เพจิกะกับการครุ่นคิดถึงความสุขในฤดูใบไม้ร่วง
☆ เพจิกะ
การที่จะเลือกตัวละครในเกม RPG และหนึ่งในตัวละครนั้นทำอะไรไม่ได้เลย โดยปกติแล้วก็จะไม่มีผู้เล่นคนไหนเลือก แม้ว่าตัวละครตัวนั้นอาจจะมีโบนัสภายนอกการต่อสู้อยู่ —อย่างเช่นเก่งเรื่องเวทมนตร์ฟื้นฟูแม้ว่าตัวเองจะต่อสู้ไม่ได้ สามารถอดกับดัก ไม่ก็เปิดหีบสมบัติ— หรือบอกว่ามีคลาสทรงพลังรออยู่ในตอนที่เลเวลขึ้นไปถึงจุดๆหนึ่ง แต่ถ้าตัวละครนั้นทำอะไรไม่ได้เลย มันก็จะไม่มีใครเลือกใช้
ในตอนนี้เพจิกะคือตัวละครตัวนั้น เธอได้แต่มองดูการต่อสู้จากวงนอก เธอเดินตามคนอื่นไปแบบเงียบๆ เธอไม่ได้ทำอะไรเลย เธอไม่ได้ช่วยอะไรปาร์ตี้ นอกจากนี้เมจิคัลแคนดี้ที่ได้มาจากการต่อสู้ก็จะถูกแบ่งเป็นสี่ส่วนเท่าๆกัน ตัวตนอันไร้ประโยชน์เพจิกะมันทำให้คนอื่นได้เมจิคัลแคนดี้น้อยลง ไม่ใช่แค่เธอไม่มีประโยชน์กับคนอื่น แต่ยังลากคนอื่นลงมาด้วย เป็นสมาชิกของปาร์ตี้ที่แย่ที่สุด
เธอไม่ได้อยากเล่นเกมนี้เพราะตัวเองอยากเล่นตั้งแต่แรก เธอถูกลากเข้ามาใน เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค ด้วยเหตุนี้เธอจึงอยากบอกกับทุกๆคนว่า ‘ถ้าฉันไม่มีประโยชน์มันก็ไม่ใช่ความผิดของฉันนะ’ แต่ริโอเน็ตต้าที่พูดจาแดกดัน โนนาโกะที่พูดว่าเพจิกะไร้ประโยชน์ยังไงแบบไม่ใส่ใจ และแคลนเทลที่มองดูเธอราวกับว่าอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ณ จุดนี้เพจิกะจึงอยากจะหายตัวไป หากเป็นแบบนี้ต่อไปคงได้เป็นแผลในกระเพาะแน่ เมจิคัลเกิร์ลอีกสามคนเล่มเกมกันอย่างจริงจังเพราะมันมีเงินรางวัลมหาศาลระดับหมื่นล้านเยนอยู่ และแรงจูงใจนั้นทำให้เพจิกะรู้สึกได้แต่ความแปลกแยกที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น
ธอไม่เคยมีประโยชน์ —ไม่เลย ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ แคลนเทลกับริโอเน็ตต้ากำลังซึมเพราะโดนปาร์ตี้อื่นไล่ออกมาจากพื้นที่ล่า โนนาโกะ มิโยคาตะพูดให้กำลังใจ แต่มันก็สัมผัสได้ว่าพวกเธอกำลังอยู่ในห้วงความคิด อากาศบริเวณโดยรอบแคมป์ไฟก็หนักอึ้ง
หากเพจิกะสามารถพูดอะไรที่มีประโยชน์ได้ซักอย่าง ไม่ก็ทำให้บรรยากาศในตอนนี้ดีขึ้น แบบนั้นก็ไม่มีใครพูดว่าเธอไร้ประโยชน์ได้อีก ถึงจะบอกให้ตัวเองพูดอะไรซักอย่าง —อะไรก็ได้— แต่เธอก็พูดอะไรไม่ออกซักคำ จู่ๆริโอเน็ตต้าก็เงยหน้าขึ้น เธอมองไปที่โนนาโกะพร้อมกับสีหน้าที่เคร่งเครียด ดูจากท่าทางแล้วคงไม่ได้คิดเรื่องดีๆแน่ อะ-เอ่อ เพจิกะคิดว่าริโอเน็ตต้าคงพูดอะไรอย่าง “ให้ตายสิ เธอนี่มันปากเสียจัง” ไม่ก็ “ขนาดแมลงวันยังมีความอดทนมากกว่าเธอเลย” ทั้งสองคนทะเลาะกันทุกเรื่องอยู่ตลอดแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆก็ตาม
