ตอนที่ 9: นักล่าเมจิคัลเกิร์ล
☆ พีเฟิล
ทุกสิ่งกลายเป็นรูปร่างอันสมบูรณ์แบบ การให้เลเธสู้กับพัคพั๊คเพื่อเปิดทางเข้าไปในสถานโบราณ ในขณะเดียวกันก็ขโมยหน้าที่สั่งการของเลเธมา มันทำให้ไม่มีใครสามารถสั่งให้ลอบสังหารชาโดว์เกลได้อีกแล้ว ตราบใดที่เลเธยังคงอยู่ ณ จุดนั้น มันก็จะไม่มีคำสั่งอะไรออกมา ในตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงเข้าไปให้ถึงจุดที่ลึกที่สุดของสถานโบราณ จุดที่อุปกรณ์ตั้งอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่ฝ่ายโอสจะเข้าไปถึง และหยุดชาโดว์เกลเอาไว้โดยวิธีการอื่นที่ไม่ใช่การฆ่า ตั้งแต่ที่พวกเธอรู้ถึงเป้าหมายของพัคพั๊ค แถมยังเห็นได้ชัดว่าฝ่ายโอสพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดเธอเอาไว้ให้ได้ นี่คือเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว
แม้เรื่องต่างๆจะเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ แต่พีเฟิลก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดีนักที่เรื่องนี้จะกลายเป็นการยืนยันได้ว่ามันได้ผล จนถึงในตอนนี้มันคือผลลัพธ์ที่ได้มาจากโชคและความพยายาม และจากนี้ไปมันก็ต้องใช้โชคและความพยายามต่ออีก
พีเฟิลที่อยู่บนวีลแชร์กำลังแล่นไปตามผนังด้านขวาของพื้นที่แอ่งกระทะเหนือพื้นดิน เธอแล่นผ่านเข้าไปยังพื้นที่ที่เต็มไปด้วยหน้าจอ แล้วก็ทำลายมันด้วยการใช้เลเซอร์ทำลายล้างที่ยิงออกมาจากวีลแชร์ ทำให้เมจิคัลเกิร์ลที่วิ่งตามมาด้านหลังวิ่งผ่านหน้าจอที่ระเบิดจนลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิง
เลเธดึงพัคพั๊คออกไปห่างจากทางเข้าสถานโบราณ ทั้งสองคนอยู่ห่างออกไปจนมองเห็นได้ไม่ชัด พีเฟิลเองก็มองพวกเธอได้ไม่ชัดเจนเช่นกัน และในตอนนี้พวกเธอก็ทำได้แล้ว
เมจิคัลเกิร์ลที่ถือหน้าจอแบบพกพาต่างก็หลั่งไหลออกมาจากด้านในสถานโบราณ พอตรวจดูภาพบนหน้าจอผ่านการเหลือบมองแล้ว พีเฟิลก็ไม่ได้รู้ข้อมูลอะไรมากนอกจากเรื่องที่ว่าบนหน้าจอนั้นมีอะไรบางอย่างกำลังเล่นอยู่ แต่เธอก็รู้ได้ง่ายๆว่ามันคืออะไรทันที ชัฟฟินที่เห็นมันเข้าก็หยุดตัวและจ้องมองมันไปเรียบร้อย ในตอนนี้มันขึ้นอยู่กับเวลาก่อนที่พวกเธอจะหันอาวุธเข้ามาหาพวกของตัวเองแล้ว
พีเฟิลหลับตาลง เธอตั้งค่าให้วีลแชร์ทำงานโดยอัติโนมัติ เมื่อกระสุนลูกหลงยิงปลิวมาหาเธอ วีลแชร์ก็จะยิงสวนกลับไปเพื่อจัดการมัน เวทมนตร์ที่ทำให้ใครคนหนึ่งที่เอาแต่ขดตัวอยู่บนเก้าอี้ไปถึงเป้าหมายได้เป็นอะไรที่หาได้ยากซะจริง
มาโมริบอกเธอว่า “เวทมนตร์ที่ทำให้เมจิคัลวีลแชร์เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงได้” มันดูธรรมดาและไม่ได้เข้ากับตัวของเธอเลย แต่มาโมริเองก็ไม่รู้ว่าการที่เวทมนตร์นั้นเรียบง่ายมันคือการหมายความว่าสามารถใช้งานได้ง่ายด้วย นอกจากนี้ด้วยเวทมนตร์ของมาโมริแล้ว มันก็สามารถเพิ่มพลังวีลแชร์ของเธอได้อีกด้วย
มาโมริดัดแปลงวีลแชร์ของเธอทีละนิดทุกๆวันพร้อมกับเสียงตัดพ้อ บ่น และครวญครางอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ถึงเธอจะไม่ได้รู้ตัวแต่มันก็เห็นได้ชัดว่ามาโมริติดวีลแชร์มากกว่าตัวพีเฟิลเองซะอีก แม้ว่าพีเฟิลจะไม่ได้พูดอะไร มาโมริก็จะมาแนะนำแผนดัดแปลงใหม่ ผสมกับเรื่องการทำให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นและเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ของวีลแชร์ที่มากขึ้นกว่าเดิม
เวทมนตร์ของมาโมริได้ก้าวสู่ระดับใหม่ผ่านการเพิ่มพลังวีลแชร์ของพีเฟิล และในตอนนี้มันถูกใช้งานในรูปแบบที่ขัดต่อความต้องการของมาโมริโดยสิ้นเชิง
ความรู้สึกของเธอมันมากพอที่จะบอกได้ว่าวีลแชร์สามารถยิงเลเซอร์ทำลายล้างได้อีกครั้ง ตัวของเธอสั่นไปมาเหนือพื้นที่ขรุขระ เธอเคลื่อนที่อย่างโลดโผน หยุด หมุนไปรอบๆ ถอยหลัง ข้ามผ่านอะไรบางอย่าง จากนั้นก็เร่งความเร็ว แม้จะเป็นการเคลื่อนไหวที่บ้าบิ่น แต่คนขับก็ไม่เคยกระเด็นออกไป เวทมนตร์ที่พีเฟิลมีอยู่มันมีเพียงเท่านี้
เลเซอร์ทำลายล้างยิงออกไปอีกครั้ง ความร้อนสูงมันเผาแก้มของพีเฟิลและปลายผม มีกลิ่นที่น่ารังเกียจตีขึ้นจมูก จากนั้นลมเย็นๆก็พัดเข้ามาจากทิศทางเดียวกัน พร้อมกับมีผงหิมะนุ่มๆราวหนึ่งช้อนเต็มมาสัมผัสกับเปลือกตาด้านขวาของเธอ คนที่อยู่ข้างๆวีลแชร์ของเธอคือดีลูจที่ตามมาช่วย บางทีดาร์คคิวตี้อาจจะตามด้วยเช่นกัน ทั้งคู่นั้นมีความสามารถ
วีลแชร์ของเธอมีความสามารถมาก มันสามารถเปลี่ยนจากการหักเลี้ยวแบบอาศัยแรงเฉื่อยไปเป็นการเบรคแบบแบบกระทันหันได้อย่างซ้ำๆเหมือนกับสิ่งมีชีวิต จากนั้นก็จะเร่งความเร็วขึ้นในทันทีทันใด ปีนหน้าผา แล้วก็แล่นลงมา ความเสียหายส่วนใหญ่ที่เธอได้รับคือดาบที่แฉลบเข้ามาจนทำให้เส้นผมของเธอขาด พีเฟิลตะโกนสั่งการทหารรับจ้างด้วยเสียงดัง “ไม่ต้องสนใจเรื่องอื่น! เข้าไปในสถานโบราณให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้!”
