เมจิคัลเกิร์ลแอสแซสซิเนชั่นโปรเจ็ค
☆ สโนไวท์
ลึกเข้าไปในตรอกที่มืดสนิท มีเด็กสาวในชุดเครื่องแบบหันหน้าเข้าหากำแพงซีเมนต์และก้มหน้าลง
มือข้างหนึ่งของเธออยู่ในกระเป๋าแคนวาสที่ห้อยลงมาจากไหล่และกำลังควานหาสิ่งที่อยู่ด้านใน เธอพึมพำออกมาว่า “หาไม่เจอเลย” แล้วก็ “นี่ฉันจะทำยังไงดีนะ?” ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในตอนที่กำลังควานหาด้านในกระเป๋า พื้นที่ตรงนี้ในช่วงเวลากลางคืนมันมีคนผ่านไปมาเพียงไม่กี่คน ไฟถนนเองก็แทบจะส่องไม่เห็นอะไร และไม่มีใครเลยที่จะช่วยเด็กสาวได้
สโนไวท์พ่นหายใจออกมาแบบเบาๆทางจมูกแล้วก็เดินไปอย่างเงียบๆ ราวกับว่ากำลังเขย่งอยู่กระดาษเปียกน้ำ เธอเข้าหาเด็กสาวจากด้านหลังด้วยการก้าวเท้าแบบเงียบๆ เมื่ออยู่ใกล้มากพอที่จะสัมผัสตัวเด็กสาวได้ เธอก็เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าที่ห้อยอยู่ตรงเอวแล้วก็ดึงเอา รูลเลอร์ อาวุธของเธอออกมา ก่อนที่จะใช้ปลายด้ามแทงเข้าไปยังคอสีขาวซีดของเด็กสาว เด็กสาวร้องออกมาพร้อมกับล้มตัวลงและทำกระเป๋าตก
สิ่งที่อยู่ด้านในกระเป๋ากระจายออกมา ปากกา ผ้าเช็ดหน้า กระเป๋าเงิน สมุดจด มือถือ กุญแจอะไรบางอย่าง —แล้วก็ก้อนโลหะสีดำบางอย่างที่กลิ้งไปบนยางมะตอยด้วยเสียงกึ้งและตึก รูปแบบของมันดูตลก ดีไซน์ก็เป็นแบบการ์ตูน แต่มันก็คือปืนพก
ตัวของเด็กสาวเอนไปมาแต่ก็ยังคงกระโจนเข้าหาปืน สโนไวท์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่เด็กสาวก็อยู่ใกล้กว่าเล็กน้อย
สโนไวท์ได้ยินเสียงในหัวใจของเด็กสาวพูดว่า จะปล่อยให้เธอได้ไปไม่ได้
มือของเด็กสาวแตะเข้าที่ปืน
หัวใจของเธอพูดออกมาอีกครั้งว่า ไม่ว่ายังไงก็ตาม ฉันก็ปล่อยให้เธอได้ไปไม่ได้เด็ดขาด
สโนไวท์เหวี่ยงขาออกไปอย่างไร้อารมณ์ เธอเตะเข้าไปที่มือของเด็กสาวและปืนเพื่อทำให้อาวุธปลิวออกไป เธอสัมผัสได้ถึงกระดูกมือของเด็กสาวที่แตกออกผ่านทางรองเท้า จากนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังออกมา นี่คือเมจิคัลเกิร์ลที่เธอกำลังจัดการอยู่ สโนไวท์กลืนความรังเกียจลงไปแล้วก็เงื้ออาวุธขึ้น เธอใช้ด้ามทุบเข้าไปที่หัวของเด็กสาว ในคราวนี้เด็กสาวล้มลงกับพื้นและหมดสติไป สโนไวท์เองก็ไม่ได้ยินเสียงในหัวใจของเธอเช่นกัน
พอไม่ได้สติ เด็กสาวก็คงการแปลงร่างของตัวเองไว้ไม่ได้ ร่างเมจิคัลเกิร์ลของเธอกลับมาเป็นมนุษย์ ผมสีดำเงาที่ยาวจนมาถึงหลังกลายเป็นผมบ๊อบสั้นสีน้ำตาล เสื้อผ้านั้นไม่ได้เปลี่ยนไป —เธอยังคงอยู่ในชุดเครื่องแบบนักเรียน เธอคงสวมชุดเครื่องแบบนักเรียนมัธยมต้นใกล้บ้านเอาไว้หลังจากเปลี่ยนเป็นร่างเมจิคัลเกิร์ลแล้ว
สโนไวท์กำลังจะยกตัวเด็กสาวขึ้น แต่หลังจากก้มตัวไปได้ครึ่งหนึ่งก็หยุดตัว จู่ๆเธอก็คิดได้ว่าการจับตัวของเธอแบบนี้อาจจะเป็นความคิดที่ไม่ดี บางทีควรจะระวังมากกว่านี้ซักหน่อย เด็กสาวอาจจะเป็นมือใหม่ก็ได้ สโนไวท์คิดว่าตัวเองควรจะระวังเผื่อไว้ด้วยว่าเด็กสาวอาจจะโจมตีกลับมา แต่มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้
สโนไวท์พลิกตัวเด็กสาวเบาๆพร้อมเสียง ฮึบ ใบหน้าและรูปร่างของเธออยู่ในช่วงอายุประมาณยี่สิบปี เลยทำให้ชุดเครื่องแบบดูเหมือนเสื้อผ้ามากกว่า
หลังจากมัดเด็กสาวเอาไว้แน่น —ไม่สิ ผู้หญิงต่างหาก— สโนไวท์ก็โยนเธอเข้าไปในกระเป๋า เธอยังโยนกระเป๋าของผู้หญิงคนนี้และสิ่งที่อยู่ข้างในไปด้วย สุดท้ายเธอก็หยิบปืนที่เตะออกไปที่อยู่ตรงขอบคูน้ำขึ้นมา
มันเป็นทรงกลมเหมือนกับลูกโป่งที่เต็มไปด้วยอากาศ มีสีดำเหมือนกับถูกวาดด้วยหมึกอินเดียไปทั่ว มีของตกแต่งรูปงูพันอยู่รอบๆ เป็นปืนสไตล์ลูกโม่ที่มีกระสุนเวทมนตร์บรรจุอยู่ด้านใน
กระสุนจะเปลี่ยนอะไรก็ตามที่โดนให้กลายเป็นหิน มันจะทำให้สิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตแข็งราวกับหินและกลายเป็นรูปปั้น แน่นอนว่ามันถึงตาย เป็นอะไรที่สะดวกและเข้าใจง่าย —และอันตรายถึงชีวิต
ปืนที่เธอถืออยู่ในมือมันสั่นเล็กน้อย สโนไวท์หายใจเข้าลึกๆทั่วท้องและเปล่งเสียงออกทางจมูกพร้อมกับเกร็งตัว มือของเธอหยุดสั่นเช่นเดียวกันกับปืน
เธอรู้กลไลการทำงานของปืนเพราะคู่ต่อสู้ของเธอจินตนาการออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว และเธอก็โขมยวิธีการนั้นมาได้ แทนที่จะฟังเสียงในหัวใจของใครซักคนหนึ่ง สโนไวท์จะตั้งใจฟังเสียงทั้งหมด เธอสามารถรับรู้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ แต่การตั้งใจทำแบบนั้นมันทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ออก และการได้ยินเสียงของอีกฝ่าย —เรื่องที่หายใจไม่ออกนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะเธอเตรียมตัวพร้อมที่จะหยุดหายใจเอาไว้แล้ว ย้อนกลับไปในตอนเฟรเดริก้า ตอนนี้เองก็เช่นกัน การที่เธอได้ยินเสียงทุกอย่างโดยที่ไม่มีข้อยกเว้นมันน่าขนลุก เธอรู้สึกราวกับว่าวิญญาณของตัวเองจะแตกสลาย
คนที่พกปืนกระบอกนี้ได้เงินมาจากการฆ่า เธอคิดว่าสโนไวท์เป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ดี และถ้าแสร้งว่าตัวเองกำลังมีปัญหา เธอก็จะจับตัวสโนไวท์ได้ที่ไหนซักที่ด้วยการใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ หากเธอจับสโนไวท์ไม่ได้ เธอก็มีแผนที่จะค่อยๆดึงดูดความสนใจมาที่ตัวเอง และถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น เธอก็จะไม่ลังเลหรือรู้สึกผิดที่ลากคนใจเมืองเข้ามาเกี่ยวด้วย
