ตอนที่ 10: ทุกสิ่งเพื่อเธอ
☆ พีเฟิล
การติดต่อจากค็อกเคิล เมจิคัลเกิร์ลที่พีเฟิลส่งเข้าไปหาอุปกรณ์มันขาดหายไปแล้ว พีเฟิลคิดว่าด้วยเวทมนตร์ของเธอที่สามารถแทรกตัวเข้าไปในรอยแตกได้ มันทำให้เธอสามารถมุ่งหน้าไปยังอุปกรณ์ได้โดยตรง แต่เหมือนว่าเธอจะถูกจับเอาไว้ไม่ก็ถูกฆ่าทิ้งในระหว่างทาง ด้วยเรื่องนี้ หนึ่งในเส้นทางสู่ชัยชนะของพีเฟิลที่คิดเอาไว้จึงถูกปิดลง
ตัวเลือกที่เกียจคร้านอย่างการให้เลเธเอาชนะพัคพั๊คก็ถูกกำจัดไปเช่นกัน และมันก็กลายเป็นการปิดเส้นทางไปสู่ชัยชนะที่เป็นไปได้อีกหนึ่งทาง จากนั้นพัคพั๊คก็เข้าไปในสถานโบราณ ในตอนนี้มันมาถึงจุดที่พวกเธอไม่มีเวลาเหลือแล้ว มันไม่มีเมจิคัลเกิร์ลคนไหนที่สามารถต่อต้านพัคพั๊คได้อีกต่อไป
แม้จะเป็นดีลูจหรือดาร์คคิวตี้ เมื่อคิดถึงว่าพวกเธอต้องเผชิญหน้ากับใคร มันก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องเจอการต่อสู้ที่ยากลำบากแน่ การละทิ้งความหวังอันเลือนลางที่พวกเธอจะเร่งรีบมาช่วยได้คงดีที่สุด สิ่งที่พีเฟิลทำได้มากที่สุดในตอนนี้คือการภาวนาให้พวกเธอปลอดภัย เพื่อฟาลแล้ว เธอจะเพิ่มสโนไวท์เข้าไปการภาวนาด้วยเช่นกัน
นับจากนี้ —ที่เหลืออยู่ก็ขึ้นกับสถานการณ์
พีเฟิลเอามือของเธอสัมผัสกับประตูของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แล้วเธอก็ผลักมันให้เปิดออกอย่างช้าๆ
☆ โยชิโอกะ
เธอพบสถานที่แห่งหนึ่งที่กำแพงหินไม่ได้ชันมากเกินไปนัก จากนั้นก็ใช้แรงจากแขนและขาเพื่อปีนขึ้นไปถึงจุดสูงสุด เธอดึงกล้องส่องทางไกลออกมาจากกระเป๋าเป้ คลานไปกับพื้นเพื่อมองลงมาดูพื้นที่แอ่งกระทะด้านล่าง
เมจิคัลเกิร์ลเริ่มทำการเก็บกวาดพื้นที่ เหมือนว่าพวกเธอไม่อยากปล่อยให้มีสภาพไม่เป็นระเบียบอยู่รอบๆสถานโบราณ บางทีมันอาจเป็นความเคารพต่อปฐมจอมเวทผู้เป็นอาจารย์ของพัคพั๊ค ชัฟฟิน II โพดำที่เชี่ยวชาญการต่อสู้คงถูกพัคพั๊คพาไปจะหมดเพราะไม่มีเหลืออยู่ด้านนอกแม้แต่คนเดียว มีเพียงชัฟฟิน II ข้าวหลามตัด ดอกจิก และโพแดง เสริมกับลูกน้องดั้งเดิมของพัคพั๊คจำนวนหนึ่งทิ้งเอาไว้เพื่อเฝ้าระวังอยู่ด้านนอกและจัดการกับเรื่องต่างๆ
คนที่ถูกทิ้งเอาไว้ล้วนรู้สึกเศร้า ผิดหวัง น่าสังเวช แม้ว่าพวกเธอทุกคนจะมีความปรารถนาที่จะรับใช้พัคพั๊คเหมือนกัน แต่บางคนก็ได้ทำตามความปรารถนานั้นและบางคนก็ไม่ได้ทำมัน พวกเธอยอมรับไม่ได้ที่มีเพียงคนจำนวนหนึ่งได้ติดตามพัคพั๊คเข้าไปในสถานโบราณเพียงเพราะว่าเป็นนักสู้ที่เก่งกาจ ตัวของพัคพั๊คเองก็แข็งแกร่งหาใครเทียบไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นคนร่วมทางที่เธอเลือกควรจะขึ้นอยู่กับความจงรักภักดีไม่ใช่ความแข็งแกร่ง พวกเธอเป็นประจักษ์พยานในช่วงเวลาสำคัญตอนอุปกรณ์ถูกเปิดใช้งานไม่ได้ “ช่างน่าสงสาร น่าเศร้าอะไรขนาดนี้” พวกเธอคงจะคิดอะไรแบบนั้นแน่ แม้จะเป็นสายตาของคนนอก เธอก็มองเห็นความไม่พอใจได้อย่างชัดเจน
ในตอนนี้พวกเธอเดินไปรอบๆบริเวณ กำลังเก็บขยะและเก็บกวาดร่างของเมจิคัลเกิร์ลอยู่
ลูกน้องดั้งเดิมที่ถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่คงรู้สึกสิ้นหวังและขุ่นเคืองยิ่งกว่าชัฟฟิน II เสียอีก พวกเธอรับใช้มาอย่างยาวนานยิ่งกว่าชัฟฟิน II ที่เพิ่งจะมาติดตามพัคพั๊ค —แต่ชัฟฟิน II โพดำก็กลับมาขโมยสถานที่ที่พวกเธออยู่ไป เด็กสาวเหล่านี้ไม่ได้พยายามที่จะปกปิดความโกรธของตัวเองในตอนที่สั่งการชัฟฟิน II ไปรอบๆอย่างเย่อหยิ่งเลย พวกเธอยังวิจารณ์การทำงานของอีกฝ่าย แถมยังเตะให้ล้มลง ในขณะที่ตัวเองไม่ได้ช่วยงานอะไร เอาแต่มองไปยังจอภาพที่อยู่ตั้งอยู่รอบๆทางเข้าที่มีภาพของพัคพั๊คแสดงอยู่
โยชิโอกะลูบเส้นผมตัวเองอย่างเศร้าๆ พัคพั๊คนั้นรักทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน —แต่ในหมู่ลูกน้องของเธอ ความไม่เท่าเทียมกันระหว่างเมจิคัลเกิร์ลคนที่ทำงานอย่างแข็งขันมายาวนาน คนที่เดินไปมารอบๆและไม่ทำงาน กับคนที่ถูกเลือกเป็นองครักษ์อันทรงเกียรติกำลังเพิ่มมากขึ้น แต่ถึงแม้จะมีความไม่พอใจอยู่ในใจ พวกเธอก็ไม่สามารถแย้งการตัดสินใจของพัคพั๊คได้ ในตอนนี้พวกเธอจึงแค่อดทนเอาไว้แล้วก็คอยเก็บขยะ นี่คือสังคมสมัยใหม่โดยสังเขปที่อยู่ตรงหน้าเธอ
เมื่อได้ยินเสียงทุบอะไรบางอย่าง โยชิโอกะจึงมองไปทางนั้นและเห็นว่ามีหน้าจอล้มลงมา พูดอีกอย่างคือถูกทำให้ล้ม เมจิคัลเกิร์ลในชุดสีฟ้ายกขาขวาของตัวเองขึ้น ที่ด้านซ้ายของเธอคือหน้าจอที่ล้มลงมา เด็กสาวที่อยู่ด้านนอกต่างก็มองมาที่เธอ แต่เมจิคัลเกิร์ลสีฟ้าก็ไม่สนใจสายตาที่มองมา เธอเดินไปยังหน้าจอถัดไปเพื่อเตะมันลงมาต่อ
มีเสียงตะโกนดังขึ้น ชัฟฟิน II ดอกจิกยกกระบองของตัวเอง ในขณะที่ชัฟฟิน II ข้าวหลามตัดก็เตรียมปืนช็อตไฟฟ้าและปืนยิงนก โยชิโอกะหักห้ามหัวใจที่เต้นแรงของตัวเองเอาไว้ในตอนที่มองดูสถานการณ์ตรงหน้า
“ยัยนี่มาจากฝ่ายโอส!” เด็กสาวคนหนึ่งตะโกนขึ้นแล้วก็ชี้ไปยังตัวของเมจิคัลเกิร์ลที่พูดถึง
ชัฟฟิน II โพแดงกระโจนเข้าหา แต่เธอก็หลบได้แบบง่ายๆ จากนั้นก็มีบางสิ่งกลิ้งลงมาที่พื้น มันคือแคนดี้ที่ดูงดงาม ชัฟฟิน II โพแดงดันตัวเองขึ้นมาจากพื้นอย่างเชื่องช้า มองไปรอบๆบริเวณจากนั้นก็เอียงหัว ดูไม่เหมือนว่าเธออยากจะสู้อีกแล้ว
“ระวังด้วย! เธอกำลังใช้เวทมนตร์อะไรบางอย่างอยู่!” ใครบางคนตะโกนขึ้นมา
ชัฟฟิน II พุ่งมาด้านหน้า และเมจิคัลเกิร์ลสีฟ้าก็ลอดผ่านระหว่างตัวอีกฝ่ายไป เมื่อเธอผ่านตัวของชัฟฟิน II เธอก็จะสัมผัสร่างกายของอีกฝ่าย และทุกครั้งมันก็จะมีแคนดี้ที่เปล่งประกายตกลงมา หลังจากที่มีแคนดี้ออกมาจากตัวแล้ว ชัฟฟิน II ก็จะหยุดตัวลงตรงนั้นแล้วก็มองไปรอบๆอย่างสับสน
เมจิคัลเกิร์ลคนหนึ่งสยายปีกแมลงปอที่หลังออกแล้วก็บินขึ้นไปบนฟ้า จากนั้นก็ลงมาด้านล่างอีกครั้งจนกระทั่งเกือบจะไถลตัวไปตามพื้นในตอนที่บินต่ำ เด็กสาวสีฟ้าไม่ปล่อยให้กลุ่มของชัฟฟิน II แตะต้องเธอแม้แต่ปลายนิ้วในตอนที่วนไปรอบๆสนามรบ เด็กสาวที่มีปีกแมลงปอบินตามหลังเด็กสาวสีฟ้าไปแบบผลุบๆโผล่ๆ จากนั้นเธอก็เร่งความเร็วตรงเข้ามา เธอพุ่งเข้ามากระแทกตัวของเด็กสาวสีฟ้าจากด้านหลัง แต่เมื่อเอื้อมแขนออกไปหา ตัวของเธอกลับคว้าได้แต่อากาศ เด็กสาวสีฟ้าย่อตัวลงตรงจุดนั้นเพื่อหลบอีกฝ่าย
มันไม่มีอะไรบ่งบอกเลยว่าเธอรู้เรื่องการลอบโจมตีจากด้านหลัง เธอไม่ได้มองไปที่เด็กสาวมีปีกมากด้วยซ้ำ แต่เธอก็หลบการโจมตีได้ราวกับมีตาอยู่ข้างหลัง
เด็กสาวปีกแมลงปอบินขึ้นไปบนฟ้า จากนั้นก็มองลงมายังสถานโบราณจากด้านบน
ที่โลกเบื้องล่าง เมจิคัลเกิร์ลคนอื่นดูเหมือนว่ากำลังทำทุกวิถีทางที่ตัวเองทำได้เพื่อสู้กลับ แต่ท่าทีของเมจิคัลเกิร์ลสีฟ้าก็ราวกับว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรอยู่เลย ลูกบอลแสงพุ่งเข้าไปหาเมจิคัลเกิร์ลสีฟ้าจากทั้งสี่ด้าน แต่ก็ไม่มีลูกไหนที่โดนเป้า บางคนขว้างหิน หรือแม้กระทั่งสาดโคลนใส่เธอ แต่มันก็ไม่โดนอีกเช่นกัน ทุกครั้งที่เมจิคัลเกิร์ลสีฟ้าขยับตัว มันก็จะมีแคนดี้ร่วงลงมา และในพริบตาเดียวคนจำนวนมากก็หลุดออกไปจากการต่อสู้ จังหวะที่เธอสัมผัสกับคนอื่น แม้กระทั่งฝ่ายพัคที่ไม่ใช่ชัฟฟิน II ตัวของทุกคนจะร่วงลงไปกองบนพื้นโดยไม่กระดิกตัว
เมจิคัลเกิร์ลปีกแมลงปอมองดูด้วยความไม่พอใจ โยชิโอกะสงสัยว่าตัวเองจะทำยังไงกันนะหากอยู่ตำแหน่งของเด็กสาวคนนั้น เด็กสาวสีฟ้าเห็นได้ชัดว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ แม้ทุกคนจะพยายามรุมโจมตีเธอ แต่อีกฝ่ายก็ไม่สามารถแตะต้องเธอได้แม้แต่ปลายนิ้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่จะทำร้ายเธอเลย แทนที่จะสู้กันต่อไป การรายงานเรื่องนี้เข้าไปในสถานโบราณก่อนคือวิธีที่ดีที่สุด
เหมือนว่าเด็กสาวปีกแมลงปอจะได้ข้อสรุปแบบเดียวกัน เธอจึงดึงเอาเมจิคัลโฟนออกมาจากกระเป๋า เปิดเครื่องเพื่อโทรออกแล้วนำเข้ามาใกล้ปาก แต่ทันใดนั้นเธอก็รีบหลบอะไรบางอย่างที่พุ่งเข้ามาหา
มันคือก้อนหิน ก้อนหินขนาดใหญ่ที่มีขนาดเท่าหัวของผู้ใหญ่ถูกขว้างเข้าไปหาเธอ ในตอนที่หลบก้อนหินเธอก็บินสูงขึ้นไปอีกและเอาเมจิคัลโฟนมาใกล้ปากอีกครั้ง บางทีเธออาจจะพยายามอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นด้านล่าง แต่เมื่อเธอมองลงมาที่พื้น ดวงตาของเธอก็สบเข้ากับดวงตาของเมจิคัลเกิร์ลสีฟ้าทันที
เด็กสาวที่เธอคิดว่าเมื่อครู่นี้อยู่ที่พื้นกลับมาอยู่ตรงหน้าของเธอในระยะที่เอื้อมถึง
โยชิโอกะมองเห็นทุกอย่าง หินนั้นไม่ได้ถูกขว้างเพื่อให้โดนตัวของเมจิคัลเกิร์ลมีปีก มันถูกขว้างออกไปเพื่อเป็นแท่นเหยียบ เด็กสาวสีฟ้าวิ่งไปตามหน้าหินที่อยู่โดยรอบบริเวณพื้นที่แอ่งกระทะ กระโดดจากจุดที่สูงที่สุดของกำแพง จากนั้นก็เหยียบก้อนหินที่ตัวเองขว้างออกไปเพื่อให้เด้งตัวสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า มันเป็นความสามารถทางกายภาพอันน่าเหลือเชื่อ —แม้จะเป็นเมจิคัลเกิร์ล มันก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก
เด็กสาวมีปีกพยายามจะหนีขึ้นสูงไปในอากาศ แต่ก็ไม่ทันเวลา เด็กสาวสีฟ้าจับข้อเท้าของเธอเอาไว้ จากนั้นมันก็มีแคนดี้กลิ้งออกมา เธอสูญเสียสมดุลในอากาศจนร่วงลงมาด้านล่าง เด็กสาวสีฟ้าอุ้มเด็กสาวมีปีกเอาไว้ในตอนที่กำลังร่วงลงมา และก่อนที่จะลงมาถึงพื้น เธอก็เด้งตัวออกจากกำแพงเพื่อลดแรงกระแทก จากนั้นก็วางตัวของเด็กสาวมีปีกลงบนพื้น
โยชิโอกะมองดูความห้าวหาญของเด็กสาวสีฟ้าพร้อมกับแก้มที่แดงระเรื่อ นี่มันเป็นฉากแอ็คชั่นที่ควรค่าแก่การรับชมมาก แต่ช่างน่าเสียดายที่มันเป็นแรงกระตุ้นเพียงเล็กน้อยหากเทียบกับการที่เธอรับใช้ร่างเกิดใหม่ของหนึ่งในสามปราชญ์
☆ อูรูรุ
“อ๊า โธ่เอ๊ย! ช้าชะมัด! วิ่งให้เร็วกว่านี้สิ!”
