ตอนที่ 2: อดีตแฟนไม่อยากจะเรียก [2]
พูดได้เลยว่าตัวเองนั้นยังเด็กและไร้เดียงสา แต่ผมมีสิ่งที่เรียกว่าแฟนตอนสมัยเรียนมัธยมต้นปี 2 ปี 3
ช่วงเวลาที่เรียกได้ว่าเป็นการพบกันครั้งแรกหลังปิดเทอมภาคฤดูร้อนในปลายเดือนกรกฎาคม ยามบ่าย ณ ห้องสมุดที่ไร้ผู้คน — เธอคนนั้นกำลังยืนอยู่บนเก้าอี้
ก็เป็นสถานการณ์ที่เบื่อหน่ายจริงๆ นั่นแหละ แต่พอนึกย้อนกลับไป ก็เดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น ผมหยิบหนังสือลงจากชั้นหนังสือแล้วยื่นให้เธอ
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากบอกตัวเองในอดีตว่าให้ทิ้งเธอไว้ตามลำพัง
แต่ผมทำนายอนาคตตัวเองไม่ได้ และเมื่อเห็นสันหนังสือที่เธอกำลังหยิบ ผมก็ถามเธออย่างโง่เขลา
—— ชอบนวนิยายสืบสวนด้วยเหรอ?
ผมเป็นคนประเภทที่จะอ่านอะไรก็อ่านได้ ไม่ว่าจะนวนิยาย นิยายโรแมนติก ไลท์โนเวล — แล้วแต่ได้หมดเลย นั่นก็เลยว่าเมื่อผมหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาและเห็นชื่อเรื่อง รู้ทันทีว่ามันเป็นนวนิยายสืบสวนคลาสสิก
ถึงผมจะรู้จักเรื่องนี้แต่พูดเต็มปากไม่ได้ว่าจะชอบแนวนี้นะครับ
แต่ยังไง ไม่ว่าในฐานะหนอนหนังสือ ถ้าเห็นคนหยิบหนังสือที่เราเคยอ่านล่ะก็ มีความสุขแล้ว เหมือนกับกระทิงที่ตื่นเต้นที่ได้เห็นของสีแดงไงล่ะ เป็นแรงกระตุ้นที่ควบคุมตัวเองไม่อยู่
เปรียบเสมือนกับดักที่ท่านเทพวางเอาไว้
หรือที่เรียกกันว่า โชคชะตา
โชคชะตาที่นำพาเราสองคนมาพบกัน และโชคชะตานั้นนำพาเราพบกันในห้องสมุดช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนที่ไร้ผู้คน เมื่อผ่านเดือนสิงหาคม ปิดเทอมภาคฤดูร้อนก็ได้จบลง และผมได้รับคำสารภาพรักจากเธอ
ผมจึงมีแฟนเป็นตัวเป็นตนครั้งแรกในชีวิต
อายาอิ ยูเมะ นั่นคือชื่อเธอในตอนนั้น
ทีนี้…ไม่พูดไม่ได้ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของความพังพินาศ
ที่จริงแล้ว โอกาสที่การสารภาพรักของเด็กนักเรียนมัธยมต้นจะไม่เกิดความพังพินาศมีไม่เกิน 5% ล่ะมั้ง — ถ้ามองตามความเป็นจริง ไม่มีทางที่คู่รักในมัธยมต้นจะอยู่ด้วยกันไปชั่วนิรันดร์
อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นพวกเราคิดว่าอาจจะเกิดขึ้น
เพราะที่โรงเรียนเราไม่มีจุดยืนมากนัก ผมกับอายาอิก็คบกันแบบเงียบๆ เราจะอยู่ตามมุมห้องสมุด ในห้องสมุดตอนวันหยุด หรือไม่ก็คาเฟ่ร้านหนังสือคุยเฟื่องเรื่องที่เราสนใจ
แน่นอน ผมเคยทำอะไรที่คนรักเขาทำกัน
ไปเดทกัน ควงมือกัน จูบอย่างเก้ๆ กังๆ….และผลัดกันเดินอย่างช้าๆ ตามประสานคู่รักทั่วไปที่ไม่น่าจดจำเป็นพิเศษ และค่อยๆ ทำเป็นขั้นเป็นตอน