“จะว่าไปแล้ว…” เพจิกะพูดออกมาโดยที่ไม่ได้คิด และเธอก็ไม่สบายใจกับเรื่องนี้มากกว่าคนอื่น เธอคิดว่าต้องทำอะไรบางอย่างก่อนที่ริโอเน็ตต้าจะโจมตีโนนาโกะ แต่เธอก็ไม่ได้มีความคิดเรื่องอะไรเป็นพิเศษ
ริโอเน็ตต้า โนนาโกะ และแคลนเทลต่างก็มองมาที่เธอ เธอมีอะไรจะพูด แต่เมื่อพยายามพูดก็ตื่นกลัว พอตื่นกลัวแล้วคำพูดมันก็ติดอยู่ที่คอ เธอไม่ได้มีเวลามากพอที่คิดจะพูดเรื่องอะไรที่มีประโยชน์
“จะว่าไป…เอ่อ…ในเกมมันไม่มีฤดูกาลสินะ…ใช่ไหม?” ในที่สุดเพจิกะก็พูดออกมา
ริโอเน็ตต้า โนนาโกะ และแคลนเทลจ้องมองเธออย่างงุนงง
เพจิกะตื่นกลัว พูดเรื่องฤดูกาลออกมาแบบนี้มันดูผิดแผกเกินไป แต่เธอก็ย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว เธอต้องพูดเรื่องนี้ต่อไป “นอกเกมเป็นฤดูใบไม้ร่วง แต่…ที่นี่…เอ่อ… แย่สุดๆเลย”
เมื่อเทียบกับพื้นที่รกร้างที่เป็นพื้นที่แรกแล้ว บางทีอาจพูดได้ว่าการมีต้นหญ้างอกอยู่ทำให้รู้สึกดีขึ้น แต่สิ่งที่ต่างกันของเล็กน้อยของที่นี่และพื้นที่ทุ่งหญ้าที่เป็นพื้นที่ที่สองคือมันไม่มีสิ่งที่หยิบจับได้หรือใบไม้สีแดงอยู่เลย มีแต่ต้นหญ้าที่พริ้วไหวไปตามลม
“แล้วพอนึกถึงฤดูใบไม้ร่วง…มันก็เหมือนกับฤดูเก็บเกี่ยวเลยค่ะ…” เพจิกะไม่รู้อีกแล้วว่าตัวเองพยายามจะพูดอะไร แต่ความตื่นกลัวมันบอกเธอว่าต้องพูดอะไรบางอย่างออกไป
ริโอเน็ตต้าหันไปทางอื่นราวกับหมดความสนใจ แคลนเทลหลับตาลง ส่วนสายตาของโนนาโกะหันกลับไปที่แคมป์ไฟ
“…โดบิน มุชิ” ริโอเน็ตต้าพึมพำ เธอพูดถึงซุปแบบดั้งเดิมที่มีกุ้งนึ่ง ไก่ แล้วก็เห็ดที่เสิร์ฟมาพร้อมกับกาน้ำชาโดบิน
โนนาโกะเองก็พูด ”มารอน กราเซ…” ตามมา มันเป็นขนมหวานที่ทำมาจากเกาลัด
“อิริโดริ…” แคลนเทลพึมพำในตอนที่ก้มหน้าและหลับตาอยู่ ราวกับว่ากำลังนึกภาพของไก่กับผักที่กำลังเคี่ยวผสมกับซอสหลากชนิด
ความตึงเครียดจากก่อนหน้านี้หายไปแล้ว แต่ความผิดแปลก เศร้าหมอง หรืออะไรบางอย่างมากลับมาห้อมล้อมเด็กสาวทั้งสามที่อยู่ในความเงียบทันที มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ? เพจิกะมองดูทั้งสามคน แต่ทุกคนก็ยังคงไม่ได้เปิดปากอะไร ราวกับกำลังจมอยู่ในห้วงความคิด
☆ ริโอเน็ตต้า
ย้อนกลับไปในตอนที่ริโอเน็ตต้าถูกรู้จักในชื่อริโอะ คุโจ เธอนั้นมักจะไปยังร้านอาหารโปรดของพ่อทุกๆฤดูใบไม้ร่วงเพื่อทานอาหารที่ทำจากเห็ดมัทสึทาเกะหลากหลายเมนู แม้แต่ในตอนนี้เธอยังจำภาพอาหารอันหรูหราที่วางเรียงรายกันอย่างเป็นประกายได้ : เนื้อย่างเสียบไม้ โดบิน มุชินึ่งในกาน้ำชาดินเผา น้ำซุบเห็ดสีใส โอจะซึเกะ (ข้าวราดน้ำชา) และซุบไข่
ทั้งหมดนั้น สิ่งที่พ่อของเธอชอบที่สุดก็คือ โดบิน มุชิ