นี่ไม่ใช่เมจิคัลเกิร์ลเพียงคนเดียวที่คิดว่ามนุษย์เป็นเพียงตัวเบี้ย ก่อนที่จะจับมือปืนคนนี้ได้ สโนไวท์จัดการเมจิคัลเกิร์ลอีกคนมาก่อน นักฆ่าที่พยายามจัดการสโนวไวท์หลังจากที่เธอมีเงินค่าหัวก้อนโต ริปเปิลที่ทำงานที่ให้ดินแดนเวทมนตร์ที่อยู่นอกพื้นที่โทรมาหาเธอ และยังเป็นคนที่สั่งเธอแบบเข้มงวดว่า “ชั้นจะกลับไปเดี๋ยวนี้ ดังนั้นซ่อนตัวซะ —อย่าคิดสู้เชียวล่ะ”
นี่คือตัวเลือกที่ถูกรึเปล่านะ? แม้ว่าเธอจะฝึกฝนกับริปเปิลมา แต่สโนไวท์ก็ยังขาดประสบการณ์ต่อสู้จริงอย่างมาก —ความจริงแล้ว เธอสงสัยว่าตัวเองฝึกฝนมามากพอแล้วรึเปล่า เรื่องเฟรเดริก้ามันผ่านไปได้ด้วยดี แต่ในคราวนี้เธอไม่จำเป็นต้องทำให้สำเร็จก็ได้ คนที่จะสู้กับมืออาชีพแต่รู้อะไรเพียงแค่ผิวเผินมันคือความประมาท
หากเมืองถูกลากเข้าไปเกี่ยวด้วย แบบนั้นเธอก็จะหนีไม่ได้ ริปเปิลคงเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอ แต่สโนไวท์ก็ไม่ได้ต้องการให้ใครบาดเจ็บ ตาย หรือแม้กระทั่งถูกฆ่า —ด้วยมือของเมจิคัลเกิร์ล เธอหายใจเข้าลึกๆอีกครั้งและยืดตัวตรง
สโนไวท์เงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าที่มืดครึ้ม เธอยังคงได้ยินเสียงในหัวใจของผู้คน
เธอกระโจนออกมาจากกำแพงซีเมนต์ขึ้นไปบนหลังคาของทางเดินเท้า จากนั้นก็วิ่งออกจากหลังคาที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง มุ่งหน้าไปยังเขตโจนัน ย่านโคมแดงตอนกลางคืนในเมือง N จะคึกคักเป็นพิเศษ ในช่วงเวลานี้ของวัน เสียงในหัวใจของผู้คนจะดังกว่าพื้นที่อื่นๆในเมือง
สโนไวท์ไม่ใช่แค่ได้ยินเสียงจากในหัวใจ เสียงจริงๆเธอเองก็ได้ยินด้วย ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยไฟส่องสว่าง ผู้คนมากมาย และคนกลุ่มเล็กๆที่ทานอาหารและดื่มแอลกอฮอล์ เขตโจนันเคยถูกคาลามิตี้ แมรี่ยึดครองเอาไว้และไม่อนุญาตให้เมจิคัลเกิร์ลคนอื่นเข้ามา แต่ในตอนนี้มันกลายเป็นพื้นที่ของสโนไวท์
หลังจากกระโดดขึ้นจากด้านข้างอาคารไปบนดาดฟ้า จากที่นี่เธอก็กระโดดไปยังดาดฟ้าอีกที่หนึ่ง กระโดดลงมาจากป้ายไฟนีออนของธุรกิจทางเพศแล้วลงมาที่ซอยด้านหลังโดยเอาเข่าข้างหนึ่งลง เธอเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่ถนน
เธอยืนขึ้นและหายใจออก จากนั้นก็มุ่งหน้าออกไปที่ถนน ด้วยฝุ่นควันที่ลอยฟุ้งรอบตัวที่ดูเหมือนส่องประกายออกมาเล็กน้อยระหว่างอาคาร เธอเดินไปตรงไปข้างหน้าแล้วก็หยุดตัว เสียงในหัวใจของคนในพื้นที่นี้กำลังเคลื่อนไหวอย่างแปลกประหลาด สโนไวท์เค้นหมัด คุกเข่า ทำลมหายใจให้สงบ ตั้งสติแล้วก็เดินออกไปที่ใต้แสงไฟของถนนหลัก ผู้คนมองดูสโนไวท์ในทันที
มาแล้วสินะ
เธอเดินผ่านใต้วงแขนของชายหนุ่มที่ดูคล้ายเพลย์บอยสวมเสื้อเชิ้ตสีสดใสที่ยื่นมือเข้ามาหา เธอก้าวไปด้านข้างเพื่อหลบกระเป๋าเอกสารของชายที่ดูเหมือนจะเป็นพนักงานออฟฟิสวัยห้าสิบปีในชุดสูทกระดุมสองเม็ดที่เหวี่ยงเข้ามาหา —จากนั้นกลุ่มคนที่สวมชุดสูทและดูไร้อารมณ์ก็พุ่งเข้ามาหาเธอจากทั้งสองข้าง สโนไวท์ที่ใช้แค่แรงจากน่องกระโดดออกไปเพื่อข้ามหัวอีกฝ่ายแล้วก็ยืนอยู่บนราวกั้น ความสามารถทางกายภาพของอีกฝ่ายเทียบเท่ากับมนุษย์ปกติ ดังนั้นจึงหลบได้แบบไม่ยากเย็น
สโนไวท์เอียงหูของเธอไปตามเสียง ทุกคนในบริเวณนี้ถูกควบคุมอยู่ เสียงในหัวใจก็เลยทื่อและราบเรียบ พวกนั้นไล่ตามสโนไวท์เท่านั้น ไล่ตามเธอมาโดยไม่คิดถึงความปลอดภัยของตัวเอง มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่กังวลเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง หัวใจเพียงดวงเดียวกำลังพูดออกมาหลายสิ่ง —อย่างเช่น ไม่ให้เป้าหมายหนีไป ไม่ให้ตำแหน่งของตัวเองถูกเจอ เพื่อควบคุมเวทมนตร์ได้อย่างแม่นยำ
สโนไวท์ตีลังกาเพื่อหลบหมัดของอีกฝ่ายที่พุ่งเข้ามาหาจากด้านหลัง จากนั้นเธอก็ตรวจสอบทั่วบริเวณตอนที่อยู่กลางอากาศ เมื่อเธอเห็นว่าทุกคนในระยะสายตากำลังวิ่งเข้ามาหา เธอก็วิ่งเข้าไปยังตรอกด้านข้างสหกรณ์ออมทรัพย์ —และหลังจากนั้นมันก็รถวิ่งอยู่เหนือราวกั้นแล้วชนเข้ากับอาคารในทันที ฝูงชนที่เหมือนกับซอมบี้ปีนขึ้นมาบนรถเพื่อเข้ามาหาเธอ สโนไวท์หยุดตัวอยู่กลางตรอก การวิ่งหนีมันพาเธอไปไหนไม่ได้ เธอวิ่งตรงเข้าไปยังกลุ่มคนที่พุ่งเข้ามาหาแล้วแทรกตัวผ่านเข้าไป อีกฝ่ายมีจำนวนอยู่เยอะ การหลบเลี่ยงมันจึงทำให้เธอเคลื่อนตัวได้ช้า แต่นี่ก็ยังง่ายเมื่อเทียบกับการฝึกซ้อมกับริปเปิล ก่อนหน้านี้ความกลัวเรื่องจำนวนอาจทำให้สโนไวท์ล้มตัวลงกับพื้น แต่เธอไม่ใช่คนเดียวกับคนก่อนหน้านี้อีกแล้ว เธอไม่ได้ลดความเร็วลง เธอสไลด์ตัวเข้าไปใต้รถที่จอดเอาไว้เพื่อลอดผ่านไป
ในตอนที่วิ่งและกระโดดอยู่นั้น เธอก็ฟังเสียงในบริเวณใกล้ๆเพื่อหาเสียงที่กังวลเรื่องของตัวเอง และเนื่องจากว่าเสียงอื่นๆล้วนกำลังเคลื่อนไหว มันเลยจึงบอกได้ง่าย มันมีคนเดียวก็อยู่กับที่ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน
สโนไวท์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจากใต้ตัวรถ กลายเป็นหนึ่งเดียวกับอาวุธที่ถืออยู่ในมือขวาตอนที่พุ่งเข้าชน และข้ามไปยังอนุสาวรีย์ที่อยู่อีกฟากถนน —มันคืออะไรบางอย่างที่นายกเทศมนตรีขอให้ช่างประติมากรรมที่มีชื่อเสียงสร้างให้กับเมือง— เพื่อแทงทะลุรูปปั้นด้วยด้ามและทุบเข้าไปที่หน้าท้องของเมจิคัลเกิร์ลที่อยู่เบื้องหลังด้วยปลายของรูลเลอร์