“ชั้นบอกไปแล้วไงว่าอย่าเอามาตราฐานของเมจิคัลเกิร์ลมาใช้กับชั้นน่ะ!”
อูรูรุวิ่งอยู่โดยที่มีกลุ่มของชัฟฟิน II ล้อมรอบเอาไว้ มานานั้นเชื่องช้า ดังนั้นอูรูรุจึงดึงแขนของเธอไว้ แต่เธอก็ยังคงเชื่องช้าอยู่ดี สิ่งที่อูรูรุทำไปมันมีผลหรือไม่มีกันนะ? เธอไม่รู้ว่าเลยว่ามันจะมีผลหรือไม่มีรึเปล่า ตอนนี้พวกเธอออกมาจากพื้นที่ส่วนกลางแล้ว แต่เธอก็ไม่เข้าใจว่าเลยว่าพวกเธอควรมุ่งหน้าไปที่ไหน แต่สิ่งเดียวที่เธอรู้ก็คือหากพวกเธอไม่วิ่งในตอนนี้ พวกเธอได้มีปัญหาแน่
กำแพงแตก หน้าจอที่พัง พื้นที่เต็มไปด้วยคราบเขม่าดำ และที่สำคัญที่สุดคือร่างของเมจิคัลเกิร์ล ยิ่งพวกเธอวิ่งไปไกลเท่าไหร่ พวกเธอก็ได้เห็นร่องรอยการทำลายล้างมากเท่านั้น จนทำให้อยากเบือนหน้าหนี อูรูรุบีบมือที่จับเอาไว้แรงขึ้น มานาเองก็บีบตอบกลับมาแรงขึ้นเช่นกัน ในตอนนี้ ความอบอุ่นจากมือของมานาก็ยังคือเรื่องที่น่ายินดี มันช่วยค้ำยันจิตใจอันอ่อนแอของอูรูรุที่ใกล้จะแตกสลายเต็มทีเอาไว้
พวกเธอวิ่งแล้วก็วิ่ง แค่วิ่งไปด้านหน้า เหยียบย่ำความลังเลและไม่แน่ใจภายในใจ—
“สโนไวท์!”
เธออยู่ที่นี่ —สโนไวท์ คนที่อูรูรุตามหามาโดยตลอดอยู่ที่นี่ อูรูรุได้แต่วิ่งแล้วก็วิ่งโดยเอาคำสัญญาที่พวกเธอจะไปแก้แค้นด้วยกันเป็นสิ่งยึดมั่น สโนไวท์เป็นคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงหน้าอูรูรุ สถานที่ที่เธออยู่ล้วนว่างเปล่า
สโนไวท์ยกอาวุธขึ้น แต่มันดูเหมือนว่าเธอเหนื่อยล้ามาก แค่การยกอาวุธขึ้นก็ดูเหมือนเรื่องที่มากที่สุดที่เธอทำได้แล้ว ไหล่ของเธอสั่น ข้อเท้าเองก็เช่นกัน สีดำแดงที่ย้อมชุดสีขาวของเธออาจจะไม่ใช่แค่เลือดของศัตรูเพียงอย่างเดียว
คนที่นอนอยู่ตรงเท้าสโนไวท์คงจะเป็นศัตรูของเธอ เธอคือเมจิคัลเกิร์ลชุดสีฟ้าน้ำทะเลกับตรีศูล เธอคว่ำหน้าจมอยู่ในบ่อเลือด อูรูรุเองก็บอกไม่ได้ว่าเธอตายไปแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่
สโนไวท์มองมาที่อูรูรุและมานา ท่าทางของเธอราวกับจะพูดว่า “มีศัตรูใหม่มาเพิ่ม” อูรูรุขบกรามแน่น ใบหน้าของสโนไวท์บึ้งตึง เธอลดอาวุธลงแล้วก็วิ่งหนี
“สโนไวท์! ถ้าเธอไม่หยุด ท่านหญิงพัคจะโกรธเธอนะ!”
อูรูรุเคยถูกบอกว่าสโนไวท์สามารถลบล้างผลจากเวทมนตร์ของอูรูรุได้ ครั้งแรกที่สโนไวท์ได้ยินอูรูรุโกหกในสวนสาธารณะ เธอก็เป็นเพียงคนเดียวที่ฟื้นตัวและทำอะไรปกติได้ในทันที แต่อูรูรุก็จำได้ สโนไวท์จะทิ้งตัวลงไปที่พื้นครั้งหนึ่งก่อนที่จะลุกขึ้นมาอีกครั้ง เธอตอบสนองกับการโกหกของอูรูรุ จากนั้นเธอจะเสริมสิ่งที่ตัวเองได้ยินจากภายในใจของอูรูรุและคิดว่าควรจะลงมือยังไง ดังนั้นการโกหกของอูรูรุจึงมีความหมาย แม้ว่าจะเป็นเพียงเวลาแค่ไม่นาน อูรูรุก็สามารถทำให้สโนไวท์เชื่อได้ ดังนั้นมันจะทำให้การเคลื่อนไหวของสโนไวท์ช้าลงมาก
การโกหกของอูรูรุทำให้สโนไวท์ตัวแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่ง แค่ครู่เดียวมันก็คือโอกาสที่มากเพียงพอแล้วที่จะทำให้เอซโพดำวิ่งไปพร้อมกับอูรูรุ เธอตามสโนไวท์ได้ทันพร้อมกับเอซโพดำที่เหวี่ยงหอกเข้าไปหา สโนไวท์ป้องกันเอาไว้ได้ แต่ว่าเพราะว่าสโนไวท์บาดเจ็บ มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอเลย เธอหลบการโจมตีครั้งที่สองได้อย่างฉิวเฉียด จากนั้นก็ครั้งที่สาม เมื่อทหารไพ่คนอื่นตามมาทันก็เข้าร่วมโจมตีไปยังสโนไวท์
อูรูรุตะโกนออกมา “ถ้าฆ่าสโนไวท์ ท่านหญิงพั๊คจะเกลียดเอานะ!”
เมื่อสโนไวท์ต้านทานการโจมตีของทหารไพ่อีกต่อไปไม่ได้ มานาจึงโยนเชือกเวทมนตร์พันธนาการออกไป แม้สโนไวท์จะหลบได้ แต่เธอก็หลบการเอาตัวเข้ากระแทกจากเอซโพดำที่ตามมาไม่ได้ จากนั้นทหารไพ่คนอื่นทับตัวของเธอเอาไว้เพื่อกดลงกับพื้น
ในตอนที่หายใจอย่างเหนื่อยหอบ สโนไวท์ก็มองขึ้นมาหาอูรูรุ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชัง อูรูรุเองไม่อยากถูกสโนไวท์มองมาแบบนี้ แต่การเบือนหน้าหนีจะทำให้แย่ยิ่งไปกว่าเดิม อูรูรุจึงจ้องสโนไวท์กลับแล้วก็ยกหมัดของตัวเองขึ้น จากนั้นก็ลดหมัดลงโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย อูรูรุรู้ว่าไม่ควรทำอะไรกับสโนไวท์ในตอนนี้
อูรูรุกระทุ้งมานาด้วยศอก “นี่ พวกเราควรทำยังไงดี?”
“นี่ไม่ใช่เวลาจะมาถามอะไรแบบนั้นนะ!” มานารีบวิ่งเข้าไปหาเมจิคัลเกิร์ลที่จมอยู่ในบ่อเลือดแล้วก็เริ่มทำการรักษาบาดแผล ดูเหมือนว่าเธอยังคงมีชีวิตอยู่ อูรูรุรู้สึกแย่มากขึ้นเรื่อยๆ สโนไวท์ยังคงจ้องเธอ ทหารไพ่เองก็ยังคงกดตัวของเธอเอาไว้เพื่อรอคำสั่งของอูรูรุอย่างอดทน
“เออ นี่?”
อูรูรุหันกลับไป เธอเห็นเมจิคัลเกิร์ลสีฟ้ายืนอยู่ตรงนั้น บางทีอูรูรุอาจจะเคยเห็นเธอมาก่อน หรือบางทีก็ไม่ —เธอบอกไม่ได้ว่าเป็นแบบไหน อูรูรุยกปืนไรเฟิลของเธอขึ้นแล้วก็ตรียมเปิดปากเพื่อที่จะพูดคำโกหกออกมา แต่เมจิคัลเกิร์ลสีฟ้าก็รีบชูมือขึ้นและส่ายหน้า
“หวา ฉันไม่ใช่ศัตรูนะ บางทีฉันคงทำให้ตกใจเพราะจู่ๆก็โผล่ออกมา แต่เพราะเวทมนตร์มันทำงานแบบนั้นน่ะ ยกโทษให้ด้วยฉันด้วย อ๊ะ ถึงจะไม่ใช่เวทมนตร์ของฉันก็เถอะ”
“หา? นี่เธอเป็นใครเนี่ย?”
“ใจเย็นก่อนนะ” เด็กสาวสีฟ้าเข้าหาสโนไวท์แล้วก็ลูบแก้มของเธอ จากนั้นมันก็มีอะไรบางอย่างหล่นลงมาจากจุดที่เธอสัมผัส มันก็ร่วงลงไปบนพื้นพร้อมกับเสียงดัง ปิ๊ง ใบหน้าของสโนไวท์แข็งทื่อด้วยความตกใจ จากนั้นก็มีเสียงครางหลุดออกมาส่วนลึกในลำคอ เธอเปิดปากเพื่อจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เปลือกตาของเธอก็ปิดลง แขนเองก็ห้อยอย่างอ่อนแรงพร้อมกับใบหน้าที่กระแทกเข้ากับพื้น
“นี่เธอฆ่าสโนไวท์งั้นเหรอ?!” อูรูรุตะโกน
“ฉันไม่ได้ฆ่าหรอก เธอแค่หมดสติไปน่ะ โอเคนะ?” เด็กสาวสีฟ้าตอบกลับมา
การแปลงร่างของสโนไวท์ถูกยกเลิก คนที่นอนอยู่ตรงนั้นไม่ใช่เมจิคัลเกิร์ลที่ชื่อสโนไวท์ แต่เป็นเด็กผู้หญิงในชุดนักเรียน
อูรูรุรีบสั่งการกับทหารไพ่ “นี่! ถ้าจับตัวคนที่ไม่ใช่เมจิคัลเกิร์ลห้อยไว้แบบนั้นล่ะก็ เธอจะบาดเจ็บเอานะ! และถ้าเป็นแบบนั้น ได้ถูกท่านหญิงพัคเกลียดแน่!”