น้ำซุบสีใสที่มีกลิ่นจางๆของส้มคาโบสุคั้นสด เห็ดมัทสึทาเกะหั่นชิ้นใหญ่ เสริมด้วยความนุ่มของปลาไหลคองเกอร์
พูดตามตรงแล้ว เธอไม่เข้าใจเลยว่าอะไรที่มันทำให้เห็ดมัทสึทาเกะอร่อยมาก โดยพื้นฐานแล้วการให้ลูกทานเห็ดมัทสึทาเกะมันคือความพอใจของผู้ปกครอง เป็นแค่เครื่องมือวัดระดับความสำเร็จที่ตัวเองสามารถเพลิดเพลินไปกับมันได้
ในช่วงเวลานั้น ริโอะไม่ได้คิดถึงเรื่องดูถูกถากถางเช่นนี้ —เธอเชื่อว่าอาหารมันต้องดีเพราะพ่อกับแม่ของเธอพูดว่าดี เธอใช้ชีวิตของตัวเองโดยที่ไม่ได้สงสัยอะไรเลย ไม่ใช่ทั้งพ่อแม่ พ่อครัว เห็ดมัทสึทาเกะ ปลาไหล คาโบสุ หรือโลกใบนี้
ในตอนนั้นพ่อของเธอยังคงอยู่ แม่ของเธอก็เช่นกัน ครอบครัวคุโจเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความมั่งคั่ง ริโอะเองก็มีเพื่อนมากมาย เมื่อเธอเจอปัญหา “เพื่อน” เหล่านั้นก็ไม่เข้ามาช่วยอะไรเลย แต่ริโอะไม่เคยคิดว่ามันจะมีเวลาที่เธอเจอกับปัญหาอยู่ด้วย ชีวิตมันเต็มไปด้วยความสนุก มีคนดีๆอยู่รายล้อม เรื่องของความเศร้าโศกทรมาณเกิดขึ้นแค่ในเรื่องเล่าหรืออีกฟากฝั่งของทีวี สำหรับคนที่น่าสงสารพวกนั้นแล้วก็แค่บริจาคให้เพียงเท่านั้น
ในตอนนี้เธอไม่ได้ไปร้านอาหารร้านนั้นหรือทำอะไรแบบนั้นแล้ว พ่อของเธอไม่อยู่แล้ว แม่เองก็เช่นกัน ริโอเน็ตต้ากลายเป็นหนึ่งในผู้คนที่น่าสงสารเหล่านั้น แต่มันไม่มีใครเลยที่จะมอบความช่วยเหลือให้กับเธอ มันไม่มีประโยชน์ที่เมจิคัลเกิร์ลจะใช้เงินจำนวนมากไปกับการลิ้มรสอาหารชั้นสูงในเมื่อพวกเธอไม่จำเป็นต้องกินหรือดื่มอะไร การกินเรชั่นที่ไร้รสชาติมันก็มากเพียงพอสำหรับเธอแล้ว
ริโอเน็ตต้าที่อยู่ภายในตุ๊กตาของเธอถอนหายใจออกมาโดยที่ไม่มีใครได้ยิน
☆ โนนาโกะ มิโยคาตะ
โนนาโกะไม่ได้มีปัญหาอะไรเรื่องการพูดคุยกับคนอื่นๆให้เกิดช่วงเวลาแห่งความสนุกสนาน —ความจริงแล้ว เธอรู้สึกสนุกที่ทำแบบนั้นด้วยซ้ำ หลังจากที่เธอย้ายมาที่ญี่ปุ่นเพราะงานของพ่อถูกย้ายมาที่นี่ เธอใช้เวลากว่าสองปีจนรู้สึกสนุกสนานกับการพูดคุยภาษาญี่ปุ่น แถมเธอเองก็ยังมีเพื่อนมากมายในตอนมัธยมต้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่แอนนาได้กลายเป็นเมจิคัลเกิร์ล เธอนั้นเป็นคนที่ชอบลงมือทำ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีเวลาว่าง เธอก็จะเริ่มคิดว่าจะใช้เวทมนตร์ของตัวเองให้เกิดประโยชน์กับชีวิตได้ยังไง เพราะในเมื่อเธอกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลแล้ว เธอก็อยากหาประโยชน์จากมันด้วย