เธอปล่อยอาวุธที่ติดคารูปปั้นเอาไว้แล้วหมุนตัวไปด้านข้างพร้อมกับเศษดินที่กระจัดกระจาย เด็กสาวที่อยู่ตรงนั้นล้มตัวลงพร้อมกับแสดงท่าทีตกใจ จากนั้นสโนไวท์ก็เตะเข้าไปที่หน้าท้องเพื่อให้อีกฝ่ายออกไปก่อนที่จะเตะเข้าไปยังเสาอากาศที่อยู่บนหัวเพื่อทำลายทิ้ง ในตอนนี้เธอปล่อยสัญญาณเพื่อควบคุมผู้คนไม่ได้อีกแล้ว สโนไวท์มัดตัวเธอเอาไว้และโยนเข้าไปในกระเป๋าพร้อมกับรูลเลอร์
เสียงในหัวใจของเด็กสาวเรื่องที่จะใช้ผู้คนเป็นโล่เพื่อทำให้ตัวเองปลอดภัย เรื่องที่จะหนีไปยังไงหากโล่ถูกทำลายลง —เรื่องที่แค่ได้ยินก็ทำให้รู้สึกไม่ดี— ในตอนนี้ไม่ได้ยินอีกต่อไปแล้ว
สโนไวท์วางเท้าลงบนกรอบหน้าต่างแล้วก็กระโดดออกไป เธอกระโดดไปเรื่อยๆจนมายืนอยู่บนรั้วเหล็กบนดาดฟ้าเพื่อมองลงมาดู ผู้คนที่ถูกล้างสมองโดยให้ทำหน้าที่เป็นโล่ที่มีชิวิตลืมไปเกือบหมดแล้วว่าตัวเองถูกใช้แล้วเขี่ยทิ้ง หรือบางทีอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้เพราะในตอนนี้กำลังพูดอะไรอย่าง “เกิดอะไรขึ้น?!” ไม่ก็ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?!” ออกมาใส่กัน บางคนเอามือถือขึ้นมาแล้วพยายามบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ ในขณะที่บางคนดูเหมือนจะโทรเรียกรถพยาบาลไม่ก็ตำรวจ
สโนไวท์หายใจเอาอากาศในปอดออกมาทั้งหมด มันมาอีกแล้ว เธอจะอยู่เฉยๆไม่ได้
สโนไวท์กระโดดออกจากรั้วเหล็กเพื่อหลบวัตถุทรงกรวยสีเขียวอ่อนที่บินเข้ามาหาจากด้านหลัง พร้อมกับหมุนอาวุธเพื่อปัดกรวยที่โจมตีเข้ามา กรวยขนาดเล็กมีขนาดประมาณหนึ่งนิ้วและเส้นผ่านศูนย์กลางที่เล็กกว่านั้น มันถูปาเข้ามาเรื่อยๆแบบไม่หยุด ไม่ใช่แค่สิบหรือยี่สิบ เพียงแค่มองดูก็พูดได้ว่าเกินหนึ่งร้อย ห้าร้อย หรือมากยิ่งกว่านั้น กรวยตรงหน้ามันเป็นทั้งหมดที่เธอเห็น เธอเบี่ยงตัวไปทางซ้ายแล้วก็ขวาเพื่อหลบกรวยที่พุ่งเข้ามาหาซึ่งมันทำให้เธอนึกถึงฝูงปลา
ในตอนที่โจมตีและปัดป้อง ชุดส่วนหนึ่งตรงหน้าท้องของเธอก็ฉีกขาด เธอยั้งความร้อนรนในตัวเอาไว้ เธอจะหยุดไม่ได้เพราะกรวยยังคงพุ่งเข้ามาหา เมื่อพวกมันชนเข้ากับรั้วเหล็ก รั้วเหล็กก็ฉีกขาดเป็นชิ้นๆ และเมื่อมันพุ่งเข้าหากำแพงคอนกรีต มันก็ทำให้กำแพงเป็นรูโหว่อย่างง่ายดาย เธอกระโดดแล้วก็กระโจนไปมาเพื่อหลบเลี่ยงพวกมัน
หากปลาที่บินบนฟ้ามีอยู่จริงก็คงจะเป็นแบบนี้ กรวยที่แปลกประหลาดเหล่านี้มันดูเหมือนกับลูกกวาดช็อกโกแลตไม่ก็ผลงานศิลปะ แค่แหวกว่ายอยู่ในอากาศก็รู้สึกเวียนหัวแล้ว
ฝูงกรวยหยุดไล่ล่าครู่หนึ่งก่อนที่จะกระจายตัวออกเล็กน้อย พวกมันหมุนตามเข็มนาฬิกาอยู่สูงขึ้นไปในอากาศ แต่ละส่วนก็มีความเร็วต่างกัน ส่วนหนึ่งเร็ว ส่วนหนึ่งช้าลงมา และอีกส่วนหนึ่งช้าที่สุด ฝูงกรวยพวกนี้แยกเป็นห้าส่วนก่อนที่จะทันได้รู้ตัว สโนไวท์จ้องมองและฟังการเคลื่อนไหวของกลุ่มหนึ่งอย่างตั้งใจ กลุ่ม A อยู่ตรงหน้า กลุ่ม B อยู่ด้านหลัง กลุ่ม C อยู่ด้านขวา กลุ่ม D อยู่ด้านซ้าย และกลุ่ม E อยู่ด้านบน แต่ละกลุ่มจัดวางตำแหน่งต่างกันเพื่อโจมตีเธอ
มันช่างน่าตลกที่กรวยพวกนี้มันอันตรายถึงตาย พวกมันสามารถฆ่าเมจิคัลเกิร์ลได้ หากสโนไวท์พลาดแม้แต่นิดเดียว ชีวิตของเธอก็จบสิ้น
โคยูกิ ฮิเมคาวะในหัวของเธอกำลังร้องไห้ ฉันกลัวจัง ฉันกลัว แต่สโนไวท์ก็ดุเธอแล้วบอกว่า พวกมันช้ากว่าริปเปิล อ่อนแอกว่าริปเปิล และไม่ได้น่ากลัวเท่าริปเปิล เพราะแบบนั้นเธอจึงขยับ เธอกระโดดครึ่งก้าวไปทางขวาแล้วค้างเอาไว้ จากนั้นก็วิ่งไปในทิศตรงกันข้าม กลุ่มกรวยที่พุ่งเข้าหาเธอจากทางด้านซ้ายมันโอนเอนเล็กน้อย
เธอต้องเคลื่อนไหวให้ได้เหมือนกับตอนที่ฝึก ฉันทำได้ เธอคิดเช่นนี้พร้อมจับด้ามรูลเลอร์แน่นขึ้น
เธอใช้ความได้เปรียบในจังหวะที่ฝูงกำลังชุลมุน ทันทีก่อนที่เธอจะเข้าปะทะกับศัตรู เธอก็กระโดดขึ้นไปเหนือฝูงเพื่อเหวี่ยงอาวุธลงมา เฉือนกลุ่มที่อยู่ด้านหลังทั้งหมดด้วยใบดาบ เสียงกรีดร้องราวกับวิญญาณถูกกรีดดังเข้ามาที่หู หลังจากที่สโนไวท์ลงมาบนพื้นแล้ว เธอก็ส่ายหน้า
เธอใช้ความได้เปรียบในจังหวะที่ฝูงกำลังชุลมุน ทันทีก่อนที่เธอจะเข้าปะทะกับศัตรู เธอก็กระโดดขึ้นไปเหนือฝูงเพื่อเหวี่ยงอาวุธลงมา เฉือนกลุ่มที่อยู่ด้านหลังทั้งหมดด้วยใบดาบ เสียงกรีดร้องราวกับวิญญาณถูกกรีดดังเข้ามาที่หู หลังจากที่สโนไวท์ลงมาบนพื้นแล้ว เธอก็ส่ายหน้า
ฝูงกรวยฝูงนั้นร่วงลงมาบนพื้นอย่างอ่อนแรง และกลุ่มที่อยู่รอบๆก็รวมตัวเข้ามาเติมส่วนที่ขาดหายไป พวกมันสร้างรูปร่างของมนุษย์ที่เหมือนกับมันฝรั่งต้ม จากนั้นรูปร่างก็ค่อยๆร่วงลงมากลายเป็นเด็กสาวสวมเสื้อยืดแขนยาวที่มีลายตัวอักษรภาษาอังกฤษ สวมกางเกงยีนส์ และมีเส้นผมทวินเทลสีน้ำตาลอ่อน —เป็นเด็กสาวประเภทที่เห็นได้ทั่วทุกที่
เด็กสาวใช้เวทมนตร์เปลี่ยนรูปร่างของตัวเองให้กลายเป็นวัตถุทรงกรวย จากนั้นก็สร้างวัตถุรูปร่างแบบเดียวกันขึ้นมาจำนวนมาก แล้วก็ควบคุมให้เคลื่อนไปพร้อมกัน
สโนไวท์จับคอเสื้อของเด็กสาวแล้วก็ดึงขึ้น มัดตัวแล้วใส่ลงไปในกระเป๋า แม้ว่าร่างหลักจะมีเพียงหนึ่งในฝูงกรวยนับร้อย สโนไวท์ก็ได้ยินเสียงของเธอพูดว่า หากร่างหลักโดนโจมตีคงมีปัญหา ดังนั้นเลยต้องอยู่ที่ไหนซักที่ที่มันไม่โดดเด่น ทำให้เธอรู้อย่างชัดเจนว่าควรโจมตีกรวยอันไหน
“สโนไวท์!”
