รูปแบบของเมจิคัลเกิร์ล
เรื่องราวมันเกิดขึ้นในแชทของเมจิคัลเกิร์ล
“ฉันวาดรูปเมจิคัลเกิร์ลมาตลอดเลยค่ะ” สโนไวท์พูด “เพราะแบบนั้นฉันถึงได้ดีใจมากที่ตัวเองได้เป็นเข้าจริงๆ”
“สโนไวท์นี่คลั่งไคล้เรื่องของเมจิคัลเกิร์ลมากเลยสินะคะ?” ซิสเตอร์นานะพูด
“ตอนเด็กๆฉันไม่ได้ดูอะไรอย่างอื่นนอกจากอนิเมของเมจิคัลเกิร์ลเลยค่ะ ฉันโตมากับมัน แถมยังเช่าดีวีดีอนิเมสมัยก่อน ฝึกฝนเรื่องคำพูดที่ดังๆแล้วทุกๆอย่างอีกด้วยค่ะ”
“อนิเมเมจิคัลเกิร์ลสมัยก่อน? อย่าง มิโกะจัง เหรอ?”
“ไม่ใช่ค่ะ คิวตี้ฮีลเลอร์ รุ่นแรกต่างหาก”
“อ๊ะ จริงสิ เด็กรุ่นใหม่คิดว่ามันเป็นอนิเมสมัยก่อนแล้วสินะ…”
“ฉันจำท่าโพสพิเศษและคำพูดจากทุกฉากได้เลยล่ะค่ะ!”
“อื้อ ฉันเองก็เหมือนกัน” ลาพูเซลพูดเสริม “แล้วก็ท่าไม้ตายพิเศษทุกท่าของคิวตี้ฮีลเลอร์ด้วย”
“ลาพูเซลก็ด้วยเหรอ?” สโนไวท์พูด
“อย่างท่าโจมตีของคิวตี้แอร์โรว์กับคิวตี้สเปียร์… พอนึกกลับไปตอนนั้น ฉันฝึกท่าตอนที่ดูทีวีด้วยล่ะ”
“ฉันเป็นพวกที่จำเรื่องคำพูดได้มากกว่าการเคลื่อนไหวน่ะ”
“คิวตี้ฮีลเลอร์นี่ก็มีคำพูดเท่ๆเหมือนกันนะคะ” ซิสเตอร์นานะเห็นด้วย
“ใช่ค่ะ ใช่ ใช่แล้วล่ะ!” สโนไวท์พูดออกมาแบบไม่หยุด “ตอนที่ตัวร้ายก่อปัญหา เธอก็จะปรากฏตัวออกมาพร้อมกับเสียง ปัง แล้วก็ทำท่าโพสแบบนี้ค่ะ จากนั้นก็ตามด้วยคำพูดที่ว่า… ‘ไวท์ฮีลเลอร์ผู้ปกป้องความบริสุทธิ์ คิวตี้เพิร์ล! แบล็คฮีลเลอร์ผู้ปกป้องความหลงใหล คิวตี้โอนิกซ์! เจ้าตุ๊กตาแสนน่าเศร้าผู้มีหัวใจที่แตกสลายเอ๋ย พวกเราจะรักษาวิญญาณให้เอง!’ ”
“โห ว้าว สโนไวท์” ลาพูเซลพูด “เธอที่สุดยอดเลย!”
“ใช่แล้วล่ะค่ะ มันเป็นแบบนั้นเลย” ซิสเตอร์นานะพูด “ดิฉันประทับใจมากเลยค่ะที่จำได้”
“แหะ แหะ แหะ ฉันฝึกมาเยอะมากเลยค่ะ แถมฉันเองก็ยังจำ คิวตี้ฮีลเลอร์สไตรป์! ได้ด้วย ‘สีดำและขาวที่ผสมผสานกัน ผู้วิ่งข้ามผ่านซาวันน่า คิวตี้ซีบร้า! สีดำและขาวที่รวมเข้าด้วยกัน ผู้ปกครองป่าไผ่ คิวตี้แพนด้า! สีดำและขาว ผู้ผจญภัยข้ามผ่านท้องทะเลอันยิ่งใหญ่ คิวตี้ออร์ก้า! สีดำและขาว ผู้ลื่นไถลไปตามผืนน้ำแข็ง คิวตี้เพนกวิน! สีดำและขาวคือความชอบธรรม ทั้งคู่เป็นความงดงาม! พวกเราจะไม่ยอมให้เลือกแค่สีไหนสีเดียวหรอก!’ ”
“หวา!” ลาพูเซลประทับใจ “นั่นเป็นเวอร์ชั่นหลังที่มีนักรบทุกคนด้วยใช่ไหมน่ะ?”