ในชั่วโมงเรียน คาบพละ ตอนพักเที่ยง ตอนรับลูกบาสเก็ตบอลหรือตอนที่โยนออกไป หรือตอนที่กำลังทานมื้อเที่ยง เธอก็จะคิดว่าจะสามารถใช้เวทมนตร์เพื่อเป็นเพื่อนกับสัตว์ได้ยังไง —ในขณะเดียวกันก็ระมัดระวังด้วย หากเธอทำอะไรใหญ่โตเกินไป ดินแดนเวทมนตร์ก็จะจับตาเอาได้ เพราะแบบนั้นเธอจึงต้องปรับปรุงและแก้ไขแผนการตัวเอง
ที่มุมของสนามโรงเรียนมันมีต้นเกาลัดอยู่ แต่เพราะมีเด็กๆอยู่มาก กฏจึงมีอยู่ว่าสามารถหยิบลูกเกาลัดที่หล่นลงมาแล้วได้ ถั่วที่ถูกหนามอันแหลมคมห่อหุ้มอยู่นั้นมันอัดแน่นไปด้วยรสชาติอันหอมหวาน
ไม่ว่าจะอบหรือนึ่ง ใส่ในมองบลังก์ หรือในของโปรดของแม่อย่างมารอน กราเซ ทุกคนในโรงเรียนรู้ดีว่าลูกเกาลัดไม่ว่าจะปรุงยังไงรสชาติมันก็อร่อยมาก
แอนนา ซาริซาเอะที่เป็นร่างมนุษย์ของโนนาโกะ มิโยคาตะคือหนึ่งในผู้คนที่ชื่นชอบเกาลัด เกาลัดนั้นอร่อยมาก ส่วนเกาลัดของต้นไม้ต้นนั้นรสชาติมันดีเป็นพิเศษ เธอจึงอยากเก็บมันมาแล้วกินเองทั้งหมด แอนนาเป็นคนโลภ เธอไม่ได้แค่มีคู่แข่งมากนัก —เพราะทางโรงเรียนเองก็ติดตั้งกล้องรักษาความปลอดภัยเอาไว้ด้วยเหตุผลที่ว่านักเรียนที่ประมาทมีอยู่ในทุกชั้นปี ต่อให้เธอได้เกาลัดมาด้วยพลังของเมจิคัลเกิร์ล หากโดนกล้องจับได้คงเกิดปัญหาแน่
ดังนั้นแอนนาจึงคิดแผนขึ้นมา ก่อนอื่นเธอจะเป็นเพื่อนกับอีกา จากนั้นเธอก็จะสั่งอีกาให้ไปทำให้เกาลัดร่วงลงมา แอนนาจะอยู่ในร่างปกติของเธอ แล้วก่อนที่เสียงสัญญาณบอกเวลาว่าพักเที่ยงสิ้นสุดจะดังขึ้น พอไม่มีใครอยู่รอบๆ เธอก็จะรออยู่ใต้ต้นไม้แบบเงียบๆแล้วหยิบเกาลัดที่อีกาทำให้ร่วงลงมาเพื่อตัวเอง ไม่มีใครสงสัยว่าอีกาและโนนาโกะคือผู้สมรู้ร่วมคิดกัน นี่คงเป็นแผนอันสมบูรณ์แบบแน่
วันต่อมาเธอลงมือทำตามแผนที่วางไว้ เธอใช้อีกาจิกลูกเกาลัดจนตกลงมาบนพื้น
ในจังหวะที่เธอคิดว่า เยี่ยม! ทำได้แล้ว! ลูกเกาลัดก็กระแทกลงบนหน้าของเธอที่นั่งรออยู่ใต้ต้นไม้ จากนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นที่สนามโรงเรียนอันว่างเปล่า
☆ แคลนเทล
วันหยุดยาวของฤดูใบไม้ร่วงคือธรรมเนียมของครอบครัวโอโนะที่ต้องใช้เวลาอยู่กับปู่และย่าของเนเนะ
บ้านของปู่และย่าอยู่ลึกเข้าไปในหุบเขา มันต่างกับที่ๆเนเนะอาศัยอยู่มาก ที่นี่มีโอกาสทำให้เธอได้เห็นสัตว์ป่าอย่างทานุกิกับลิงด้วย เนเนะเป็นคนรักสัตว์ ดังนั้นมันจึงเข้ากับเธอมาก เธอชอบสัตว์มากกว่ามนุษย์ เพราะมันสามารถบอกได้ว่าสัตว์นั้นคิดอะไรหรือต้องการอะไร
ปู่และย่าของเธอยังเลี้ยงไก่ด้วย ไก้บ้านพวกนี้มันคุ้นเคยกับคนมากกว่าสัตว์ป่า ปู่และย่าไม่ได้ตั้งชื่อไก่ พวกไก่นั้นถูกเลี้ยงแบบเป็นกลุ่มไม่ได้แยกเป็นรายตัว แต่ถึงแม้เนเนะจะไม่ได้ตั้งใจ เธอก็จำเอกลักษณ์ของไก่แต่ละตัวได้แล้วก็ตั้งชื่อให้กับทุกตัวด้วย เธอให้อาหารแล้วก็ปล่อยพวกมันเข้ามาในสวนเพื่อออกกำลังกาย เธอเล่นแล้วก็วิ่งไปรอบๆพร้อมกัน