หลังจากที่คำพูดออกจากปากแล้ว เธอก็คิดว่า นี่มันไม่ใช่คำสั่ง
มันเป็นคำสั่งก็จริง แต่มันก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคำสั่งด้วยเช่นกัน แต่เมจิคัลเกิร์ลคนอื่นก็ไม่ได้บ่นอะไร เสียงฝีเท้าของพวกเธอก้าวผ่านวีลแชร์ของเธอจากด้านหลังและมุ่งหน้าเข้าไปยังสถานโบราณ การที่พวกเธอทำงานโดยไม่พูดอะไรมันทำให้พีเฟิลที่ยังคงเกาะผนักแขนของวีลแชร์รู้สึกว่าสามารถพึ่งพาพวกเธอได้
☆ สโนไวท์
ศัตรูฝ่าแนวป้องกันของพัคพั๊คมาได้ และพวกนั้นก็บุกเข้ามาในสถานโบราณคนแล้วคนเล่า ซึ่งนั่นหมายความว่าพัคพั๊คไม่สามารถรับมือศัตรูทั้งหมดได้ สโนไวท์สะกดความปรารถนาอย่างรุนแรงของเธอที่จะออกไปเคียงข้างนายหญิงของตัวเองเอาไว้อย่างทันทีทันใด การประจำอยู่ในตำแหน่งและพยายามอย่างที่สุดมันก็เพื่อพัคพั๊ค นี่คือการที่จะทำให้พัคพั๊คมีความสุขมากที่สุด
งานของสโนไวท์คือการจัดกำลังกลุ่มสามคนที่ประกอบด้วย อาเมอร์ อาร์ลี่, เบลด เบร็นด้า และแคนนอน แคทเธอรีนเพื่อทำการสนับสนุนพัคพั๊ค มอบคำสั่งที่เหมาะสมให้พวกเธอและเคลื่อนกำลังพล แต่แผนการก็พังไปเรียบร้อยแล้ว พัคพั๊คได้เข้าต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่ง และไม่มีใครที่สามารถเข้าไปใกล้ได้ ดังนั้นสโนไวท์จึงตัดสินใจว่าควรให้เมจิคัลเกิร์ลเกราะดำทั้งสามคนออกปฎิบัติการอย่างอิสระ
สามสิบเมตรจากทางเข้า ตรงจุดที่ทางเดินแยกออกเป็นสาม เธอต้องสู้กลับ
เอซโพดำพุ่งเข้ามาและแทงเข้าไปที่อาเมอร์ อาร์ลี่ แต่ตัวของเธอก็ไม่ได้ล้มลงและยังโจมตีกลับไปที่ศัตรู เอซนั้นแทงหอกเข้ามาอย่างรุนแรงในจุดที่ได้รับความเสียหายจนเกราะของเธอแตกออก แต่อาร์ลี่ก็ยังคงไม่ล้มลง —ความจริงแล้ว มันมีอะไรคล้ายกับเมือกสีดำไหลออกมาจากจุดที่ได้รับความเสียหายเพื่อปิดบาดแผล จนมันกลายเป็นเกราะที่หนาและแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมในการปกป้องตัวของเธอ
หากอาร์ลี่สามารถรับมือเอซได้ด้วยตัวคนเดียว แบบนั้นมันก็จะทำให้เรื่องที่เหลือง่ายขึ้นเล็กน้อย
เบลด เบร็นด้าเฉือนหอกที่ศัตรูปาเข้ามาออกเป็นแปดส่วน ในขณะที่แคนนอน แคทเธอรีนยิงปืนใหญ่เวทมนตร์ของเธอเข้าหาศัตรูที่รวมกลุ่มกันในทางเดินที่มีพื้นที่จำกัด ลูกปืนใหญ่มนต์ดำของเธอกวาดชัฟฟินทั้งหมดออกไป พวกนั้นกระเด้งกระดอนไปยังเพดานและกำแพงตามทางเดินแคบๆนี้
เอซโพดำกระโจนออกมาจากม่านฝุ่น มันเป็นคนละหน่วยกับที่อาร์ลี่รับมือ เอซหลายคนเข้ามาในสถานโบราณได้ แก้มข้างหนึ่งของสโนไวท์บิดขึ้น หากมีจำนวนมากแบบนี้ เรื่องมันคงยากแน่
เอซพุ่งตัวมาด้านหน้าตัดผ่านอากาศที่อับชื้นและแทงหอกออกมาอย่างรวดเร็วจนยากที่จะมองเห็น เบร็นด้ากันเอาไว้ได้ด้วยดาบของเธอ แต่เอซก็กดตัวของเธอลงกับพื้นไปพร้อมกับดาบ จากนั้นก็เหยียบเข้าไปสองครั้ง เอซลอดผ่านด้านล่างของปืนที่แคนนอน แคทเธอรีนเล็งเอาไว้และเหวี่ยงหอกขึ้น —สโนไวท์จึงเข้ามาป้องกันแคทเธอรีนเอาไว้ ป้องกันหอกไว้ดวยอาวุธของตัวเอง แต่แรงสั่นสะเทือนที่ส่งผ่านมาที่มือมันก็มากพอที่จะทำให้ชา จนทำให้อาวุธเองเกือบจะหลุดจากมือด้วย
เบร็นด้าลุกขึ้นและโจมตีเข้าไปหาเอซจากด้านหลัง แต่เอซก็จับดาบสีดำของเธอเอาไว้ได้ด้วยมือเปล่าและกระแทกเบร็นด้ากลับไปด้านหลังการหมุนตัวเตะ สโนไวท์ใช้ประโยชน์จากจังหวะนั้นโดยการใช้อาวุธของเธอแทงเข้าไป แต่เอซโพดำก็หมุนตัวไปรอบๆ และทุบอาวุธของสโนไวท์จากทางด้านข้างด้วยการเหวี่ยงหอกของตัวเอง พอเมื่อสโนไวท์เสียสมดุลย์ เอซก็แทงหอกขึ้นมา —แต่ก็หยุดลง มือขวาของสโนไวท์อยู่ตรงหน้าของตัวเอง และในมือของเธอก็มีเมจิคัลโฟนเครื่องใหม่ที่เพิ่งได้รับมา บนหน้าจอของเมจิคัลโฟนนั้นมีพัคพั๊คกำลังเต้นอยู่
เมื่อเธอมอบเมจิคัลโฟนให้กับเอซโพดำ อีกฝ่ายก็รับมันไปอย่างง่ายๆ เอซโน้มตัวมาด้านหน้าอย่างขะมักเขม้นพร้อมกับนัยน์ตาที่จับจ้องไปยังหน้าจอ หากเธอมองดูมันสามสิบวินาที เธอก็จะกลายเป็นหนึ่งในเพื่อนของพัคพั๊คและจะโจมตีเข้าหาคนที่เคยเป็นเพื่อนของตัวเองเพื่อพวกเธอ
สโนไวท์เห็นแคทเธอรีนดึงตัวของเบร็นด้าขึ้นมาจากหางตา จากนั้นเธอก็ชายตามองไปยังทางเข้า เสียงมันดังขึ้นและเข้าใกล้มาเรื่อยๆ เสียงจากในหัวใจไม่ได้มาจากแค่ฝ่ายพัค —แต่เสียงจากเมจิคัลเกิร์ลจำนวนมากของฝ่ายศัตรูก็เข้ามาด้วยเช่นกัน พัคพั๊คป้องกันทางเข้าเอาไว้ไม่ได้ มันจึงมีศัตรูใหม่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ฝ่ายของพวกเธอรวบรวมทหารรับจ้างที่กระจัดกระจายกันอยู่ภายในสถานโบราณเพื่อสู้กลับ แต่เมจิคัลเกิร์ลที่ไม่ใช่ชัฟฟินเองก็เข้าร่วมกับฝ่ายศัตรูด้วย และพวกนั้นก็กำลังสู้กับกองกำลังของฝ่ายพัค
นี่เธอควรจะออกไปช่วยตอนนี้รึเปล่านะ? หรือเธอควรจะสู้กับศัตรูที่เข้ามาด้านในดี? สโนไวท์จดจ่ออยู่กับสิ่งที่เธอได้ยิน เธอเอียงหูของตัวเองเข้าไปหาเสียงของหัวใจที่ดังมาจากทั่วสถานโบราณ —จากนั้นเธอก็เบิกตาออกกว้างและวิ่งออกไป เบร็นด้ากับแคทเธอรีนตามมาอย่างเงียบๆโดยไม่ได้ถามอะไร
ทางเดินด้านในสถานโบราณมันเป็นเขาวงกตที่สลับซับซ้อน แต่สโนไวท์ก็ต้องจำแผนผังทั้งหมดให้ได้ เธอวิ่งผ่านไปตามทางเดิน หาเส้นทางที่สั้นที่สุดเพื่อเข้าไปยังจุดที่ลึกที่สุดของสถานโบราณ
ตรงหน้าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่ตั้งของอุปกรณ์ มันมีห้องเฝ้ายามเล็กๆสำหรับเมจิคัลเกิร์ลที่เอาไว้รักษาความปลอดภัยอยู่ การได้เห็นสโนไวท์รีบเข้ามา พวกเธอเหมือนจะรู้ว่ามีบางอย่างที่เลวร้ายเกิดขึ้น จากเมจิคัลเกิร์ลทั้งหมดสิบคน มันก็มีห้าคนยืนขึ้นและตามเธอมาเมื่อเธอเตะประตูของสถานที่ศักดิ์สิทธ์
เมจิคัลเกิร์ลที่อยู่ด้านในนั้นกำลังทำงานกับอุปกรณ์อยู่ พวกเธอมองมาที่ผู้บุกรุกด้วยความประหลาดใจ สโนไวท์วิ่งตรงเข้าไปโดยไม่หยุด แล้วกระแทกตัวเข้ากับเมจิคัลเกิร์ลผมทรงฮิเมะคัทสีดำที่อยู่ตรงคอมพิวเตอร์จนตัวของเธอลอยขึ้นไป สโนไวท์ไม่สนเสียงร้องโอดโอยของอีกฝ่ายที่กลิ้งอยู่ และเงื้ออาวุธขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีที่จะขึ้นมาจากพื้น
“ศัตรูอยู่ที่นี่! โจมตีซะ!” สโนไวท์สั่งการ
เมจิคัลคนอื่นนั้นสวมที่อุดหู แต่การบอกพวกเธอด้วยท่าทางและการกระทำก็คงเพียงพอ สโนไวท์ถอยหลังออกมา และลำแสง ลูกเหล็ก ลูกปืนใหญ่สีดำก็ยิงออกมาพร้อมๆกันจนทำให้พื้นเปิดออก เมจิคัลเกิร์ลที่มีสีดำทั่วทั้งตัวเผยตัวออกมาจากใต้พื้นดิน เมื่อเธอตื่นตระหนกและพยายามดำลงไป ลูกปืนใหญ่สีดำก็โดนเข้ากับตัวของเธอ เธอกระเด็นออกไปด้วยแรงระเบิดเล็กๆ กระเด้งไปชนกับกำแพงและร่วงลงมาที่พื้นพร้อมกับคว่ำหน้าบนพื้น
สโนไวท์ถอนหายใจออกมา หากเธอไม่ได้ยินเสียงที่ดังมาจากใต้ดินล่ะก็ อีกฝ่ายคงผ่านไปได้แน่ ในตอนนี้สโนไวท์ไม่ได้ยินเสียงอะไรเพิ่มอีกแล้ว เรื่องมันจบลงเท่านี้
สถานโบราณสร้างขึ้นมาจากหินแกะสลักที่วางเอาไว้เข้าด้วยกัน เมจิคัลเกิร์ลที่มีความสามารถแทรกตัวเข้าไปในรอยร้าวใดๆก็ได้จึงแอบเข้ามายังจุดที่ลึกที่สุด แต่พวกเธอก็จัดการทิ้งได้ก่อนที่อีกฝ่ายจะสร้างความเสียหายใดๆขึ้น
ยามด้านหลังลากเมจิคัลเกิร์ลชุดดำออกไป จากนั้นสโนไวท์ก็มองดูรอบๆ ภายในม่านฝุ่น เธอสั่งการเด็กสาวที่หน้าซีดและดูกลัวอย่างเห็นได้ชัดว่า “ช่วยทำงานต่อด้วย อย่าหยุดมือ” จากนั้นก็พูดกับนางพยาบาลสีดำว่า “ชาโดว์เกล คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?”
“เอ่อ…มะ-เมื่อกี๊มันอะไรเหรอ?” ชาโดว์เกลตอบกลับ
“ศัตรูน่ะ เหมือนว่าจะเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่สามารถแทรกตัวเข้ามาในช่องว่างระหว่างก้อนหินได้ แล้วทุกอย่างเป็นไงบ้าง?”
