เมจิคัล ช็อปปิ้ง
☆ เรื่องราวจนถึงตอนนี้
มาโคโตะ อันโดกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ล เมจิคัลรอยด์44 หลังจากที่ช่วยเพื่อนอัพเลเวลตัวละครในเกมมือถือ เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค ในตอนนี้เธอกำลังมีช่วงเวลาที่นอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาอันแสนจะสบาย และในการที่จะมีเงินสดไว้ใช้สำหรับชีวิตที่ไร้หลักแหล่ง เธอจึงมีแผนที่จะหาเงินจากการใช้พลังเมจิคัลเกิร์ลของตัวเอง
ซิสเตอร์ นานะ เมจิคัลเกิร์ลที่พยายามเอาคนรักของตัวเองเข้ามาเอี่ยวกับเรื่องของเมจิคัลเกิร์ลเป็นเป้าหมายที่ดี เมจิคัลรอยด์ขายแก็ดเจ็ดจากอนาคตให้เธอวันละครั้ง แต่จู่ๆคนรักของซิสเตอร์นานะก็กลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลเข้าจริงๆ
การสูญเสียบ่อเงินบ่อทองของตัวเองไปมันทำให้เมจิคัลรอยด์รู้สึกเศร้า แต่ถ้ามัวเศร้า เธอก็ไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้
เธอทำได้น่า! อย่ายอมแพ้สิ! เมจิคัลเกิร์ลหุ่นยนต์แห่งอนาคต : เมจิคัลรอยด์ 44!
“วันนี้เอาไอ้นี่มาให้”
“นี่เหรอ? มันดูเหมือนกระเป๋าผ้าธรรมดาๆเลย”
เห็นได้ชัดว่าวันพฤหัสบดีที่จะถึงคือวันเกิดของสโนไวท์ ลาพูเซลคู่หูของเธอจึงอยากจะมอบของขวัญแสดงความยินดีให้ ดังนั้นเธอจึงถามเมจิคัลรอยด์ว่ามีของอะไรดีๆขายบ้างรึเปล่า นี่เองก็เป็นโอกาสดีสำหรับเมจิคัลรอยด์เช่นกัน —เพราะเธอเองก็อยากขาย “ของดี” แบบสุดๆ ด้วยเหตุนั้นเอง เธอจึงรวบรวมไอเท็มบางอย่างแล้วก็รีบมุ่งหน้าไปยังหอคอยเหล็กที่คุเบะกาฮามะ แต่การตอบสนองของลาพูเซลกลับไม่เป็นไปตามที่คิด เห็นได้ชัดเลยว่าเธอสงสัยในสิ่งที่เมจิคัลรอยด์เอามา
แต่ก็เพราะสิ่งของพวกนี้มันไม่ได้แสดงความเป็นเวทมนตร์ออกมาให้เห็นแบบธรรมชาติ ดังนั้นเมจิคัลรอยด์จึงต้องชดเชยเรื่องนั้นด้วยการเสนอขายของเธอเอง เธอปรุงแต่งวิธีการ “ขายไอเท็มเวทมนตร์เป็นของขวัญ” ในตอนที่ขายให้กับซิสเตอร์นานะ และเธอก็จะทำโมเดลธุรกิจแบบเดียวกันให้สำเร็จในครั้งนี้ด้วย
ท้องฟ้ายามสนธยาเริ่มเปลี่ยนจากแดงเป็นดำพร้อมกับลาพูเซลที่นั่งลงบนคานเหล็กขนาดใหญ่ เมจิคัลรอยด์ที่ลอยตัวอยู่บนอากาศด้วยจรวดไอพ่นของตัวเองก็เริ่มนำเสนอการขายสินค้าบนดาดฟ้า
“อย่าโดนหน้าตาไอเท็มหลอกเอาเชียวล่ะ” เมจิคัลรอยด์พูด “เธอได้ยินมาจากซิสเตอร์ นานะแล้วนี่? ที่วินเตอร์พริซั่นกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลได้เนี่ยต้องขอบคุณแก็ดเจ็ทจากอนาคตของฉันนะ”
“อื้อ แต่ก็ได้ยินมาว่าแก็ดเจ็ทใช้วันเดียวก็พังด้วย” ลาพูเซลตอบกลับ
“ไอเท็มพวกนี้ต่างกันนะ มันถูกสร้างขึ้นมาจากแก็ดเจ็ทแห่งอนาคต ชุดสร้างไอเท็มเวทมนตร์สู้บอสน่ะ”
“แล้วมันต่างจากปกติยังไงเหรอ?”