พ่อแม่ของเธอรู้สึกเป็นห่วงเพราะเธอไม่มีเพื่อนเลย แต่เนเนะคิดว่าดีแล้วที่มีสัตว์เป็นเพื่อน
ปีนั้นมันต่างไปจากปกติ ในวันที่สองที่เธอมาก็เหมือนกับวันก่อนหน้า เธอให้อาหารไก่ แต่พอเธอปล่อยให้ไก่ออกจากเล้าไปเพื่อวิ่งเล่น ไก่มันก็หายไปตัวหนึ่ง โยชิโอะ มิจิโกะ จิโร่ โจอิจิ และคุนิโยะอยู่ที่นี่ แต่ซาจิกลับหายไป ไม่ว่าเนเนะจะพยายามหาซาจิแค่ไหนก็หาไม่เจอ เนเนะตรวจดูรางให้อาหาร ด้านหลังเล้า แต่ซาจิก็ไม่อยู่ที่นี่ นี่ซาจิหนีไปแล้วรึเปล่านะ? ถูกสุนัขไม่ก็แมวกัดเข้ารึเปล่า? รอบๆนี้เองอาจถูกทานุกิ ลิง หรือหมีโจมตีก็ได้
ยิ่งเนนะคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งจินตนาการถึงเรื่องเลวร้ายมากขึ้นเท่านั้น ซาจิอยู่ที่ไหนนะ? เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า? พอเธอคิดว่าต้องรีบไปบอกผู้ใหญ่ให้รู้ เนเนะก็วิ่งไปหาย่าที่กำลังลับมีดอยู่ในครัวพร้อมกับพยายามไม่ให้ตัวเองพูดติดขัดในตอนที่รีบเข้ามา
ย่าของเนเนะมองมาที่เธอด้วยสีหน้างุนงงแล้วก็พูดว่า “หืม? หลานไม่รู้หรอกเหรอ? อิริโดริ ที่หลานกินไปเมื่อวานแล้วบอกว่าอร่อยมากน่ะ —คือไก่ที่ย่าบอกให้ปู่เอามาให้”
เมื่อวานเนเนะกินไก่ตุ๋นจานนั้นเป็นอาหารเย็น ความกรุบกรอบของรากบัว ความนุ่มของเผือก เห็ดชิทาเกะที่ฉ่ำไปด้วยน้ำซุบ และวัตถุดิบหลักก็คือไก่ —ใช่แล้ว ไก่นั่นเอง ที่เป็นหัวใจหลักของจานนั้น
เมื่อรู้ว่าที่ย่าพูดมันหมายถึงอะไร สามวันต่อมาภาพที่เธอมองเห็นมันก็เบลอไปหมด
นับตั้งแต่นั้น เมื่อไหร่ที่เธอไปบ้านของปู่และย่า เธอก็ไม่เคยแตะอิริโดริอีกเลย
☆ เพจิกะ
เธอจบเกมในวันนั้นและกลับมายังโลกจริง แต่เธอก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับความเงียบที่น่าอึดอัดในตอนท้าย แคลนเทล ริโอเน็ตต้า และโนนาโกะล้วนดูแปลก พวกเธอไม่ได้ดูหงุดหงิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นในเกม แต่เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในใจมากกว่า
ในช่วงเวลานั้นสิ่งต่างๆในเกมมันชวนให้รู้สึกห่อเหี่ยว โนนาโกะกำลังโวยวายว่าปาร์ตี้พวกเราถูกไล่ออกมาจากพื้นที่ล่าในขณะที่ปาร์ตี้อื่นเดินหน้าไปยังไง ริโอเน็ตต้าอารมณ์เสีย แคลนเทลเองก็ดูมืดมน แต่ทุกคนกลับคิดถึงเรื่องอื่นนอกจากสถานการณ์ในปัจจุบัน —ทั้งสามคนพร้อมกันอย่างน่าตกใจ
เพจิกะไม่ชอบเกมนี้ หากเป็นไปได้เธอก็อยากไม่คิดถึงมัน แม้ความเสียหายในเกมจะไม่ใช่ของจริง เธอก็ไม่ได้อยากถูกตัดออกจากการต่อสู้ เธอแค่ไม่ชอบที่จะบาดเจ็บ แต่กระนั้น เธอยังกลัวที่จะถูกไล่ออกจากลุ่มโดยพูดอะไรไม่ได้ เธออาจจะถูกตะโกนใส่ไม่ก็ถูกล้อเลียน บางจะถูกตบไม่ก็เตะ เธอยังรู้สึกเศร้าในตอนที่เล่นเกมแบบไม่เต็มใจ แต่เมื่อกลับมายังโลกจริง เธอก็เกิดความคิดดีๆเรื่องหนึ่งขึ้นมา หรืออาจจะเป็นคำใบ้บางอย่างมากกว่า