ครั้งแรกที่เราจูบกันคือทางแยกระหว่างกลับโรงเรียนภายใต้แสงอาทิตย์ยามอัสดง หลังจากที่จูบกัน อายาอิหน้าแดงเล็กน้อยและส่งยิ้ม ตอนนี้ยังแผดเผาอยู่ในใจผมราวกับภาพถ่าย
ภาพถ่ายนั้นมีอย่างเดียวที่ผมพูดได้คือ
ไปตายซะ
ทั้งเธอและผมคนเก่า
….อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นความสัมพันธ์ของเราค่อนข้างราบรื่นดี แต่พอขึ้นมาปีสาม ความห่างเหินระหว่างเราก็ปรากฎขึ้น
ความห่างเหินที่อายาอิได้แก้ไขความขี้อายของเธอ
อาจเป็นเพราะตั้งแต่เราเดทกัน เธอน่าจะฝึกการสื่อสารมาโดยตลอด — เริ่มมีเพื่อนคนสองคนในชั้นเรียนใหม่ ซึ่งเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับชั้นปีสองตอนเธอมีคู่เล่นในคาบพละ
อายาอิมีความสุขในตัวของเธอเองและผมบอกว่าผมเองก็เหมือนกัน
ตอนนั้นถ้าให้พูดสิ่งที่อยู่ในใจ — มันคงเป็นคำสารภาพจากผม ขณะที่กำลังเฉลิมฉลองที่อายาอิโตขึ้น ภายในใจผมรู้สึกเจ็บแปลบๆ
ไม่ว่าจะน่ารัก รอยยิ้ม หรือความจริงใจของอายาอิ มีผมคนเดียวเท่านั้นที่รู้จัก ซึ่งเป็นเรื่องแย่มาก
ก่อนที่จะรู้ตัว ผมเริ่มแสดงความในใจออกมาเป็นคำพูด อายาอิก็ดูกังวลและไม่เข้าใจในจุดนั้น แต่เธอก็ยังตั้งใจทำให้ผมมีความสุข นั่นยิ่งทำให้ผมโกรธเกรี้ยวขึ้นไปอีก
ครับ ผมรู้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอายาอิโตขึ้น แต่เหตุผลที่แท้จริงเป็นเพราะความปรารถนางี่เง่าของผมที่อยากครอบครองเป็นของตัวเอง เธอไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก ผมนั่นแหละที่ผิดและต้องยอมรับมัน
เพียงแต่
เพียงแต่ว่า
ได้โปรดช่วยยกโทษฉันด้วยเถอะ ฉันมันงี่เง่าเอง ตอนที่รู้ตัวว่าตัวเองผิด ผมก็ขอโทษเธอและก้มหัว รู้สึกอิจฉาด้วยเหตุผลแบบนั้น รู้สึกขอโทษที่โกรธอย่างไร้เหตุผล และหวังว่าเธอจะไม่ถือสาอะไร
ทีนี้ คิดว่ายัยนั่นจะพูดอะไรล่ะ?
— ทั้งที่ไม่ชอบให้ฉันไปสนิทกับคนอื่น แต่กลับไปตีสนิทกับผู้หญิงคนอื่นเนี่ยนะ
หา?
ใครจะไปคิดว่าจะโดนต่อว่ากลับเนี่ย?
ตามที่เธอบอก ผมกำลังตีสนิทกับผู้หญิงคนอื่นที่เจอ — ถึงแม้จะจำไม่ได้ แต่น่าจะเป็นบรรณารักษ์หรือใครสักคนที่คุยด้วย แต่อายาอิอยากยืนยันว่าผมนอกใจรึเปล่าและไม่ยอมฟังผมด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นผมก็ขอโทษ
เพื่ออะไรฟะ
ผมผิดจริงแหละที่ออกอาการโกรธเคือง ขอโทษก็แล้ว ก้มหัวก็แล้ว เข้าใจว่าจะยกโทษให้รึเปล่าก็เป็นสิทธิ์ของเธอ
แต่ทำไมผมต้องโดนต่อว่าเพราะเรื่องเข้าใจผิดไร้สาระด้วยกันเล่า?
เดิ๋ยวๆ บางทีเรื่องนี้อาจเกิดจากหุนหันพลันแล่น ผมขอโทษเพราะสิ่งที่ทำลงไป อย่างนั้นเธอก็ควรขอโทษเหมือนที่เธอทำกับผมใช่ป้ะ? ผมถูกบังคับให้รับผิดชอบความผิดตัวเอง แต่ไม่เห็นเธอจะขอโทษผมเลย เป็นไปได้เหรอ? มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ?