“ที่ไอเท็มของฉันพอผ่านไปวันนึงแล้วใช้ไม่ได้น่ะเรื่องจริง ฉันรู้เรื่องนั้นดี แต่ว่านะผลที่ได้จากไอเท็มเป็นอะไรที่อยู่ได้ยาวนาน เช่นปากกาที่สามารถทำให้วาดภาพได้เหมือนกับนักวาดมังงะมืออาชีพ ตัวปากกาพอผ่านไปวันนึงแล้วจะใช้งานไม่ได้ ในขณะที่ภาพที่ถูกวาดโดยปากกาจะยังคงอยู่ อีกแง่หนึ่ง ไอเท็มเวทมนตร์ที่สร้างขึ้นมาจากชุดสร้างไอเท็มเวทมนตร์สู้บอสน่ะจะยังสามารถใช้งานได้ต่อ ไงล่ะ? ยอดไปเลยใช่ไหม?”
“ไม่เห็นจะเข้าใจเลย แต่คิดว่ามันหมายถึงไม่พังงั้นสิ”
“ทั้งหมดนี้ฉันคิดแค่ห้าหมื่นเยนเองนะ”
“โธ่เอ๊ย ห้าหมื่นเยน…” ก่อนหน้านี้ลาพูเซลดูเหมือนจะสนใจ แต่ในตอนนี้เมจิคัลรอยด์สัมผัสได้ว่ากำลังจะสูญเสียลูกค้าคนนี้ไปอย่างรวดเร็ว เธอจึงเดาะลิ้นเหมือนกับริปเปิล จากที่คุยกันก่อนหน้าในแชท เมจิคัลรอยด์รู้ว่าลาพูเซลเป็นเด็กนักเรียน ดูจากอนิเมเมจิคัลเกิร์ลที่ลาพูเซลดูแล้ว การที่เธอตั้งราคาแบบนี้มันสูงเกินไปสำหรับเด็ก
“งั้นฉันขอนำเสนอส่วนลดสุดพิเศษห้าสิบเปอร์เซนต์! สำหรับสินค้าของเมจิคัลรอยด์นี่เป็นราคาน่าตกใจมากเลยนะ! ตอนนี้ราคาแค่สองหมื่นห้าพันเยนเท่านั้น นี่เป็นโอกาสเดียวแล้ว”
“ต่อให้ราคาสองหมื่นห้ามันก็แพงอยู่ดี”
“ไอเท็มที่ใช้ได้วันเดียวซิสเตอร์นานะซื้อไปหนึ่งหมื่นเยนนะรู้ไหม แล้วไอเท็มพวกนี้มันใช้ได้ไม่จำกัดครั้งเลยนะ ไม่คิดว่าราคาสองหมื่นห้านี่ถูกเหมือนได้เปล่าเหรอ?”
“เธอนี่ตื๊อแปลกๆนะเนี่ย”
เมจิคัลรอยด์เอามือแตะหน้าผากตัวเองหลายครั้ง เธอรู้ว่าตัวเองกำลังใจร้อน และมีความรู้สึกว่าหากจะทำการซื้อขายกับลาพูเซล เธอก็ต้องปิดบังแรงจูงใจด้วยการพูดคุยซักเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่มีเวลามาทำแบบนั้น
เมจิคัลรอยด์ยังคงพูดต่อไปราวกับว่าไม่ได้ยินสิ่งที่ลาพูเซลพูด “ไม่เอาน่า ต่อให้สองหมื่นห้าพันเยนมันก็เป็นราคาที่ถูกสำหรับเจ้านี่เลยนะ”
“งั้นเหรอ?”