ซึ่งคำใบ้นั้นมาจากนิโนมิยะ เขาชมอาหารที่เพจิกะสร้างขึ้นด้วยเวทมนตร์ เป็นความสามารถที่เธอคิดว่าเป็นเพียงแค่โบนัสเล็กๆน้อยๆ เวทมนตร์ของเพจิกะทำให้เธอมีโอกาสอยู่ตามลำพังกับนิโนมิยะและคุยกับเขา เพราะฉะนั้นการทำอาหารของเธอมันมีประโยชน์
เธอคิดว่า ฉันเอาเรื่องนี้มาใช้ในเกมได้นี่นา
ตามที่ฟาลบอก เกมนี้มันมีค่าความหิวที่ซ่อนเอาไว้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเธอถึงต้องกินเรชั่นแห้งๆ จืดๆ ไร้รสชาติเพียงทำให้ได้แค่อิ่มท้อง แต่ถ้าหากเรชั่นพวกนี้รสชาติมันดีล่ะ? พวกเธอรู้สึกว่าเหมือนกับเป็นสัตว์ในฟาร์มที่ถึงเวลาอาหารมากกว่ามนุษย์ที่เพลิดเพลินกับการทานอาหารเสียอีก
เธอนึกย้อนกลับไปตอนที่พวกเธอทานอาหารครั้งล่าสุดในเกม
ริโอเน็ตต้า แคลเทล และโนนาโกะต่างก็มีปฎิกิริยาเมื่อเพจิกะพูดถึงฤดูใบไม้ร่วงที่เป็นฤดูแห่งการเก็บเกี่ยว เรื่องเลวร้ายและความเศร้าหมองไม่ได้เกิดจากเกมที่เริ่มน่าเบื่อหรือดำเนินไปได้ไม่ดีอะไรแบบนั้น การเก็บเกี่ยวมันหมายถึงอาหาร บางทีพวกเธออาจจะคิดว่า “ทำไมพวกเราต้องกินเรชั่นห่วยๆในฤดูใบไม้ร่วงด้วย ทั้งๆที่มันมีของอร่อยตั้งเยอะแยะ?”
เพจิกะสามารถเปลี่ยนมันได้ ไม่ใช่เพียงแค่เปลี่ยนอาหารให้ดีขึ้น —แต่พวกเธอไม่จำเป็นต้องซื้อเรชั่นอีกต่อไปด้วย ซึ่งมันหมายถึงพวกเธอสามารถเก็บเมจิคัลแคนดี้ได้มากขึ้น ในที่สุดเธอก็สามารถมีส่วนร่วมกับปาร์ตี้ได้ เธอไม่ใช่คนที่เป็นตัวถ่วงไร้ประโยชน์อีกแล้ว แต่เป็นสมาชิกตัวจริงที่ทำหน้าที่ซัพพอร์ทปาร์ตี้ด้วยอาหาร
เธอยังคงไม่ได้มีส่วนร่วมในเกม แต่การทำแบบนี้ก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย
แถมในตอนนี้คือฤดูใบไม้ร่วง เธอก็อยากทำอะไรให้เข้ากับฤดูใบไม้ร่วงด้วย มัทสึทาเกะ โดบินมุชิ, มารอน กลาเซ, อิริโดริ —เมจิคัลเกิร์ลสามคนอยากกินอาหารที่ต่างกันออกไป นี่เธอควรจะเสิร์ฟอะไรถึงจะดีที่สุดนะ? อาหารทั้งสามอย่างดูเหมือนว่าจะเสิร์ฟร่วมกันไม่ได้ด้วย
และในครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เธอทำอาหารให้เมจิคัลเกิร์ล เธอจึงนึกข้อสรุปอะไรไม่ออก แม้ว่าจะใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ทั้งคืน ดังนั้นในวันรุ่งขึ้น เธอจึงพยายามถามนิโนมิยะแบบอ้อมๆในตอนที่เข้ามาทานมื้อเที่ยงด้วยกันที่สวนสาธารณะ
“หือ?” นิโนมิยะพูด “อาหารฤดูใบไม้ร่วงเหรอครับ? หืมมม ผมคิดว่าน่าจะเป็นข้าวปั้นนะ”
“ข้าวปั้นเหรอคะ…?”