“อื้อ อื้อ เธอเข้าใจแล้วนี่ แบบนั้นแหละ” เมจิคัลเกิร์ลสีฟ้าพูดออกมาด้วยท่าทางสบายๆอย่างไม่น่าเชื่อ จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปหาทหารไพ่ที่กำลังแบกสโนไวท์อย่างเงียบๆ เธอยื่นมือออกไปเพื่อใช้นิ้วลูบแก้มของแต่ละคน เธอเคลื่อนไหวอย่างไหลลื่น มันจึงไม่มีโอกาสที่จะหยุดเธอเอาไว้ แคนดี้หนึ่งลูกกลิ้งออกมาจากทหารไพ่แต่ละคน และทุกๆคนต่างก็มองหน้ากันราวกับว่ากลับมาได้สติอีกครั้ง
“เอาล่ะ นั่นคือแผนนะ เข้าใจแล้วใช่ไหม?” เด็กสาวสีฟ้าถาม
“อย่างที่พูด นี่เธอเป็นใครกันเนี่ย?” อูรูรุตะคอกใส่
“ฉันเป็นพวกเดียวกับเธอ โอเคนะ? แล้วก็เจ้านี่” เมจิคัลเกิร์ลสีฟ้าสร้างแคนดี้ขึ้นมาระหว่างนิ้วของเธอทันที หรือบางทีเธออาจจะไม่ได้สร้างมันขึ้นมา แต่เผยสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ตั้งแต่แรกเหมือนกับนักมายากล
ในขณะที่พาทหารไพ่ออกห่างจากสโนไวท์ เมจิคัลเกิร์ลสีฟ้าก็ปล่อยให้แคนดี้สีรุ้งหล่นลงมาบนฝ่ามือ “มันคือสิ่งที่ตกผลึกจากความโกรธแค้นและความเกลียดชังก่อนที่จะตาย หากใช้เจ้านี่ มันก็สามารถทำอะไรสนุกๆได้… เอาล่ะ นั่นคือภารกิจของฉันกับทหารไพ่ หากพวกเธอยังอยู่ที่นี่ มันก็จะพลอยอันตรายไปด้วย แถมยังบาดเจ็บกันอีก แบบนั้นพวกเธอก็ควรใช้เส้นทางด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงนะ”
☆ พัคพั๊ค
กลุ่มของเมจิคัลเกิร์ลพร้อมกับพัคพั๊คที่เป็นศูนย์กลางตรงเข้าไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่ตั้งของอุปกรณ์อย่างรีบเร่ง
พวกเธอควบคุมพื้นที่ด้านนอกได้แล้ว หากกำลังเสริมของศัตรูเข้ามา มันก็ต้องใช้เวลาก่อนที่พวกนั้นจะเข้ามาถึงอุปกรณ์ พัคพั๊คอยากควบคุมพื้นที่ด้านในสถานโบราณให้เบ็ดเสร็จเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ เธอจึงกลับมายังที่ตั้งอุปกรณ์ซึ่งเป็นที่ที่ศัตรูมุ่งหน้าเข้าไปหาเพื่อเสริมการป้องกัน ระหว่างทางเธอก็เลือกเมจิคัลเกิร์ลสายต่อสู้มาทีละคนทีละคนจนกลุ่มของเธอมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และเพราะว่ากลุ่มนั้นมีขนาดใหญ่เกินไปจนทำให้เคลื่อนที่ไปมารอบๆได้ยาก เธอจึงขอให้คนอื่นๆช่วยกันเก็บกวาดสถานโบราณ ในขณะที่หน่วยอารักขาที่มีจำนวนหลักสิบมุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ยิ่งมุ่งหน้าไปมากเท่าไหร่ ภาพอันเลวร้ายของการต่อสู้ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ตุ๊กตาถูกเผาจนไหม้เกรียม แหวนกระดาษกำลังลุกไหม้ หน้าจอเองก็ลุกเป็นไฟ มันเป็นภาพที่น่ากลัวมาก พัคพั๊คที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศกก็ยังคงมุ่งหน้าต่อไป
เมื่อเธอได้ยินเสียงของกลุ่มทหารไพ่ที่เข้ามาจากตรงหน้า เธอก็คิดว่าตัวเองควรจะยืนนำอยู่ด้านหน้า หากพัคพั๊คยืนอยู่ด้านหน้าและทำให้ศัตรูทุกคนกลายมาเป็นเพื่อนของเธอล่ะก็ ทุกคนก็จะสามารถเข้ากันได้ด้วยดีโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ นี่คือวิธีการที่เธอหาเพื่อนมาโดยตลอด คนที่เพิ่งต่อสู้กันในตอนนี้ก็สาบานว่าจะจงรักภักดีกับพัคพั๊คอีกด้วย
เธอจึงออกไปยืนอยู่ด้านหน้าด้วยความคิดนั้นที่อยู่ในใจ
“เดี๋ยวก่อน” เพื่อนของพัคคนหนึ่งพูดออกมา “มีอะไรแปลกๆ”
“อะไรเหรอ?”
เมื่อเธอมองไปที่ทหารไพ่ที่กำลังเข้ามาหา พวกนั้นดูโมโห และไม่เหมือนว่าจะรับฟังเรื่องที่คนอื่นพูดด้วย เมื่อพัคพั๊คกางแขนออกและพูดว่า “มาเป็นเพื่อนกันนะ!” อีกฝ่ายก็คลั่งและพุ่งเข้ามาหาเธออย่างโกรธแค้น ในจุดนั้นเพื่อนของพัคพั๊คจึงถูกบังคับให้ต้องสู้กลับ การต่อสู้อย่างโกลาหลจึงเกิดขึ้นที่ทางเดิน แม้ว่าฝ่ายของพัคพั๊คจะมีจำนวนมากกว่า แต่ทางเดินมันก็แคบ พวกเธอจึงใช้กำลังทั้งหมดเข้ามารับมือไม่ได้ แถมศัตรูเองยังมีพลังมากอีกด้วย ฝ่ายพัคจึงยับยั้งอีกฝ่ายไม่ได้เลย เมจิคัลเกิร์ลเกราะดำจึงเดินออกมาด้านหน้าและป้องกันการโจมตีจากทหารไพ่เอาไว้
ทหารไพ่ยังคงทำการต่อสู้แบบซ้ำๆ จากนั้นก็ดึงเอาแคนดี้สีแดงออกมาแล้วกลืนลงไป พัคพั๊คไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายทำอะไรอยู่ แต่แคนดี้พวกนั้นคือปัญหาแน่
“บางทีพวกเราควรจะเอาแคนดี้พวกนั้นมารึเปล่า?” พัคพูด
“ศัตรูมีจำนวนไม่มาก พวกเราจะรีบจัดการเอง”
จริงอยู่ที่ฝ่ายพัคมีจำนวนมากกว่า แต่นั่นมันก็ยังหมายความว่าต้องควบคุมเวทมนตร์ของฝ่ายตัวเองด้วย มิเช่นนั้นผลลัพธ์จะกลายเป็นทำร้ายฝ่ายเดียวกันอย่างรวดเร็ว ขวัญกำลังใจของศัตรูนั้นสูงมาก ด้วยการที่มีเอซโพดำนำอยู่ด้านหน้า ทั้งใช้หอกแทงเข้ามาและใช้กระบองทุบเข้าหา ฝ่ายของพัคจึงรับมือพวกเธอด้วยไม่ได้
“บางทีพัคก็ควรออกไปด้านหน้า” พัคพูด
“เดี๋ยวก่อน —ช่วยรออีกหน่อย”
“หืมม…พัครอไม่ได้หรอกนะ!” เธอจะพูดว่าหลังจากยับยั้งศัตรูแล้วก็เดินหน้าต่อไปแบบง่ายๆก็คงไม่ได้ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ เธอก็จะเติมเต็มเป้าหมายของตัวเองไม่ได้ พัคพั๊ควิ่งออกไปโดยไม่สนเสียงเรียกที่บอกให้หยุด เธอกระโดดจากกำแพงฝั่งหนึ่งไปยังกำแพงอีกฝั่งแล้วก็ทำการกระโดดอีกครั้ง ในตอนที่วิ่งซิกแซกไปมาเพื่อตรงเข้าไปยังเหนือหัวของทหารไพ่ กำแพงก็เกิดรอยแตกขึ้นทุกครั้งเมื่อเธอสัมผัส เธอเหยียบลงบนหัวของเอซที่แทงหอกขึ้นมาด้านบน จากนั้นเธอก็กระโดดจนทำให้ร่างกายอีกฝ่ายยุบลงไป และข้ามทหารไพ่ทั้งหมดในคราวเดียว
“ทุกคนจัดการที่เหลือทีนะ!” และพัคพั๊คก็วิ่งออกไปโดยไม่ได้หันกลับมามอง
☆ ชาโดว์เกล
ในที่สุดอุปกรณ์ก็ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ในตอนนี้เหลือเพียงแค่การดัดแปลงของชาโดว์เกลเพียงส่วนเดียว แม้แต่ตัวของเธอเองก็ไม่รู้ว่าจากนี้ไปต้องใช้เวลามากแค่ไหน
เธอตั้งค่าให้เจ้าของและผู้ใช้เป็นพัคพั๊ค และตั้งจุดประสงค์เพื่อให้เป็นที่เก็บเมจิคัลเกิร์ลทุกคน เมจิคัลเกิร์ลทุกคนต่างก็ตื้นตัน ร้องไห้ กอดกันและกันด้วยความดีใจ ทุกคนดีใจที่ได้รับใช้และทำงานให้กับผู้นำผู้ยิ่งใหญ่อย่างพัคพั๊ค สุดยอดเมจิคัลเกิร์ล ร่างแห่งความงดงาม ผู้นำอันเด็ดขาด พวกเธอร้องไห้ที่ทำความปรารถนาของพัคพั๊คได้สำเร็จ แถมยังดีใจเมื่อจินตนาการถึงคำชมที่ตัวเองจะได้รับอีกด้วย
แต่มันก็มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น จากห้องเฝ้ายามด้านหน้าของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถได้ยินเสียงตะโกน กรีดร้อง และทุบทำลาย เสียงนั่นมันดังขึ้นเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว ศัตรูมาถึงที่นี่แล้วงั้นเหรอ? เหล่าเมจิคัลเกิร์ลต่างตึงเครียด กลืนน้ำลายเสียงดังในตอนที่พวกเธอจ้องมองไปยังทางเข้า
ประตูเปิดออกจากนั้นก็มีเมจิคัลเกิร์ลเข้ามาด้านใน เธอปิดประตูด้วยมือที่อยู่ด้านหลังตัวแล้วก็ส่งยิ้มมาให้พวกเธอ “หืมม… นี่เสร็จแล้วหรือยังไม่เสร็จล่ะเนี่ย?”
ภาพที่บิดไปมาของเธอออกมาด้านหน้าพร้อมกับฝุ่นควันที่คละคลุ้งอยู่รอบตัว เสียงเอี๊ยดอ๊าดของวีลแชร์ ที่ปิดตารูปนกที่ปิดตาข้างหนึ่งเอาไว้ ชาโดว์เกลรู้จักเธอ แน่นอนว่าเธอรู้จัก แต่เนื่องจากคำสั่งของพัคพั๊คกินพื้นที่ทั้งหมดภายในหัว มันจึงใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าที่เธอจะนึกออก ในตอนนั้นเมจิคัลเกิร์ลบนวีลแชร์ก็พยักหน้าและรับฟังทุกสิ่งที่สมาชิกของหน่วยฟื้นฟูอุปกรณ์พูดอย่างตั้งใจ กระตุ้นพวกเธอ และแสดงความคิดเห็นออกมาอย่างซื่อสัตย์และจริงใจมาก
ชาโดว์เกลรู้ —เธอรู้ว่าเด็กสาวคนนี้ห่างไกลจากความซื่อสัตย์และจริงใจมาก
ชาโดว์เกลเดินตัดไปด้านหน้าคนอื่น ก้าวไปด้านหน้าเพื่อจ้องเด็กสาวที่อยู่บนวีลแชร์ “นี่นายหญิงมาที่นี่เพื่ออะไรเหรอ? จะมาพาตัวฉันกลับไปรึไง?” เธอคิดว่าหากเป็นแบบนั้น การจะเตะหรือทุบเข้าไปที่เธอก็คงไม่เป็นอะไร คนอื่นเองก็แสดงให้เห็นว่าพร้อมที่จะต่อต้าน แต่ละคนจับเครื่องมือเอาไว้ในมือและเริ่มตั้งท่าต่อสู้ราวกับจะพูดว่า “ถ้าจะสู้ล่ะก็ เข้ามาเลย”
เมจิคัลเกิร์ลบนวีลแชร์ —พีเฟิล— มองไปรอบๆบริเวณอย่างช้าๆแล้วก็ส่ายหน้า “ทำไมถึงก้าวร้าวกันจังล่ะ? ฉันควรมาที่นี่เพื่อพาเธอกลับไปงั้นเหรอ? ในจุดนี้น่ะ ฉันเองก็เป็นเพื่อนเช่นเดียวกับเธอ หลังจากที่ได้สัมผัสกับเมจิคัลเกิร์ลผู้ยิ่งใหญ่อย่างท่านหญิงพัคแล้ว ในที่สุดฉันก็ได้รับโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลง หากฉันปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไป ฉันแน่ใจว่าตัวเองคงได้กลายเป็นขยะตามที่เธอพูดแน่ น่าดีใจจริงๆ! น่าดีใจจนแทบมองไม่เห็นอะไรเพราะดวงตามีแต่น้ำตาที่เอ่อล้นออกมาเลยล่ะ”
ชาโดว์เกลรู้ดีว่านี่คือคนที่ใช้คำพูดเพื่อหลอกลวงคนอื่นและเชื่อถือไม่ได้ แต่เธอก็ยังคงเชื่อว่าหากพีเฟิลได้สัมผัสกับความยิ่งใหญ่ของพัคพั๊คแล้ว บางทีเธออาจจะเปลี่ยนไปจริงๆก็ได้ ชาโดว์เกลรู้สึกลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
พีเฟิลโบกมือขวาอย่างสง่างาม “ฉันจะไม่บอกว่าให้เชื่อตัวฉันหรอกนะ แต่จงเชื่อท่านหญิงพัค ไม่มีเมจิคัลเกิร์ลคนไหนที่ได้สัมผัสกับเธอแล้วไม่เปลี่ยนแปลงไปหรอก —แม้จะเป็นคนที่บิดเบี้ยวจนถึงแก่นแบบฉันก็ตาม”
เมจิคัลเกิร์ลคนอื่นต่างก็ซุบซิบกันและกัน “ใช่แล้วล่ะ” ไม่ก็ “จริงด้วย” และชาโดว์เกลเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน
แต่ —เธอก็รู้สึกกังวลมากยิ่งขึ้นเมื่อมืออันอ่อนโยนวางลงมาบนไหล่ มือของพีเฟิลสัมผัสลงตรงนั้น “พวกเราไม่มีเวลาแล้วนะ คิดถึงท่านหญิงพัคสิ ในตอนนี้พวกเราจะมามัวเสียเวลาไม่ได้ นี่เธอปรับแต่งอุปกรณ์เสร็จแล้วเหรอ?”