คนต่อไปมาแล้ว
เธอหันกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่เรียกชื่อตัวเอง เด็กสาวนั้นมีเขา หางมังกร รูปร่างที่ดูดี และชุดธีมอัศวิน ยิ่งไปกว่านั้นคือดาบขนาดใหญ่ หัวใจจองสโนไวท์เต้นระรัวอยู่ในอก เด็กสาวดูเหมือนกับคู่หูคนเก่าของเธอ สโนไวท์ส่งเสียงออกมา และเตรียมตัวสู้พร้อมกับอาวุธที่อยู่ในมือ
“มีอะไรเหรอ สโนไวท์?”
สโนไวท์ไม่ได้เห็นเรื่องนี้เป็นอะไรมากไปกว่าภาพลวงตา เป็นการล่วงละเมิดโดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา —เมจิคัลเกิร์ลคนนี้ไม่ได้แปลงร่างเป็นคู่หูคนเก่าของสโนไวท์ เวทมนตร์ของเธอจะแสดงสิ่งที่คู่ต่อสู้ไม่อยากโจมตีออกมาแบบอัติโนมัติ เมื่อเธอได้ยินเสียงจากหัวใจของอีกฝ่าย เธอก็รู้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น นี่ไม่ใช่ลาพูเซลตัวจริง เธอยืนยันกับตัวเองอย่างหนักแน่น แม้ว่าเธอควรจะเข้าใจเรื่องนั้น ร่างกายของเธอมันกลับไม่ยอมฟัง ลาพูเซลเดินเข้ามายังปลายดาบของเธอ สโนไวท์เกร็งเข่าเอาไว้เพื่อไม่ให้สั่น
เมื่อเมจิคัลเกิร์ลเข้ามาหาอาวุธของเธอ สโนไวท์ก็แทงเข้าไปหา และเมื่อคู่ต่อสู้ถอยกลับไปก่อนที่การแทงจะไปถึงตัว สโนไวท์เองก็กระโดดกลับเช่นกัน ท่าทางของลาพูเซลเปลี่ยนจากตกใจเป็นรอยยิ้มอันบิดเบี้ยว ร่างของเธอค่อยๆละลายจนเปลี่ยนไปเป็นอีกรูปร่าง สโนไวท์มองดูโดยไม่ได้หันหน้าหนี มันไม่ใช่ลาพูเซลอยู่แล้ว เธอรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น
“ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหน มันก็ยังทำให้อีกฝ่ายตกใจได้อยู่ดี” ดาบขนาดใหญ่กลายเป็นนากินาตะ ชุดสไตล์อัศวินกลายเป็นสไตล์นักรบเซ็นโกคุ “น่าประทับใจจังที่เธอสู้กลับ แถมไม่ลังเลเลยซักนิด”
เธอเหวี่ยงนากินาตะที่ประดับประดาด้วยดอกไม้และกวัดแกว่งด้านคมทั้งสองแล้วใช้ด้านปลายชี้ไปที่สโนไวท์ สโนไวท์เองก็ทำแบบเดียวกัน เหวี่ยงอาวุธขึ้นแล้วตั้งท่าสู้
เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังสั่นและลังเล เธอแค่ไม่ได้แสดงมันออกมา โคยูกิ ฮิเมคาวะที่อยู่ภายในจิตใจยังคงร้องไห้
“หึหึ… งั้นก็ มาสู้กันแบบแฟร์ๆดีกว่า” คู่ต่อสู้ของเธอพูด
“มันไม่แปลกไปหน่อยรึไงสำหรับคนที่ถูกบังคับให้สู้ เพราะอีกฝ่ายดันลอบโจมตีแบบขี้ขลาดพลาดแล้วก็มาพูด ‘แฟร์’ ใส่น่ะ?”
เด็กสาวซามูไรยิ้มแสยะ ปีกที่เป็นส่วนหนึ่งของหน้ากากบนใบหน้าสั่นเทา เมื่อเธอเปิดปากราวกับว่าจะพูดบางอย่าง สโนไวท์ที่แทงเข้าไปหาก็ถูกปัดไปด้านข้าง จากนั้นเธอก็แทงเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ดาบของคู่ต่อสู้เหวี่ยงเข้าใส่เธออย่างรุนแรง จนทำให้รั้วเหล็กฉีกขาด คอนกรีตพังกลายเป็นเศษ จนมองเห็นเหล็กเส้นที่ถูกโยนขึ้นไปบนฟ้าเส้นแล้วเส้นเล่าและปะทะกันตรงพื้นที่ระหว่างทั้งสอง
ดอกไม้ที่เป็นเครื่องประดับผมของสโนไวท์หลุดออกไป เนคไทที่คอก็ถูกตัดขาด มีเสียงแกร๊กที่วิ่งผ่านข้อศอกขวาและเลือดที่พุ่งออกมา เธอฟังเสียงในหัวใจของคู่ต่อสู้โดยไม่สนการหลอกล่อทั้งหมด จำกัดให้เหลือเพียงการโจมตีจริงๆที่เข้ามาหาเท่านั้น แต่เธอก็ยังรับมือทั้งหมดไม่ไหว เธอค่อยๆถอยกลับไป แต่ศัตรูก็ก้าวมาด้านหน้าเข้ากันกับจังหวะของเธอเพื่อกันไม่ให้หลุดระยะออกไป คู่ต่อสู้เหวี่ยงอาวุธเข้าหา ในตอนที่สโนไวท์เกือบจะทำรูลเลอร์หลุดมือ เด็กสาวซามูไรก็เล็งเข้ามาที่คางของเธอด้วยการเหวี่ยง —เมื่อได้ยินเสียงจากในหัวใจ สโนไวท์ก็หลบอย่างสิ้นหวัง คู่ต่อสู้ที่เหวี่ยงขึ้นมาจากด้านล่างจึงแค่เฉี่ยวคางของเธอไป สโนไวท์กระโดดกลับพร้อมโค้งตัวเพื่อหลบ หากเธอไม่ได้ยินเสียงในหัวใจของคู่ต่อสู้ เธอคงตายไปนานแล้ว
ความตายกำลังคืบคลานเข้ามา ในหัวของเธอรับฟังเสียงในหัวใจของอีกฝ่ายไม่ไหว จนเริ่มเกิดอาการคลื่นไส้
พวกเธอใช้อาวุธที่คล้ายคลึงกัน สโนไวท์จึงรู้สึกขมขื่นและเจ็บปวดว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งขนาดไหน ไม่เหมือนสโนไวท์ คนที่ยืมอาวุธของคนอื่นเนื่องจากความจำเป็น —แถมในตอนนี้มันก็พูดได้ยากว่าเธอใช้งานได้อย่างคล่องแคล่ว— นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เธอเป็นเมจิคัลเกิร์ลมาและเจอคู่ต่อสู้ที่ใช้อาวุธแบบเดียวกัน
จากแต่ละการเคลื่อนไหวของเธอ —แทง กวาด สวนกลับ— การฝึกฝนและประสบการณ์การต่อสู้มันแข็งแกร่งกว่า มันชัดเจนยิ่งกว่าเสียงจากในหัวใจ สโนไวท์นึกภาพชีวิตของตัวเองขึ้นมา : ฝึกฝนทุกวันโดยตั้งเป้าว่าจะแข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้ หันหลังให้กับการช่วยเหลือผู้คน คิดว่ามันเป็นความคิดที่โง่เขลาโดยไม่รู้ตัวว่าได้จมดิ่งกับการต่อสู้ไปแล้ว เธอแข็งแกร่ง รวดเร็ว รุนแรง ยิดหยุ่น งดงาม มีประสบการณ์และหัวใจที่แข็งแกร่ง
ไม่ใช่แค่แข็งแกร่ง แต่เธอยังใช้เวทมนตร์ของตัวเองเพื่อเปิดทางให้ตัวเองด้วย
จู่ๆรูปร่างของซามูไรก็บิดเบี้ยวแล้วหายไป ในตอนนี้มันคืออลิสในแดนมหัศจรรย์ชุดขาวดำที่ยืนอยู่ตรงนั้นแทน แม้เธอและสโนไวท์จะมีส่วนสูงใกล้เคียงกัน แต่เธอก็ก้มตัวค่อนข้างมาก ดังนั้นระดับสายตาจึงต่ำไปด้วย เธอมองขึ้นมาที่สโนไวท์ด้วยสายตาอันหนักอึ้ง จากนั้นก็พุ่งตัวมาด้านหน้าพร้อมกับป้ายจราจรในมือขวาในทันที สโนไวท์ถอยหลังกลับ ส้นรองเท้าของเธอสัมผัสเข้ากับรั้วเหล็ก มันเลยทำให้รั้วเหล็กทั้งหมดสั่นจนเกิดเสียงขึ้น อลิสชุดขาวดำยิ้มแหยๆออกมา —เป็นรอยยิ้มในรูปแบบที่เธอไม่มีวันทำ— จากนั้นก็เหวี่ยงป้ายจราจรลงมา แม้ว่าจะไม่ได้เชื่อมถึงกัน แต่คอนกรีตก็แตกออก อลิสแปลงร่างกลับไปเป็นอัศวินเกราะ
“แบบนี้ก็ไม่ได้ผลงั้นเรอะ? แปลกชะมัด ปกติแล้วมันต้องได้ผลนิดหน่อยสิ”
คู่ต่อสู้นั้นดูใจเย็นมากเรื่องการต่อสู้ครั้งนี้ ท้ายที่สุดแล้ว สโนไวท์ก็อ่อนแอกว่าเธอ
“คนพูดกันว่าเธอได้ยินจากหัวใจของคนที่มีปัญหา… แต่ฉันสงสัยนะว่า เหมือนมันจะไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะแค่คนที่มีปัญหา นี่ฉันพูดผิดรึเปล่า?”