“ข้าวปั้นที่ผมกินตอนทัศนศึกษาในฤดูใบไม้ร่วงสมัยประถมมันอร่อยมากเลยล่ะครับ”
ข้าวปั้นงั้นเหรอ เธอคิดว่าแค่จะพูดถึงเฉพาะเรื่องอาหารในฤดูใบไม้ร่วง แต่มันกลับกลายเป็นการนำมาซึ่งความทรงจำแสนประทับใจต่อเขาอีกด้วย —ข้าวปั้นหนึ่งลูก— สมกับเป็นนิโนมิยะคุงเลย แต่เธอคงลำเอียงมากไปหน่อย
ยิ่งเธอคิดถึงมันมากขึ้น ข้าวปั้นมันก็ยิ่งดูเหมาะมากขึ้นเรื่อยๆ มันมีอาหารเพียงไม่กี่อย่างที่สามารถกินได้ง่ายๆโดยที่ไม่ต้องมีจาน ชาม ส้อม มีด ตะเกียบ —หรือใช้ภาชนะอะไรเลย อีกอย่าง ข้าวปั้นมันสามารถใส่อาหารของฤดูใบไม้ผลิเข้าไปได้ซึ่งเหมาะกับการเพลิดเพลินไปกับฤดูของการเก็บเกี่ยวอย่างเต็มที่ด้วย
โอเค งั้นก็ข้าวปั้นนี่แหละ
จิกะเข้านอนพร้อมกับความรู้สึกนิโนมิยะคุงเป็นอย่างมาก ในตอนนี้ปัญหาก็คือ เธอความจะทำข้าวปั้นแบบไหนดีล่ะ? และถ้าเธออยากจะทดสอบไส้ที่ใส่ เธอก็ใช้นิโนมิยะคุงเป็นหนูทดลองไม่ได้ ดังนั้นเธอจะจับใครมาทดสอบรสชาติดีล่ะ? เธอรู้สึกว่าคนๆนั้นอาจมีแค่คนเดียว
☆ โทโมกิ
เมื่อกลับมาถึงบ้านก็พบว่ามีข้าวปั้นวางเรียงรายกันอยู่บนโต๊ะ รูปทรงสามเหลี่ยมสีขาวที่ห่อด้วยสาหร่ายสีม่วงเข้มอย่างสวยงาม ข้าวเองก็หุงสุกเป็นอย่างดีจนสามารถหยิบเม็ดข้าวแต่ละเม็ดออกมาได้ กลิ่นของข้าวหุงสุกใหม่ๆก็หอมฟุ้งชวนน้ำลายไหลมาก
พี่สาวของเขายื่นอยู่ข้างโต๊ะ เธอนั้นสวมผ้ากันเปื้อนอยู่ บางทีอาจหมายความว่าพี่เป็นคนที่ทำข้าวปั้นพวกนี้เหรอ? บางครั้งโทโมกิก็เห็นพี่ทำอาหาร แต่เขาไม่ได้คิดว่าจะได้เห็นพี่ทำข้าวปั้นด้วย เพราะปกติแล้วพี่จะไม่ได้ทำเมนูที่มันเรียบง่าย —พี่มีนิสัยที่มักทำอะไรมากเกินไป แถมยังพยายามเอาจินตนาการใส่ลงไปบนจานด้วย
“นี่อะไรน่ะ?” โทโมกิถาม
“ช่วยลองกินให้พี่หน่อยสิ?”
“หือ? พี่แน่ใจเหรอ?”
เด็กประถมนั้นหิวตลอดเวลาอยู่แล้ว แม่คงโกรธแน่หากโทโมกิกินอะไรบางอย่างในเวลานี้ แต่ถ้าหลังจากนี้เขาออกไปเล่นเพื่อเผาผลาญแคลลอรี่ แบบนั้นเขาก็ยังคงสามารถเอร็ดอร่อยกับมื้อเย็นได้ เขารู้สึกว่าตัวเองมองโลกในแง่ดี ดังนั้นเขาจึงหยิบข้าวปั้นสีน้ำตาลอ่อนขึ้นมาหนึ่งลูก มันมีอะไรผสมอยู่ในข้าวกันนะ?