“ไม่ค่ะ ฉันยังต้องเก็บรายละเอียดอีก…” ชาโดว์เกลพูด “ฉันยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องทำให้เสร็จก่อนที่จะเปิดใช้งานอุปกรณ์ แต่ฉันไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลามากแค่ไหน…”
พีเฟิลหรี่ตา มันมีแค่เล็กน้อย แต่รอยย่นก็มารวมกันที่คิ้วของเธอ “ตั้งค่าอุปกรณ์เสร็จแล้วเหรอ?”
“ค่ะ ตั้งค่าให้ท่านหญิงพัคใช้”
“ฉันได้ยินว่าเธอ… ท่านหญิงพัคมีสัญญาของพรีเมี่ยม ซาจิโกะอยู่ด้วย เธอรู้อะไรเรื่องนั้นไหม?”
“ฉันมีอยู่ค่ะ ท่านหญิงพัคบอกว่าให้ฉันใช้เมื่อจำเป็น”
“ให้ฉันดูหน่อยสิ”
“แต่—”
“ถ้าแค่ดูก็ไม่มีปัญหาใช่ไหมล่ะ? เธอจะถือเอาไว้ก็ได้”
พีเฟิลกวาดสายตามองดูแถวตัวอักษรเล็กๆบนสัญญาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็พยักหน้า “หืมม… ถ้าจนมุมแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้นะ… มาโมริ ตอนนี้คือเวลาใช้สัญญาแล้วนะ”
“หือ? แต่ท่านหญิงพัคบอกว่าอย่าใช้จนกว่าจะสั่งนี่คะ”
“มันเหลือแค่ขั้นตอนเดียวแล้วนะ ถ้าไม่ใช้ตอนนี้แล้วจะไปใช้ตอนไหนล่ะ? ฉันมาที่นี่ตามคำสั่งของท่านหญิงพัค ดังนั้นคงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?” พีเฟิลหันไปหาเมจิคัลเกิร์ลที่อยู่ด้านหลังชาโดว์เกลพร้อมกับพูดออกมา “เลดี้ทั้งหลาย! ทุกคนทำได้ดีมาก! ในตอนนี้คือเวลาเตรียมตัวรอให้ท่านหญิงพัคกลับมาถึงแล้ว!”
เมจิคัลเกิร์ลทุกคนต่างตะโกนออกมาว่า “วู้ว!” เป็นการตอบสนองจากการประกาศของพีเฟิลอย่างพร้อมเพรียงและชูมือขวาขึ้น
ทุกคนกลับไปยังตำแหน่งของตัวเองเพื่อเปิดใช้งานอุปกรณ์ ชาโดว์เกลนั้นถูกทิ้งเอาไว้คนเดียว คนส่วนใหญ่คิดว่าเรื่องนี้สามารถเชื่อใจพีเฟิลได้ แบบนั้นมันก็ควรจะไม่เป็นอะไร แต่ชาโดว์เกลไม่สามารถเชื่อใจเธอได้แบบเต็มที่ คาโนเอะ ฮิโตโคจิ —พีเฟิล— คือคนที่ทำให้คนอื่นเชื่อใจตัวเอง คำพูดของเธอ ทัศนคติเรื่องการซื่อสัตย์ของเธอ ท่าทีที่จริงจังของเธอ รูปลักษณ์ที่บอบบางของเธอ รอยยิ้มที่ใจดีของเธอ ท่าทีที่ดูสูงส่งและหลอกลวงผู้อื่นเหล่านี้เรียกได้ว่ามันคือเสน่ห์ —เพียงแค่มองดู สิ่งเหล่านี้มันทำให้รู้สึกว่าสามารถเชื่อใจเธอได้ และชาโดว์เกลก็เห็นผู้คนมากมายที่ถูกหลอกลวง ถูกช่วงชิง พ่ายแพ้ และก็กลายเป็นเหยื่อมาแล้ว
ชาโดว์เกลมองเข้าไปในดวงตาของพีเฟิล “นายหญิงคะ นายหญิงไม่ได้โกหกใช่ไหม?”
“ฉันไม่ทำหรอก ศัตรูใกล้เข้ามาแล้ว พวกเราต้องรีบนะ งานนี้มีแต่เธอคนเดียวที่ทำได้นะ มาโมริ ฉันทำอะไรไม่ได้เลย หากพวกเราทำไม่ทันเวลา ทุกอย่างก็จะจบสิ้น” รอยยิ้มแดกดันตามปกติเองก็ไม่อยู่แล้ว ท่าทางของเธอจริงจัง พีเฟิลเอามือของตัวเองวางลงมาบนมือของชาโดว์เกล ชาโดว์พยายามชักมือกลับอย่างรวดเร็ว แต่พีเฟิลก็จับเอาไว้แน่นและไม่ยอมปล่อยไป “เธอต้องเชื่อฉันนะ แค่วันนี้เท่านั้น หากการคำนวนของฉันถูกต้อง ศัตรูจะมาถึงที่นี่ในอีกไม่นาน ถ้าตอนนั้นอุปกรณ์ยังไม่ถูกเปิดใช้งานล่ะก็ มันจบสิ้นแน่ ทุกอย่างที่พวกเรามี ทุกอย่างที่พวกเราอยากให้มี มันก็จะหายไปทั้งหมดราวกับว่าไม่เคยมีมาก่อน”
พีเฟิลค่อยๆปล่อยมือออกอย่างช้าๆ ชาโดว์เกลเพิ่งรู้สึกถึงไออุ่นที่มือของตัวเอง ดวงตาของพีเฟิลจับจ้องมาที่เธอ ชาโดว์เกลหลับตาลง กัดฟัน และพยักหน้าอย่างหนักแน่น เธอเคยเห็นพีเฟิลพูดสิ่งที่น่าเชื่อถือก็จริง แต่ถ้าหากเธอรวมจำนวนครั้งที่ตัวเองถูกหลอกเข้าไปด้วย มันอาจจะขึ้นเป็นเลขสองหลัก และทุกๆครั้งที่เธอถูกหลอก เธอก็จะสาบานอยู่ภายในใจว่าจะไม่ตกหลุมพรางอีกแล้ว แต่สุดท้ายเธอก็ตกหลุมพรางอยู่ดี เธอทำสิ่งเดิมๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า —จนสุดท้ายแล้ว เธอก็ไม่รู้ควรทำยังไงเพื่อไม่ให้ถูกหลอกอีกต่อไป
แต่เธอก็ได้รับสิ่งหนึ่งมาจากเรื่องนั้น เมื่อคาโนเอะ ฮิโตโคจิไม่ได้พูดโกหก บางครั้งเธอก็สามารถสัมผัสมันได้ และพีเฟิลก็กลัวเรื่อง “อีกไม่นานศัตรูก็ใกล้เข้ามาแล้ว” จากใจจริง เธอเองก็คิดอย่างจริงจังว่าหากทำไม่ทันเวลา ทุกอย่างก็จะจบสิ้น
ชาโดว์เกลไม่ได้จะเชื่อใจพีเฟิล แต่ชาโดว์เกลเชื่อในตัวของเธอเองที่ถูกพีเฟิลหลอกมาโดยตลอด เมื่อเธอมองย้อนกลับไปในชีวิตของตัวเองเพื่อค้นหาความทรงจำว่าพีเฟิลเป็นคนแบบไหน มันก็ทิ่มแทงหัวใจของชาโดว์เกล แต่ภาพของพัคพั๊คที่เต้นอยู่บนหน้าจอทำให้เธอนึกได้ว่าตัวเองควรทำอะไร เรื่องของพีเฟิลก็คือเรื่องของพีเฟิลเพียงคนเดียว สิ่งที่ชาโดว์เกลควรทำในตอนนี้คือการเปิดใช้งานอุปกรณ์
ชาโดว์เกลกาเครื่องหมายถูกลงในช่องแต่ละช่องของสัญญา จากนั้นก็เซ็นชื่อของตัวเองในตอนท้าย ในตอนนี้พวกเธอต้องทำการเปิดใช้งานอุปกรณ์แล้ว
☆ พัคพั๊ค
พัคพั๊คพยายามวิ่งอย่างเร็วที่สุด ทุกเสียงที่เธอได้ยินเป็นแค่เสียงจากฉากหลัง ทุกภาพที่เธอเห็นก็เป็นเพียงแค่ภาพนิ่ง —ในตอนนี้เธอขยับขาและคิดแต่เรื่องความปลอดภัยของอุปกรณ์เพียงอย่างเดียว เมื่อเธอรู้สึกได้อย่างรวดเร็วว่าตำแหน่งที่ตัวเองอยู่กับตำแหน่งที่เธอคิดจะไปไม่ตรงกัน จากนั้นเธอก็หยุดตัว ที่นี่ไม่มีเพื่อนอยู่รอบๆที่คอยสอนและบอกเธอว่า “ในเวลาแบบนี้ หากมีเมจิคัลโฟนก็สามารถเปิดแผนที่ขึ้นมาได้นะ” พัคพั๊คอยู่ตัวคนเดียวในสถานโบราณอันกว้างใหญ่ เธอรู้สึกโดดเดี่ยวจนอยากจะร้องไห้ แต่เธอก็กลั้นน้ำตาเอาไว้
เธอดึงแผนที่ออกมาจากกระเป๋าแล้วกางออก ตำแหน่งปัจจุบันของเธอกระพริบอยู่บนแผนที่เวทมนตร์ เธอวิ่งออกห่างจากสถานที่ที่จะไปอย่างที่คิดไว้ ในคราวนี้พัคพั๊คตามแผนที่ไปอย่างระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ผิดพลาดอีก แต่เธอก็ยังคงวิ่งอย่างรีบเร่ง เธอให้กำลังใจตัวเองด้วยการคิดว่าเธอจะได้อยู่ด้วยกันกับเพื่อนมากมายไปตลอดกาล แต่เมื่อเธอเห็นจอภาพที่มันเอนมาเล็กน้อย เธอก็หยุดแล้วปรับมันให้ถูกต้อง เมื่อมันดูดีแล้ว เธอก็วิ่งออกไปอีกครั้ง
หากพัคพั๊ควิ่งอย่างเอาจริง มันก็ไม่มีใครสามารถตามทันได้ และเธอก็สามารถจับตัวทุกคนได้ด้วย พัคพั๊คคือราชินีแห่งความเร็ว เป็นแชมป์เปี้ยนแห่งการไล่จับตลอดกาล ดังนั้นเธอจะเล่นอะไรไม่ได้เลยหากไม่ออมมือให้ ต่อให้จะถูกสายเปียโนพันเท้าเอาไว้ หรือถูกช็อตด้วยปืนช็อตไฟฟ้า มันก็ไม่สามารถหยุดพัคพั๊คได้ เธอวิ่งแล้วก็วิ่งจนกระทั่งมาถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่อุปกรณ์ตั้งอยู่
“ทุกคน!”
เมจิคัลเกิร์ลทุกคนล้วนมองมาที่เธอในคราวเดียว ท่าทางของพวกเธอเปลี่ยนจากความกังวลเป็นโล่งอก จากโล่งอกเป็นดีใจ และทุกคนต่างก็ส่งเสียงโห่ร้องกันรอบตัวพัคพั๊ค
“ท่านหญิงพัค!”