“ดิฉันประทับใจจังค่ะที่จำท่าโพสเฉพาะของแต่ละคนได้ทั้งหมดเลย” ซิสเตอร์นานะพูด
“แล้วฉันก็รู้ว่า คิวตี้ฮีลเลอร์กาแล็คซี่ เป็นหนึ่งในภาคโปรดของลาพูเซลด้วยนะ”
“เอ่อ ฉันก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าจะเรียกเป็นภาคโปรดได้รึเปล่า…”
“เอาน่า มาทำด้วยกันเถอะ!”
“หือ…? คงไม่มีทางเลือกสินะ โอเค…อะแฮ่ม ‘ช่างโง่เขลานัก คิวตี้ฮีลเลอร์ การดิ้นรนของพวกเจ้ามีแต่จะทำให้สเปซ เคออสรู้สึกดีเท่านั้น…’ ”
“เดี๋ยวสิ ไม่นะ ลาพูเซล! นั่นมันดาร์คคิวตี้นะ!”
“หือ? ก็ใช่ไง”
“ถ้าพวกเราจะทำท่าโพสด้วยกัน มันก็เห็นชัดว่าต้องหมายถึงคิวตี้เวก้ากับคิวตี้อัลแตร์สิ”
“นั่นไม่ได้เห็นชัดอะไรเลยนะ… แล้วฉันก็ชอบดาร์คคิวตี้มากกว่าด้วย”
“มันแปลกนะที่ตัวเองเป็นอัศวินแห่งความยุติธรรมแต่กลับชอบตัวร้าย”
“ก็มันเป็นเรื่องแต่งนี่นา แบบนั้นถ้าฉันอยากจะชอบตัวร้ายก็ไม่ได้เหรอ?”
“ดิฉันเข้าใจนะคะ” ซิสเตอร์นานะพูดแทรก
“หือ เข้าใจงั้นเหรอคะ ซิสเตอร์นานะ?” สโนไวท์ถาม
“รู้จัก หัวขโมยกับเจ้าหญิง ที่เป็นอนิเมสมัยก่อนไหมคะ?”
“รู้จักค่ะ” สโนไวท์ตอบ “นานมาแล้วฉันเคยดูมาครั้งนึงตอนช่วงอนิเมพิเศษสำหรับเด็กในฤดูร้อน หัวขโมยลักพาตัวเจ้าหญิงไป จากนั้นทั้งคู่ก็ใกล้ชิดกันมากขึ้นตอนที่อาศัยอยู่ด้วยกัน เรื่องราวมันเป็นแบบนั้นใช่ไหมคะ?”
“ฉันเองก็จำได้นะ!” ลาพูเซลพูด “เจ้าหญิงน่ารักมากเลย!”
“ใช้ชีวิตอยู่อย่างจริงจังโดยไม่ก่อให้เกิดบาป บางครั้งดิฉันเองก็คิดว่า… อยากโดนใครบางคนลักพาตัวไปบ้างจัง”
“ดะ—เดี๋ยวก่อนสิ ซิสเตอร์นานะ” ลาพูเซลพูด “นั่นมันคนละเรื่องกันแล้วนะ”
“ขอโทษจ้ะ พอดีได้ยินเรื่องที่สโนไวท์พูดแล้ว ก็เกิดรู้สึกสงสัยบางอย่างน่ะ”
“หือ อะไรเหรอ?”
“คำพูดและท่าโพส คิวตี้ฮีลเลอร์ ของเธอมันยอดเยี่ยมมากนะ แต่ถ้าเป็นแฟนของเมจิคัลเกิร์ลแล้วล่ะก็… เธอคงคิดท่าโพสและคำพูดขึ้นมาเองแล้วใช้เป็นการส่วนตัวด้วยสินะ?”
