☆ลาพูเซล
เป็นเวลาเดือนกว่าแล้วที่ลาพูเซลพยายามอย่างที่สุดเพื่อสงบจิตใจของตัวเอง
เธอหายใจเอาลมที่อยู่ในปอดออกมาทั้งหมด จากนั้นก็หายใจเข้ายาวๆเพื่อเติมกลับเข้าไป แล้วก็สูดลมหายใจอีกครั้ง ก่อนที่จะเริ่มทำงานของเมจิคัลเกิร์ล เธอจะใช้เวลาสิบนาทีก่อนที่สโนไวท์จะปีนขึ้นมาด้านบนหอคอยเหล็กไปกับการดื่มด่ำในโลกของตัวเองพร้อมกับนั่งไขว้ขาอยู่บนคานเหล็ก ตัวตนคือความว่างเปล่า ความว่างเปล่าคือตัวตน…ตัวตนคือความว่างเปล่า ความว่างเปล่าคือตัวตน เธอพูดมันออกมาเรื่อยๆอย่างไม่มีจบสิ้น พยายามทำให้จิตใจของตัวเองว่างเปล่าเหมือนกับสิ่งที่ตัวเองมองเห็นใต้เปลือกตา
ซึ่งเหตุผลที่ลาพูเซลตั้งใจทำสมาธิอย่างมากนั้นก็คือสโนไวท์
เวทมนตร์ของสโนไวท์มันทำให้เธอได้ยินเสียงจากภายในตัวของคนที่มีปัญหา มันเหมือนกับการได้ยินผ่านแก้วหูที่ไม่ได้ตั้งใจ เวทมนตร์ของสโนไวท์จะได้ยินเสียงร้องจากหัวใจที่ทุกข์ระทมอยู่ตลอด และเวทมนตร์ของเธอก็ไม่ได้มีผลกับแค่มนุษย์เท่านั้น แต่กับเมจิคัลเกิร์ลแล้วมันก็มีผลด้วยเช่นกัน
ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ อีกตัวตนหนึ่งของลาพูเซลคือเด็กผู้ชายวัยรุ่นที่ชื่อ โซตะ คิชิเบะ และมันก็ไม่มีสายพันธุ์ไหนของโฮโมซาเปี้ยนที่บริสุทธิ์ผุดผ่องไปกว่าเด็กผู้ชายวัยมัธยมต้นอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนชั้นเรียนอันไร้ที่ติ เป็นสมาชิกของทีมเทนนิสอันมีเสน่ห์ หรือเป็นนักเรียนที่พุ่งเป้าไปยังสถานศึกษาที่มีชื่อเสียงที่สุด ภายในใจก็จะมีวังวนความคิดเรื่องลามก… ไม่ใช่ว่าโซตะเคยแอบมองเข้าไปภายในใจของคนอื่น แต่เขาก็คิดว่ามันเป็นเรื่องจริง
ถ้าลาพูเซลคิดอะไรที่น่าสงสัยตอนที่อยู่กับสโนไวท์ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เวลาสั้นๆ แต่ถ้าสโนไวท์รู้ถึงความคิดนั้นได้ล่ะก็… โซตะจึงต้องหลีกเลี่ยงเรื่องนั้นด้วยทุกอย่างที่มี
ย้อนกลับไปตอนที่หมกมุ่นอยู่กับอนิเม โซตะก็ไม่ได้มองว่ามันเป็นปัญหามากมายอะไร เพราะเมจิคัลเกิร์ลก็มักจะเผยเรือนร่างของตัวเองออกมามากอยู่บ่อยครั้ง
นี่เป็นเรื่องจริงสำหรับสโนไวท์คนที่ปกติแล้วเป็นคู่หูของลาพูเซล แม้ว่าเธอจะวิ่งและกระโดดไปมา แต่กระโปรงของเธอก็สั้นมาก ลาพูเซลรู้ว่าตาของตัวเองจะจับจ้องไปยังจุดที่อยู่ระหว่างรองเท้าและกระโปรงของเธอที่เป็นสีลูกพีชอีกด้วย
เมจิคัลเกิร์ลคนอื่นๆเองก็ขาดความตระหนักในตัวเองมาก โซตะเคยได้ยินมาว่านักเรียนหญิงในโรงเรียนหญิงล้วนนั้นจะระมัดระวังตัวน้อยและมีกล้าหาญมากกว่า เพราะว่าไม่มีเด็กผู้ชายมองดูพวกเธออยู่ เมจิคัลเกิร์ลก็เช่นกัน เพราะไม่มีใครคิดว่าจะมีเด็กผู้ชายเข้ามาปะปนอยู่ท่ามกลางพวกเธอ