“ปลอดภัยสินะคะ!”
“พวกเราได้ยินว่าศัตรูกำลังใกล้เข้ามา พวกเราเลยรีบเตรียมการให้พร้อมค่ะ!”
“ดีจัง! ดีจังเลย!”
“ดูสิคะ! พวกเราทำให้อุปกรณ์พร้อมใช้งานแล้วด้วย!”
เมื่อชาโดว์เกลตะโกนออกมาเสียงดัง “ฉันเองก็ลงชื่อในสัญญาแล้วค่ะ!” พัคพั๊คก็ลูบหัวเธออย่างนุ่มนวล จากนั้นก็มองขึ้นไปยังอุปกรณ์
อุปกรณ์มันดูใหญ่มาก ราวกับว่ามันสูงกว่าร้อยเมตรถึงแม้จะไม่มีทางเป็นไปได้ก็ตาม มันดูเหมือนกับสัตว์สี่เท้าที่กำลังตั้งท่าจะกระโดด แต่มันก็ดูเหมือนยานพาหนะที่ไม่รู้ว่าสร้างโดยเอเลี่ยนหรือคนจากอนาคตเช่นกัน โลหะไม่ทราบชนิดเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีแดง มองดูแล้วก็บอกไม่ได้ว่าเกราะของมันนั้นหนาเท่าไหร่ แถมยังสัมผัสได้ถึงพลังที่ยืนอยู่เหนือกว่าเมจิคัลเกิร์ล ความคิดแย่ๆในตอนที่พวกเธออยากพยายามยอมแพ้ก็ถูกโยนทิ้งจนหายไป ตัวตนของมันบ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้
พัคพั๊คอ้าแขน เธอพูดอะไรไม่ออก เมจิคัลเกิร์ลหนึ่งคนเดินเข้ามาข้างๆพร้อมกับยื่นกระเป๋าที่เต็มไปด้วยอัญมณีเวทมนตร์มาให้ จากนั้นเธอก็พูดว่า “พวกเราเหลือไว้มากพอที่จะเปิดใช้งานค่ะ” คนอื่นๆก็รีบกางแขนออกทันทีเพื่อสร้างทางเดินโดยระวังไม่ให้สัมผัสกับมือของพัคพั๊ค นี่คือเส้นทางแห่งเกียรติยศ เธอจะได้มีเพื่อนมากมายและฟื้นฟูดินแดนเวทมนตร์ได้ ทุกๆคนเองก็จะพูดชื่อของพัคพั๊คออกมาด้วยความเคารพและชื่นชม แม้กระทั่งคนที่เคยเป็นศัตรูมาจนถึงเมื่อวาน และคนที่จะเป็นศัตรูในวันพรุ่งนี้ ทุกคนจะกลายมาเป็นเพื่อนของเธอ
เธอก้าวออกไปอย่างช้าๆ หนึ่งก้าวและสองก้าว สามก้าว สี่ก้าว พร้อมกับหัวใจที่เต้นรัว แม้อุปกรณ์นั้นถูกสร้างขึ้นโดยปฐมจอมเวท ผู้อยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง มันก็ทำให้พัคพั๊ครู้สึกกลัวเช่นกัน แต่พวกเธอจะเดินหน้าไปไหนไม่ได้เลยหากปิดผนึกมันเอาไว้เพราะความกลัว มันจำเป็นต้องมีความกล้าที่จะใช้มัน เด็กสาวที่มองดูอยู่ห่างๆไม่ได้รู้จักปฐมจอมเวท พวกเธอเลยไม่ได้รู้สึกกลัวเหมือนกับพัคพั๊คหรือฝ่ายโอส —พวกเธอสัมผัสอุปกรณ์และดัดแปลงมันเพื่อให้สามารถใช้งานได้ บางทีอาจจะพูดได้ว่าพวกเธอไม่ได้กลัวเพราะความไม่รู้ แต่พัคพั๊คก็ยอมรับว่าเพราะความไม่รู้ของพวกเธอนั่นเองมันเลยทำให้โลกก้าวไปข้างหน้าได้ ในตอนนี้พัคพั๊คไม่สามารถทำตัวไร้ความรับผิดชอบกับเพื่อนของเธอได้ หากเพื่อนของเธอไม่กลัวไม่เพราะความไม่รู้ ดังนั้นพัคพั๊คที่รู้ก็ต้องเอาชนะความกลัวให้ได้
ห้าก้าว หกก้าว สิบก้าว สิบสองก้าว —พัคพั๊คเร่งความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อเธอรีบวิ่งไปที่อุปกรณ์ด้วยการวิ่งเหยาะๆ เท้าของเธอก็พันกันจนตัวของเธอล้มลง มือของเธอกระแทกเข้ากับพื้น เธอได้ยินเสียงร้องมาจากด้านหลัง เมื่อมองลงมา เธอก็เห็นว่าถุงเท้าของเธอไหลลงมากองจนทำให้เธอสะดุด มันเป็นถุงเท้าคู่ที่โดนเลเธตัด พอเธอวิ่งมันก็เริ่มขาดอย่างช้าๆ จนสุดท้ายมันก็ไหลลงมาแล้วทำให้เธอสะดุดนั่นเอง
เธอพยายามลุกขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มเขินๆ เธออยากทำให้เพื่อนของเธอสบายใจ แต่เมื่อตัวของเธอโซเซและมือของเธอกระแทกกับพื้น มันก็เลยทำให้กระเป๋าร่วงลงมา อัญมณีเวทมนตร์ที่อยู่ด้านในก็กระจัดกระจายไปทั่วทุกที่ หนึ่งในนั้นกลิ้งไปโดนกับขาของอุปกรณ์จนเกิดเสียงดัง กริ๊ง และทำให้อุปกรณ์ที่มีความสมดุลอย่างมากเกิดโยกเยกและเอียง
พัคพั๊คมองขึ้นไปยังอุปกรณ์ที่กำลังจะล้มเข้ามาหาเธอ เธอไม่ได้ตกใจ เธอแค่พยายามยืนขึ้นอย่างสบายๆ แต่พื้นตรงที่มือขวามันยุบตัวจนทำให้แขนของเธอจมลึกอยู่ในดิน เมื่อเธอพยายามดันตัวขึ้นจากพื้นด้วยมือซ้าย คราวนี้มือซ้ายของเธอก็จมลงไปเช่นกัน
เธอพยายามใช้ขาค้ำยันเพื่อดึงแขนขึ้นมา แต่ตัวของเธอก็ถูกกระแทกเข้าที่หัวจนล้มลงไปด้านหน้า เมื่ออุปกรณ์เอียง ประแจที่อยู่ด้านบนก็เลยร่วงลงมาโดนหัวของพัคพั๊ค
พัคพั๊คเข้าใจ มีใครบางคนพยายามฆ่าเธอ และเธอก็หลบเลี่ยงไม่ได้ เธอมองขึ้นไปยังอุปกรณ์ ขนาดที่ใหญ่มากของมันกำลังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ หากทำให้อุปกรณ์ที่สร้างขึ้นโดยปฐมจอมเวทกลายเป็นอาวุธไม่มีคม ต่อให้จะเป็นหนึ่งในสามปราชญ์ก็จะถูกบดขยี้
“ทุกคน! อย่าเข้ามาทางนี้!” เธอตะโกนเข้าไปหาเมจิคัลเกิร์ลที่พยายามวิ่งเข้ามาหา หากเธอกำลังจะตายโดยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยที่สุดเธอก็ไม่อยากให้เพื่อนของตัวเองต้องโดนลูกหลงไปด้วย
พัคพั๊คหันกลับไปหาเพื่อนของเธอแล้วก็ยิ้มให้อย่างสดใส “ขอบคุณนะ พัครักทุกคนเลย”
นี่ไม่ใช่เรื่องโกหก และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอแสดงความเข้มแข็งออกมาด้วย พัคพั๊คนั้นรักทุกคน และมันเป็นเพราะความรักที่ทำให้เธอพยายามอย่างที่สุดจนมาถึงจุดนี้ เมื่อได้เห็นชาโดว์เกลยื่นมือเข้ามาหาด้วยท่าทางเศร้าโศก พัคพั๊คก็โบกมือกลับให้เธอพร้อมกับรอยยิ้ม
เธอเสียใจที่ตัวเองต้องตายก่อนที่จะบรรลุเป้าหมาย และเธอก็สับสนว่าเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง ซึ่งนั่นก็คือความคิดสุดท้ายของพัคพั๊ค
☆ พีเฟิล
พีเฟิลโผล่ออกมาจากที่ที่เธอซ่อนตัวอยู่หลังทีวีเพื่อตรวจดูอย่างเงียบๆว่าเรื่องต่างๆมันเป็นยังไงบ้างแล้ว คำสั่งของพัคพั๊คที่ห้ามไม่ให้ใครเข้าไปมันเป็นการหยุดเมจิคัลเกิร์ลที่จะเข้าไปหาเธอเอาไว้ แต่มีเพียงคนเดียวที่พยายามวิ่งเข้าไปหาพัคพั๊คราวกับว่าต่อสู้กับความตั้งใจของตัวเอง เมื่อรู้ว่าเธอคนนั้นคือนางพยาบาลชุดดำ พีเฟิลก็ตะโกนออกมาตอนที่อยู่บนวีลแชร์ เธอวนไปด้านหลังและจับแขนอีกฝ่ายเอาไว้โดยไม่ยอมปล่อยไป
เนื่องจากว่าชาโดว์เกลเป็นคนสำคัญของพิธี เธอคงถูกร่ายเวทมนตร์เอาไว้อย่างรุนแรง —หรือเพราะว่าเป็นเพราะตัวตนของเธอกันนะ? ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน พีเฟิลก็จะไม่ยอมให้เธอโดนลูกหลงจากอุบัติเหตุจนทุกอย่างถูกทำลาย ต่อให้ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีก็เช่นกัน
เมื่อพีเฟิลมาถึงห้องนี้เธอก็ไม่ได้มีตัวเลือกอื่น พวกนั้นบอกว่าการเปิดใช้งานอุปกรณ์ใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว และสิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงงานของชาโดว์เกล เมื่อพัคพั๊คมาถึงทุกอย่างก็จะจบสิ้น หากกองกำลังของฝ่ายโอสเข้ามา พวกนั้นก็จะพยายามทำอะไรบางอย่างกับชาโดว์เกล เพราะงานของเธอเป็นเรื่องเดียวที่เหลืออยู่ ต่อให้พีเฟิลจะสู้กับเมจิคัลเกิร์ลในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรยืนยันว่าเธอจะชนะ —แถมการเอาตัวชาโดว์เกลหนีออกไปก็เป็นไปไม่ได้ อีกแง่หนึ่งก็คือ ไม่ว่าเรื่องจะออกมาแบบไหน เธอก็ต้องอยู่เฉยๆ
แต่เธอก็ไม่ได้สิ้นหวัง มันยังคงมีเส้นทางที่เล็กมากๆเหลืออยู่ให้เธอ พีเฟิลอ่านสัญญาของพรีเมี่ยม ซาจิโกะและเดิมพัน หากมันพลาด แบบนั้นชาโดว์เกลจะต้องตายอย่างน่าสังเวช
เวทมนตร์ของซาจิโกะคือการมอบโชคอันมหาศาลให้แลกกับการที่ต้องใช้โชคทั้งหมดที่เหลืออยู่ทั้งชีวิตของใครบางคน และก็เชื้อเชิญให้พบกับเรื่องโชคร้ายที่ไม่อยากเจอ แต่นั่นก็ไม่หมายความว่าจะนำพามาซึ่งความตาย ความตายนั้นจะมาถึงก็ต่อเมื่อความตายเป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาที่สุดของผู้ที่เซ็นสัญญา แต่ท้ายที่สุดสิ่งที่จะเจอก็คือโชคร้าย หากคนๆนั้นเห็นว่าอะไรบางอย่างโชคร้ายยิ่งกว่าความตาย เรื่องนั้นมันก็จะเกิดขึ้นแทน หากเธอกลัวความตายของใครคนอื่นมากกว่าตน แบบนั้นคนๆนั้นก็จะต้องตาย เมื่อถูกครอบงำจิตใจภายใต้เวทมนตร์อันทรงพลังของพัคพั๊ค มันก็ยากที่ชาโดว์เกลจะคิดเรื่องอื่นนอกจากเรื่องของพัคพั๊ค และการที่ต้องสูญเสียพัคพั๊คไปมันก็เลวร้ายยิ่งกว่าความตายของตัวเธอเอง
นี่คือสิ่งที่พีเฟิลเดิมพัน เธออ่านรายละเอียดเล็กๆทั้งหมดที่เกี่ยวกับสัญญาของซาจิโกะ และวางสมมติฐานเอาไว้บนสมมติฐานอีกทีโดยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดิมพันกับมัน
แล้วเธอก็ชนะเดิมพัน ตอนนี้เธอแค่ต้องเก็บกวาดสิ่งต่างๆและมุ่งหน้าไปยังฉากจบ ในเวลานี้ อุปกรณ์นั้นกำลังจะบดขยี้พัคพั๊ค พีเฟิลหันหน้าไปทางอื่นในตอนที่เสียงเอี๊ยดอ๊าดร่วงลงมาหาพัคพั๊คราวกับเป็นสโลโมชั่น ไม่ใช่ว่าพีเฟิลหันหน้าไปทางอื่นเพราะไม่อยากเห็นภาพของเด็กสาวน่ารักๆถูกบดขยี้อย่างโหดร้ายทารุณ แต่มันเป็นเพราะเธอไม่อยากมองเห็นพัคพั๊คแล้วก็หลงเสน่ห์โดยบังเอิญต่างหาก
ชาโดว์เกลกำลังดิ้นรนอย่างหนักในการพยายามเข้าไปหาพัคพั๊ค พีเฟิลกอดแขนของเธอเอาไว้ด้วยตัวของเธออย่างแน่นๆเพื่อเป็นการห้าม แต่ชาโดว์เกลยังคงพยายามเคลื่อนไหวไปด้านหน้า ดังนั้นพีเฟิลจึงหันตัวมาด้านหน้าและใช้ร่างกายของตัวเองโอบกอดชาโดว์เกลเอาไว้ มันมีเสียงพื้นดินดังกึกก้องอย่างน่ากลัวอยู่ด้านหลัง มีฝุ่นควันพัดขึ้นมา และมีเสียงเมจิคัลเกิร์ลกรีดร้อง
จากนั้นเธอก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่หน้าอก มีของเหลวไหลหยดลงไปที่พื้น พีเฟิลมองลงมาดูที่หน้าอกตัวเอง มันมีกรรไกรปักอยู่ตรงนั้น ชาโดว์เกลบิดมันคว้านเข้าไปลึกยิ่งกว่าเดิม และพีเฟิลก็พ่นลมที่อยู่ในปอดออกมา
พีเฟิลกอดชาโดว์เกลเอาไว้แน่นยิ่งกว่าเดิม ชาโดว์เกลเองก็ยังคงดันตัวไปด้านหน้า เธอพยายามดันกรรไกรเข้ามาแรงขึ้น แต่แล้วแรงของเธอก็หายไปในทันใด เธอไม่ได้เป็นชาโดว์เกลอีกต่อไปแล้ว การแปลงร่างของเธอถูกยกเลิก เธอกลับมาเป็นมาโมริ โทโทยามะอีกครั้งพร้อมกับหมดสติ
พีเฟิลมองไปข้างหน้าข้ามหัวของมาโมริ ตาของเธอสบเข้ากับลาซูไลน์รุ่นเยาว์ เธอมองมาที่พีเฟิลด้วยท่าทางเจ็บปวด ในมือของเธอกำแคนดี้สีรุ้งที่กำลังส่องประกายอยู่ “อ่า ขอโทษนะ ฉันมาไม่ทันเวลา”
“ไม่หรอก…ก็คงแบบนั้นแหละ” พีเฟิลตอบ “ที่สำคัญกว่านั้น ฉันมีเรื่องอะไรอยากจะขอ”
“อะไรล่ะ?”