“ในกระเป๋าผ้านี้น่ะ มันมีไอเท็มเวทมนตร์ —แต่นแต่นแต๊น— ตั้งห้าอันเลยนะ! ด้วยสุดยอดเซ็ทเมจิคัลเกิร์ลสำหรับฮีโร่ผู้ทะเยอทะยานแล้วล่ะก็ เธอเองก็สามารถกลายเป็นตัวเอกได้ สโนไวท์เองก็คงจะชอบเจ้านี่ด้วย —ฉันแน่ใจเลยล่ะ”
ข้อเสนออย่างเช่น พิเศษ, โบนัส, จำกัดเวลา และ เฉพาะ มันทำให้ผู้คนควักกระเป๋าจ่ายกันมากขึ้น เมจิคัลรอยด์ต้องทำข้อเสนอในตอนนี้ เธอจะใช้ทุกสิ่งที่สามารถใช้ได้ ต่อให้จะเป็นการพูดจาไม่ดีหรือเกินจริงก็ตาม
“ให้ฉันแนะนำไอเท็มพวกนี้ให้แล้วกัน พวกนี้มันพิเศษนะ —ถ้าเธอปล่อยให้โอกาสลอยหลุดมือไปล่ะก็ มันจะไม่วนกลับมาหาอีก ขอให้ตัดสินใจหลังจากที่ฉันอธิบายทุกอย่างจบแล้วละกัน”
เมจิคัลรอยด์ดึงเอาหนึ่งในไอเท็มออกมาจากกระเป๋าผ้า : ที่รองแก้วไม้ก๊อกซึ่งมีภาพวาดแฟร์รี่น่ารักๆหลายตนอยู่บนนั้น “ที่รองแก้วนี่กันน้ำอย่างเต็มรูปแบบ”
“ก็นะ ปกติที่รองแก้วส่วนใหญ่ก็กันน้ำอยู่แล้วนี่”
“มันไม่ได้กันแค่น้ำอย่างเดียวนะ แม้แต่พวกสัตว์ทะเลทุกอย่าง ปลา, หอย, ปลาหมึก, หมึกยักษ์, โลมา, วาฬ, วาฬเพชฌฆาต กระทั่งคนในชุดว่ายน้ำก็ด้วย ที่รองแก้วนี่น่ะกันน้ำได้แบบไม่มีใครเหมือนเชียว”
ไม่มีปฎิกิริยาตอบสนอง เมจิคัลรอยด์รู้สึกว่าตัวเองได้ยินลาพูเซลบ่นพึมพำพร้อมกับขมวดคิ้ว “หืมมม”
พอสัมผัสได้ว่าการตอบสนองไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เมจิคัลรอยด์ก็ดึงเอาไอเท็มชิ้นถัดไปออกมา “ยังมีสติกเกอร์ป้องกันเส้นผมด้วยนะ”
เธอเอาแผ่นสติกเกอร์จำนวนหนึ่งมานำเสนอ ตัวละครที่อยู่บนนั้นดูเหมือนเมจิคัลเกิร์ลแต่มันก็ไม่ใช่
“ไม่รู้จักตัวละครพวกนี้เลย…” ลาพูเซลพูด “แต่ก็รู้สึกสงสัยอยู่นิดนึง ถ้าไม่ได้มาจากรายการทีวี ชั้นเองก็ไม่คิดว่ามาจากมังงะด้วย ตัวละครนี่บางทีมาจากวีดีโอเกมหรือไลท์โนเวลรึเปล่า?”
“อ่าหะ แต่ว่านะ ตัวละครจะมาจากไหนมันไม่สำคัญหรอก หัวใจหลักเลยก็คือเจ้าพวกนี้มีผลทางเวทมนตร์ เธอเชื่อไหมล่ะ แค่แปะสติกเกอร์นี่ก็จะป้องกันไม่ให้ถูกขโมยเส้นผมได้แล้ว สติกเกอร์ลึกลับพวกนี้จะทำให้โจรขโมยเส้นผมหลงเสน่ห์ความน่ารักของสติกเกอร์ จนโจรขโมยสติกเกอร์ไปแทนอย่างมีความสุข”
“ไอเท็มพวกนี้นี่เอาไว้สำหรับสู้บอสใช่ไหม? …แล้วมัน เอ่อ โจร…?”
“ช่าย ช่าย นั่นแหละ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันยังมีไอเท็มอีก ต่อไปคือนี่”
จากนั้นเมจิคัลรอยด์ก็เอาสมุดโน๊ตที่ดูธรรมดาๆออกมานำเสนอ “นี่คือเดสุโน๊ต*”
*ですノート (เดสุโน๊ต) กับ デスノート (เดธโน๊ต) ออกเสียงคล้ายกัน
“เดี๋ยวสิ นี่มัน—?!”
“คนที่ถูกเขียนชื่อลงบนสมุดโน๊ตเล่มนี้…”
“จะตะ-ตายเหรอ?!”
“ไม่ คนพวกนั้นจะสูญเสียเอกลักษณ์เรื่องการพูดแบบเฉพาะตัวไป”
“อะไรล่ะนั่น?”