“อ-อื้อ ก็ดีนะ ฉันไม่ได้เจอปัญหาอะไรตรงไหน”
แบบนี้ก็ยังคงไม่จำเป็นต้องให้เธอใช้สัญญา ตราบใดที่พัคพั๊คยุ่งอยู่ มันก็มีหลายสิ่งที่สโนไวท์ต้องตัดสินใจ มันเป็นความรับผิดชอบที่หนักหนาแต่ก็เป็นสิ่งที่คุ้มค่า ความรู้สึกอันแรงกล้าในการทำงานเพื่อพัคพั๊คมอบความกล้าและแรงจูงใจให้กับเธอ
“ถ้างั้นก็ฝากด้วยล่ะ” สโนไวท์พูดกับเธอ “อย่างที่ฉันพูด ช่วยอย่าหยุดมือด้วย”
สโนไวท์คิด ศัตรูส่งนักฆ่าเข้ามายังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์โดยตรง ดังนั้นมันจึงยืนยันไม่ได้ว่าที่แห่งนี้ปลอดภัย หากศัตรูใช้เวทมนตร์ที่ทำให้ตัวเองมองไม่เห็น เวทมนตร์ที่หลอมรวมกับอากาศ เวทมนตร์ที่ใช้เทเลพอร์ท อะไรแบบนั้นล่ะก็ มันจำเป็นต้องมีมาตราการที่เหมาะสมในการปกป้องอุปกรณ์ด้วย
สโนไวท์หันกลับมาหาเมจิคัลเกิร์ลในห้องเฝ้ายาม “ในตอนนี้ศัตรูบุกเข้ามาจากทางเข้า ทุกคนช่วยมุ่งหน้าไปทางนั้นเพื่อช่วยสู้ด้วย พวกเราจะอยู่ที่นี่ หากฉันได้ยินเสียงจากในหัวใจของพวกนั้น ต่อให้เป็นศัตรูที่มองไม่เห็นบุกเข้ามา ฉันก็จัดการได้”
เนื่องจากพัคพั๊คบอกกับพวกยามไว้ว่า “ต้องทำตามเรื่องที่พี่สโนวี่พูดนะ” ดังนั้นต่อให้จะเป็นคนเก่าคนแก่จะก็ฟังคำสั่งจากมือใหม่ที่สุดจะทน เมจิคัลเกิร์ลในห้องเฝ้ายามวิ่งออกไปยังแนวหน้า แคทเธอรีน เบร็นด้า และสโนไวท์ก็เข้ามาแทนที่พวกเธอ
สโนไวท์เอามือของเธอล้วงเข้าไปในกระเป๋าที่ห้อยอยู่ตรงเอว แล้วก็ดึงเมจิคัลเกิร์ลออกมาจากด้านใน พวกเธอคือชัฟฟินแจ็ค ควีน และคิงโพดำที่เธอทำให้เป็นเพื่อนกับพัคพั๊คเอาไว้เพื่อสถานการณ์แบบนี้
☆ พีเฟิล
เมื่อมองดู พีเฟิลก็สามารถบอกได้ว่าเมจิคัลเกิร์ลสิบคนที่วิ่งออกมากจากด้านในถ้ำคือผู้มีประสบการณ์ ในกลุ่มนี้เธอจำหน้าได้หลายคน ถ้าเป็นไปได้ก็มีหลายคนที่เธออยากจะจ้างงาน และจากการเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นวิ่งได้เร็วแค่ไหน มันจึงทำให้พวกเธอแตกต่างจากเมจิคัลเกิร์ลที่เพิ่งเคยจะได้ลิ้มรสการต่อสู้ แต่เมจิคัลเกิร์ลที่พีเฟิลจ้างมาเป็นการส่วนตัวก็ไม่ใช่เมจิคัลเกิร์ลธรรมดาเช่นกัน —และกองกำลังทั้งสองฝ่ายก็กำลังเข้าปะทะกันอยู่
ดาบและไม้เท้าเวทมนตร์เข้าปะทะกันจนเกิดประกาย เคียวขนาดยักษ์ที่เหวี่ยงไปมามันฉีกกระชากสสารและมิติไปพร้อมกัน ทุกคนกระโดดไปด้านข้าง แต่ในตอนนี้ที่ทางเดินมันมีรอยเฉือนขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ เด็กสาวที่ก้าวเข้าไปหาจึงร่วงลงไปในหลุมเล็กๆราวกับถูกดูดกลืน เมจิคัลเกิร์ลอีกคนขีดเขียนตัวอักษรบางอย่างตามทางเดินด้วยปากกาและตัวอักษรนั้นก็บินเข้าไปหาศัตรู แก๊สสีม่วงถูกยิงออกมาและคนที่ถูกมันก็ร่วงลงกับพื้น คนอื่นๆแยกย้ายกันหนี ซึ่งนั่นมันทำให้ทางเดินเปิดโล่งในทันที ดีลูจและดาร์คคิวตี้เกาะอยู่ที่คนละด้านของวีลแชร์ และพีเฟิลก็แล่นผ่านไปด้วยความเร็วสูงสุด
ศัตรูนั้นฟัน เตะ แล้วก็ยิงลำแสงเข้ามาหาวีลแชร์ในตอนที่วิ่งเข้ามา แต่ทหารรับจ้างก็ป้องกันวีลแชร์เอาไว้ด้วยโล่ กระจก และร่างกายตัวเอง เมื่อพื้นถูกทำให้กลายเป็นโคลนด้วยการที่พยายามทำให้วีลแชร์จมลงไป ดีลูจก็แช่แข็งโคลนนั้นในทันที แล้วก็พวกเธอก็วิ่งผ่านมันไป เมื่อถึงทางโค้งมันก็เป็นการเร่งให้พวกเธอเข้าไปยังเซฟโซน ดีลูจได้ปล่อยปีศาจมีปีกออกไปจากเงามืดและให้พวกมันป้องกันลำแสงที่คดไปมาที่ยิงเข้าหาพวกเธอจากด้านหลัง ปีศาจมีปีกที่โดนลำแสงนั้นคายควันออกมาและหายไป ดีลูจสั่งให้ปีศาจมีปีกป้องกันการโจมตีทุกอย่างที่เข้ามาจากด้านหลัง และในที่สุดวีลแชร์ก็พุ่งทะยานออกจากหมู่ศัตรูที่รายล้อมอยู่ได้
เมื่อพีเฟิลหักเลี้ยวอยู่เหนือพื้นและผ่านทางโค้งไป เธอก็พบเข้ากับเมจิคัลเกิร์ลอีกหกคนที่รออยู่ด้านหน้า พวกเธอดูไม่แข็งแกร่งเท่าสิบคนก่อนหน้านี้ แต่อีกฝ่ายมีจำนวนมากกว่ากำลังของพีเฟิล ดีลูจใช้ศรน้ำแข็งของตัวเองปะทะเข้ากับกระสุนแสงของศัตรู และดาร์คคิวตี้ก็เอามือของเธอเข้ามาหากัน
สุนัขล่าเนื้อที่สร้างขึ้นจากเงาคลานไปตามทางเดินแคบๆ เนื่องจากเงานั้นเป็นปรากฎการณ์ตามธรรมชาติ เวทมนตร์ของดาร์คคิวตี้จึงไม่สามารถสร้างอะไรที่เป็นสามมิติออกมาได้ และมันก็สามารถเคลื่อนได้เฉพาะบนพื้นผิวเท่านั้น แต่ในตอนนี้พวกเธออยู่ภายในสถานโบราณ ที่ๆมีทางเดิน กำแพง และเพดานทอดยาวออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เงาของเธอจึงเคลื่อนไหวได้แบบอิสระมากกว่าที่สร้างบนถนน จะเป็นกำแพงแตกร้าว พื้นปลิวหลุด หรือเพดานเปิดออกพังทลายก็ตาม ด้วยการเป็นตัวร้ายแล้วนั้น ดาร์คคิวตี้ไม่ได้มีความกังวลว่าต้องไม่ทำให้สถานโบราณเสียหายแต่อย่างใด
เมจิคัลเกิร์ลเองก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ผิวหนังฉีกขาด เลือดไหลออกมา กระดูกเองก็แตก แต่พวกเธอก็ไม่ได้สูญเสียความตั้งใจที่จะต่อสู้ไป พวกเธอถอยห่างเพื่อหนีจากระยะเงาของดาร์คคิวตี้ จากนั้นดีลูจก็ยิงศรน้ำแข็งเข้าไปหา แต่มันก็มีโล่เพลิงปรากฎขึ้นมาในอากาศป้องกันศรน้ำแข็งเอาไว้ นั่นคงเป็นเวทมนตร์ของศัตรู
ศรน้ำแข็งระเหิดไปในทันที มันหายไปเป็นละอองน้ำ และศรน้ำแข็งที่ตามมาก็ถูกป้องกันเอาไว้ด้วยโล่เพลิงอีกครั้ง ศรน้ำแข็งสิบดอกระเหิดกลายเป็นไอน้ำจนเหลือไว้เพียงละอองรอบตัวเธอ ทำให้ตลอดทั้งทางเดินชื้นเหมือนกับห้องซาวน่า มันบดบังการมองเห็นจนทำให้พวกเธอมองไม่เห็นด้านหน้าแม้แต่ก้าวเดียว
ในตอนนั้นก็มีแสงส่องออกมา มันเป็นแสงที่มาจากวีลแชร์ของพีเฟิล เมื่อมีแหล่งกำเนิดแสงอยู่ด้านหลัง เงาขนาดยักษ์ของดาร์คคิวตี้ก็ฉายออกไปเหนือไอน้ำ โดยปกติแล้ว เวทมนตร์ของดาร์คคิวตี้จะสามารถสร้างเงาได้เฉพาะบนพื้นผิวที่เรียบ แต่การฉายเงาเข้าไปที่หมอก เธอสามารถทำให้มันใหญ่ขึ้น แถมยังสามารถทำให้ “ยืนขึ้น” ได้อีกด้วย ดาบขนาดยักษ์แทงทะลุโล่เพลิง และแส้หนามก็พุ่งเข้าไปหาเมจิคัลเกิร์ลที่หลบอยู่ไกลออกไป
แต่เมจิคัลเกิร์ลก็ยังคงไม่หนี พวกเธอยกอาวุธและโล่ของตัวเองขึ้น และคนที่ไม่มีทั้งสองอย่างก็ใช้แขนของตัวเองเป็นโล่ พวกเธอลุกขึ้นพร้อมกับส่งเสียงร้องปลุกใจและพุ่งเข้ามาหา พวกเธอหลบแส้เพื่อโจมตีดาร์คคิวตี้ แต่ที่พื้นทางเดินมันถูกเวทมนตร์ของดีลูจแช่แข็งเอาไว้ เท้าของพวกเธอจึงลื่นไถลจนล้มลงไปกับพื้น และแส้ก็ฟาดเข้าไปที่พวกเธอตอนที่ล้มลงด้วย เมื่อเสียงกรีดร้องและเสียงร้องไห้หายไป หมอกเองก็หายไปด้วยเช่นกัน จนพวกเธอมองเห็นร่างอันน่าสลดของเมจิคัลเกิร์ลที่นอนอยู่กันเป็นกอง
ดีลูจหรี่ตา พีเฟิลรู้ดีว่านั่นคือการที่เธอพยายามทำให้ตัวเองไม่รู้สึกเครียดจากสิ่งที่ทำให้เธอเครียดจริงๆ แต่ถึงพีเฟิลจะรู้เรื่องนี้ สิ่งที่เธอต้องการในตอนนี้มันไม่ใช่วิธีลดความเครียดของดีลูจ เพราะนั่นคือสิ่งที่ดีลูจจะคิดเพื่อจัดการปัญหาของตัวเอง เธอสามารถทำในสิ่งที่ห่างไกลจากที่พีเฟิลไม่รู้ได้