เลือดไหลออกมาจากมุมปากของพีเฟิล เธอฝืนยิ้มออกมา “ช่วยลบความทรงจำทุกเรื่องของฉันออกจากเธอ …จากมาโมริได้ไหม? มาโมริไม่ได้เข้มแข็งอะไร เธอก็รู้”
“แบบนั้นโอเคเหรอ?”
“ไม่เป็นไร…แล้วก็…ฉันอยากให้เธอ…เอานี่ไปให้ดีลูจ..ฉัน…ขอร้อง…”
เมื่อเห็นมือของลาซูไลน์ยื่นเข้ามาหา พีเฟิลก็หลับตาลง เธอรู้สึกว่าสามารถสัมผัสไออุ่นและการเต้นของหัวใจของมาโมริได้มากกว่าตอนที่ลืมตาอยู่เสียอีก เธอมั่นใจว่าไม่ได้คิดไปเอง เธอเค้นแรงทั้งหมดที่ตัวเองมีในอ้อมแขนเพื่อโอบกอดร่างกายมาโมริเอาไว้แน่นขึ้นยิ่งกว่าเดิม
☆ โยชิโอกะ
“ช่างเละเทะจริงๆ”
เธอไม่อยากจินตนาการด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นในสถานโบราณ นี่ไม่ใช่สถานที่ที่มนุษย์ควรจะก้าวเข้าไปอย่างไม่ไยดี โยชิโอกะถอนหายใจออกมา เธอมองไปรอบๆด้วยความสงสัยว่าอาจจะมีอะไรอยู่ แต่ทุกสิ่งที่เห็นก็คือก้อนหินที่แตกเป็นเสี่ยงๆ หอกที่พังเสียหาย มันไม่ได้มีอะไรน่าสนใจเลย แต่เมื่อเห็นอะไรสะท้อนแสงของดวงอาทิตย์ เธอก็คิดว่า โอ้ พร้อมกับเดินเข้าไปหา เธอก้มตัวลงและหยิบมันขึ้นมาจากใต้ซากปรักหักพัง สิ่งที่เธอเจอก็คือแคนดี้ที่ส่องประกายเป็นสีรุ้ง เธอมองดูมันพักหนึ่ง และก็โยนทิ้งไปอย่างไม่ได้สนใจ
เพราะสิ่งต่างๆถูกเก็บกวาดไปแล้วครึ่งหนึ่งแล้ว อย่างน้อยเธอก็ควรจะทำมันให้เสร็จสิ้น เมจิคัลเกิร์ลที่ออกมาจากสถานโบราณตอนที่เรื่องทุกอย่างจบลงอาจจะรู้สึกขอบคุณฝ่ายแคสปาร์ซักเล็กน้อย ตั้งแต่แรกเริ่ม ฝ่ายของเธอไม่ได้ใหญ่อยู่แล้ว ใช่ว่าพวกเธอมีการค้นคว้าเรื่องเวทมนตร์หรือเมจิคัลเกิร์ลอะไร ไม่ได้มีส่วนร่วมกับแผนการลับหรือการทำอะไรดีๆด้วย จากมุมมองของทั้งฝ่ายศีลธรรมและฝ่ายคตินิยมแบบแมคคิเวลเลียน พวกเธอคือพวกที่ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย แค่พึงพอใจในตำแหน่งการโหวตลงคะแนน และพวกเธอแสยะยิ้มให้กับความจริงที่ว่าพวกเธอเป็นฝ่ายที่กุมเสียงตัดสินเอาไว้ ซึ่งมันก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ฝ่ายอื่นๆไม่ได้เคารพพวกเธอ
โยชิโอกะเริ่มเก็บรวบรวมขยะ โดยปล่อยของหนักๆอย่างพวกเศษหินเอาไว้ เธอเดินวนเป็นวงกลมรอบนอก และหยิบของขึ้นมาทีละชิ้น จนเมื่อเธอทำความสะอาดมาถึงจุดๆหนึ่ง เธอก็หยุดเดิน
“แหม”
สิ่งนั้นมันสั่นไปมาเล็กน้อย เธอใช้เล็บขุดลงไปแล้วก็เตะซากที่อยู่ข้างๆออกไปจนมองเห็นเมจิคัลโฟนที่อยู่ด้านล่าง นี่ไม่ใช่เมจิคัลโฟนธรรมดา แต่เป็นเครื่องสำหรับผู้ที่มีตำแหน่งสูง เมื่อโยชิโอกะเปิดมัน ภาพโฮโลแกรมก็เด้งขึ้นมา
“เกิดอะไรเนี่ย ปอน?!” ไซเบอร์แฟร์รี่สีดำขาวโกรธเธอ มันตะโกน โอดครวญ ก่นด่าใส่โยชิโอกะ คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยแถมยังไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน มันมากเกินไปที่เธอจะจัดการได้ เธอสับสนเล็กน้อย แต่โดยส่วนตัวแล้ว เธออยากจะแสยะยิ้มออกมา เหมือนกับที่พูดกันว่าถ้าทำเรื่องดีๆ มันก็จะมีอะไรดีๆเข้ามาหา เธอทำงานเก็บขยะซึ่งเป็นงานที่โดยปกติแล้วไม่ได้คุ้นชินและมันก็นำพาสิ่งที่คาดไม่ถึงมาให้เธอ
“แหม แหม ตอนนี้อย่าเพิ่งโกรธเลย” โยชิโอกะพูด “ฉันจะส่งกลับไปให้เจ้าของเองนะ”
“ได้โปรดนะ ปอน” ฟาลตอบ “จะว่าไป ขอเราถามอะไรซักอย่างสิ ปอน?”
“อะไรเหรอ?”
“ทำไมเธอถึงอยู่ในร่างมนุษย์ล่ะ ปอน? ไม่ใช่ว่าถ้าไม่ได้อยู่ในร่างเมจิคัลเกิร์ลแล้วจะอันตรายเหรอ ปอน?”
“ฉันมาจากฝ่ายแคสปาร์นะ ทางนั้นมีนโยบายอยู่ ก็นะ เอาจริงๆแล้วฉันก็รู้สึกว่ามันอันตราย แต่ก็เหมือนกับนาย ฉันขัดคำสั่งของคนที่ตำแหน่งสูงกว่าไม่ได้หรอก…”
“ฟังดูแย่จังเลย ปอน”
“เหมือนว่าการพวกเราต้องรับใช้คนที่ตำแหน่งสูงกว่าจะลำบากน่าดูนะ หืม?” ดวงตาของเธอมองไปยังจอแสดงผล มีข้อความแสดงอยู่ คนที่ส่งมาคือมาริกะ ฟุคุโรอิ เพราะแบบนี้สินะเมจิคัลโฟนถึงได้สั่น
“ใช่แล้ว ปอน สโนไวท์เอาแต่ทำอะไรตามใจตัวเองอยู่ตลอด สัญญาณชีพ… ปกติ ปอน เหมือนว่าเธอจะยังคงมีชีวิตอยู่ แต่จริงๆแล้ว เธอน่ะประมาทอยู่ตลอดเลย ถ้าไม่มีฟาลอยู่ด้วย เธอก็ทำอะไรได้ไม่ดีนักหรอก ปอน”
“เป็นเรื่องดีนะที่มาสเตอร์ปลอดภัย หืมม…? งั้นฉันจะปิดเครื่องล่ะ”
โยชิโอกะปิดแหล่งพลังงานหลักไป ในคราวนี้มันจะเปิดขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้นอกจากต้องได้รับการอนุญาตจากมาสเตอร์ เธอดึงเอาเมจิคัลโฟนของตัวเองออกมาจากกระเป๋า ลาซูไลน์รุ่นที่สามไม่ได้ติดต่ออะไรมา หากสโนไวท์จะออกมาที่นี่ มันก็คงต้องใช้เวลาอีกหน่อย โยชิโอกะแปลงร่างเป็นเมจิคัลเกิร์ลแล้วก็มองเข้าไปในคริสตัลบอลของเธอ
จะเป็นข้างในเตาหลอม ก้นมหาสมุทร หรือปากปล่องภูเขาไฟดีนะ? เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็นำภาพของชายไหล่กว้างที่กำลังหมุนลูกบิดบนประตูเหล็กหนาอย่างระมัดระวังขึ้นมา เฟรเดริก้าเปลี่ยนมุมมอง หากเธอมองออกไปนอกหน้าต่าง ที่นั่นก็จะคืออวกาศ มันไม่ได้มีอะไรอย่างอื่นนอกจากความมืดมิดเคียงคู่กับแสงอันระยิบระยับของดวงดาว การได้เส้นผมของนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานในสถานีอวกาศนานาชาติมานี่เป็นความคิดที่ดีจริงๆ เฟรเดริก้าโยนเมจิคัลโฟนของผู้ที่มีตำแหน่งสูงออกไปในทิศทางตรงกันข้ามกับโลก ส่วนที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับโมเมนตัมว่าจะพาไปได้ไกลแค่ไหน เมื่อมองดูเมจิคัลโฟนที่ล่องลอยออกไปนอกอวกาศ เธอก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจและก็ปิดภาพนั้น
เธอไม่รู้ว่ารุ่นที่สาม…หรือรุ่นแรกจะอยู่ฝ่ายเธอไปอีกนานแค่ไหน ถึงแม้ในคราวนี้เป็นการบังคับให้ต้องร่วมมือกันกับเธอ แต่มันก็คงจะไม่มีครั้งหน้า เฟรเดริก้าคงถูกเกลียด ตัวของเธอไม่ได้ขาดแคลนศัตรูเลย
ดังนั้นการดีที่สุดในการกำจัดคนที่ขวางทางคือต้องทำในตอนที่สามารถทำได้
บทส่งท้าย
ที่มุมของคาเฟ่อันเงียบสงบ เด็กสาวสองกำลังสนุกสนานกับบทสนทนาที่เป็นความลับ
ลาซูไลน์ทั้งสอง ศิษย์และอาจารย์ ไม่ได้เป็นคนที่จู้จี้เรื่องสถานที่ในตอนที่พูดคุยกันเรื่องความลับ ใบบรรดาความสามารถทั้งหมดที่เมจิคัลเกิร์ลมี พวกเธอให้ค่ากับเรื่องสัญชาตญาณและสัมผัสที่หกมากที่สุด ลาซูไลน์ผู้เป็นอาจารย์กล่าวว่านั่นคือเรื่องที่ตัวเองคิดมากที่สุดในตอนเลือกลาซูไลน์ที่เป็นผู้สืบทอด สัมผัสและสัญชาตญาณของพวกเธอถูกฝึกฝนจนถึงระดับเหนือธรรมชาติแม้จะเป็นตัวตนที่พิเศษอย่างเมจิคัลเกิร์ลก็ตาม ซึ่งนั่นมันทำให้พวกเธอสังเกตเห็นทุกคนที่อาจจะได้ยิน หรือสิ่งที่เป็นเหมือนกับอุปกรณ์ดักฟัง และทำให้พวกเธอพูดคุยแบบส่วนตัวต่อไปได้
“นี่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะอาจารย์ ฉันเดาว่าคงไม่ใช่ตั้งแต่ที่เอาความทรงจำของฉันกลับมาให้ในเต็นท์สินะ”
“ใช่ นานเลยใช่ไหมล่ะ? แล้วดีลูจเป็นไงบ้าง?”