“เธอเอาไปใช้กับคนที่พูดแล้วสำเนียงเข้าใจยากได้นะ พอคนพวกนั้นเสียเอกลักษณ์การพูดไปแล้ว ก็จะเสียเกียรติและความยิ่งใหญ่ของความเป็นบอสไปด้วย ก็เลยยิ่งทำให้ดูธรรมดาเข้าไปใหญ่”
“แล้วมันทำอย่างอื่นนอกจากทำให้อีกฝ่ายไม่สบอารมณ์ได้รึเปล่า?”
“ใครจะรู้ล่ะ? แต่ด้วยเจ้านี่แล้วคำพูดของอีกฝ่ายจะสุภาพและเข้าใจง่ายสำหรับทุกคน เพราะแบบนี้ไอเท็มเลยมีชื่อว่าเดสุโน๊ต”
“ฉันล่ะสงสัยจังว่าถ้าเขียนชื่อเธอลงไปจะพูดอะไรแบบปกติรึปล่านะ”
“…งั้นมาดูไอเท็มชิ้นต่อไปดีกว่า” ไอเท็มชิ้นต่อไปก็คือสติกเกอร์อีกแผ่นหนึ่ง —สติกเกอร์สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่มีภาพเมจิคัลเกิร์ลสองคน
“นี่คือสติกเกอร์ต่อต้านการโจมตีทางจิตใจ” เมจิคัลรอยด์อธิบาย “มันเป็นสติกเกอร์ที่เอาไว้ติดบนบัตรเครดิทเพื่อประดับตามความชอบน่ะ อ๊ะ แต่นี่เป็นสติกเกอร์เวทมนตร์ แน่นอนว่ามันเต็มไปด้วยความพิเศษ เพราะถูกร่ายมนตร์ที่แสนจะยอดเยี่ยมเอาไว้”
“เจ้านี่ทำให้เส้นผมไม่โดนขโมยใช่ไหม?” ลาพูเซลตอบ
“นั่นน่ะอันก่อน ส่วนอันนี้ต่างกัน ติดสติกเกอร์นี่ไว้บนสมาร์ทการ์ดอะไรก็ได้ แล้ว —เชื่อรึเปล่า!— เธอจะไม่ได้รับอิทธิพลจากอารมณ์ของคนอื่นอีกเลย”
“…เอ่อ ฉันไม่เข้าใจ”
“เธอเคยได้ยินคำว่า ‘หมดตัวเพราะบัตรเครดิท’ ไหม? นั่นน่ะคือเรื่องเศร้าที่เกิดขึ้นจากใช้เงินมากกว่ารายได้ที่มี ถ้าหลีกเลี่ยงการได้รับอิทธิพลจากความต้องการของคนอื่นได้ มันก็สามารถลดการใช้จ่ายที่สิ้นเปลืองได้ด้วย ถ้ามีเจ้านี่อยู่ล่ะก็ เธอก็ไม่ต้องเจอปัญหาบิลบัตรเครดิทกองเป็นภูเขาแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า”
“เรื่องบัตรนี่มันตลกตรงไหนเนี่ย—?”
“เอาล่ะ อันต่อไป ช่วยดูแฟ้มพลาสติกนี่หน่อย” ไอเท็มนี้เหมือนกับสติกเกอร์ที่ป้องกันการขโมยเส้นผมที่มีภาพเมจิคัลเกิร์ลหลายคนอยู่ และสามารถสอดกระดาษเข้าไปด้านในแฟ้มได้
“พอเขียนอะไรลงไปซักครั้งหนึ่งแล้ว —ก็นะ จะเขียนอะไรก็ได้ แต่ถ้าให้ยกตัวอย่างก็เช่นพวกเรื่องสำคัญ—จากนั้นเมื่อสอดเข้าไปในแฟ้มรักษาความทรงจำ เธอก็จะไม่มีวันจำข้อมูลอะไรผิดอีก”
“หมายถึงพวกที่อยู่หรือเบอร์โทรเหรอ?”
“ประมาณว่าตัวเองพูดภาษาญี่ปุ่นหรือฝรั่งเศสมากกว่า”
“มันจะไปลืมได้ยังไงล่ะนั่น?”