สโนไวท์ขาดความแข็งแกร่ง ประสบการณ์ แล้วก็ทักษะ ในตอนที่สู้กับเฟรเดริก้าด้วยกันกับริปเปิลเธอก็รู้สึกแบบเดียวกัน ในตอนนั้นริปเปิลอยู่ด้วย แต่ในตอนนี้ริปเปิลไม่อยู่ ที่นี่มีเพียงแค่สโนไวท์ เธอกลัว เรื่องแบบนี้มันน่ากลัว เธออยากจะวิ่งหนีไป แต่เธอก็ทำไมได้ สโนไวท์คนที่เอาแต่ร้องไห้โดยไม่ได้ทำอะไรซักอย่างไม่อยู่อีกแล้ว เธอหายไปแล้ว สโนไวท์กัดฟัน เธอจะไม่เสียใจอีก
“จะอะไรก็ช่างเถอะ —ถ้าสู้กันจนฉันฆ่าเธอได้ แบบนั้นเดี๋ยวก็รู้เอง ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบก็เถอะ”
“ช่วยหุบปากซักทีได้ไหม?” สโนไวท์พูด
อัศวินเกราะหัวเราะจนเฟสการ์ดสั่น “อือ โทษทีนะ พอดีมารยาทแย่ไปหน่อย”
“ตอนพูดกับเค็นอิจิโร่ก็เป็นแบบนี้ด้วยสินะ?”
ท่าทางที่ถูกเฟสการ์ดของหมวกบังเอาไว้แข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่ง อัศวินเกราะรีบหลบคอนกรีตที่สโนไวท์เตะเข้าไปหา จังหวะนั้นมันทำให้ความใจเย็นของเธอขาดหาย สโนไวท์เหวี่ยงอาวุธตามด้วยเตะคอนกรีตสามก้อนเข้าหาเธอ จากนั้นก็พุ่งตัวไปข้างหน้าด้วยแรงทั้งหมด —หรือเธอทำให้ดูเหมือนเป็นแบบนั้น ก่อนที่จะวิ่งไปยังทิศตรงข้าม อีกแง่หนึ่งก็คือ เธอวิ่งหนี
เสียงที่ไม่สงบนิ่งในใจของคู่ต่อสู้กลายเป็นตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนที่ทุกอย่างจะมาบรรจบกันเป็นหนึ่งเดียว ความโกรธที่พุ่งตรงมายังสโนไวท์ เด็กสาวซามูไรไล่ตามมาพร้อมกับสบถออกมาสั้นๆ
พวกเธอกระโดดจากอาคารที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง แม้ศัตรูจะอยู่ในชุดเกราะหนัก แต่เธอก็วิ่งเร็วขึ้น จนเสียงในหัวใจของเธอค่อยๆเข้ามาใกล้
การเข้าใจว่าการพูดชื่อใครบางคนที่คู่ต่อสู้ห่วงใยขึ้นมาเป็นเครื่องมือให้หัวใจสั่นคลอนมันมีผลขนาดไหน เธอก็รู้สึกอยากจะอ้วก แค่ฟังเสียงในหัวใจของอีกฝ่ายแล้วก็พูดชื่อออกมา เธอก็ทำให้ศัตรูเสียความใจเย็นไป ในตอนนี้ความคิดของเธอเต็มไปด้วยความดำมืดพร้อมเจตนาฆ่าแผ่พุ่งเข้าหาสโนไวท์
มีเสียงภายในใจที่อยู่ใกล้ๆ ตอนนี้ได้เวลาแล้ว สโนไวท์กระโดดออกจากถังเก็บน้ำทรงกลมแล้วไถลตัวไปตามรางน้ำฝนเพื่อลงไปบนหลังคาแล้วหมอบลงเหมือนกับเป็นกบ ชั่วอึดใจให้หลังก็มีแสงสว่างส่องผ่าน และสโนไวท์ก็กลิ้งไปทางขวา อัศวินเกราะแทงนากินาตะของตัวเองออกมา แต่สโนไวท์ก็หลบได้ในระยะประชิดเช่นกัน เส้นผมของเธอเพียงเล็กน้อยปลิวไสวเพราะลำแสงเล็กน้อย ไม่ได้รับบาดเจ็บมากมายอะไร
เสียงของการเหน็บแนมดังเข้ามาหาเธอ คนที่กระโดดออกจากอาคาร ข้ามรั้วเหล็กสองรั้วก็คือเมจิคัลเกิร์ลที่ถือทรงกลมส่องแสงขนาดประมาณกะโหลกมนุษย์ เมื่อเธอลงมาที่พื้น ทรงกลมกึ่งโปร่งแสงที่ประดับอยู่ทั่วชุดของเธอก็ส่งเสียงกริ๊งขึ้นพร้อมกัน ท่าทางของเธอบิดเบี้ยวด้วยความไม่พอใจอย่างที่สุดตรงกันข้ามกับเสียงเหมือนกับระฆังเบาๆ สิ่งที่สโนไวท์ได้ยินจากหัวใจของเธอไม่ได้ต่างจากท่าทางและการเหน็บแนมก่อนหน้านี้ มันไม่ใช่สิ่งที่ฟังแล้วจะรู้สึกพอใจ แต่ก็ต้องขอบคุณเสียงจากหัวใจที่ได้ยินอย่างชัดเจนจนสโนไวท์มาสามารถนำเธอมายังสถานที่แห่งนี้
ใต้แขนซ้าย เธอถือทรงกลมที่มีขนาดใหญ่กว่าเครื่องประดับบนชุดสามเท่าพร้อมกับยักไหล่ด้วยท่าทางโอ้อวด ทรงกลมเล็กๆส่งเสียงขึ้นอีกครั้งพร้อมกับการเคลื่อนไหว ชุดที่อยู่ภายใต้ทรงกลมเล็กคือสีม่วงและริบบิ้นที่หัวก็คือสีเขียว เธอดูเหมือนกับองุ่นไม่มีผิด “ปฎิกิริยาตอบสนองต้องระดับไหนเนี่ยถึงหลบไอ้นั่นได้น่ะ?”
ซามูไรติดเกราะดึงนากินาตะกลับ ทำให้คอนกรีตปลิวเข้าไปหาเมจิคัลเกิร์ลองุ่น ลำแสงที่ยิงออกมาอย่างต่อเนื่องจากทรงกลมขนาดใหญ่ชนเข้ากับคอนกรีตที่กลางอากาศจนทำให้พวกมันกลายเป็นควัน เด็กสาวองุ่นไม่พอใจ และซามูไรติดเกราะก็ชี้ปลายนากินาตะเข้าหาเธออย่างหงุดหงิด “อีเวรนี่”
“อะไรห๊ะ?” เด็กสาวองุ่นสวนกลับ
“อย่ามายุ่ง นี่คือเหยื่อของฉัน”
“โอ๊ย ตายแล้ว มาก่อนต้องได้ก่อนสิยะ”
“ถ้าแบบนั้น คนที่เจอก่อนก็ต้องได้ก่อนเซ่”
“โง่ชะมัด! คนที่ฆ่าได้ก่อนก็ได้ไปหมดอยู่แล้ว ยัยสมองเน่าเอ๊ย!”