ลาซูไลน์หยุดตัวชั่วครู่ เธอรู้ว่าอาจารย์สังเกตเห็นความลังเลของเธอ แต่เธอก็ไม่ได้แสดงมันออกมา จากนั้นเธอก็ยักไหล่ด้วยท่าทางเซ่อๆออกมาแทน “เหมือนว่าเธอจะกังวลอะไรหลายๆเรื่องน่ะ”
“เธออยู่ในวัยนั้นแล้วนี่นะ”
“พูดได้ใจร้ายจัง ก็อาจารย์เป็นคนให้เธอเป็นแบบนั้นเองนี่”
ลาซูไลน์ผู้เป็นอาจารย์วางข้อศอกลงบนโต๊ะ จากนั้นก็เอาคางวางลงไปบนหลังมือที่พับไว้ การได้เห็นท่าทีสบายๆ ลาซูไลน์ผู้เป็นศิษย์จึงยิ้มออกมาและพูดว่า “มันก็นานมากแล้วนะตั้งแต่ที่พวกเราได้เจอกันครั้งก่อน”
“มันมีปัญหาอยู่อย่างนึง”
“ปัญหา? ปัญหาอะไรเหรอ?”
“พวกเราจะควบคุมเธอได้รึเปล่านี่สิ ไม่อยากให้เธอเกิดคลั่งขึ้นมาด้วย”
“อ๋อ ฉันเข้าใจนะ แต่ฉันอยากให้เธอพยายามแบบสุดความสามารถมากกว่า”
“ทำไมล่ะ?”
“…หืม ไม่รู้สิ”
เธอไม่ได้พูดว่าเหตุผลนั้นคือ “เพราะบลูเบลในตัวฉันบอกแบบนั้น” ลาซูไลน์เกลียดความรู้สึกอ่อนไหวและมืดมน สไตล์ของเธอคือความร่าเริงและสนุกสนาน แต่เธอก็คิดว่าการพูดแบบนั้นมันก็ไม่ได้ผิดเพราะบลูเบลเป็นคนบอกเธอเอง
อาจารย์ของเธอบอกว่า ต่อให้ทำอะไรตามอารมณ์ที่อ่อนไหวไปมันก็ไม่ได้มีอะไรดีๆเกิดขึ้น อาจารย์ไม่ได้พูดผิดในเรื่องแบบนี้ แต่คนบางคนก็ยังคงทำอะไรตามอารมณ์อ่อนไหวของตัวเองอยู่ดี ลาซูไลน์รายงานเรื่องที่เธอรับฟังคำขอร้องของพีเฟิลที่ให้แยกความทรงจำของชาโดว์เกลออก แต่เธอไม่ได้ไปถึงขั้นที่รายงานเรื่องที่เธอคุยกับดีลูจ แม้มันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่ได้สำคัญ แต่มันก็คือบางสิ่งที่เธออยากเก็บเอาไว้กับตัวเอง ต่อให้เธอพูดอะไรอย่าง “เคยเป็นปรินเซสมาแล้ว ในตอนนี้ดีลูจอาจจะกลายเป็นควีนก็ได้” แล้วก็หัวเราะออกมา เธอก็ไม่คิดว่าจะได้อะไร
ปากของอาจารย์เปิดออกจนกลายเป็นรอยยิ้ม “ในตอนที่ไม่แน่ใจเรื่องบางเรื่องของตัวเอง การทำมันให้ชัดเจนคือเรื่องที่ดีที่สุดนะ”
“อย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว ไม่อย่างนั้นเธอจะทรมาณกับมันยังไงล่ะ”
โดยทั่วไปแล้วอาจารย์ไม่ได้พูดเรื่องพวกนี้ผิด บางทีเรื่องพวกนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่ฆ่าพีเฟิล เมื่อเธอคิดย้อนกลับไปถึงเมจิคัลเกิร์ลบนวีลแชร์ที่โอบกอดเด็กสาวอีกคนหนึ่งแม้ตัวเองจะถูกแทงก็ตาม ความรู้สึกขมขื่นมันก็พรั่งพรูออกมาพร้อมกับความทรงจำนั้น เธอนึกถึงดวงตาของพีเฟิล นั่นไม่ดีเลย มันยากที่จะอธิบายเป็นคำพูดได้อย่างถูกต้อง แต่กระนั้น เธอก็ไม่ได้มีความต้องการที่จะถามอาจารย์เรื่องนั้นแบบตรงๆ
“ก็นะ งั้นฉันจะทำตามคำแนะนำแล้วกัน หวังว่าอาจารย์จะเป็นแบบอย่างให้ฉันได้นะ”
“เธอยังเด็กอยู่เลย จะเด่นกว่านั้นก็ได้นี่”
“ขืนฉันเด่นเกิน ก็ได้ถูกตัดทิ้งแบบเฟรเดริก้ากันพอดีสิ”
“การตัดเฟรเดริก้าออกน่ะมันช่วยไม่ได้ หากพวกเราร่วมมือกับเธอไปมากกว่านี้ มันก็จะฉุดชื่อเสียงของพวกเราลงไปด้วยเหมือนกัน ร่วมมือกันได้นานขนาดนี้ก็ปาฏิหาริย์มากแล้ว หากพวกเราร่วมมือกับเธอไปตลอด พวกเราได้โดนตราหน้าว่าเป็น ‘พวกเดียวกับเฟรเดริก้า’ แน่”
เมจิคัลเกิร์ลสองคนมองหน้ากันและกัน และทั้งคู่ก็ยิ้มออกมาพร้อมกัน
“แล้วริปเปิลสบายดีไหม?” ลาซูไลน์ผู้เป็นศิษย์ถาม
“ก็สบายดีนะ”
คงหมายถึงแค่เรื่องร่างกายแน่ ลาซูไลน์ผู้เป็นศิษย์ยื่นริมฝีปากล่างออกมา และยิ้มด้วยท่าทางที่ดูชั่วร้าย
มานากังวลและทรมาณจนถึงท้ายที่สุดว่าตัวของเธอควรจะทำอะไร ในความรู้สึกนั้น มานาเหมือนเป็นคนเดียวที่ติดอยู่ในนรก เธอตะโกนใส่เมจิคัลเกิร์ลว่าโง่ งี่เง่า ไม่ก็ไร้หัวคิด แถมยังตะคอกใส่อูรูรุอีก แต่คนงี่เง่าและไร้หัวคิดก็มีประโยชน์ในเวลาเช่นนี้ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องกังวลและทรมาณแล้วก็ไม่ได้อะไรออกมา แต่ถ้าเธอยังพยายามหยุดคิดต่อไป เธอก็จะก้าวไปไหนไม่ได้
ตรงหน้าห้องสอบสวน เมจิคัลเกิร์ลที่รอการสอบสวนอยู่ต่างก็ยืนเข้าแถวกัน การให้ผู้ต้องสงสัยเข้าแถวรอนี่เป็นอะไรที่เหลือเชื่อมาก แต่พวกนั้นก็มีจำนวนเยอะเกินไป แถมยังมีการประเมินที่ไร้ความรับผิดชอบอย่าง “งั้นก็จัดเป็นพวกที่ไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยก็ได้นี่?” ที่เป็นผลลัพธ์ที่พวกเธอได้มา พวกเธอส่งสมาชิกดั้งเดิมที่จงรักภักดีกับอดีตฝ่ายพัคมากที่สุดไปที่อื่น ในขณะคนอื่นที่ยันยันว่าตัวเองตกอยู่ใต้การควบคุมด้วยเวทมนตร์ของพัคพั๊ค พวกเธอก็จำเป็นต้องตัดสินว่ามันจริงหรือเท็จ
นอกจากคนพวกนี้แล้ว ทหารไพ่เองก็เข้ามาเป็นครั้งคราว พวกเธอถูกตั้งคำถามภายใต้ข้ออ้างว่าร่วมมือกับการสอบสวน พวกเธอดูร่าเริงกว่าอดีตสมาชิกของฝ่ายพัคมาก พวกเธอหัวเราะและพูดคุยกันในหมู่พวกของตัวเอง
เมื่อได้เห็นทหารไพ่แบบนี้ อดีตสมาชิกของฝ่ายพัคที่เข้าแถวอยู่หน้าห้องสอบสวนจึงโห่ร้องออกมา ทุกครั้งที่พวกเธอทำแบบนั้น มานาก็จะตะโกนว่า “หุบปาก!” ใส่พวกเธอ และมันก็จะทำพวกเธอเงียบไป ทุกคนล้วนมองมาที่มานาด้วยท่าทีที่ไม่พอใจ มานาคิดว่า ไม่ใช่ยืนกรานว่าตัวเองถูกฝ่ายพัคควบคุมหรอกเหรอ? แล้วทหารไพ่พวกนี้ก็ช่วยพวกเธอเอาไว้นี่? แต่มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่พวกเธอจะรู้สึกไม่พอใจเมื่อเห็นทหารไพ่ทำตัวสบายใจอย่างโจ่งแจ้งเพราะเป็นฝ่ายชนะ
เคียดแค้นและถูกเคียดแค้น มันเหมือนกับเหตุการณ์ในเมือง B ไม่มีผิด พีเฟิล คนที่มานาคิดว่าอาจจะล้วงเอาอะไรออกมาได้ในตอนนี้ก็ไม่อยู่แล้ว หากเธอจะทำการสืบสวนต่อ มันก็คงต้องมุ่งไปในทิศทางอื่น มานาไม่พอใจ เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองควรจะพอใจกับมันได้ แต่เธอก็ยังต้องการความพอใจอยู่ดี
หากพีเฟิลไม่อยู่แล้ว แบบนั้นเป้าหมายต่อไปที่ดีที่สุดก็คือเฟรเดริก้า ลางสังหรณ์ของเธอบอกว่าหากเข้าหาเฟรเดริก้าได้ ความจริงก็อาจจะกระจ่าง แต่บางทีนี่อาจเป็นเพียงความปรารถนาที่เธออยากช่วยสโนไวท์กับอูรูรุมากเท่าที่ทำได้ —ไม่สิ ต้องมากกว่าที่ตัวเองทำได้
เธอได้ยินเสียงร้องไห้ เมื่อมองออกไป เธอก็เห็นโพแดงจับหน้าแข้งตัวเองพร้อมกับร้องโอดโอย ทหารไพ่คนอื่นต่างตะโกนว่า “คนนี้ทำ!” พร้อมกับชี้นิ้วออกไป คนที่พวกเธอชี้คืออดีตสมาชิกของฝ่ายพัคที่กำลังมองขึ้นไปบนเพดานด้วยท่าทางไม่รู้ไม่ชี้พร้อมกับผิวปาก
“เฮ้ เธอน่ะ! อย่าสร้างปัญหาสิ! ช่วยเงียบด้วย!”
ฟาลยังคงหายตัวไป การฟื้นฟูสถานโบราณและซ่อมแซมอุปกรณ์กำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และทุกอย่างที่เดิมทีไม่ได้อยู่ในสถานโบราณก็ถูกเก็บรวบรวมเพื่อส่งคืนไปให้เจ้าของไม่ก็ทำลายทิ้ง สโนไวท์บอกคนงานว่าให้แจ้งเธอทันทีหากพบเมจิคัลโฟนของผู้ที่มีตำแหน่งสูง แต่เธอก็ไม่ได้รับการตอบกลับมาเลย หากเมจิคัลโฟนอยู่ในสภาพที่ฟาลสามารถติดต่อเธอได้ แบบนั้นฟาลก็ควรจะติดต่อมาหาเธอทันที ดังนั้นแหล่งพลังงานหลักคงถูกปิด หรือไม่ก็มีฟังก์ชั่นอื่นที่ทำงานผิดพลาด เธอเป็นห่วงฟาล แต่เธอก็เชื่อในตัวฟาล เธอรู้ว่าฟาลนั้นมีความสามารถและแข็งแกร่งขนาดไหน เธอยังรู้อีกว่าเมจิคัลโฟนของผู้ที่มีตำแหน่งสูงที่ไม่สามารถทำลายได้เป็นยังไง
ริปเปิลเองก็ยังหาตัวไม่พบ ถึงแม้เธอจะไม่อยากทำ แต่เธอก็เข้าไปหาหน่วยสืบสวนเพื่อให้ช่วยเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เธอขอให้ทางหน่วยสืบสวนปฎิบัติกับริปเปิลในฐานะผู้ต้องสงสัยหรือพยานบุคคลเพื่อให้ทางหน่วยสืบสวนทำการค้นหา มานาบอกว่าพวกเธอไม่สามารถลงมือค้นหาได้ด้วยข้ออ้างแบบนั้น
สโนไวท์ได้ยินเสียงจากในหัวใจของริปเปิล เธอรู้ว่าริปเปิลกำลังเลี่ยงไม่อยากพบเธอ แต่ถึงจะรู้แบบนั้น เธอก็ไม่ยอมแพ้ หากริปเปิลต้องการที่จะออกห่าง แบบนั้นสโนไวท์ก็จะเป็นคนที่ไปหาเธอเอง
“นี่ฉันควรช้ากว่านี้อีกนิดไหม?” สโนไวท์พูด
“ช้าอะไรเหรอ?”