“เธอรู้ไหมว่าโลกนี้บางคนก็ขี้ลืมจะตาย บางคนก็อาจเข้าใจผิดว่าศัตรูคือคนที่ตามหาอยู่ก็ได้… เธอพูดไม่ได้หรอกว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นน่ะ”
“ฉันไม่คิดแบบนั้นนะ”
“ก็ถูก ที่เธอพูดมามันก็ใช่ แม้ฉันจะเข้าใจดีก็เถอะ แต่มันก็มีโอกาสเล็กน้อยหรือความเป็นไปเพียงน้อยนิดที่จะเกิดก็ตาม ส่วนไอเท็มชิ้นต่อไป เธอเป็นคนแรกเลยนะที่ฉันเอาให้ดู” มันคือถุงผ้าฝ้ายที่ดูเรียบๆสะอาดตา “การมอบถุงผ้าฝ้ายนี้แด่ผู้สูงส่งจะทำให้เจ้าของกลายเป็นผู้สูงส่งเช่นเดียวกัน ง่ายๆคือ แค่มีถุงผ้าใบนี้ เธอก็จะถูกปฎิบัติราวกับเป็นผู้ดีมีชาติตระกูลแล้วล่ะ”
“แค่ถือไว้ก็ทำให้มีมารยาทดีแล้วงั้นเหรอ?”
“ไม่ เธอจะถูกปฎิบัติด้วยอย่างดีเหมือนเป็นคนมีมารยาท ไม่ได้มีมารยาทอะไรจริงๆหรอก”
“หือ…? แบบนั้นก็ไม่มีความหมายอะไรน่ะสิ”
“อ่ะ เอ่อ เรื่องนั้นน่ะ —สรุปคือไอเท็มชิ้นนี้จะป้องกันไม่ให้เธอไปทำอะไรให้คนอื่นไม่พอใจจากเรื่องที่ไม่เหมาะสม เป็นวิธีการเฉพาะหน้าเพื่อให้ผ่านไปได้”
“แต่มัน…”
“เดี๋ยวนะ เดี๋ยวก่อน คิดว่านี่เป็นเครื่องมือดีๆที่จะทำให้ผ่านอะไรไปได้ทุกอย่างสิ เธอรู้ถึงประโยชน์ของมันสินะ? ต่อให้อีกฝ่ายเป็นคนสัมภาษณ์ที่หัวรั้นขนาดไหน ยังไงก็ไม่มีทางคิดว่าเธอเป็นคนหยาบคายหรอก”
“แบบนั้นมันก็เรียนรู้เรื่องมารยาทแบบถูกต้องไม่ได้น่ะสิ?”
“ก็นะ มันไม่ใช่ไอเท็มแบบนั้นซักหน่อย”
“มันเป็นของสำหรับวันเกิดสโนไวท์นะ ไอเท็มสำหรับสู้บอสที่เธอแนะนำมานี่รู้สึกว่ามันไปผิดทางยังไงก็ไม่รู้ สโนไวท์ไม่ใช่เมจิคัลประเภทที่มีตัวร้ายที่ตัวเองต้องจัดการ… เหมือนกับเมจิคัลเกิร์ลใน คิวตี้ฮีลเลอร์ หรือ สตาร์ควีน นะ”
“เรื่องดีๆแบบนั้นมันคือเรื่องสมัยก่อนแล้ว ตอนนี้น่ะที่ไหนที่มีเมจิคัลเกิร์ลที่นั่นก็จะมีการต่อสู้ วันข้างหน้าเธอต้องได้สู้กับพวกบอสแน่ ฉันแน่ใจเลยล่ะ”
“สู้บอสเหรอ…?” ลาพูเซลพึมพำ “เจ้าพวกนี้ดูไม่เหมือนอาวุธเอาไว้สู้บอสตรงไหนเลย มันต้องมีอะไรแบบ…ยิงบีมได้ ไม่ก็แยกร่างอะไรพวกนั้นสิ?”
“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่หรอก อะไรจะเกิดขึ้นหรืออะไรจะมีประโยชน์เธอไม่มีทางรู้ อย่างที่รองแก้วกันน้ำนี่มันก็ทำให้จัดการบอสที่ทรงพลังได้ แล้วก็นะ ใช่ว่าศัตรูที่มีพลังส่งผลกับอารมณ์คนอื่นจะไม่มีอยู่จริงนี่?”