เสียงโลหะกระทบกัน เสียงกรีดร้อง และเสียงตะโกนดังมาจากด้านหลังของพวกเธอไม่ไกลนัก พวกเธอมาไกลถึงจุดนี้ได้ด้วยการทิ้งพวกพ้องเอาไว้และเดินหน้าต่อ เหมือนกับจรวดที่ปลดชิ้นส่วนเพื่อทะยานขึ้น พีเฟิลไม่สนอะไรอย่างอื่นนอกจากความเร็ว —ซึ่งมันยากที่จะเรียกว่าเป็นกลยุทธ์ที่น่าชื่นชม แต่ความเร็วมันคือสิ่งที่เธอต้องการในตอนนี้ หากพัคพั๊คกลับมายังสถานโบราณ นั่นก็จะทำให้กองกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงสมดุลครั้งใหญ่ และถ้าฝ่ายโอสไปถึงอุปกรณ์ได้ก่อนพีเฟิล ชาโดว์เกลก็จะตกอยู่ในอันตราย พีเฟิลยอมละทิ้งทุกสิ่งเพื่อไปให้ถึงอุปกรณ์เร็วกว่าใครอื่น
แต่ศัตรูนั้นยังคงเต็มไปด้วยพลังแถมขวัญกำลังใจก็สูง การพยายามเดินหน้าอย่างรวดเร็วมันจึงทำให้พวกเธอได้รับบาดเจ็บ นักรบรับจ้างและชัฟฟินต่างก็พยายามอย่างที่สุด แต่พีเฟิลก็ไม่รู้ว่าพวกเธอจะพยายามได้อีกนานแค่ไหน คำแนะนำเบื้องต้นของเธอทำให้พันธมิตรสูญเสียในระดับที่น้อยที่สุด แต่ในตอนนี้มันจะมีมากขึ้น ไม่ว่าเอซโพดำจะแข็งแกร่งแค่ไหน หากต้องสู้กับเอซโพดำคนอื่นที่ถูกล้างสมองไปแล้วก็ใช่ว่าจะไม่บาดเจ็บ ยิ่งกว่านั้น ตั้งแต่ที่ฝ่ายของเธอไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เต็มที่เพราะต้องไม่หันมองหน้าจอทีวี มันเลยเป็นการจำกัดวิธีสู้อีกด้วย
จนถึงจุดนี้แทนที่จะมีกับดักหรือกลลวงใดๆอยู่ มันกลับมีตุ๊กตาหมีวางอยู่บนพื้น มีม่านลายลูกไม้อยู่บนกำแพง มีกลิ่นผลไม้และดอกไม้พวกนี้บางทีอาจจะเป็นน้ำหอมอยู่แทน พีเฟิลพุ่งไปด้านหน้าโดยไม่คิดถึงกับดักที่อาจจะมีอยู่ เธอเชื่อว่าศัตรูจะไม่วางกับดักไว้ในเส้นทางที่พวกของตัวเอง —หรือพัคพั๊ค— ต้องเดินไปมา
ทั้งสามคนรุดหน้าต่ออย่างเร่งรีบ ทางเดินหินมันกว้างพอที่เมจิคัลเกิร์ลสามคนจะวิ่งไปแบบหน้ากระดาน แต่เมื่อคิดเรื่องสิ่งของที่ฝ่ายพัควางเอาไว้กับเรื่องวีลแชร์ของพีเฟิล มันจึงเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป พีเฟิลนำหน้า เธอทำลายหน้าจอด้วยเลเซอร์ทำลายล้างแบบอัติโนมัติ และดีลูจกับดาร์คคิวตี้ก็ตามมาจากด้านหลัง เสียงมอเตอร์ของวีลแชร์และเสียงฝีเท้าดังไปทั่วทางเดิน บางครั้งเส้นทางก็แตกแยกออกไป แต่เมื่อเทียบกับแผนผังของสถานโบราณที่อยู่ในใจที่ฮามูเอลเอามาให้เธอดู พีเฟิลก็เลือกเส้นทางที่สั้นที่สุดเพื่อไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
ทางเดินมันทอดยาวออกไปราวกับไม่มีจบสิ้น
สัญลักษณ์ที่ไม่คุ้นเคยและลวดลายต่างๆถูกเขียนขึ้นอย่างลวกๆทั่วทุกส่วนของกำแพง เพดาน และพื้นทางเดินที่แกะสลักด้วยหิน มันส่องแสงสีขาวออกมาจางๆ บางทีมันอาจจะมีพลังเวทเช่นกัน
พวกเธอเคลื่อนที่ผ่านหน้าจอทีวีขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนว่าถูกวางเอาไว้ตามรายทางในระยะห่างเท่าๆกันโดยฝีมือของผู้ที่บุกรุกเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ ที่หน้าจอนั้นมันส่องสว่างไปตามทางเดินเหมือนกับไฟถนน ยิ่งไกลออกไปเท่าไหร่มันก็ยิ่งมีหน้าจอมากขึ้น และวีลแชร์ก็ยิงออกไปด้านหน้าเป็นชุด
การยิงเลเซอร์ออกมาอย่างต่อเนื่องมันทำให้เธอเคลื่อนที่ได้ช้าลง ดีลูจจึงยิงศรน้ำแข็งเพื่อทำลายลำโพงสองตัวที่อยู่ใกล้ๆแทน
“ดีลูจ” พีเฟิลพูด “ทำแบบนั้นมันจะเสียพลังไปเร็วนะ อย่าทำอะไรมากนักเลย หากเธอคิดว่าการกินยาจะจัดการได้ล่ะก็เข้าใจผิดแล้ว”
ดีลูจไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ปากของเธอบิดงอไปพร้อมๆกับคิ้วที่ย่นเข้าหากันในตอนที่มองกลับมาหาพีเฟิล ท่าทางของเธอราวกับจะบอกว่า “แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ?”
เมื่อถึงสี่แยกพีเฟิลก็เลี้ยวไปทางขวา จากนั้นก็เลี้ยวไปทางซ้ายตรงทางสามแยก หลังจากนั้นก็มุ่งตรงไป และวิ่งเข้าหาเด็กสาวของพัคอีกหลายคน พวกนั้นขุดสนามเพลาะแล้วเข้าไปอยู่ด้านใน มีเครื่องกีดขวางที่ทำจากขยะตั้งอยู่ตรงหน้า ปากกระบอกปืนอัติโนมัติหลายกระบอกชี้มายังพวกของพีเฟิล มือของดาร์คคิวตี้ขยับอย่างรวดเร็ว แขนของเธอที่แผ่กิ่งก้านออกมามากมายนั้นขุดดินลงไปด้วยสว่านและพลั่วที่สร้างขึ้นมาจากเงา เธอทะลวงพื้นลงไปในทันที จากหินก้อนใหญ่ที่อีกฝ่ายใช้เป็นโล่ ดีลูจและดาร์คคิวตี้ —พีเฟิลและวีลแชร์— ถูกจับคอเสื้อและลากลงไปในหลุมที่ดาร์คคิวตี้เพิ่งขุดขึ้น พริบตาต่อมา กระสุนจากปืนอัติโนมัติก็ยิ่งถล่มเข้ามาหาพวกเธอ พีเฟิลก้มหัวอยู่ภายในหลุม กระสุนปืนมันเจาะทะลวงเข้าไปในหินจนทำให้เศษร่วงลงมาในหลุม
เลเซอร์ทำลายล้างจากวีลแชร์ของพีเฟิลและศรน้ำแข็งของดีลูจยิงออกมาจากฝั่งของพวกเธอ ในขณะที่ฝั่งศัตรูยิงห่ากระสุนเข้ามา ทั้งสองฝ่ายต่างก็ยิงอาวุธระยะไกลเข้าหากัน ดาร์คคิวตี้เริ่มงอนิ้ว ข้อมือ และข้อศอกในองศาที่ชวนให้สงสัยว่าเธอมีข้อต่ออยู่รึเปล่า เธอประสานพวกมันเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเสือขึ้นมาจากเงา เสือนั้นคลานไปตามพื้น ลอดผ่านใต้ห่ากระสุนและศรน้ำแข็งหายเข้าไปในเครื่องกีดขวาง มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นจากด้านหลังของเครื่องกีดขวาง เสียงปืนหายไปจากด้านในของสนามเพลาะ และเครื่องกีดขวางก็ล้มลง ดีลูจ ดาร์คคิวตี้ และพีเฟิลกระโจนออกจากสนามเพลาะเพื่อรีบออกไปอีกครั้ง
เมื่อผ่านสนามเพลาะไปแล้ว ทั้งสามคนก็มุ่งหน้าไปต่อ และเมื่อพวกเธอกำลังจะเลี้ยวขวาตรงทางแยก พีเฟิลก็หันหลับ ดาร์คคิวตี้และดีลูจเตรียมพร้อมในท่าต่อสู้ เสียงฝีเท้าที่ฟังดูสบายๆดังก้องไปตามทางเดินพร้อมกับรูปร่างสีขาวที่ปรากฏตัวขึ้น รูปร่างนั้นหลบจิ้งจอกที่ดาร์คคิวตี้ส่งเข้าไปหาได้อย่างสบายๆด้วยการใช้อาวุธที่ดูเหมือนนากินาตะฟาดลงมา ดาร์คคิวตี้ฟาดกลับไปด้วยคาตานะเงา และสโนไวท์ก็กระโดดไปตามกำแพงเพื่อหลบพร้อมกับจัดการศรน้ำแข็งของดีลูจไปในเวลาเดียวกัน ชุดเกราะสองคนตามสโนไวท์มาด้วย คนหนึ่งถือดาบส่วนอีกคนหนึ่งถือปืนใหญ่ —เบลด เบร็นด้าและแคนนอน แคทเธอรีนนั่นเอง
นี่ดูเหมือนจะเป็นจุดที่เสียเปรียบของฝ่ายพัคมากกว่าฝ่ายโอสเพราะว่ามันมีคนประจำการอยู่ที่นี่ พีเฟิลปลดการควบคุมอัติโนมัติออกจากวีลแชร์และพุ่งเข้าหานักล่าเมจิคัลเกิร์ล สโนไวท์
☆ มานา
มานาและอูรูรุเข้ามาด้านในสถานโบราณได้อย่างปลอดภัยพร้อมกับทหารไพ่แปดคนที่ตามพวกเธอมาด้วย อูรูรุยืนกรานว่าพวกเธอต้องมุ่งไปข้างหน้า ดังนั้นมานาจึงวิ่งตามเธอ เธอวิ่งและวิ่งต่อไปเรื่อยๆ แต่เมื่อเธอทำแบบนั้น ผลของยาก็เริ่มหมดฤทธิ์ และตัวของเธอก็ถูกทิ้งห่างไกลออกไปเรื่อยๆจากด้านหลังอูรูรุที่มุ่งหน้าไปโดยไม่สนใจอะไร ส่วนทหารไพ่นั้นก็วิ่งตามฝีเท้าของอูรูรุ ดังนั้นพวกเธอจึงไม่สนใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับมานา
เธอต้องเรียกให้อูรูรุหยุด ไม่งั้นเธอจะถูกทิ้งเอาไว้ด้านหลัง เธอจับเมจิคัลโฟนเอาไว้ในตอนที่กำลังวิ่งอยู่แล้วก็ปามันออกไปด้านหน้า จนโดนเข้าที่ด้านหลังหัวของอูรูรุ
อูรูรุหยุดเท้าและหันกลับมา เห็นได้ชัดเลยว่าเธอโกรธ “อะไรเนี่ย?!”