“ฉันคิดว่าถ้าฉันไม่ได้ช้า บางทีเธออาจจะตามมาไม่ทันน่ะสิ”
“อย่ามาพูดว่าขาของอูรูรุช้านะ!” อูรูรุที่วิ่งอยู่ด้านหลังเธอพูดออกมาด้วยความโกรธ
สโนไวท์กระโดดข้ามหินก้อนใหญ่ จากนั้นก็กระโดดออกจากลำต้นของต้นไม้เพื่อข้ามลำห้วยเล็กๆ ในตอนที่คิดถึงความโง่ของตัวเองที่ถามอูรูรุออกไปตรงๆ เธอก็ลดความเร็วลง แต่อูรูรุกลับไม่รู้ตัว
เสียงเรียกเข้าดังขึ้นจากเมจิคัลโฟนธรรมดาที่เธอยืมมาใช้แทนเมจิคัลโฟนระดับสูงของตัวเอง ข้อความนั้นมาจากมานา เธอบอกว่าดาร์คคิวตี้เข้ามาหาเพื่อถามว่าสโนไวท์อยู่ที่ไหน สโนไวท์จึงตอบกลับไปว่าได้โปรดอย่าบอกเธอเลย
“อะไรน่ะ? ข้อความจากใคร?” อูรูรุถาม
สโนไวท์เปิดปากออกแล้วก็ปิดลง จากนั้นก็พ่นลมหายใจออกมา “ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงหรอก”
“อ๊ะ! เอาอีกแล้ว ไม่บอกอูรูรุอีกแล้ว! จะหนีอูรูรุไปใช่ไหม หา?!” อูรูรุโมโหอีกครั้งและเริ่มบ่นเกี่ยวกับเรื่องนั้นเรื่องนี้ บางทีการที่สโนไวท์เคลื่อนไหวช้าลง มันก็ทำให้อูรูรุมีแรงมากพอจนสามารถขยับปากพูดได้ในตอนวิ่ง หากอูรูรุเป็นแบบนี้ บางทีฉันก็ไม่ควรลดความเร็วลงเลย สโนไวท์คิดอย่างเสียใจ
ริปเปิลคงตามหาเฟรเดริก้า และสโนไวท์ก็จะเข้าหาเฟรเดริก้าให้ได้ก่อนริปเปิล จากนั้นสโนไวท์จะทำการล่าเฟรเดริก้า เธอไม่เคยรู้สึกภูมิใจกับฉายาอย่างนักล่าเมจิคัลเกิร์ลเลย แต่เมื่อเป็นเรื่องของเฟรเดริก้าแล้ว เธอรู้สึกว่าตัวเองอยากที่จะใช้ชื่อนั้น
“นี่ พวกเราจะไปไหนกันน่ะ? เส้นทางที่ใช้นี่มันแปลกจัง” การบ่นออกมาพักหนึ่งคงทำให้อูรูรุรู้สึกสดชื่นขึ้น จนในตอนนี้เธอถามออกมาว่าพวกเธอกำลังมุ่งหน้าไปที่ไหน สโนไวท์พูดกับเธอไม่ได้ว่า “เรื่องแบบนี้มันก็ควรถามก่อนที่จะออกมาสิ”
“มีบางคนที่จะช่วยฉัน ฉันก็เลยจะไปหา”
“อีกฝ่ายไว้ใจได้เหรอ?” คำพูดของอูรูรุนั้นชัดเจนและตรงไปตรงมา จากการฟังเสียงจากปากและหัวใจไปพร้อมๆกัน มันก็สามารถบอกได้เลย
สโนไวท์ส่ายหน้าเล็กน้อย เธอไม่ได้คิดว่าคำพูดของตัวเองนั้นชัดเจนและตรงไปตรงมา แต่เธอก็ไม่ได้คิดจะเปลี่ยนตัวเองในตอนนี้ “ฉันไม่ได้หวังพึ่งทุกเรื่องกับอีกฝ่ายหรอก”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
สโนไวท์หยุดตัว เธอสามารถมองเห็นถนนลาดยางได้ผ่านต้นไม้ ในที่สุดพวกเธอก็ข้ามภูเขามาได้ หากใช้ถนนพวกเธอคงไปได้เร็วกว่านี้ “พวกเราจะไปตามถนนนะ”
“อื้อ อื้อ นี่ ว่าแต่พวกเราใช้เกทไม่ได้เหรอ?”
“ตอนนี้ฉันพักงานของหน่วยสืบสวนอยู่ ฉันใช้อะไรของหน่วยสืบสวนไม่ได้หรอก”
“พูดได้ถูกต้องและเหมาะสมมาก…หือ?”
“อะไรเหรอ?”
“รู้สึกว่าเหมือนจะเห็นรูปร่างอะไรดำๆ”
สโนไวท์สามารถได้ยินความคิดของรูปร่างนั้นที่อยู่ใกล้ๆ เธอรู้ว่าเมจิคัลเกิร์ลที่ซ่อนอยู่ในเงาคือใคร แต่มันก็ไม่ได้จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องนั้น สโนไวท์ไม่ได้คิดว่าตัวเองคือตัวเอก และเธอก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองคือตัวร้ายเช่นกัน
สโนไวท์ยิ้มออกมาอย่างบิดเบี้ยว มันช่างเป็นความคิดที่เหมือนกับพีเฟิลมาก
เธอวิ่งลงมาจากภูเขาเพื่อไปยังถนน เหมือนว่าอูรูรุก็ยังคงตามมาเช่นเดิม มีเสียงริงโทนดังขึ้นจากเมจิคัลโฟนของเธอก็จริง แต่เธอก็รู้สึกว่าเสียงเรียกเข้าของเครื่องระดับสูงที่เคยใช้มันดังแบบชัดเจนกว่า
A สละชีวิตตัวเองเพื่อปกปอง B จากนั้นเพราะความตายของ A สุดท้าย B จึงกลายเป็นร่างที่กลวงเปล่า แบบนี้มันไม่ได้หมายความว่าการตายของ A มันไร้ค่าหรอกเหรอ? ทุกครั้งที่ดีลูจมองดูชาโดว์เกลที่เศร้าหมอง ดีลูจก็สงสัยว่า มันไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้แล้วเหรอ?
ในตอนนั้นสติของดีลูจเองก็มืดหม่น แต่เธอก็ไม่ได้ปล่อยมันไป หลังจากที่ถูกสโนไวท์ฟันแล้ว ดีลูจก็ถูกบลูเบลและดาร์คคิวตี้ที่กลับมาหลังจากจัดการชัฟฟินเรียบร้อยแล้วช่วยเอาไว้ เธอจำได้ว่าตัวเองถูกแบกออกมาจากสถานโบราณ เมื่อเธอตื่นขึ้นบนเตียงพร้อมกับรอดชีวิตมาได้ เธอก็ถือแผนที่กับกุญแจอยู่ แผนที่นั้นแสดงตำแหน่งของโรงงานที่พีเฟิลจัดการ และกุญแจก็เข้ากันได้พอดีกับตัวล็อคที่ทางเข้า ภายในนั้นเต็มไปด้วยอุปกรณ์หลากหลายชนิด อาวุธและชุดเกราะ ยา กระดาษและเอกสารกองโตเป็นภูเขา และเด็กสาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ดีลูจรู้จักเด็กสาวคนนี้ ในตอนที่เธอลักพาตัวชาโดว์เกล เธอเคยเห็นร่างมนุษย์ในตอนที่ชาโดว์เกลหมดสติ นี่คือชาโดว์เกลก่อนการแปลงร่าง เธอสูญเสียความทรงจำส่วนใหญ่ของตัวเองไป
ท่าทางของเธอในตอนนี้ที่จับจอยเพื่อเล่นวีดีโอเกมกับอาเมอร์ อาร์ลี่มันกลวงเปล่า มีปีศาจมีปีกบินอยู่รอบบริเวณเช่นกัน แต่ชาโดว์เกลก็ไม่ได้แสดงปฎิกิริยาอะไร ถึงแม้จิตใจของเธอจะว่างเปล่า นิ้วของเธอก็ขยับ เมื่อมองดูเธอ ดีลูจก็บอกไม่ได้ว่าเธอนั้นสนุกอยู่หรือเปล่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เด็กผู้หญิงสองคนก็ไม่ได้หยุดเล่นเกม
ดีลูจนั่งลงบนเก้าอี้และวางศอกข้างหนึ่งลงบนโต๊ะเพื่อยันคางเอาไว้ด้วยข้อมือ การที่เธอมองดูทั้งสองคนนั่งเล่นเกมกลายเป็นภาพอันคุ้นเคยภายในโรงงานแห่งนี้
อาร์ลี่ เบร็นด้า และแคทเธอรีน —พวกเธอทั้งหมดดูแลชาโดว์เกลอยู่ แม้เบร็นด้าและแคทเธอรีนจะไม่ได้รู้จักเธอ แต่ก็ยังคงปฎิบัติกับเธอเป็นอย่างดี สายตาของดีลูจหันไปทางหน้าจอที่แสดงข้อมูลจากกล้องรักษาความปลอดภัยของภายนอกโรงงาน ภาพของบ้านพักตากอากาศอันว่างเปล่าเรียงรายกันอยู่บนหน้าจอ เธอได้ยินว่าเมื่อถึงฤดู ผู้คนก็จะมาบริเวณนี้กันมากขึ้น แต่เมื่อดูจากปัจจุบัน มันก็ยากที่ดีลูจจะจินตนาการออก
สิ่งที่พีเฟิลมอบให้เธอมันได้สร้างแรงกดดันแบบเบาๆให้เธอด้วย จนถึงเมื่อไม่นานมานี้ เป้าหมายของดีลูจคือการใช้ชาโดว์เกลเพื่อให้พีเฟิลลงมือตามที่เธอต้องการ หากเธอใช้สิ่งที่เธอได้มาจากพีเฟิล เธอก็สามารถทำอะไรต่างๆได้มากขึ้น อย่างการทำให้คนทุกประเภทเคลื่อนไหว —ซึ่งมันมากเกินกว่าที่ดีลูจ คนที่เป็นเมจิคัลเกิร์ลประดิษฐ์จะจินตนาการได้
เมื่อรับแก้วมาจากแคทเธอรีนที่เอามาให้ เธอก็ยกมันขึ้นมาที่ริมฝีปาก กาแฟที่แคทเธอรีนชงมันขม แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกว่าอยากจะเติมนมหรือน้ำตาลลงไป เบร็นด้าโยนน้ำตาลห้าก้อนลงไปในแก้วของเธอ มันเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ดีลูจไม่เข้าใจว่า แบบนั้นมันไม่หวานไปหน่อยเหรอ?
พีเฟิลเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่เห็นแก่ตัวจนถึงท้ายที่สุด เธอคงจะรู้ว่าดีลูจต้องทรมาณกับเรื่องนี้ และเพราะว่ารู้ เธอจึงมอบสิ่งที่น่ากลัวทั้งหมดนี้มาให้ หรือไม่ก็ —บางทีเธออาจจะแค่ไม่สนใจ แต่จริงๆมันก็ไม่ใช่แบบนั้น เพราะนั่นคือจุดจบอันขมขื่นสำหรับเธอ
บางทีพีเฟิลอาจจะสัมผัสได้ถึงจุดจบของตัวเอง เธอจึงมองหาใครบางคนที่ส่งต่อสิ่งเหล่านี้รึเปล่านะ? แต่ไม่ว่าดีลูจจะคิดมากแค่ไหน เธอก็ไม่มีวันได้คำตอบที่ถูกต้อง แต่เธอก็ยังคงคิดถึงเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ดี
นี่เธอจะทำยังไงดีนะ? เธออยากจะทำอะไรกันแน่? จนถึงไม่นานมานี้ เธอยังไม่มีคำตอบของคำถามเหล่านี้เลยด้วยซ้ำ แม้ในตอนนี้ มันก็ไม่ใช่ว่าเธอจะมีคำตอบที่ชัดเจน แต่เธอก็มีตัวเลือกและความเป็นไปได้ที่มากขึ้น ความรู้สึกของเธอนั้นซับซ้อน แต่ทั้งหมดก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
ดีลูจเปิดสมุดบันทึกที่เธอเล่นอยู่ออก ภายในมันคือบัตรประจำตัวนักเรียน ชื่อของนามิ อาโอกิเขียนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับรูปที่แนบเอาไว้ ดีลูจปิดหน้านั้น และหนีบสมุดบันทึกเอาไว้ด้วยนิ้วชี้และนิ้วกลาง เธอมองดูน้ำแข็งที่กระจายตัวไปทั่วผิวจนเปลี่ยนเป็นสีขาว เมื่อเธอวางลงบนฝ่ามือและบีบเอาไว้แน่นๆ มันก็แตกเป็นผุยพง
เมื่อดีลูจจิบกาแฟของเธอ เธอก็พบว่ารสชาติของมันขมเกินจะบรรยาย
——— Magical Girl Raising Project Arc 6 : QUEENS [จบภาค] ——–
MANGA DISCUSSION