“หือ? ค่ะ… จริงๆแล้วมันก็…”
“มีงั้นเหรอเนี่ย?” ลาพูเซลพูด “แบบนั้นก็ทำให้พวกเราดูสิ ฉันอยากเห็นนะ”
“ไม่เอาสิ ลาพูเซล มันน่าอายจะตาย”
“แต่เธอเป็นเมจิคัลเกริร์ลจริงๆแล้วนะ ดังนั้นก็ไม่เห็นมีอะไรต้องอายเลย”
“ใช่ค่ะ” ซิสเตอร์นานะเห็นด้วย “ดิฉันเองก็อยากเห็นท่าโพสของสโนไวท์เหมือนกัน”
“ซิสเตอร์นานะก็ด้วย…? โอเคค่ะ งั้นก็…อะแฮ่ม เพื่อรัก! เพื่อมิตรภาพ! เพื่อโลกใบนี้! ทุกที่ทุกเวลา ฉันจะแก้ปัญหาให้เอง! เมจิคัลเกิร์ลที่ตอบรับทุกคำขอ สโนไวท์!”
“โอ้โห”
“ท่าทางการโพสยอดมากเลยค่ะ”
“ชั้นชอบนะ”
“การเคลื่อนไหวมันดูซับซ้อนจัง แต่เธอก็ทำได้ไหลลื่นมากเลย” ลาพูเซลพูด
“ก็คงเพราะ…ฉันฝึกมามากน่ะค่ะ นี่ ลาพูเซล อย่าปล่อยให้ฉันทำอยู่คนเดียว เธอก็ทำด้วยสิ”
“แต่ฉันไม่ได้คิดเรื่องคำพูดหรือท่าโพสไว้เลยนะ”
“งืออ แบบนี้ไม่สนุกเลย”
“งั้นเหรอ…” ซิสเตอร์นานะพูด “แบบนั้นตอนนี้พวกเรามาลองคิดกันดูไหม?”
“ความคิดดีมากเลยค่ะ!” สโนไวท์พูด
“ไม่เอาน่า ทุกคนไม่เห็นต้องฝืนเลย…”
“นี่ไม่ได้ฝืนนะคะ” ซิสเตอร์นานะพูด “หากพวกเราระดมสมองกัน ดิฉันแน่ใจเลยค่ะว่าพวกเราต้องได้ความคิดดีๆออกมาแน่ ตัวอย่างเช่น วินเตอร์พริซั่น คุณจะทำท่าโพสแบบไหนเหรอคะ?”
“หือ?” วินเตอร์พริซั่นพูด
“ขอร้องนะคะ ช่วยลองทำหน่อย”
“อะ—โอเค… เอ่อ หืมม… ถ้าเป็นแบบนั้น ชั้นจะวางเท้าไว้แบบนี้ หมุนแขนไปรอบๆแล้วก็… แปลงงงง…ร่าง! ย่ะห์!”
“นั่น…ดูไม่เหมือนเมจิคัลเกิร์ลเท่าไหร่เลยค่ะ” ซิสเตอร์นานะพูด
“อื้อ ดูเหมือนโทคุซัตสึที่ฉายในทีวีมากกว่านะ” ลาพูเซลพูด
“ขอโทษ…”
“อ๊ะ ไม่ค่ะ…อย่าขอโทษเลย” ซิสเตอร์นานะพูด
“ใช่แล้วล่ะค่ะ!” สโนไวท์เห็นด้วย “มาระดมสมองไปด้วยกันดีกว่า!”
หลังจากนั้นเมจิคัลเกิร์ลสี่คนก็คุยกันต่อเป็นเวลานาน โดยส่วนตัวแล้ว ลาพูเซลรู้สึกขอบคุณเพื่อนเมจิคัลเกิร์ลที่ช่วยคิดท่าโพสของเธออย่างจริงจัง
สโนไวท์เค้นสมองรวบรวมความรู้ทั้งหมดของเธอเรื่องอนิเมเมจิคัลเกิร์ลทั้งเก่าและใหม่ “คำพูดจาก ช่วยฉันที! ฮิโยโกะจัง! ก็ดีนะคะ เพราะว่ามันตรงกันข้ามกับตัวของเธอตามปกติที่เป็นเด็กขี้แยด้วย แล้วปกติลาพูเซลเอาแต่ร้องไห้รึเปล่า?”