“นี่เธอเร็วเกินไปแล้วนะ ยาของชั้นหมดฤทธิ์แล้วรู้ไหม”
“บ้ารึเปล่าเนี่ย? พวกเราต้องรีบนะ!”
“นี่เรียกใครว่าบ้ากันห๊ะ? อย่ามาคิดว่าชั้นเป็นเมจิคัลเกิร์ลเหมือนพวกเธอสิ”
“งั้นอูรูรุจะวิ่งช้าลงเอง ไปกันต่อเถอะ”
“ก่อนอื่นชั้นมีอะไรอยากจะถามหน่อย”
“อะไรล่ะ? รีบๆพูดด้วย”
“นี่พวกเรามาถูกทางไหม? ชั้นรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ที่ที่อุปกรณ์ตั้งอยู่เลย” เธอหยิบเมจิคัลโฟนที่ปาออกไปขึ้นมาแล้วก็เปิดแผนที่ของสถานโบราณที่บันทึกเอาไว้ก่อนหน้านี้ เธอจำได้ว่าพวกเธอเลี้ยวขวาตรงทางสามแยกที่แรก จากนั้นเมื่อเจอสี่แยกพวกเธอก็เลี้ยวซ้าย นั่นหมายถึงในตอนนี้พวกเธออยู่ในทิศทางตรงกันข้ามกับที่อุปกรณ์ตั้งอยู่
“นี่ พวกเราเสียเรื่องหมดแล้วนะ” มานาพูด
“เสียเรื่องนี่มันยังไงน่ะ?” อูรูรุตอบ
“พูดอะไรแบบนั้น ตอนนี้พวกเราอยู่คนละทิศกับที่อุปกรณ์ตั้งอยู่เลยนะ พวกเรามาที่นี่เพื่อขัดขวางพิธีใช่ไหม แล้วการมายังจุดที่อุปกรณ์ไม่อยู่นี่มันเพื่ออะไรล่ะ?”
“ไม่เป็นไรหรอก”
“ไม่เห็นจะมีอะไรที่มันไม่เป็นไรซักอย่าง”
“ถ้าอูรูรุพูดว่าไม่เป็นไร แบบนั้นมันก็จะไม่เป็นอะไรหรอกนะ อูรูรุน่ะเป็นพี่สาวของพรีเมี่ยม ซาจิโกะ คนที่เป็นเมจิคัลเกิร์ลแห่งโชคลาภนะ แถมยังเป็นพี่สาวของโซรามิ นาคาโนะ คนที่รู้ว่าอะไรอยู่ด้านในของสิ่งที่ปิดอยู่ด้วย ดังนั้นเส้นทางที่อูรูรุเลือกมันจะไม่มีทางผิด อีกอย่างอูรูรุเองก็รู้ว่ามีอะไรอยู่ด้านในเขาวงกตแน่”
มานาตัดสินได้ว่าทุกอย่างที่อูรูรุพูดออกมานั้นมันบ้า มานาต้องไปที่อุปกรณ์ให้ได้แม้ว่าจะต้องดึงหูอีกฝ่ายไปก็ตาม แต่มานาก็ไม่ได้ทำแบบนั้น เธอแค่มองดูบันทึกเรื่องเขาวงกตของอูรูรุอย่างเงียบๆ
มันทำให้มานานึกขึ้นได้ว่าตัวของเธอเคยเป็นยังไง เมื่อเธอมองไปยังฮานะ เกโคคุโจที่ทำงานเป็นผู้ตรวจการณ์แล้วพูดกับพ่อว่า “ชั้นเองก็จะเป็นผู้ตรวจการณ์เท่ๆเหมือนกับฮานะด้วย!” และพ่อก็ดีใจมาก เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะปล่อยให้ความรู้สึกมาชี้นำ แต่เธอก็ไม่สามารถทำให้ตัวเองหยุดอูรูรุได้
“อีกอย่างนะ มองดูรอบๆสิ” อูรูรุพูด
มานามองไปรอบบริเวณ มันมีหน้าจอและลำโพงวางเอาไว้ทั่วแบบสลับไปมา และทุกๆอันก็ถูกประดับเอาไว้ด้วยวงแหวนที่ทำมาจากกระดาษโอริงามิ สายตาของเธอเริ่มมองไปยังภาพบนหน้าจอ แต่เธอรีบหันไปมองทางอื่นทันที “ไม่เห็นว่าที่นี่มันจะต่างกับที่อื่นเลย แล้วมันยังไงล่ะ?”
“มันแปลกที่ไม่ต่างใช่ไหมล่ะ? หากที่ตรงนี้มันไม่มีอะไรเลย พวกนั้นจะทิ้งหน้าจอกับลำโพงไว้ที่นี่ทำไมล่ะ จริงไหม? แบบนั้นก็ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายไม่อยากให้พวกเรามาที่นี่หรอกเหรอ?”
“ถ้ามันเป็นกลลวงหรืออะไรซักอย่างล่ะ?”
“ทำแบบนั้นไปมันก็ไม่มีความหมาย เพราะฝ่ายโอสน่ะปกป้องพื้นที่นี้เอาไว้ อีกฝ่ายเองก็รู้ว่าพวกเรามีแผนที่ ดังนั้นการใช้เรื่องนี้เป็นกลลวงในที่ไหนซักที่มันเลยไม่มีประโยชน์”
เรื่องทั้งหมดมันฟังแล้วมีเหตุผล มานาเอามือของเธอจับไว้ที่คางแล้วก็พิจารณาความมีเหตุผล แต่อูรูรุก็ขัดจังหวะด้วยการเอาบันทึกของตัวเองมาให้
“พวกเราไม่มีเวลาคิดแล้วนะ! เร็วเข้า รีบไปเร็ว!” อูรูรุคล้องแขนมานาเอาไว้ เธอวิ่งออกไปอีกครั้งโดยไม่สนการคัดค้านของมานา ทหารไพ่ก็ตามพวกเธอมา เพียงไม่นานพวกเธอก็มาถึงห้องเล็กๆ ที่นั่นมีอุปกรณ์วางเรียงรายกันเป็นแถวพร้อมกับโต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงกลาง และเมจิคัลเกิร์ลสามคนที่นั่งอยู่รอบๆก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
มานาและอูรูรุเข้าจัดการพวกเธอทันที แม้ว่าจำนวนของพวกเธอจะเหนือกว่า แต่ถึงอย่างนั้น เด็กสาวสามคนนี้ก็อ่อนแอ บางทีพวกเธออาจจะไม่ใช่นักสู้ก็ได้
“เด็กพวกนี้เก่งเรื่องจักรกลนะ” อูรูรุพูด
“เก่งเรื่องจักรกล?” มานาถาม “แล้วทำไมพวกเธอถึงไม่ไปอยู่ในจุดที่อุปกรณ์อยู่ล่ะ?”
“อูรูรุได้ยินว่าแค่เก่งเรื่องจักรกลอย่างเดียวก็ไปช่วยที่อุปกรณ์ไม่ได้หรอก… นี่ ห้องนี้มัน…”
“ห้องนี้มันทำไม?”
“บางทีภาพและเสียงอาจจะถูกส่งมาจากที่นี่ก็ได้?”
มานามองไปรอบๆอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าจอมเวทจะไม่เก่งเรื่องจักรกลเสมอไป แต่ความถนัดของเธอคือเรื่องเภสัชกรรม เธอไม่ได้มีความรู้ในเรื่องของจักรกล เพราะแบบนั้นเมื่อเธอมองดูแล้วก็บอกไม่ได้ว่าอุปกรณ์พวกนี้มันมีไว้ทำอะไร แต่มันก็ดูเหมือนอะไรบางอย่างที่สร้างปัญหา
“เธอไม่รู้เหรอ?” มานาถาม
“อูรูรุไม่รู้เรื่องแบบนั้นหรอก”
“ห่วยแตก”
“เอาอีกแล้วนะ!”
