณทั้งสามตนที่อยู่ตรงหน้าต่างของปราสาท
“เดี๋ยวเราจะกลับมา”
“โอเคคะ! เที่ยวกันใหสนุกนะคะ!” อิลูน่าพูด
“ขอให้เดินทางปลอดภัยนะคะ” เลล่าพูด
“แล้วเจอกันน้า!” ตามด้วยลู
มีเพียงผู้กล้าเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ร่วมวง “อำลา” ด้วย ซึ่งเธอก็ได้แต่บ่นกับตัวเองอย่างเพียงลำพัง
“เอ่อออ… แล้วความเห็นชั้นละ…?”
MANGA DISCUSSION