เมื่อกัดเขาไปก็รู้สึกได้ถึงความกรึบกรอบภายในปาก “นี่มัน…? รากบัว? รากบัวในข้าวปั้น?”
“นั่นคือ อิริโดริ น่ะ”
จริงด้วย ซอสถั่วเหลืองรสหวานเหมือนกับอิริโดริเลย แถมมีส่วนผสมอย่าง —ไก่ รากบัว แครอท เผือก— เช่นเดียวกันกับข้าวอยู่ด้วย หลังจากที่โทโมกิกินข้าวปั้นหมดแล้วก็เอียงหัว ไม่เลวนี่นา แต่ไส้มันจะเข้ากับข้าวปั้นรึเปล่านั้น… ก็นะ คำว่า ไม่แน่ใจ ก็ผุดขึ้นมาในหัว
“ลองอันอื่นด้วยสิ” พี่แนะนำ
ข้าวปั้นที่พี่ยื่นมาให้ถูกจัดวางอยู่ในชาม มันไม่ได้แค่ดูฉ่ำ —แต่มันท่วมไปด้วยน้ำซุปจนเม็ดข้าวกระจายตัวออก กลิ่นที่ไม่คุ้นเคยมันฟุ้งเข้าจมูกอย่างน่าเอร็ดอร่อย
“นี่คือข้าวปั้นมัทสึทาเกะโดบินมุชิ ” พี่อธิบาย
โทโมกิหยิบตะเกียบที่วางไว้ขึ้นมาแล้วก็เริ่มกวนสิ่งที่อยู่ในชาม เขารู้ว่าเห็ดมัทสึทาเกะนั้นราคาแพง แต่เขาก็ไม่รู้ว่าพี่สาวไปหามาได้ยังไง แต่ยังไงก็ตาม อาหารจานนี้มันก็อร่อยมาก รสชาติอันหลากหลายแผ่ซ่านไปทั่วลิ้น —แต่นี่มันนับว่าเป็นข้าวปั้นไม่ได้เลย
“มันก็อร่อยดีนะพี่ แต่นี่มันไม่ใช่ข้าวปั้นเลยนะ โอจะซึเกะ ชัดๆ”
“พูดแบบนั้นก็ถูกนะ แล้วอันนี้ล่ะ?”
ข้าวปั้นที่ยื่นมาให้คราวนี้ดูเป็นข้าวขาวธรรมดาๆ บางทีนี่อาจจะเป็นอะไรแบบปกติก็ได้ โทโมกิคิดแบบนั้นแล้วก็กัดเข้าไป จากนั้นก็นิ่วหน้า มันมีรสหวานราวกับถูกแช่อยู่ในน้ำตาล… แล้วก็…นี่มันเกาลัด? รสชาติและเนื้อสัมผัสของเกาลัดกระจายอยู่ในข้าวภายในปากของเขา
“อันนี้…คือ…?” เขาถาม
“เอ่อ… มารอน กลาเซ น่ะ”
โทโมกิวิ่งไปหาถังขยะที่อยู่ข้างตู้เย็นแล้วก็คายอาหารทิ้ง จากนั้นก็บ้วนปากสองสามครั้งเพื่อให้รสชาติที่อยู่ในปากหายไป ดูเหมือนว่าพี่สาวของเขากำลังทักท้วง แต่มันก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
หลังจากนั้นเขาก็เสียเวลาเถียงกับพี่สาวอยู่หลายชั่วโมง บวกกับอีกสามสิบนาทีที่พยายามโน้มน้าวให้ทำแต่ข้าวปั้นแบบธรรมดาๆ การถูกเอาของแปลกมาให้กินนี่มันแย่มากๆ เขาจึงพยายามรวบรวมคำศัพท์ที่นักเรียนประถมจะรู้เพื่อโน้มน้าวพี่สาว จนส่งผลให้ตัวเองรู้สึกเหนื่อยล้า จนตัวเองเข้าไปนอนก่อนสามทุ่มด้วย แต่พี่สาวยังคงอยู่ในครัวและดูเหมือนว่ากำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ พี่ไปเอาความกระตือรือร้นแบบนี้มาจากไหนนะ? โทโมกิรู้สึกสงสัยพร้อมกับหลับเข้าไปสู่โลกความฝัน
แต่มารอน กลาเซก็ยังคงโผล่ขึ้นมาในความฝันของเขา เขาจึงคิดว่า นี่มันมากเกินไปแล้วนะ
MANGA DISCUSSION