“จริงสิ ทหารไพ่บางคนเก่งเรื่องนั้นนี่ ใช่ไหม? ลองถามดูสิ” มานาแนะนำ
อูรูรุปรบมือและพูดบางอย่างกับทหารไพ่ จากนั้นก็มีข้าวหลามตัดสองสามคนเดินออกมาข้างหน้าอย่างอายๆ
☆ CQ เท็นชิฮามูเอล
การต่อสู้บริเวณด้านนอกคลี่คลายลง ชัฟฟิน II ส่วนใหญ่ที่พยายามจะเข้าไปด้านในสามารถเอาชนะศัตรูและคนที่ยังไม่พ่ายแพ้ได้ หน่วยนักรบรับจ้างที่นำโดยพีเฟิลพร้อมกับชัฟฟิน II ราวๆ 10 หรือ 20 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนทั้งหมดเข้าไปภายในสถานโบราณได้สำเร็จ แต่ชะตากรรมของพวกเธอได้เปลี่ยนไปในทิศทางอันโหดร้ายเรียบร้อยแล้ว
ในหมู่เมจิคัลเกิร์ลที่อยู่ด้านนอก คนที่ดูเหมือนว่าจะมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยกำลังมอบคำสั่ง พวกนั้นพูดอะไรที่ฟังแล้วน่ารังเกียจอย่าง “พวกเราจะเข้าไปด้านในเพื่อกำจัดผู้บุกรุก”
ทุกเรื่องที่เหลืออยู่ในตอนนี้คือคำถามที่ว่าจะหลบหนีได้ยังไง แต่ในจุดนี้มันก็คงยาก ต่อให้ยากแล้วมันก็ไม่ได้มีความหมาย แม้ว่าฮามูเอลจะหนีไปได้ แล้วตัวของเธอจะเป็นยังไงต่อกันล่ะ?
เธอไม่มีทางเลือกนอกจากต้องให้คนที่อยู่ภายในสถานโบราณทำลายพิธีก่อนพัคพั๊คจะจับตัวได้ ในสภาพที่ใกล้เคียงกับความสิ้นหวัง ฮามูเอลก็ลืมตาและมองดูที่เมจิคัลโฟน ตัวอักษรนั้นมันอ่านได้ว่า: พวกนั้นกำลังเอะอะกันยกใหญ่ พูดว่าให้ตามท่านหญิงพัคไป ปอน ตามไป มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ ปอน?
ฮามูเอลขมวดคิ้ว “ที่ว่า ‘มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ ปอน?’ นี่หมายความว่ายังไงน่ะ” เธอกระซิบกับเมจิคัลโฟน พร้อมกับระวังตัวไม่ให้ใครโดยรอบสังเกตเห็น
จากนั้นก็มีข้อความใหม่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ: เราได้ยินเสียงของอูรูรุจากทางลำโพง ปอน เธอพูดกับเมจิคัลเกิร์ลฝ่ายพัคพั๊คทุกคนว่าให้รีบออกห่างจากสถานโบราณ ปอน การมีคำสั่งแบบนี้มันหมายความว่ายังไงน่ะ ปอน?
นั่นคือในจังหวะที่ฮามูเอลรู้ว่าเสียงร้องเพลงที่ออกมาจากลำโพงกลายเป็นเสียงพึมพำ เสียงนั่นมันขาดๆหายๆ มันจึงช้ากว่าที่เธอจะรู้สึกตัว แถมเสียงยังไม่ใช่แค่เบาและขาดๆหายๆ แต่คุณภาพสัญญาณมันเหมือนกับไม่ดี คุณภาพเสียงเองก็แย่มากอีกด้วย
แต่ก่อนที่จะได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ฮามูเอลก็อุดหูของตัวเอง
นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นหรือทำไมถึงเป็นแบบนี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร ฟาลก็ถูกหลอก อีกแง่หนึ่ง สิ่งที่อูรูรุพูดออกมาคือการโกหก ไม่ว่าเธอจะยึดเอาการควบคุมลำโพงมาได้ยังไง แต่ในตอนนี้มันไม่ได้สำคัญ เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าฮามูเอลเท่านั้นที่เป็นปัญหา แม้ว่าอูรูรุต้องผ่านเรื่องต่างๆมามากก่อนที่จะพูดคำโกหกนี้ออกมาได้ แต่กองกำลังของศัตรูทั้งหมดก็มีที่อุดหู พวกนั้นจึงไม่ฟังที่เธอพูดและมันก็ทำให้การโกหกของเธอไร้ความหมาย ชัฟฟิน II ที่เพิ่งกลายเป็นมิตรก็พยายามออกห่างจากสถานโบราณและทะเลาะกับคนอื่น แต่ถ้าเรื่องทั้งหมดมีเท่านี้ แบบนั้นมันก็ไม่ได้มีอะไรมาก
ฮามูเอลเปิดเครื่องมือสื่อสาร เธอตั้งค่าให้เป้าหมายคือทุกคนที่เธอเคยเจอหน้าซึ่งรวมตัวกันอยู่ในสถานโบราณ —เมจิคัลเกิร์ลที่ปัจจุบันกำลังทำการกวาดล้าง เมจิคัลเกิร์ลทุกคนของฝ่ายโอสที่เธอเห็นในการต่อสู้ ชัฟฟิน II ทุกคนที่เธอพามา มานา พีเฟิลและลูกน้องของเธอ และสุดท้ายบางทีเลเธก็เช่นกัน— เธอขยับเครื่องมือสื่อสารเข้าไปใกล้กับลำโพง หากเธอทำให้ทุกคนได้ยินเสียงของอูรูรุได้ บางทีเธอก็อาจทำให้ฝ่ายพัคถอนตัวได้เช่นกัน
เธอขยับไปข้างหน้าทีละนิดทีละนิดดังนั้นเธอจึงไม่รู้ตัว และเมื่อเธอเข้าไปใกล้จุดหมาย มันก็มีใครบางคนเรียกเธอให้หยุด
“ทำอะไรอยู่เหรอ?”
มันเป็นเสียงที่อ่อนหวาน มากด้วยเสน่ห์ เป็นเสียงที่เธอไม่มีทางขัดขืนได้ ก่อนที่จะทันได้รู้สึกว่าอีกฝ่ายคือใคร เธอก็ขยับตัว ความรู้สึกที่รุกล้ำเข้ามาในจิตใจมันทำให้เธอรู้สึกกลัว ความปรารถนาที่อยากยอมแพ้ของตัวเองมันทำให้เธอหวาดผวาไปถึงก้นบึ้ง หากเธอยอมจำนนในตอนนี้ มันก็จะไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่อีกต่อไป
เธอกำลังจะบินออกไป แต่ก่อนที่เท้าของเธอจะลอยขึ้นจากพื้น เธอก็รู้สึกถึงแรงกระแทกอย่างรุนแรงที่หลังจนล้มตัวลง เธอเอียงใบหน้าขึ้นมาจากที่คว่ำหน้าอยู่บนพื้นเพื่อมองไปด้านหลัง มันมีหอกเสียบเข้าที่หลังของเธอ มันเป็นหอกทรงโพดำที่ชัฟฟินโพดำใช้งาน เธอมองเห็นเท้าของคนที่ก้าวเข้ามาใกล้ เท้านั้นมันช่างมีเสน่ห์และงดงามจนทำให้เธออยากจะจุมพิตเข้าไป ฮามูเอลใช้พลังทั้งหมดที่ตัวเองเหลืออยู่เพื่อเอาใบหน้าของตัวเองเข้าไปใกล้ไมโครโฟน
“เลเธแพ้แล้ว ฝ่ายพัคคุมพื้นที่ด้านนอกสถานโบราณเอาไว้ได้”
เธอกระอักเลือดใส่ไมโครโฟน หอกเสียบเข้ามาที่หลังของเธออย่างรุนแรง มันทำให้ซี่โครงแตก ทะลวงลึกเข้าไปถึงอวัยวะภายใน ฮามูเอลกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง แต่กระนั้นเธอก็ยังไม่ได้ปล่อยไมโครโฟนไป “ตอนนี้พัคพั๊ค…เข้าไปในสถานโบราณแล้ว”
ตัวของเธอถูกเตะออกไป เมจิคัลโฟนเองก็กลิ้งออกไปด้วย ภาพที่ฮามูเอลมองเห็นหมุนวน จนตัวของเธอหยุดลง เธอมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีคราม เธอไอออกมาเป็นเลือด มันไหลจากปากไปจนถึงหู เธอปรับค่าเครื่องมือสื่อสารเพราะไม่ต้องการให้เสียงของตัวเองส่งไปถึงใคร และในทันใดนั้น สติของเธอก็ค่อยๆหายไป ความรู้สึกที่เจ็บปวดจนแทบบ้าของเธอก็หายไปเช่นกัน
เหล่าเมจิคัลเกิร์ลต่างโห่ร้องด้วยความยินดี พวกเธอพูดว่า “พัคพั๊ค!” ออกมาซ้ำๆราวกับสวดมนต์จนดังก้องไปทั่วบริเวณ ริมฝีปากที่เปื้อนเลือดของฮามูเอลผ่อนคลายลงเล็กน้อย และเธอก็ยิ้มออกมา หากพวกนั้นคิดว่าชนะแล้ว นั่นก็คือความผิดพลาดอันใหญ่หลวง ฮามูเอลหลับตาลงพร้อมกับความคิดนั้นที่อยู่ในใจ
☆ ปรินเซสดีลูจ
เมจิคัลเกิร์ลสีขาวหลบการพุ่งชนของพีเฟิลได้อย่างคล่องแคล่ว และในตอนที่ทั้งคู่พุ่งสวนกันนั้น เธอก็ใช้อาวุธที่เหมือนกับนากินาตะโจมตีเข้ามาหาพีเฟิล ทั้งศรน้ำแข็งของดีลูจหรือเงาของดาร์คคิวตี้ต่างก็ไม่โดนเป้า พีเฟิลใช้มือซ้ายทุบเข้าไปที่อาวุธได้อย่างเฉียดฉิว และด้วยการทุบไม่ใช่ป้องกัน เธอจึงทำให้การโจมตีของสโนไวท์เบี่ยงออกไปด้านข้างพร้อมกับหลีกเลี่ยงบาดแผลร้ายแรงได้ แต่มือซ้ายของเธอถูกเฉือนจนขาดเป็นสองซีกยาวไปจนถึงข้อมือ แต่พีเฟิลก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา เธอแค่ไปตามทางของตัวเองด้วยวีลแชร์เท่านั้น เธอคงเตรียมใจที่จะสูญเสียมือของตัวเองเอาไว้ตั้งแต่แรกในตอนที่พุ่งเข้าไป แม้สโนไวท์จะอ่านใจได้ แต่ความสามารถของเธอก็มีข้อจำกัดที่จะตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวแบบกระทันหัน
สโนไวท์พยายามจะตามพีเฟิลไป แต่ดีลูจก็เข้ามาขวางเอาไว้ อาวุธของสโนไวท์และตรีศูลของดีลูจปะทะเข้าหากัน จากนั้นสโนไวท์ก็ก้มตัวลง ในจังหวะนั้น แคนนอน แคทเธอรีนเล็งก็ปืนใหญ่เข้ามาหาเธอ แต่ก่อนที่จะยิงออกมา สโนไวท์ก็ตะโกนว่า “อย่า!”