ซิสเตอร์นานะเองก็มีข้อเสนอโดยการสมมติผ่านตัวละครในเรื่องเล่าของเธอ “คำสาปของมังกรนั้นจะค่อยๆทำให้ตัวเองแปรเปลี่ยนเป็นมังกร บางครั้งบางคราวมันก็จะเริ่มส่งผลกับภายในจิตใจ จนสูญเสียความเป็นตัวเอง สิ้นหวัง และร่วงหล่นสู่ความมืดมิด… ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องดีเหรอ?”
ส่วนวินเตอร์พริซั่นมากับแผนแบบธรรมดาๆ “มาขยับร่างกายอย่างจริงจังเพื่อสร้างภาพการเคลื่อนไหวที่น่าตื่นเต้นกันดีกว่า เพื่อการนั้น ก่อนอื่นก็ต้องฝึกฝนร่างกายเพื่อให้แบกรับการเคลื่อนไหวที่รุนแรงให้ได้ก่อน ชั้นคิดว่าการฝึกฝนเรื่องนั้นไปพร้อมกับฝึกฝนเพื่อปกป้องคนที่ตัวเองรัก มันก็จะเท่ากับการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย”
พวกเธอถกเถียงและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหลายเรื่องกันอย่างดุเดือด บางครั้งมันก็มีการออกนอกเรื่องไปบ้าง อย่างเช่นเมื่อทามะปรากฎตัวขึ้นในห้องแชท เธอรู้สึกกลัวและออกจากห้องไปทันที แต่สุดท้ายแล้วพวกเธอก็ได้คำพูดที่ฟังดูวิเศษซึ่งทำให้ทุกคนพึงพอใจออกมา
“ฉันออกมา! พร้อมชูดาบขึ้น!” เธอใช้อวาตาร์ของตัวเองห้องแชท เพราะแบบนั้นมันจึงไม่ใช่แค่เรื่องแขนขาที่สั้น แต่ก็ยังคงมีเรื่องการเคลื่อนไหวที่จำกัดอีกด้วย ลาพูเซลออกท่าทางอย่างงดงามพร้อมกับชูดาบขึ้น “อัศวินเวทมนตร์ ลาพูเซลอยู่ที่นี่แล้ว! เจ้าปีศาจผู้สูบเลือดและกลืนกินมนุษย์เอ๋ย จงรับดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งการพิพากษาไปซะ!”
เธอชูดาบของตัวเองขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว จากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมา ภายในห้องแชทก็เต็มไปด้วยเสียงปรบมือ
“เท่จัง!”
“อื้อ ชั้นชอบนะ”
“ยอดเลยค่ะ”
“ทุกคน ขอบคุณมากนะ จริงๆแล้วฉันดีใจมากเลยล่ะ”
ลาพูเซลขอบคุณทุกคนอีกครั้งแล้วก็ออกจากห้องแชทไป จากนั้นสโนไวท์ที่เป็นคู่หูก็ตามไป แต่เรื่องราวก็ไม่ได้จบลงที่ตรงนี้
***************************************************
การสนทนาของเมจิคัลเกิร์ลในแชทจะถูกบันทึกเอาไว้ ด้วยเหตุนั้นเมจิคัลเกิร์ลหลายคนจึงได้ดูมันในตอนเย็น บทสนทนามันทิ้งความประทับใจให้แก่ทุกคน ใครก็ตามที่เล่น เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค จนมาถึงจุดที่ตัวเองกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลก็คือคนที่ทุ่มเทกับวัฒนธรรมของเมจิคัลเกิร์ลไปมาก พวกเธออยากแต่งกายงดงาม มีท่าโพสเท่ๆ มีคำพูดเจ๋งๆเหมือนกับเมจิคัลเกิร์ลที่ตัวเองเคารพ และตั้งหน้าตั้งตารอคอยดูทีวีทุกสัปดาห์ เด็กสาวทุกคนที่ได้ดูบันทึกสนทนาล้วนแต่เชื่อในเรื่องนี้อย่างจริงจัง