“อ่าาา ก็ใช่ อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้”
“เป็นศัตรูที่มีสำเนียงการพูดทรงพลัง หรือศัตรูที่ทำให้เธอเข้าใจเรื่องต่างๆผิดไปจากเดิม ไม่ก็ศัตรูที่มีจู้จี้เรื่องมารยาท”
“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น”
เมจิคัลรอยด์พยายามหว่านล้อมลาพูเซลซ้ำแล้วซ้ำอีก ถึงจะคิดว่าตัวเองฝืนเกินไปบ้าง แต่ลาพูเซลก็ยังคงนิ่ง ด้วยเหตุนั้นเอง เมจิคัลรอยด์จึงเสนอส่วนลดให้ลาพูเซลไปอีก 50 เปอร์เซนต์แบบเศร้าๆ
แต่ลาพูเซลก็ยังคงส่ายหน้าปฎิเสธเมจิคัลรอยด์แบบง่ายๆ “อีกเดี๋ยวสโนไวท์ก็จะมาแล้ว” เธอพูดพร้อมกับเสริมว่า “เรื่องไอเท็มพวกนี้ฉันจะคิดว่าจะเอารึเปล่าอีกทีนะ”
เมจิคัลรอยด์บินออกจากหอคอยเหล็กไปยังจุดหมายของเธอภายใต้ท้องฟ้าสีเทาหม่นพร้อมกับถอนหายใจออกมา
เธอบินผ่านตัวเมืองสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วสูง พร้อมระวังตัวไม่ให้ใครเห็นในตอนเข้าไปยังย่านที่พักอาศัย จากนั้นก็ลงมาด้านล่างด้านหลังสนามเด็กเล่น เธอแปลงร่างกลับเป็นมาโคโตะ อันโดแล้วเข้าไปในสวนเล็กๆ ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ไฟถนนจึงเริ่มส่องสว่างด้วยสีม่วงสลัวๆ
คนที่นั่งอยู่ตรงม้านั่งไม้ทรงโค้งข้างไฟถนนคือเด็กสาววัยประถม
ดูเหมือนว่าเด็กสาวจะรักษาสัญญาว่าจะรออยู่อีกหน่อยที่ให้ไว้กับเธอได้ ก่อนหน้านี้ไม่นาน เธอเอาแต่ก้มหน้ามองเท้าตัวเองแล้วก็ร้องไห้ —ตอนนี้เองก็ยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่ พอเรื่องพวกนี้ผสมเข้ากับเส้นผมยาวๆที่ปรกไหล่เช่นเดียวกับชุดโทนเรียบของเธอและแสงไฟสลัวในสวนสาธารณะ มาโคโตะก็คิดว่าเด็กสาวคนนี้ดูหดหู่เสียเหลือเกิน ไม่ใช่แค่มีสิ่งต่างๆที่ทำให้ดูเป็นแบบนั้น
มาโคโตะกลั้นไม่ให้ตัวเองถอนหายใจและนั่งลงข้างเด็กสาว “ขอโทษนะ ฉันหาเงินไม่ได้เลย”
เด็กสาวนั้นร้องไห้สะอึกสะอื้น เธอกอดกล่องกระดาษเปื้อนโคลนและยับยู่ยี่เอาไว้ ซึ่งด้านในนั้น —ก็นะ มันบอกได้ง่ายๆว่าของด้านในนั้นคือของขวัญ เธอบอกว่ามันคือของขวัญวันเกิดของคุณแม่ มันคือนาฬิกาที่เธอซื้อมาด้วยเงินปีใหม่
ตอนที่มาโคโตะกำลังกลับจากทำงานพาร์ทไทม์ เธอกำลังครุ่นคิดว่าควรจะใช้ความเป็นเมจิคัลเกิร์ลของตัวเองหาเงินยังไงดี ด้วยเหตุนั้นเธอจึงไม่ได้สนใจกับสิ่งรอบตัวนัก สุดท้ายก็เดินไปชนไหล่เด็กคนนี้ ซึ่งนั่นทำให้กล่องที่มีนาฬิกาอยู่ด้านในที่เด็กสาวถืออยู่หลุดมือ มันกลิ้งไปบนถนนก่อนที่จะถูกรถบรรทุกเหยียบจนแบน เหตุการณ์นั่นมันนำพาพวกเธอมาสู่เรื่องราวในตอนนี้