แต่ในตอนนี้มันหยุดไม่ได้แล้ว ดาร์คคิวตี้ส่งเชือกเงาคลานออกไปตามพื้น ขึ้นไปบนชุดเกราะของแคทเธอรีน แล้วก็พันรอบปากกระบอกปืนใหญ่เอาไว้ แต่แคทเธอรีนก็ไม่ได้รู้ตัว ในทันที่ที่เธอยิงออกมา ดาร์คคิวตี้ก็ดึงเชือก และองศาของปืนใหญ่ก็หันไปเก้าสิบองศาจนลูกปืนใหญ่ยิงเข้าหาเบลด เบร็นด้าที่อยู่ข้างๆแทน จากนั้นก็เกิดการระเบิดขึ้น และชุดเกราะสีดำสองคนก็ปลิวออกไปตามแรงระเบิด เชือกของดาร์คคิวตี้กลายเป็นงูที่เลื้อยไปบนชุดเกราะของทั้งคู่เพื่อพยายามมัดเข้าด้วยกัน จากนั้นงูก็กลายเป็นโซ่แข็งๆที่คอยตรึงพวกเธอเอาไว้ ณ จุดนั้น
ภายในม่านควันสีขาว สโนไวท์เปิดกระเป๋าที่ห้อยอยู่ตรงเอวด้วยมือซ้าย ในขณะที่มือขวาของเธอที่ถือนากินาตะก็ชี้ใบดาบมายังดีลูจ เธออยู่ห่างออกไปราวสิบเมตร แต่มันก็ไม่สามารถเรียกได้ว่าคือระยะห่างสำหรับทั้งดาร์คคิวตี้และดีลูจ มันอยู่ในระยะการโจมตีของพวกเธอ
ดาร์คคิวตี้พึมพำ “เธอมาแล้ว ชั้นฝากด้วยแล้วกัน โอเคนะ?”
“ไม่ใช่ว่าพวกเราควรสู้กับเธอด้วยกันเหรอ?”
“น่าเสียดายที่ทำไม่ได้” ดาร์คคิวตี้หันไปด้านข้างเพื่อหลบหอกของชัฟฟินที่แทงมาจากด้านหลัง เจ้าของหอกเองก็ตามมาด้วย จากนั้นก็มีชัฟฟินโพดำอีกคนและอีกคนปรากฏตัวขึ้น แต้มคือแจ็ค ควีน และคิง พวกนั้นมีแสงที่ผิดปกติอยู่ในดวงตาซึ่งบ่งบอกว่าละทิ้งฝ่ายโอสเพื่อไปทำงานให้กับฝ่ายพัคแทน
ดีลูจปรับท่ายืนเป็นหันข้างจากนั้นก็กระซิบกับดาร์คคิวตี้ “ไม่ใช่ว่าเธออยากจะสู้กับสโนไวท์หรอกเหรอ?”
“ในตอนนี้ สโนไวท์ไม่ใช่ตัวเอก”
ดีลูจเข้าใจเรื่องใจความสำคัญ “ฉันอาจ…จะฆ่าสโนไวท์ก็ได้นะ” เธอพูด
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่เป็นไรหรอก”
“แล้วแบบนั้นเธอโอเคเหรอ?”
“เพราะว่าเธอก็เป็นตัวเอกเหมือนกันยังไงล่ะ”
ดีลูจไม่ได้ตอบอะไร เธอหยิบเม็ดยาขึ้นมาแล้วก็กลืนลงไป “ลักซ์ซูรี่โหมด: ออน!”
ดีลูจพุ่งเข้าหาสโนไวท์ จากนั้นก็เหวี่ยงตรีศูลสองครั้ง แล้วก็สามครั้ง
ในเวลาเดียวกัน ดาร์คคิวตี้ใช้ธนูเงาเพื่อยิงศรเงาออกไป จากนั้นเธอก็เปลี่ยนลูกศรให้กลายเป็นเชือกขว้างและพันเอาไว้รอบก้อนหิน เธอกระชากเชือกเพื่อดึงตัวเองไปด้านหน้าในการที่หลบหอกที่แทงเข้ามาหา เมื่อชัฟฟินแทงหอกลงไปด้านล่างตรงหน้า เธอก็พุ่งตัวเข้าหาแล้วโจมตีเข้าไปอย่างรุนแรงด้วยการเตะสูงทันที ชัฟฟินที่เหลืออยู่จึงยกหอกขึ้นมาป้องกันเอาไว้ แต่พวกเธอก็รับมือกับแรงกระแทกที่เกิดขึ้นไม่ได้ ทำให้ชัฟฟินทั้งสองคนกระแทกเข้ากับผนังไปด้วยกัน จนเกิดรอยแตกกว้างแบบเป็นรูปร่างขึ้นมา
ดาร์คคิวตี้งอข้อมือขวาเป็นรูปร่างซับซ้อนเพื่อสร้างหุ่นเชิดเงาขึ้นมา ชัฟฟินแทงหอกออกไปด้านหน้าเพื่อพยายามขัดขวางเอาไว้ แต่ดาร์คคิวตี้ก็กลิ้งตัวแล้วก็วิ่งไปด้านหลัง จากนั้นทั้งสามคนจึงเงื้อหอกขึ้นเพื่อไล่ตามเธอไป
ดีลูจไม่ได้สนใจอีกฝ่าย เธอหยุดตัวแล้วก็หันกลับมาหาสโนไวท์
ดาร์คคิวตี้กับดีลูจเพิ่งเคยเจอหน้ากัน มันไม่ใช่ว่าพวกเธอผ่านการฝึกซ้อมต่อสู้ด้วยกันมามากมายหลายครั้งเหมือนกับเพียวเอเลเมนท์ หากพวกเธอต้องร่วมมือกัน นั่นก็คือการที่ต้องลงมือโดยที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน อีกด้านหนึ่ง ความรู้จักมันคุ้นกับสโนไวท์และพวกชัฟฟินก็มีเพียงน้อยนิด แต่ใช่ว่าสโนไวท์จะสามารถอ่านใจได้เพียงแค่ฝ่ายศัตรู พวกเดียวกันเธอก็สามารถอ่านใจได้เช่นกัน ดีลูจได้เห็นเธอร่วมมือกับเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นที่เพิ่งพบหน้าได้โดยที่ไม่ต้องอธิบายออกมา
ดังนั้นการแยกสิ่งต่างๆออกที่นี่คือดีที่สุด
ก่อนที่ดีลูจจะแทงเข้าไป สโนไวท์ก็ถอยหลัง หากจิตใจของดีลูจโดนอ่าน แบบนั้นเธอก็ต้องสู้ในวิธีที่ถึงจะโดนอ่านใจไปก็ไม่มีปัญหา
ดีลูจไม่ได้รู้สึกว่าตัวของเธอทิ้งความลังเลไปจนหมด เธอยังคงรู้สึกลังเลอยู่ เมื่อเธอยังคงหวังพึ่งแคนดี้ของบลูเบล —ลาพิส ลาซูไลน์— เธอก็จะไม่รู้สึกหวั่นไหวกับเรื่องใดๆเลย เธอรู้สึกพึงพอใจที่จะใส่ความโกรธและความเศร้าลงไปพร้อมกับการเหวี่ยงตรีศูล ไม่ว่ามันจะทรมาณและเจ็บปวดมากแค่ไหน เธอก็ยังสามารถกวัดแกว่งอาวุธเพื่อค้นหาความเป็นไปได้ในการหลุดพ้นอยู่
เธอเหวี่ยงตรีศูลของตัวเองอย่างไร้เหตุผลไม่ได้อีกแล้ว เธอรู้ว่าตัวเองคิดถึงเรื่องของศัตรูที่อยู่ตรงหน้า เธอรู้ว่าตัวเองคิดถึงเรื่องของคนที่ตายด้วยมือของเธอ เธออดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมตัวเองถึงทำเรื่องแบบนี้ ทำไมถึงไม่คิดถึงเรื่องหนทางอื่น บางทีการโดนควบคุมโดยใครซักคนอาจจะดีกว่าก็ได้ หากเป็นแบบนั้นมันก็ไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องตัวเอง ไม่จำเป็นต้องตัดสินใจเพื่อให้รู้สึกทุกข์ทรมาณอีก แต่เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง เธอไม่รู้ว่าสิ่งถูกต้องที่ควรทำคืออะไรอีกแล้ว
จิตใจของดีลูจกำลังปั่นป่วน เธอคิดอะไรอย่างตรงไปตรงมาไม่ได้ เธอไม่รู้ตัวเองควรเดินไปยังเส้นทางไหน เธอไม่รู้เลย
สโนไวท์ยืนอยู่ตรงหน้า เธอนั้นแข็งแกร่งและเป็นคนที่ถูกเรียกว่านักล่าเมจิคัลเกิร์ล ดวงตาของเธอจับจ้องมาที่ดีลูจพร้อมกับชี้อาวุธเข้าหา เธอไม่ได้ลังเลหรือหวั่นไหวเหมือนกับดีลูจ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมปรินเซสอินเฟอร์โนถึงขอให้สโนไวท์ล่าเมจิคัลเกิร์ลที่ไม่ดี
ดีลูจกัดริมฝีปากตัวเอง
แม้ว่าสโนไวท์จะสัญญากับอินเฟอร์โนเอาไว้ แต่ในตอนนี้สโนไวท์กลับอยู่ฝ่ายเมจิคัลเกิร์ลที่ไม่ดี นอกเหนือจากความกังวลของดีลูจแล้ว นี่คือเรื่องที่เธอยอมรับไม่ได้ เธอนึกภาพของอินเฟอร์โนขึ้นมาในใจ เธอเป็นคนที่ร่าเริงอยู่เสมอ คอยฉุดพวกเธอทุกคนที่อยู่ด้านหลังในตอนที่ตัวเองวิ่งไปด้านหน้า ตัวของเธอเต็มไปด้วยพลังและไม่เคยแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็น จนกระทั่งวาระสุดท้ายที่เธอมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า ในตอนนี้ดีลูจรู้ว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับเรื่องที่ยากลำบาก ไม่ใช่เธอทะนงตัวว่าอยากให้ตัวเองดูแข็งแกร่งขึ้น แต่มันมาจากความปรารถนาที่จะกดความกลัวของตัวเองเอาไว้ไม่ให้ผู้คนที่ถูกทิ้งข้างหลังได้เห็น เพราะเกรงว่าจะทำให้พวกเธออ่อนแอลง
อินเฟอร์โนถูกฆ่าตาย เท็มเพรส เควคเองก็เช่นกัน —ทุกคนถูกฆ่าตายจนหมด แม้กระทั่งปริซึม เชอร์รี่— คนที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาทุกคน แต่เธอก็ยังคงกลับมาช่วยทุกคนเอาไว้ สู้กับเมจิคัลเกิร์ลที่ทรงพลังโดยไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว จนสุดท้ายเธอเองก็ถูกฆ่าตาย มันไม่มีเหตุผลที่เพียวเอเลเมนท์ต้องมาตายเลยด้วยซ้ำ “เพราะว่าพวกเธอเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งของดินแดนเวทมนตร์” นั้นไม่นับ หากเป็นเช่นนั้น ดินแดนเวทมนตร์ก็สมควรที่จะหายไป
ดีลูจตะโกนออกมา เธอแทงออกมาสามครั้งติดกัน ฟาดต่ำลงมา เตะไปด้านหน้าพร้อมกับยิงศรน้ำแข็ง และสโนไวท์ก็หลบมันได้ทั้งหมด เธออ่านใจของดีลูจ หากเป็นแบบนั้น —ดีลูจคว้าเอายามาหนึ่งกำมือแล้วก็กลืนมันลงไปทั้งหมด
“ลักซ์ซูรี่โหมด: เบิร์ส!”