☆ลาพูเซล
ทุกคนรวมหัวกันคิดคำพูดและท่าโพสสำหรับลาพูเซลขึ้นมา จากความเห็นส่วนตัวแบบไม่อคติแล้ว ลาพูเซลคิดว่าพวกเธอคิดออกมาได้ดีมาก ราวกับว่ามันออกมาจากเหล่าเมจิคัลเกิร์ลในอนิเมเลย
แต่เธอก็มีความรู้สึกว่ามันหนักไปในทางของนางเอกผู้เป็นนักต่อสู้มากเกินไป หากเธอทำมันแค่คนเดียวก็ไม่เป็นปัญหาอะไร ลาพูเซลคืออัศวินและอัศวินก็ต้องต่อสู้อยู่แล้ว ปัญหามันก็คือว่าเมื่อเธอทำมันพร้อมกับสโนไวท์ ท่าโพสและคำพูดของพวกเธอจะแตกต่างกันมาก แถมยังดูไม่เข้ากันอีกด้วย สโนไวท์ดูสุภาพและอ่อนโยน ในขณะที่ลาพูเซลนั้นดูเฉียบคมและมีชีวิตชีวา แบบนี้มันไม่เข้ากันเลย เธอบอกกับสโนไวท์ไม่ได้ว่าต้องเปลี่ยนท่าของตัวเองเพื่อให้เข้ากับลาพูเซล ดังนั้นลาพูเซลจึงต้องมีท่าโพสและคำพูดที่เข้ากับเธอแทน
ลาพูเซลจะไม่ทิ้งท่าโพสและคำพูดนี้ไปเมื่อพวกเธออยู่ด้วยกัน ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจว่าจะต้องมีสองรูปแบบ และใช้รูปแบบใดแบบหนึ่งตามสถานการณ์ เธอจะใช้ทั้งสองรูปแบบโดยใช้รูปแบบหนึ่งในฉากชีวิตประจำวันและอีกแบบในฉากต่อสู้
“เอ่อ โคยูกิจะอยู่ตรงนี้ แบบนั้นฉันก็…จะอยู่ตรงนี้? ส่วนดาบนี่จะยกมันขึ้นก่อนหรือหลังดีนะ… เพราะมันก็อันตรายด้วยสิ งั้นก็จับด้านตรงข้ามแล้วถือเอาไว้ในมือข้างนี้… มันก็ได้สมดุลย์… ถ้าพวกเราควรยืน กะ—ใกล้ชิดกันกว่านี้จะดีไหมนะ? ไม่สิ จริงๆนั่นเป็นอะไรที่ ใกล้ มากเลย… ใช่ว่าฉันจะคิดอะไรแอบแฝงซักหน่อย!”
หลังจากที่ใช้เวลาคิดอยู่ทั้งคืน โซตะ คิชิบะก็หลับในชั่วโมงคณิตศาสตร์ของวันต่อมา จนได้มีประสบการณ์อันน่าอับอายอย่างการต้องออกไปยืนที่ทางเดิน แม้ว่าจะอยู่ชั้นมัธยมต้นแล้วก็ตาม
☆ซิสเตอร์นานะ
“แชทเมื่อวานนี่สนุกจังเลย ว่าไหมคะ?” ซิสเตอร์นานะถาม
“อื้อ” วินเตอร์พริซั่นเห็นด้วย
“แล้วหลังจากนั้นนะคะ พวกเราก็ไปที่ร้านเช่าวีดีโอแล้วก็เช่า หัวขโมยกับเจ้าหญิง มาด้วย มันสนุกมากเลยค่ะ”
“ชั้นเองก็ไม่ได้ดูมาตั้งนานแล้วด้วย มันต่างกับที่จำได้เยอะเลย ตอนเด็กๆชั้นกลัวหัวขโมยมากนะ แต่พอมาดูเอาตอนนี้ เขาเองก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร”
“แล้ววินเตอร์พริซั่นก็จะลักพาตัวดิฉันแบบนั้นเหมือนกันใช่ไหมคะ?”
“เอ่อ ก็ ชั้นน่ะ… อ๊ะ เรื่องลาพูเซลน่ะ ดีจังที่พวกเราคิดท่าโพสแล้วก็คำพูดขึ้นมาใหม่สำหรับเธอได้ ว่าไหม?”