“เหยื่อนี่นะคนรู้จักกันเยอะ แถมเธอไม่ปิดเป็นความลับอะไรเลยด้วย”
“ใครมันสนเหตุผลปัญญาอ่อนของแกด้วยเรอะ อีแก่หนังเหี่ยว”
ซามูไรติดเกราะแทงนากินาตะไปด้านหน้าโดยหันด้านคมขึ้นบน ทรงกลมลอยขึ้นมาแล้วก็สั่นตรงหน้าของเด็กสาวองุ่นราวกับขวางเอาไว้ นี่กลายเป็นว่ามันสร้างสามเหลี่ยมด้านเท่าที่มีระยะห่างห้าเมตรโดยรวมสโนไวท์เข้าไปด้วยขึ้นมา แต่ความสนใจของเด็กสาวซามูไรกับเด็กสาวองุ่นกำลังหันเหออกไปจากเธอ
แม้ว่าสโนไวท์จะพยายามยับยั้งความกลัวของตัวเอง แต่มันก็มีขีดจำกัด เธอทิ้งความกลัวไป บอกตัวเองว่าต้องขยับมิเช่นนั้นก็จะตายโดยที่ไม่ได้กลายเป้นเมจิคัลเกิร์ลในแบบที่เธออยากจะเป็น เธอสร้างพลังเพื่อขับเคลื่อนตัวของเธอ โดยใช้เสียงจากหัวใจของอีกฝ่าย การจ้องมอง การขยับของแขนขา และทุกๆอย่างเป็นวัตถุดิบ เธอค้นหาเส้นทางแคบๆที่นำพาไปสู้ชัยชนะ
…ที่นี่แหละ
ก่อนที่ความตึงเครียดระหว่างเมจิคัลเกิร์ลทั้งสองคนจะพุ่งถึงขีดสุด สโนไวท์ก็กระโดดถอยไปด้านหลัง มือซ้ายของเธอจับด้ามอาวุธเอาไว้ ในขณะที่มือขวาล้วงลงไปในกระเป๋า
ซามูไรติดเกราะวิ่งเข้าหาสโนไวท์ และในเวลาเดียวกัน ทรงกลมขนาดใหญ่ก็บินฝ่าอากาศเข้ามาหา
ในตอนที่บินเข้ามา รูปทรงมันก็เปลี่ยนไป ทรงกลมบวมขึ้นแล้วก็บิดรูป กลายเป็นทรงหัวใจที่ดูนุ่มนวลที่มีส่วนปลายแหลมคม มันเปลี่ยนรูปร่างแล้วก็รวบรวมแสง ซามูไรติดเกราะที่อยู่กลางอากาศนั้นบิดตัวเพื่อหันไปทางอื่น สโนไวท์ดึงสลักออกจากถังดับเพลิงที่เอาออกมาจากกระเป๋า
“ลำแสงแห่งความรักอันเจิดจ้า!” เด็กสาวองุ่นร้องออกมา จากนั้นก็ตามด้วยแสงวาบ
สโนไวท์สาดผงสีขาวไปทั่วบริเวณ เธอรู้สึกถึงเสียงของการปะทะ มีเสียงกรีดร้องแล้วตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวน จากนั้นก็มีกลิ่นไหม้ของอะไรบางอย่าง
เสียงทั้งหมดหายไปแล้วราวกับเวลาหยุดลง สโนไวท์หายใจอย่างเบาๆและรออย่างใจเย็น ผงที่กระจายไปทั่วในตอนนี้หายไปแล้ว
ผงสีขาวที่บดบังการมองเห็นจางลง และเมจิคัลเกิร์ลสองคนก็ปรากฏตัวขึ้น
หนึ่งคนล้มตัวลงบนพื้นพร้อมกับมีดาบ โยโรย โดชิ แทงเข้าไปที่ท้อง เธอครางออกมาและใช้มือกดที่ๆถูกแทงเอาไว้พยายามทำให้เลือดหยุดไหล เธอคือเด็กสาวองุ่น วัตถุที่มีรูปร่างหัวใจกลับคืนสู่ทรงกลมตามเดิม มันกลิ้งอยู่บนพื้นอย่างอ่อนแรง ในตอนนี้ทรงกลมมีสีเทาอ่อน
เด็กสาวอีกคนนึงยังคงยืนอยู่ ตัวของเธอเอนเอียงแต่ก็ยังคงยืนอยู่ได้ ควันสีดำลอยขึ้นมาจากจุดต่างๆทั่วทั้งตัว ชุดเกราะนั้นเป็นเขม่าดำ การ์ดที่แขนขวาก็หลอมละลาย แน่นอนว่าเนื้อหนังด้านในย่อมไร้รอยแผล แม้ส่วนที่มองเห็นได้จะดูไหม้อย่างรุนแรง เสียงในใจของเธอกำลังกรีดร้อง
แต่กระนั้น เธอก็ยังคงกัดฟันและไม่ล้มลง ซามูไรติดเกราะพยายามยกนากินาตะขึ้นแล้วชี้มาที่สโนไวท์พร้อมกับคิ้วที่ย่นเข้าหากัน เธอกำลังสับสน แน่นอนว่ามันคงเป็นแบบนั้น สโนไวท์ที่อยู่ในม่านควันสีขาวของผงดับเพลิงกำลังสวมผ้าคลุมล่องหนอยู่บนไหล่
และยังมีอีกเรื่องหนึ่ง
สโนไวท์ชูปืนทรงกลมสีดำขึ้นมาจากใต้ผ้าคลุม เมื่อปืนชี้เข้าหาศัตรู นิ้วของเธอก็มีของประดับรูปงูมารองรับไว้ จากนั้นเธอก็ลั่นไก ซามูไรติดเกราะเคลื่อนไหวแทบจะเป็นในจังหวะเดียวกันกับที่เสียงปืนดังขึ้น เธอก้มลงและเอามือซ้ายมาไว้ที่หน้า เธอกันกระสุนห้านัดเอาไว้ด้วยด้านหลังของถุงมือและเกราะอก
กระสุนถูกยิงออกมาโดยคู่ต่อสู้ที่มองไม่เห็น แต่เธอก็ขยับด้วยการตอบสนองกับเสียงที่ดังขึ้น แล้วก็ป้องกันไว้ได้แบบทันเวลา นี่คือศัตรูที่เธอกำลังเผชิญหน้า เธออาจจะถูกยิงด้วยซ้ำ —แต่สโนไวท์ก็เข้าใจดีว่าต่อให้ลั่นไกไปมันไม่ได้ก็ฆ่าเธอไม่ได้ เธอโยนปืนทิ้งแล้วก็เอารูลเลอร์ขึ้นมาในมืออีกครั้งในจังหวะเดียว
ซามูไรติดเกราะบดคอนกรีตใต้ฝ่าเท้าในตอนที่ก้าวเดินไปด้านหน้าโดยใช้พลังทั้งหมดที่มี
แต่ชุดเกราะที่ป้องกันลำตัวเอาไว้กลับกลายเป็นหิน และแตกออกในตอนที่เคลื่อนไหว เศษหินกระจายออกไป ถุงมือเองก็ฉีกขาด เกราะอกมีรูโหว่ พอจุดศูนย์ถ่วงเปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน เธอก็เกิดเสียสมดุลแต่ว่ายังคงไม่ทิ้งอาวุธของตัวเอง เธอหายใจเข้าแล้วก็เหวี่ยงนากินาตะ
สโนไวท์ก้าวไปด้านหลังครึ่งก้าวพร้อมมองดูนากินาตะที่เหวี่ยงลงมาตรงหน้าเข้าหาศีรษะของเธอ แรงจากอากาศที่มาจากใบดาบเพียงอย่างเดียวก็เฉือนผ้าคลุมล่องหนออกเป็นแนวตั้ง เลือดไหลออกมาจากหน้าผาก และเส้นผมจำนวนหนึ่งปลิวออกไป หากศัตรูก้าวเข้ามาใกล้กว่านี้เพียงเล็กน้อย ใบหน้าของสโนไวท์ก็คงถูกเฉือน แต่ซามูไรติดเกราะเสียสมดุลมากเกินไปจนก้าวมาอีกไม่ได้
สโนไวท์ปล่อยให้คู่ต่อสู้โจมตีเข้ามาโดยไม่ถูกใบหน้า จากนั้นก็ปัดอาวุธของอีกฝ่ายไปด้านข้างในตอนที่หลบหลีก แล้วก็ก้าวไปด้านหน้าเฉือนศัตรูเข้าที่หน้าแข้ง เธอตัดผ่านสนับแข้งนี่มันอ่อนตัวจากการโดนความร้อน และการโจมตีเพียงครั้งเดียวก็เข้าไปลึกถึงกระดูก
การดันเข้าไปด้านในและใช้มันเพื่อเฉือนหน้าแข้งของอีกฝ่ายคือการเคลื่อนไหวที่เธอเรียนรู้มาจากเสียงหัวใจของศัตรู โดยปกติแล้ว เทคนิคที่เธอเรียนรู้โดยไม่ได้ฝึกฝนมาก่อนจะไม่เคยสำเร็จ หลังจากใช้ทุกอย่างใส่เข้าไปหา —เมจิคัลเกิร์ลที่ใช้ทรงกลมที่นอนอยู่ ผ้าคลุมล่องหน ปืนเวทมนตร์ ความสามารถที่ได้ยินเสียงจากในหัวใจ และการฝึกฝนกับริปเปิลเพื่อสู้เฟรเดริก้า— ในที่สุดแล้วเธอสามารถย่นระยะเข้าไปหาเพื่อโจมตีได้