เปลวเพลิงลุกโชติช่วงออกมาจากส่วนลึกภายในตัวจนกระจายไปทั่วร่าง สิ่งที่อยู่ใจ ความคิดหรือความรู้สึก มันลดน้อยลงไป และเรื่องร่างกายที่เรียกร้องว่า “ต้องเคลื่อนไหว! ต้องเคลื่อนไหวมากกว่านี้!” ก็เข้ามาแทนที่
ดีลูจรู้เรื่องจุดอ่อนของสโนไวท์ ในตอนที่พวกเธอสู้กับเอซโพดำ ความสามารถทางกายภาพมันต่างกันมากเกินไปสำหรับสโนไวท์ที่จะตามทัน แม้ว่าเธอจะสามารถอ่านใจได้ แต่เธอก็ไม่สามารถหลบการโจมตีได้ เมื่อดีลูจใช้ลักซ์ซูรี่โหมด:เบิร์ส ความสามารถทางกายภาพของเธอจะเทียบเท่าได้กับเอซโพดำ การเคลื่อนไหวของสโนไวท์หยุดลงอย่างง่ายดาย ในตอนนี้เธอระมัดระวังและปัดการโจมตีของดีลูจที่แทงเข้าไปแต่ละครั้งออกไปด้านข้างอย่างสิ้นหวัง
นั่นไม่ใช่จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของสโนไวท์ ดีลูจรู้ว่าเธอมีปัญหาตอนสู้กับเงาของดาร์คคิวตี้ สโนไวท์แพ้ทางการโจมตีแบบอัติโนมัติและสิ่งที่ไม่ได้มีหัวใจ ซึ่งมันก็สมเหตุสมผลเพราะพวกมันไม่มีหัวใจให้อ่าน ดีลูจสร้างศรน้ำแข็งขึ้นและให้พวกมันหมุนอยู่รอบตัว หากเธอเล็งเพื่อที่จะยิงออกไป หัวใจของเธอก็จะถูกอ่าน การทำให้พวกมันเคลื่อนที่แบบอัติโนมัติแบบง่ายๆจะทำให้สโนไวท์ลำบากมากขึ้น
ดีลูจแทงออกไปแล้วก็ทุบอย่างรุนแรง สโนไวท์ไม่ได้พยายามเอาอาวุธของเธอเข้าปะทะกับตรีศูล เธอก้ม กระโดดขึ้นจากพื้นไปยังกำแพง ดีลูจยิงศรน้ำแข็งออกไปยังจุดที่คิดว่าสโนไวท์จะลงมาแล้วแช่แข็งเอาไว้ แต่สโนไวท์ก็เตะเข้าที่กำแพงอีกฝั่งแล้วโจมตีเข้ามาที่ดีลูจแทน ดีลูจถอยหลังเพื่อหลบและเกร็งขาเอาไว้ ตอนนี้มันได้เวลาที่จะดันไปด้านหน้าแล้ว
เมื่อดีลูจพุ่งไปด้านหน้าเพื่อแทงต่อเนื่องสามครั้งพร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจากลักซ์ซูรี่โหมด:เบิร์สจากด้านหลัง ทุกอย่างที่สโนไวท์ทำได้ก็คือป้องกัน เธอเลี่ยงการโจมตีครั้งแรก หลบการโจมตีครั้งที่สอง แล้วก็ป้องกันการโจมตีครั้งที่สามไว้ด้วยอาวุธของตัวเอง และเมื่อเธอพยายามจะก้าวถอยหลังอีกครั้ง เธอก็เสียสมดุล —เพราะอาวุธของเธอไม่ได้ขยับไปด้วย ดีลูจเล็งจังหวะที่ตรีศูลและรูลเลอร์เข้าปะทะกันในการลดอุณหภูมิของปลายตรีศูลลงต่ำ ใบดาบถูกแช่แข็งติดอยู่กับรูลเลอร์ และด้วยกำลังแขนของดีลูจที่ค้ำเอาไว้ อาวุธจึงดึงกลับไปไม่ได้
ดีลูจกำด้ามของตรีศูลเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นก็กระชากกลับด้วยแรงทั้งหมดที่มี สโนไวท์ปล่อยอาวุธของเธอออกจากมือเพราะสู้แรงไม่ได้ และถอยกลับหลังโดยที่ไม่มีมัน เธอพยายามดึงเอาถังดับเพลิงออกมาจากกระเป๋า แต่ดีลูจก็คิดเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เธอเข้าประชิดในพริบตาเดียวแล้วก็เตะถังดับเพลิงทิ้ง ทำให้ถังดับเพลิงขนาดใหญ่กลิ้งออกไปพร้อมกับเสียงดังก้อง ดีลูจเพิ่มอุณหภูมิที่ใบดาบของตรีศูลแล้วก็เหวี่ยงมันเพื่อทำให้อาวุธของสโนไวท์หลุดออกไป มันก็ส่งเสียงดังออกมาเช่นกัน มันกลิ้งออกไปในทิศทางตรงกันข้ามกับถังดับเพลิง
สโนไวท์สอดมือเข้าไปในกระเป๋าเพื่อดึงอะไรบางอย่างออกมา แต่ไม่ว่าเธอพยายามจะเอาอะไรออกมา ดีลูจก็เคลื่อนไหวได้เร็วกว่า
เธอไม่ได้อยากสู้กับสโนไวท์ แต่ในตอนนี้เธอจะคิดเรื่องนั้นไม่ได้ เธอคิดถึงเพียวเอเลเมนท์ เมื่อคิดถึงพวกเธอ ดีลูจก็สามารถทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้นได้ เธอสามารถทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำได้มาก่อน หากจิตใจของเธอหันมามองเหล่าเด็กสาวที่ตายไปอย่างไร้เหตุผล มันก็ไม่มีอะไรที่ดีลูจทำไม่ได้ แม้กระทั่งดาร์คคิวตี้ยังพูดว่า —ดีลูจก็คือตัวเอก
ปรินเซสดีลูจเหวี่ยงตรีศูลของตัวเองขึ้น และในเวลาเดียวกัน สโนไวท์ก็ดึงบางอย่างออกมาจากกระเป๋า ดีลูจที่กำลังจะพุ่งตัวเข้าไปหากลับหยุดลงในทันที สโนไวท์เอาดาบโค้งที่คุ้นเคยออกมา มันคือดาบโค้งของอินเฟอร์โนที่เธอใช้ในการฝึกซ้อมต่อสู้และใช้สู้กับพวกดิสรัปเตอร์
แต่ดีลูจก็ยังคงพุ่งเข้าไปหา เธอเหวี่ยงตรีศูลลงมา คว้านเข้าไปในไหล่ของสโนไวท์ที่พยายามบิดตัวหนี แต่ในตอนนั้นสโนไวท์ก็แทงเข้ามาลึกจากด้านข้างของดีลูจ ตัวของดีลูจโอนเอน เธอพยายามเกร็งขาเพื่อให้ยืนอยู่ได้ สโนไวท์ที่ฟื้นจากแรงที่โดนเข้าไปที่ไหล่ก็เหวี่ยงดาบโค้งลงมา และมันก็หั่นลึกเข้าในหน้าอกของดีลูจ
ดีลูจรู้สึกว่าตัวของเธอกำลังถูกเผา เธอทิ้งตรีศูลลง มือขวาของเธอขยับไปมาอยู่ในอากาศ เมื่อเธอเสียสมดุลจนล้มลง สโนไวท์ก็โจมตีเข้ามาอีกครั้ง ในคราวนี้คือที่แผ่นหลัง ขาของเธอพันกันในตอนที่ล้มลง มือของเธอจิกลงไปที่พื้น แต่ทุกสิ่งที่เธอคว้าได้มันคือของเหลว —มันคือเลือดของเธอเอง ภาพที่เธอมองเห็นหมุนขึ้นลงจากนั้นก็เริ่มมืด ในภาพสลัวนั้น เธอก็มองเห็นบลูเบล แคนดี้ ฉันควรจะเลือกได้ว่าภาพสุดท้ายที่ตัวเองมองเห็นคืออะไรได้สิ เธอคิดเรื่องนั้นขึ้นมาอย่างน่าประหลาดในตอนที่สติของตัวเองจมดิ่งสู่ความมืดมิด
MANGA DISCUSSION