“ค่ะ จริงๆแล้ว… พอดิฉันมองดูเธอก็รู้สึกอิจฉาเหมือนกัน”
“ยังไงเหรอ?”
“ดิฉันหมายถึง ก็พวกเราไม่มีท่าโพสหรือคำพูดเลยนี่คะ?”
“ชั้นว่าพวกเราไม่จำเป็นต้องมีนะ”
“ช่วยอย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะ มันทำให้ดิฉันเศร้า”
“เศร้าเหรอ? ทำไมล่ะ? ชั้นไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอเศร้านะ ซิสเตอร์นานะ”
“ดิฉันรู้ค่ะ วินเตอร์พริซั่น แต่อย่างน้อยคุณช่วยคิดให้ดิฉันได้รึเปล่าคะ?”
“เอาล่ะ แบบนี้เป็นไง? ‘ชั้นคือวินเตอร์พริซั่น ผู้ปกป้ององค์เหนือหัว เธอนี่น่ารักเสมอเลยนะ ซิสเตอร์นานะ’ ”
“ท่อนแรกมันก็ดีนะคะ… แต่ว่าท่อนหลังนี่ไม่ใส่ความเห็นส่วนตัวมากไปหน่อยเหรอ?”
“ ‘ใครก็ตามที่กล้าแตะต้องหญิงสาวศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ มันต้องจบชีวิตลงในกรงขังแสนเย็นยะเยือก และชั้น ไวส์ วินเตอร์พริซั่น จักเป็นผู้คุม และทำทุกสิ่งเพื่อซิสเตอร์นานะ’ ”
“อย่าพูดชื่อดิฉันขึ้นมาได้ไหมคะ? มันเหมือนกับคุณกำลังพูดกับดิฉันอยู่ยังไงก็ไม่รู้”
“ไม่เป็นไรหรอก เพราะชั้นกำลังพูดอยู่น่ะสิ”
“ดิฉันคิดว่าตามปกติแล้ว คำพูดมันควรจะเป็นสิ่งที่ครอบคลุมและพูดมันกับใครก็ได้นะคะ”
“ก็ชั้นรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวกับใครนอกจากเธอนี่”
“แหม ตายจริง… มีความสุขจังเลยค่ะ”
“ฮะฮะ”
“แหะ แหะ”
“เธอนี่นะ”
“แหะ แหะ แหะ แหะ”
☆พีคกี๊ แองเจิล
“พี่ พี่ ได้ดูบันทึกแชทวันนี้ยังอ่ะ?”
“ดูแล้ว ดูแล้ว! พวกนั้นทำอะไรกันเนี่ย?”
“ซ้อมฉากเปิดตัวนี่ดูงี่เง่าจัง ฮึ”
“ฝึกซ้อมอะไรซ้ำๆแบบนี้ดูเหมือนงานโชว์เด็กอนุบาลเลยเนอะ?”
“เอาจริงๆนะ พวกเราทำอะไรได้เจ๋งและมีรสนิยมกว่าเยอะอ่ะ”
“ทำได้ ทำได้ พวกเราทำได้ พวกเราทำได้อยู่แล้ว”
“พี่เนี่ย เมจิเฟล็กซิเบิล ดีจัง”
“พวกเราปรับเปลี่ยนได้เพราะความสามารถของพวกเราคือการแปลงร่าง อย่างการล้ำเส้นกฏหมายแบบฉิวเฉียดในวิธีที่เมจิคัลเกิร์ลคนอื่นเลียนแบบไม่ได้”
“พี่เนี่ย เมจิอิลลีกัล สุดๆ”
“พวกเราสองคนไร้เทียมทานใช่ไหมล่ะ?”
“พี่เนี่ย เมจิอินวิซิเบิล มากเลย”
“แบบนั้นฉันจะออกมาจากทางขวาแบบนี้”
“งั้นฉันต้องออกมาจากทางซ้ายเหรอ?”’
“เมื่อเรียกหาพวกเราจะมา!”
“ต่อให้ไม่เรียกก็จะมาอยู่ดี!”
“พวกเราคืออันดับหนึ่ง!”
“พีคกี๊…แองเจิล!”