สโนไวท์หันปลายอาวุธกลับหลังเมื่อศัตรูพุ่งตัวมาด้านหน้า จากนั้นก็โจมตีครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง ครั้งที่สามเข้าไปที่หลังศีรษะและยังตีซ้ำเข้าไปที่ด้านหลังหมวก เมื่อสโนไวท์ไม่ได้ยินเสียงจากในหัวใจของอีกฝ่าย ในที่สุดเธอก็หยุดตี ดึงอาวุธกลับ แทงขึ้นไปบนหลังคา แล้วก็เอนตัวพิง แม้การยังคงยืนอยู่ด้วยเท้ามันจะเหนื่อยอย่างแสนสาหัส แต่เธอก็ยังล้มไม่ได้
เธอยังคงได้ยินเสียงจากภายในหัวใจ มันพุ่งตรงเข้ามาหาเธอด้วยความเร็วสูง เธอหันหน้าไปยังต้นเสียง ต่อมาเธอก็เห็นเมจิคัลเกิร์ลที่กระโดดเข้าหาเธอจากด้านบนอาคาร อีกฝ่ายอยู่ตรงหน้าเธอเรียบร้อยแล้ว เร็วมากจนน่ากลัว
เมจิคัลเกิร์ลมีพัดเหล็กคู่ห้อยลงมาจากตรงเอว ดวงตาดูเย็นชา จนสัมผัสความอบอุ่นที่อยู่ในตัวไม่ได้ แค่มองดูเธอ สโนไวท์ก็รู้สึกหนวเย็นจับขั้วหัวใจ และเท้าก็เริ่มสั่นขึ้นมา การเคลื่อนไหวของเธอไม่มีจุดอ่อนอยู่เลย แค่มองดูสโนไวท์ก็มั่นใจว่า หากพวกเธอสู้กันตอนนี้ มันก็ไม่มีทางที่เธอจะชนะเลย
เมจิคัลเกิร์ลที่มีพัดเดินเข้ามาหาหนึ่งก้าว สองก้าว แล้วเมื่อถึงก้าวที่สาม เธอก็หยุดตัวพร้อมกับระยะที่ห่างออกไปสองเมตร ไม่ว่าจะวิ่งหรือเดิน เธอก็ยังคงรักษาสมดุลร่างกายทั้งหมดได้ เสียงในหัวใจเองก็สงบเช่นกัน “ฉันคือแฟน ลิท แฟนจากหน่วยสืบสวน จะถือว่าเธอถูกโจมตีก็แล้วกันนะ”
จากเสียงภายในหัวใจ สโนไวท์สามารถบอกได้ว่าคนๆนี้ที่รีบเร่งเข้ามาเพราะว่าเกี่ยวข้องกับริปเปิลที่ส่งรายงานไปยังสถานที่ที่เรียกว่าหน่วยสืบสวน สโนไวท์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
เมื่อหันหน้าไปมองเมจิคัลเกิร์ลที่กำลังกดใบดาบที่แทงเข้าไปที่ท้องและร้องครวญคราง แล้วก็เมจิคัลเกิร์ลคนโดนทุบเข้าที่หมวกจนบุ๋มลงไป สโนไวท์ก็มองลงมาที่กระเป๋าที่ห้อยอยู่ตรงเอวแล้วก็ตบมัน “ทั้งหมดมีสี่คน ไม่ใช่แค่สองคนนี้”
เธอหวังว่าเมจิคัลเกิร์ลคนนี้ที่มาจากหน่วยสืบสวนควรจะมาให้เร็วกว่านี้ซักนิด แต่เธอก็เก็บความคิดนั้นไว้กับตัวเอง เรื่องนี้มันดีกว่าตอนแครนเบอร์รี่ที่เธอไม่รู้ว่าต้องรายงานให้ใครฟังเป็นร้อยเป็นพันเท่า
เธอดึงเอาเมจิคัลเกิร์ลหลายคนที่คลายการแปลงร่างแล้วออกมา เด็กสาวที่เปลี่ยนตัวเองเป็นกรวย เด็กสาวที่สามารถควบคุมผู้อื่น และเด็กสาวที่มีปืน และสุดท้ายก็คือเด็กสาวในชุดวอร์ม คนสุดท้ายนี้ —เมจิคัลเกิร์ลที่มีใบหูของหมี— เป็นจุดเริ่มต้นของทุกๆเรื่อง
เธอเข้าโจมตีสโนไวท์ด้วยร่างหมียักษ์ สโนไวท์ได้ต่อสู้กับเธอ และจากนั้นเมื่อได้ยินเสียงจากในหัวใจ เธอก็รู้ว่าตัวของเธอนั้นมีค่าหัว ดังนั้นเธอจึงติดต่อริปเปิลที่อยู่นอกเขต
“ก่อนที่จะจับพวกเธอ อย่างน้อยก็ควรถูกปฐมพยาบาลก่อน ไม่งั้นคงมีปัญหาแน่” สโนไวท์พูด “เธอมีเวทมนตร์แบบนั้นรึเปล่า?”
“ไม่ แต่ฉันมีชุดปฐมพยาบาลเวทมนตร์อยู่” แฟนตอบ
“ฉันจะช่วยนะ”
“เริ่มจากเธอก่อนเลย”
“ฉันไม่เป็นไรหรอก คนที่ถูกแทงเข้าที่ท้องน่ะแย่กว่าอีก เริ่มจากเธอแล้วกัน” สโนไวท์ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เธอจัดลำดับความสำคัญของคนอื่นที่เจ็บหนักกว่าเธอ เธอรู้สึกว่านี่คือสิ่งแรกที่ตัวเองพูดเหมือนกับเป็นเมจิคัลเกิร์ลจริงๆ
โจมตีใส่ใครซักคนจากด้านหลัง รู้ว่ารถกำลังจะชนอยู่ตรงหน้าแต่ไม่ได้ทำอะไรเลย รู้ว่ามีคนอยู่ด้านในอาคารแต่ก็ยังเลือกเป็นสถานที่ต่อสู้ โจมตีภาพลวงตาของลาพูเซลและฮาร์ดกอร์อลิส ใช้ใครบางคนที่คู่ต่อสู้ห่วงใยทำให้หัวเสีย เฉือนเนื้อและกระดูกของเมจิคัลเกิร์ลด้วยอาวุธตัวเอง เข้าต่อสู้อย่างนองเลือดที่ทุกอย่างไม่ได้เป็นเรื่องที่เธอต้องการ เธอไม่คิดว่าเมจิคัลเกิร์ลควรจะเป็นอะไรแบบนี้ แต่กระนั้น เธอก็ยังต้องทำมัน และยังต้องทำแบบนั้นอีกในอนาคตด้วย
ก่อนที่เธอจะสู้กับไพตี้ เฟรเดริก้า สโนไวท์ก็มีความรู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้น และเธอก็รู้สึกแข็งแกร่งยิ่งขึ้นหลังจากการต่อสู้ในวันนี้มากกว่าก่อนหน้านั้นเช่นกัน บางทีนี่อาจเป็นจินตนาการของเธอเอง แต่บางทีมันก็อาจไม่ใช่จินตนาการของเธอก็ได้ แต่กระนั้นเธอก็ยังต้องสู้ต่อไป
พอได้ยินเสียงร้องอย่างประหลาดใจ เธอจึงหันไปมองด้านข้าง ท่าทางของแฟน ลิท แฟนไม่ได้เปลี่ยนไป แต่เธอไม่สามารถปกปิดเสียงจากภายในได้
สโนไวท์จับแขนขาของเมจิคัลเกิร์ลที่ร้องโอดโอยเอาไว้ จากนั้นเธอก็เอียงหัว “มีอะไรน่าแปลกเหรอ?”
แม้ว่าแฟนจะอายเล็กน้อยที่จู่ๆสโนไวท์ถามออกมา แต่เธอก็ไม่ได้แสดงออกมาบนใบหน้า ยังคงท่าทาง “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” เอาไว้ เธอตอบกลับมาอย่างเบาๆ “ก็นะ.. มีพวกนอกคอกที่เป็นคนดังอยู่บ้างนิดหน่อย”
“คนดัง? จริงเหรอ?”
แฟนกวาดสายตาไปหาเมจิคัลเกิร์ลที่ล้มฟุบแล้วก็พยักหน้า “ไลแคนอิส, เฮด ช็อคโกะ, เมรุน, มูเลอิน่า…เลดี้ คาจิน, เอ-เกรด กริลเล็ตต์ แค่ได้ยินชื่อพวกนี้ ใครๆจากหน่วยสืบสวนก็จะคิดว่า อ๋อ ยัยนั่นน่ะเหรอ? แถมบางคนก็เป็นสมาชิกของฝ่ายต่อต้าน ไม่ก็พวกสอบตกจากโรงเรียนกวดวิชามาโอ พอฉันได้ยินชื่อของนักล่าเมจิคัลเกิร์ล ฉันก็รู้สึกสงสัยนะ แต่…”
“นักล่าเมจิคัลเกิร์ล?”