ในตอนที่ปลอบประโลมอยู่นั้น มาโคโตะก็พยายามให้เด็กสาวอธิบายออกมา เด็กสาวบอกว่าวันนี้คือวันเกิดของแม่ และก็ต้องเอาของขวัญไปให้ก่อนจะขึ้นวันใหม่ เด็กสาวเองไม่มีเงินเหลือพอที่จะเปลี่ยนนาฬิกา มาโคโตะก็เช่นกัน เธอเอาเงินที่ได้มาจากซิสเตอร์นานะไปฝากประจำแล้ว แถมตอนนี้เวลาก็เลยสี่โมงเย็น เธอจึงไม่สามารถเบิกเงินอะไรออกมาได้จนกว่าจะถึงพรุ่งนี้
แบบนั้นมันก็ต้องยืมเงินจากคนอื่นเหรอ? ไม่มีทาง เพราะมันขัดกับความเชื่อของมาโคโตะ
ดังนั้นเธอจึงคิดว่าจะเอาอะไรซักอย่างแลกเป็นเงินได้รึเปล่า และเธอก็เกิดความคิดขึ้นมา : เอาแก็ดเจ็ทแห่งอนาคตแปลกๆที่ผลิตขึ้นมาในวันก่อนมากองรวมกันแล้วขายมันให้เมจิคัลเกิร์ลอีกคน แต่มันก็ล้มเหลวเช่นกัน บางทีอาจจะเป็นเพราะช่วงเวลาที่บีบค้นทำให้เธอใจร้อนจนขายของได้แย่ บางทีอาจจะโทษความงกของลาพูเซลก็ได้ หรือไอเท็มมันอาจจะไม่เข้ากับสโนไวท์ตั้งแต่แรก แต่กระนั้นเด็กสาวตัวน้อยก็ยังคงร้องไห้
มาโคโตะอยากทิ้งแล้วก็หนีไปพ้นๆจากเด็กสาว แต่เธอก็ทำแบบนั้นไม่ได้ เธอกัดริมฝีปากแล้วยืนขึ้น ในมือของเธอถือถุงผ้าที่ไม่ได้ย้อมสีอยู่ เธอดึงสมุดโน๊ตและปากกาออกมาจากกระเป๋าแล้วก็จดขั้นตอนบางอย่างลงไป จากนั้นเธอก็เอาโน๊ตหย่อนเข้าไปในถุง “ถ้าสัญญาว่าจะไม่บอกใครล่ะก็… ฉันจะให้อะไรดีๆกับเธอนะ ว่าไง?”
เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับน้ำตาที่อาบแก้ม มาโคโตะคิดว่านี่คงเป็นการร้องไห้เพื่อขอความช่วยเหลือเป็นแน่
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา…
ในตอนที่กำลังเดินกลับหลังจากเลิกงานที่ร้านสัดวกซื้อ มาโคโตะที่กำลังคิดว่าอาจจะออกจากงานและจะเลี้ยงชีพด้วยการเป็นเมจิคัลเกิร์ลเพียงอย่างเดียวนั้นก็ถูกใครบางคนเรียกจากด้านหลัง เธอหันไปแล้วก็พบกับเด็กสาวที่คุ้นหน้า มาโคโตะมองไปรอบๆแต่มันก็ไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ เด็กสาวมองตรงมาที่เธอพร้อมกับสะพายกระเป๋าเป้สีส้มสดใส
“ฉันเหรอ?” มาโคโตะถาม
“พี่สาว วันก่อนขอบคุณมากเลยค่ะ” เด็กสาวโค้งคำนับพร้อมกับเส้นผมยาวๆที่สะบัดไปมา
โอ๊ะ มาโคโตะคิด นั่นเด็กสาวจากวันก่อนนี่นา เธอเคยเห็นแต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วบคราบน้ำตา เพราะแบบนั้นจึงไม่ทันรู้ตัว เด็กสาวที่มีทั้งเป้และผมทรงโพนี่เทลนั้นดูร่าเริงขึ้นมาก หรือบางทีอาจเป็นเพราะท่าทางที่ดูร่าเริงขึ้นก็ได้
“แม่ของหนูชอบของขวัญมากๆเลย”
“หือ? จริงเหรอ? ชอบงั้นเหรอ?”
“อื้อ มันยอดเยี่ยมสุดๆเลยค่ะ!”
“คือบางทีมันอาจจะสุดยอด แต่มันไม่มีวิธีที่แม่ของเธอจะใช้พวกมันได้จริงๆเลยนี่?”