— ผมรู้สึกอย่างนั้น และดูเหมือนว่าเราได้แก้สิ่งต่างๆ และรักษาความสัมพันธ์ไว้ได้ไม่กี่เดือน
ทว่า — ฟันเฟือนที่ผิดรูปไปแล้วนั้น มันไม่มีทางซ่อมได้แล้ว
สิ่งที่เคยเป็นดวงใจของเธอก็กลายเป็นสิ่งน่ารำคาญ เราเริ่มแสดงความเห็นประชดประชันกัน ก่อนจะรู้ตัว แม้แต่คุยโทรศัพท์ก็ยังเป็นเรื่องหนักใจ แต่ยังให้อภัยไม่ได้ที่อีกฝั่งไม่ตอบกลับ และทำให้พวกเราห่างเหินมากกว่าเดิม
ความสัมพันธ์ของเราดำเนินไปจนกระทั่งเรียนจบมัธยมต้น เป็นเพราะพวกเราต่างวิตกกังวลเกินและขี้ขลาดตาขาว
ทั้งหมดเป็นเพราะยังเชื่อมั่นในความทรงจำอันทรงคุณค่าของเรา แต่เมื่อไม่ได้ติดต่อกันแม้แต่ครั้งเดียว ในวันวาเลนไทน์เป็นช่วงที่เรามั่นใจแล้วว่าไม่มีทางกลับคืนเหมือนเมื่อก่อนได้แล้ว
และตอนเรียนจบการศึกษา ผมกล่าวว่า
— เราเลิกกันเถอะ
— อื้ม
ง่ายๆ ฟังได้ใจความ ไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียว
เธอไม่โกรธและทำหน้าทำตาเหมือนรอผมกว่าจะพูดสักที สงสัยผมเองก็คงทำหน้าเหมือนกัน
ผมชอบเธอนะ….หวงเธอจริงๆ
แต่สำหรับตอนนี้ เธอเป็นศัตรูตัวฉกาจเสียแล้ว
….เอาตามตรง ความรักเป็นเพียงช่วงเวลาแห่งความเขลา
อย่างน้อยๆ ผมก็ได้ปลดปล่อยความเขลาออกมา
รู้สึกเอนจอยอย่างมีความสุขในการจบการศึกษา รู้สึกเหมือนภาระมากมายถูกยกออกไปหลายกอง
แล้วในค่ำคืนนั้นเอง
คุณพ่อกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
— พ่อตัดสินใจจะแต่งงานใหม่ล่ะ
โอ้โห
ก็นะ มนุษย์แม้ในวัยนี้ก็ไม่หยุดฟุ้งซ่านได้ คุณพ่อเลี้ยงดูผมเพียงคนเดียวและขณะที่รันทดกับการตัดสินใจแต่งงานใหม่ ผมก็ไม่คัดค้านกับการตัดสินใจของเขา แต่งงานใหม่เหรอ? เยี่ยมไปเลยครับ แล้วแต่พ่อเลย ผมเรียนจบมัธยมต้นแล้ว
ตอนนั้นผมมีความสุขมากๆ แต่สิ่งที่คุณพ่อพูดต่อทำให้หูวิ้งทันที
— อีกฝ่ายมีลูกสาวด้วย…ไม่ว่าอะไรใช่ไหม?
เฮ้ยๆ มีพี่น้องไม่แท้ตอนอายุเท่านี้ เหมือนในไลท์โนเวลเลยว่ะ ฮ่าๆๆ!
ตอนนั้นผมรู้สึกตื่นเต้นมากจนอยู่นิ่งไม่ได้
ในเวลาต่อมา เมื่อผมได้พบกับคุณแม่เลี้ยงและน้องสาวไม่แท้ รู้สึกเหมือนถูกน้ำเย็นสาดเข้าที่หน้า
— ……….
— ……….
คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือ อายาอิ ยูเมะ
ไม่สิ
ตอนนี้เธอกลายเป็น อิริโดะ ยูเมะ
เราจ้องหน้าอ้าปากค้างอย่างตะลึงพรึงเพริด และหัวใจเราตะโกนเป็นเสียงเดียวกันว่า
— ท่านเทพ แกนะแก!!!
แล้วแฟนเก่าของผมก็กลายเป็นพี่น้องไม่แท้
――――――――――――――――――――――――――――――
สามารถติดตามการอัพเดตได้ทางเพจ : Launchmind
Chapters
Comments
- ตอนที่ 2: อดีตแฟนไม่อยากจะเรียก [2] มีนาคม 23, 2022
- ตอนที่ 1: อดีตแฟนไม่อยากจะเรียก [1] มีนาคม 14, 2022
MANGA DISCUSSION