คิ้วของแฟนย่นเข้าหากันก่อนที่จะกลับไปสวมหน้ากากไร้อารมณ์อีกครั้งในทันที แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามปกปิดมากเท่าไหร่ สโนไวท์ก็ยังคงได้ยินเสียงจากในหัวใจอยู่ดี เธอยังได้ยินคำว่า “นักล่าเมจิคัลเกิร์ล” ที่ไพตี้ เฟรเดริก้า คนที่อยู่ภายใต้การสอบสวนเคยใช้ และมันก็ยังถูกใช้ในหน่วยสืบสวนอีก
หากเรื่องมันเป็นแบบนั้น มันก็ทำให้บางอย่างชัดเจนขึ้น เมื่อสโนไวท์คิดว่าอาจมีใครตั้งเงินรางวัลค่าหัวของเธอ หากคนๆนั้นคือไพตี้ เฟรเดริก้าก็จะสมเหตุสมผลที่สุด ทำให้เธอต้องสู้และทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้น ทำให้เธอถูกเรียกว่านักล่าเมจิคัลเกิร์ล คนที่จัดการเหล่าเมจิคัลเกิร์ล และทำให้เธอกลายป็นคนที่พวกคนชั่วหวาดผวา
สโนไวท์เคยคิดว่าหากมีคนร้าย ก็คงจะเป็นพวกที่เห็นอกเห็นใจแครนเบอร์รี่ที่ไม่พอใจเธอ แต่เหมือนในตอนนี้จะไม่ใช่กรณีนั้น สโนไวท์ไม่รู้ว่าเฟรเดริก้าพยายามแพร่อิทธิพลของเธอออกไปในตอนที่โดนจับตัวอยู่ หรือทำก่อนที่จะโดนจับกันแน่ แต่เธอก็คิดว่าเฟรเดริก้าทำได้สำเร็จแล้ว
เอ-เกรด กริลเล็ตต์ เมจิคัลเกิร์ลที่เลือดไหลออกมาหยุดร้องด้วยความเจ็บปวดแล้ว แต่แฟนก็ไม่ได้สนใจเลยในตอนที่เธอเทยาเหลวลงไปบนบาดแผล แม้จะไม่ได้ยินเสียงจากในหัวใจ สโนไวท์ก็บอกได้ว่าแฟนนั้นคิดว่าอีกฝ่ายควรจะทรมาณมากกว่านี้อีกซักหน่อย ดูเหมือนว่าแฟนจะสามารถเชื่อใจได้
สโนไวท์เอามือขวาออกจากตัวเด็กสาว ส่วนมือซ้ายนั้นใช้เมจิคัลโฟนของตัวเอง หลังจากส่งข้อความสั้นๆไปหาริปเปิลว่า ฉันปลอดภัยดี คนจากหน่วยสืบสวนมาแล้ว เสร็จสิ้น เธอก็ปิดเมจิคัลโฟนไป “แฟน”
“…อะไรล่ะ?”
“เรื่องของเมจิคัลเกิร์ลคนที่เป็นผู้ว่าจ้างให้มาลอบสังหารฉัน… ฉันหมายถึงคนที่จัดการหนึ่งในพวกเว็บไซท์ผิดกฏหมายเพื่อหารายได้น่ะ”
มันมีเว็บไซท์ที่เอาไว้ช่วยเรื่องการจ้างงานที่ดำเนินการโดยแสร้งว่าเป็นการช่วยเหลือเมจิคัลเกิร์ลที่ถูกไล่ออกจากงานและยังได้รับเงินทุนสนับสนุนมาจากขุนนางของดินแดนเวทมนตร์อยู่ แต่ลึกลงไปมันคือดาร์คเว็บผิดกฏหมายสำหรับจ่ายเงินให้กับสมาชิกที่ทำสัญญาเวทมนตร์กับผู้ให้บริการ เว็บไซท์นั้นกลายเป็นแหล่งรวมของเมจิคัลเกิร์ลที่ทำงานสกปรกเพื่อเงิน —หรือเธอได้ยินมาแบบนั้น
“พวกเรารู้ตัวแล้ว” แฟนตอบ “พวกเรารวบรวมกำลังของหน่วยสืบสวนทั้งหมดมาและกำลังไล่ล่าเธออยู่”
“ฟังดูเหมือนว่ายังไม่เจอตัวเลยนะ”
“…ฉันพูดเรื่องนี้กันคนนอกหน่วยแบบอิสระไม่ได้หรอก”
แม้ว่าเธอจะพูดไม่ได้ สโนไวท์ก็ยังคงได้ยินเสียงจากในหัวใจ อาชญากรตัวปัญหายังคงสร้างปัญหาแก่ดินแดนเวทมนตร์อย่างต่อเนื่อง ข่าวลือบอกว่ามีคนที่คอยช่วยเธออยู่ และไม่มีใครที่จะเก่งเรื่องการหนีและหลบซ่อนไปกว่านี้อีกแล้ว เธอทำให้หน่วยสืบสวนคว้าน้ำเหลวมาหลายต่อหลายครั้ง
“สโนไวท์” แฟนพูด
“อะไรเหรอ?” สโนไวท์ที่ยังคงก้มหน้าตอบกลับ เธอคิดถึงเรื่องต่อไปที่ควรทำ และไม่ได้พยายามปกปิดว่าจิตใจของเธออยู่ที่อื่น
มันคงข้ามผ่านแฟนไปแล้ว แต่น้ำเสียงของเธอที่ไม่ได้เปลี่ยนไปยังคงพูดต่อ “สุดท้ายแล้ว…”
“อื้อ”
“ถ้าเมจิคัลเกิร์ลถูกคิดว่ามีความสามารถ เธอก็จะมีภารกิจที่อันตรายถูกส่งไปให้ราวกับเป็นการบังคับ แล้วเธอก็จะไปสะดุดอะไรเข้าที่ไหนเข้าซักที่ หากเธอไม่อยากเป็นแบบนั้นก็ไม่ควรจะแสดงความสามารถออกมา ความเจียมเนื้อเจียมตัวและนิ่งเงียบเป็นพื้นฐานของเมจิคัลเกิร์ลมืออาชีพ”
สโนไวท์เงยหน้าขึ้น แฟนที่กำลังพันผ้าก๊อซที่แผลอย่างหนักมือไม่ได้มองตรงมาที่เธอ สโนไวท์มองหน้าของแฟนต่อครู่หนึ่งก่อนที่จะก้มหน้าลงเงียบๆ “ขอบคุณสำหรับคำเตือนมากเลยนะ”
“ฉันไม่ได้เตือนเธอเพราะใจดีหรอกนะ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องขอบคุณก็ได้ ถ้าฉันบอกเธอให้อยู่นิ่งๆแล้วเธอกลับไปทำอะไรบ้าๆ อย่างน้อยฉันก็ถือว่าเคยพูดเตือนไปแล้ว”
สโนไวท์ไม่ได้ตอบกลับ เธอรู้สึกว่าหากพูดอะไรตอบกลับไป ความใจดีของแฟนก็จะกลายเป็นเรื่องหยาบคาย การที่ไม่พูดอะไรทำให้เธอบีบแขนที่จับเอาไว้แรงขึ้นจนทำให้ เอ-เกรด กริลเล็ตต์ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
คำแนะนำของแฟนมันมีเหตุผล แต่สโนไวท์จะทำตามที่ตัวเองเลือกแบบไม่เสียใจ หากหน่วยสืบสวนของดินแดนเวทมนตร์พึ่งพาไม่ได้ แบบนั้นเธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจัดการด้วยตัวเอง ตัวของเธอไม่มีอย่างอื่นนอกความรังเกียจต่อฉายา นักล่าเมจิคัลเกิร์ล หากไม่มีใครที่ทำการล่า แบบนั้นสโนไวท์ก็จะเป็นคนที่ลงมือเอง เธอจะไม่ปล่อยให้คนที่ทำผิดรายนี้หนีไปอยู่ภายใต้การคุ้มครองของขุนนางบางคนแน่
หลังจากที่คิดมาถึงตอนนี้ จู่ๆสโนไวท์ก็เงยหน้าขึ้น ห่างออกไปเธอได้ยินเสียงจากในหัวใจ ริปเปิลนั่นเอง เธอเป็นห่วงสโนไวท์มาก ในขณะเดียวกันสโนไวท์เองก็รู้สึกอยากขอโทษ ที่มุมปากของเธอรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อยเช่นกัน
MANGA DISCUSSION