“ชะว๊าบบบ!”
“ชะว๊าบบบ ชะว๊าบบบ!”
“โพสสสสส!”
“คูล!”
“เฮ้ ทั้งสองคน!” มีเสียงดังเข้ามาแทรก
“ง่ะ ตกใจหมดเลย!”
“อ๊ะ รูลเลอร์นี่นา”
“ ‘อ๊ะ’ นี่หมายความว่ายังไงน่ะ ให้ตายสิ พวกเธอสองคนที่โง่ชะมัด ถ้าเอาแต่ทำท่าโพส พูดอะไรไร้สาระแบบนี้ทั้งวันก็ไม่ได้ทำอย่างอื่นกันพอดี ช่วยมีความทะเยอทะยานในฐานะเมจิคัลเกิร์ลและมนุษย์มากกว่านี้ซักหน่อยได้ไหม? เข้าใจรึเปล่า?”
“ชิ”
“ไม่เอาน่า ทำไมต้องบ่นท่าโพสของพวกเราด้วยล่ะ? เรื่องนี้พวกเราพยายามกันมากเลยนะ”
“แถมทุกครั้งที่รูลเลอร์ขยับก็ใช้เวทมนตร์ด้วย…”
“เมื่อกี๊ได้พูดอะไรรึเปล่า?”
“ปล๊าววววว!”
“ไม่มี๊”
☆ท็อปสปีด
“ทีมท็อปสปีด! หัวหน้ารุ่นแรกท็อปสปีด! พูดไม่ดีมีต่อย!”
“…อะไร…?”
“ดูสิ ริปเปิล ท่าโพสกับคำพูดที่ทุกคนพูดถึงอยู่ไง! เจ๋งใช่ไหมล่ะ?”
“ไม่เห็นจะดูเหมือนเมจิคัลเกิร์ลตรงไหน…”
“คิดแบบนั้นเหรอ? ฉันนึกว่าดูดีแล้วซะอีก”
“แล้วตอนแรก ทีมท็อปสปีดนี่อะไรน่ะ…?”
“ก็ฉันกับเธอไง”
“ไม่เห็นจำได้เลยว่าเข้าร่วมทีมนี้ด้วย…”
“โธ่เอ๊ย เธอเนี่ยเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายตลอดเลย”
“ชิ”
“ไม่เอาน่า อย่าโกรธสิ ริปเปิล ฉันจะช่วยเรื่องท่าโพสกับคำพูดเจ๋งๆให้เอง”
“ไม่เอา…”
“จริงเหรอ? ไม่อยากได้แน่นะ?”
“ไม่”
“หวา ฉันคิดว่าเธออยากได้นะ”
☆ริปเปิล
ริปเปิลจะไม่พูดว่าเมจิคัลเกิร์ลนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องมีท่าโพสและคำพูด แต่นั่นมันควรจะอยู่กับเมจิคัลเกิร์ลในอนิเม ไม่ใช่ในชีวิตจริง ในชีวิตจริงเมจิคัลเกิร์ลไม่จำเป็นต้องมีท่าโพสและคำพูดแบบนั้นเลย —เพราะว่ามันน่าอาย แค่นึกถึงเรื่องที่ถูกบังคับให้ต้องทำ มันก็ทำให้เธอกลัวจนตัวสั่นแล้ว
แต่ในบันทึกแชทนั้น ท่าโพสและคำพูดของสโนไวท์ดูดีมาก บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเธอดูเป็นเมจิคัลเกิร์ลแบบในอนิเมมากกว่าในชีวิตจริงก็ได้ ใช่แล้ว มันคงเป็นแบบนั้น หากเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นทำแบบเดียวกัน มันคงจะออกมาไม่น่าดูแน่
คาโนะที่พักผ่อนอยู่ในห้องของตัวเองแปลงร่างเป็นริปเปิลด้วยความตั้งใจ และยืนอยู่ที่หน้ากระจกบานใหญ่เต็มตัวแบบไม่ได้มีเหตุผล เธอจ้องมองภาพของตัวเองที่สะท้อนอยูที่นั่น —ภาพใบหน้าที่น่าดึงดูดของตัวเอง ชุดที่มีสัดส่วนอย่างสมดุลย์ มันเป็นภาพที่ดูกล้าหาญ แต่กระนั้นมันก็เข้ากับตัวของเธอ
นินจาเวทมนตร์ : ริปเปิล
“ชะ โชคชะตาของ… โชคชะตา… ของ…”
ไม่ อย่าอายสิ โยนความน่าอายทิ้งไปเลย ริปเปิลพูดออกมาด้วยความรู้สึกและเกร็งหน้าท้อง เธอใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางหนีบชูริเคนเอาไว้ เอาเข่าลงข้างหนึ่งแล้วก็เอามือขวามาไว้ตรงหน้า
“โชคชะตาของตัวร้ายคือการอยู่ในความมืด! และก็ตายในความมืด! และโชคชะตาของนินจาคือการกำจัดผู้ที่ออกมาจากถ้ำของตนและไขว่คว้าหาแสงสว่าง เจ้าพวกชั่วช้าทั้งหลาย! ก่อนที่พวกแกจะตาย นินจาเวทมนตร์ ริปเปิลคนนี้จะแสดงเทคนิคลับให้เห็นเอง รับนี่ไปเป็นของขวัญแด่ราชาแห่งยมโลกซะ!”