“ไม่นะ แม่ของหนูน่ะใช้ของพวกนั้นจริงๆ แม่ใช้ที่รองแก้วเพื่อให้ผักสะเด็ดน้ำแล้วก็ทำให้ผ้าที่ซักแห้งด้วย มันต้องมีวัสดุอะไรพิเศษอยู่ข้างในใช่ไหมพี่สาว?”
พอเด็กสาวพูดแบบนั้น มาโคโตะก็คิดว่า เออแหะ ใช้แบบนั้นก็ได้นี่นา
“แล้วตอนที่แม่ของหนูนอนอยู่ น้องชายของหนู… ตอนนี้อายุสองขวบ บางครั้งก็ชอบเข้าไปดึงเส้นผมของแม่ แล้วแม่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี แต่พอมีสติกเกอร์พวกนี้ น้องชายก็หยุดดึงไปเลย”
“อ่า งั้นเหรอ”
“แล้วแม่ก็บอกว่า ตั้งแต่ที่แม่เริ่มเอาแผนงานสำหรับเดือนนี้ใส่เข้าไปในแฟ้ม แม่ก็ไม่ลืมเรื่องต่างๆอีกเลย แม่น่ะเป็นคนขี้ลืมมาก เพราะแบบนั้นจึงต้องจดอะไรอยู่ตลอด” เด็กสาวยิ้มอย่างร่าเริง “แม่ยังบอกอีกว่าพอเอาถุงผ้าเข้าไปประชุมผู้ปกครองก็พูดอะไรที่สร้างความประทับใจได้ด้วย”
“อ่าฮะ ก็ใช่อยู่”
“พอแม่แปะสติกเกอร์ลงบนบัตรเครดิต แม่รู้สึกว่าเสียเงินน้อยลงด้วย”
“นั่นคงเป็นวิธีการใช้ที่ถูกต้องแล้วล่ะ”
“อ๊ะ แล้วก็นี่” เด็กสาววางกระเป๋าเป้ลง จากนั้นก็ควานหาสิ่งของที่อยู่ด้านในจนกระทั่งหยิบเอาสมุดโน๊ตออกมา “สมุดโน๊ตนี่… แม่บอกว่าการพูดติดสำเนียงมันไม่ใช่เรื่องแย่ และการที่ภาษาถิ่นหายไปก็หมายถึงวัฒนธรรมและเรื่องต่างๆหายไปด้วย หนูไม่เข้าใจเลยว่าแม่พูดเรื่องอะไร”
“จะมองแบบนั้นก็ได้อยู่นะ”
“แม่ก็เลยบอกให้หนูเอามาคืน ขอโทษนะคะ —พี่สาวใจดีมากเลยที่ให้เจ้านี่กับหนู”
เด็กสาวพูดต่อไปอีกครู่หนึ่งเรื่องไอเท็มนี้มันดีแค่ไหน จากนั้นก็ก้มตัวลงอีกครั้งจนทำให้โพนี่เทลสะบัดจากด้านหลังมาด้านหน้า ก่อนที่จะออกไปในที่สุด
ในระหว่างทางกลับบ้าน มาโคโตะก็มองภาพสะท้อนตัวของเองตรงกระจกรถที่จอดอยู่บนถนน มันดูบอบบาง แต่มาโคโตะก็ยิ้มออกมา
เย็นวันนั้น เมจิคัลรอยด์เปิดสมุดโน๊ตแล้วเขียนชื่อฟาฟลงไป จากนั้นเธอก็เปิดเมจิคัลโฟน “ฟาฟ พอมีเวลาไหม?”
ภาพโฮโลแกรมสีขาวดำโผล่ขึ้นมาจากหน้าจอ “จะให้เราช่วยอะไรเหรอ?”
“อ่า ใช่… ในตอนนี้ฉันรู้แล้วล่ะ… ผลของไอเท็มชิ้นนี้ หึ ขอบคุณมากนะ”
“อ๊ะ ไม่นะ เรายังไม่ได้ทำอะไรที่สมควรได้รับคำขอบคุณเลย… มีอะไรรึเปล่า?”
เมจิคัลรอยด์กดหน้าท้องตัวเองพร้อมกับไหล่สั่น ฟาฟเห็นแล้วก็กังวลว่าทำไมคำถามของตัวเองทำให้เธอหัวเราะหนักมาก จนกระทั่งเริ่มรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา แต่เมจิคัลรอยด์ก็โบกมือตอบกลับ “ไม่ ไม่ ฉันไม่เป็นอะไร”
MANGA DISCUSSION