“ริปเปิลทำอะไรอยู่เหรอ ปอน?”
ริปเปิลที่ยืนอยู่หน้ากระจกหันกลับมาช้าๆ โฮโลแกรมนั้นลอยขึ้นมาจากเมจิคัลโฟนของเธอที่วางอยู่บนที่นอน มาสค็อทมันจ้องมองเธอด้วยสายตาที่ไร้อารมณ์
ริปเปิลเดินเข้าไปหาอย่างเงียบๆ หยิบเมจิคัลโฟนขึ้นมาแล้วก็ปิดมัน เธอถอนหายใจออกมา คลายการแปลงร่าง ล้มตัวลงบนที่นอน แล้วเอาใบหน้าไปซุกที่หมอนพร้อมกับกรีดร้องออกมา
“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาา!”
☆คาลามิตี้ แมรี่
เมื่อได้เห็นบันทึกแชทที่ทุกคนพูดถึง เธอก็คิดว่า เด็กพวกนี้นี่บ้าชะมัด
ส่งเสียงวีดว๊ายไปด้วยกัน พูดว่าเมจิคัลเกิร์ลจำเป็นต้องมีท่าโพสและคำพูดแบบไม่หยุดหย่อน เธอไม่เข้าใจมันเลย พวกนั้นยังพูดอีกว่าคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาด้วย
ใน แม่มดน้อยริคคาเบล มันมีฉากที่ตัวเอกคิดเรื่องท่าโพสแปลงร่างหรือคำพูดตัวเองรึเปล่านะ? เมื่อเธอค้นหาความทรงจำในวัยเด็กและคิดย้อนกลับไป นาโอโกะก็พบว่าไม่มีอะไรเลย ริคคาเบลไม่ได้คิดเรื่องนั้น —มันเป็นแบบนั้นมาตลอด
นาโอโกะ ยามาโมโตะวางแว่นของเธอลงบนโต๊ะแล้วยืนขึ้น จากนั้นเธอก็ร่ายคาถาที่อยู่ในใจของเธอ ตามปกติเหมือนกับตอนที่ฟาฟบอกเธอว่าเธอได้กลายเป็นเมจิคัลเกิร์ล
“คาลามิตี้ มิราเคิล คุรุ คุรุริน! แปลงร่างเป็นมือปืนเวทมนตร์ คาลามิตี้ แมรี่!”
เธอโพสท่าและมองดูที่กระจก ภาพของหญิงสาวมือปืนผู้ป่าเถื่อนและงดงามก็สะท้อนกลับมาหาเธอ นี่คือวิธีการใช้คาถาและท่าโพสตอนแปลงร่าง มันไม่ใช่เป็นการใช้เพื่อเป็นหัวข้อในการพูดคุยกันในหมู่เพื่อน แต่ควรจะใช้แบบลับๆโดยที่ไม่มีใครเห็นต่างหาก
จากนั้นคาลามิตี้ แมรี่ก็ยิ้มแบบบางๆแล้วก็ขยิบตาให้กับกระจก
MANGA DISCUSSION