ตัวอย่างเช่นท็อปสปีด การบินอยู่บนท้องฟ้ามันก็หมายความว่าจะหลีกเลี่ยงสายตาจากคนที่อยู่ด้านล่างไม่ได้ แถมกระโปรงของเธอก็สั้น เมื่อเธอบินออกไปพร้อมกับไม้กวาด ชายกระโปรงมันก็จะสะบัดไปมา เมื่อเธอยิงบูสเตอร์ ชายกระโปรงก็จะสะบัดขึ้น แล้วเมื่อร่อนลงมา กระโปรงของเธอก็จะสะบัดอย่างรุนแรง ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ตามมันก็เหมือนกับว่าได้แอบดูอยู่ตลอด ซึ่งมันทำให้ลาพูเซลตื่นเต้นและเป็นกังวล ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือท็อปสปีดเป็นคนที่เป็นมิตรมาก อาจจะเป็นเพราะแบบนั้นเธอถึงแตะต้องเนื้อตัวทุกที่แบบสบายๆ เธอจะตบลาพูเซลที่หลัง จับไหล่ และบางครั้งก็ตบเข้าที่ก้น ซึ่งแต่ละครั้งมันก็ใกล้ชิดกันมากจนแทบจะก้าวข้ามพื้นที่ความเป็นส่วนตัว เธอทำแม้กระทั่งกอดลาพูเซลเพื่อแสดงความดีใจออกมา เอาแขนมาเกี่ยวกันเพื่อพยายามเข้ามาใกล้ แล้วเมื่อทั้งคู่เข้าหากันแบบนั้น จิตใจของลาพูเซลก็จะกลายเป็นความว่างเปล่าไปเลย
และริปเปิลคนที่ร่วมงานกับท็อปสปีดบ่อยๆเองก็รู้สึกแย่ที่ต้องเผยเรือนร่างให้เห็นมากเช่นกัน ที่ไหล่ของเธอ ด้านหน้า และต้นขาล้วนเปลือยเปล่า เธอดูกังวลอยู่เสมอ เพราะแบบนั้นแน่นอนว่ามันไม่มีโอกาสที่จะจ้องมองดูเธอเลย แต่ว่าวันก่อน ท็อปสปีดก็เข้ามาหาพร้อมกับริปเปิล แล้วหัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนเป็นชุดของเมจิคัลเกิร์ล ท็อปสปีดนั้นพูดประมาณว่า “ฉันล่ะสงสัยจัง ว่าเจ้านี่มันเป็นยังไง?” แล้วเธอก็จับหางของลาพูเซล ลาพูเซลนั้นตกใจมากจนเกือบล้มไปด้านหลัง แล้วเมื่อเธอตอบสนองโดยการยื่นมือออกไปค้ำไว้ ที่ตรงนั้นก็คือหน้าท้องของริปเปิล… จนถึงทุกวันนี้ ลาพูเซลก็ไม่เคยลืมว่าสัมผัสนั้นมันรู้สึกยังไง มันเป็นอะไรที่นุ่มมากๆ แต่เนื่องจากว่ามันเป็นความผิดของท็อปสปีด ริปเปิลจึงโกรธท็อปสปีดแทนที่จะโกรธเธอ แต่ลาพูเซลเองก็ค่อนข้างรู้สึกไม่ดีกับมันเลย
สำหรับกลุ่มของรูลเลอร์นั้นมีเมจิคัลเกิร์ลที่ทำให้ลาพูเซลเกิดความเครียดน้อยกว่า นางฟ้าฝาแฝดนั้นดูเหมือนมาสค็อทมากกว่าเด็กผู้หญิง แถมยังทำให้ลาพูเซลคิดว่า ตัวเตี้ยแถมยังดูวุ่นวายอีก! แล้วเรื่องนี้มันก็จริงสำหรับทามะด้วย การกระทำและการตอบสนองของเธอในแชทมันชวนทำให้นึกถึงสุนัขอยู่บ่อยๆ เธอดูไม่ค่อยเหมือนเด็กผู้หญิง แต่ใกล้เคียงกับสัตว์เลี้ยงที่ฉลาดๆมากกว่า ส่วนรูลเลอร์นั้น ลาพูเซลไม่สามารถพูดเรื่องนี้ออกมาตรงๆต่อหน้าได้ แต่เมื่อเทียบกับเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นแล้ว เธอเป็นคนที่ตรงไปตรงมาและชุดก็ไม่ได้เผยเรือนร่างมากนัก ตัวของเธอมีเสน่ห์แผ่ออกมาเล็กน้อย และนี่คือเรื่องทั้งหมดที่สามารถพูดกับเธอได้ เมจิคัลเกิร์ลสี่คนนี้ปลอดภัย ไม่ได้มีอะไรที่ชวนให้ใจเต้น ลาพูเซลเองก็อยากจะทักทายพวกเธอในชีวิตจริง มันจึงไม่ได้ต่างอะไรกับคำว่า “ปลอดภัย” มากซักเท่าไหร่ แต่โซตะเองก็รู้สึกดีใจที่ตัวเขาไม่ได้มีความรู้สึกผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่ก็ไม่ใช่ว่าสมาชิกทุกคนของกลุ่มรูลเลอร์นั้นจะไม่เป็นอันตรายกับเขา เพราะยังคงมีสวิมสวิมอยู่ด้วย ครั้งแรกที่โซตะเห็นอวาตาร์ของเธอในแชท เขาก็ไม่ได้คิดอะไรกับชุดว่ายน้ำโรงเรียนของเธอ เขาเห็นมันเป็นประจำในชั่วโมงพลศึกษาอยู่แล้ว ชุดว่ายน้ำสีขาวมันดูผิดแปลกก็จริง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร
และหลังจากนั้นไม่นาน เมื่อลาพูเซลช่วยนำทางคุณยายที่หลงทางไปยังมอนเซ็นมาจิ โชคของเธอก็หมดลง รูลเลอร์เห็นตัวของเธอแล้วจับเอาไว้ได้ “อย่าเข้ามาในเขตของพวกเราโดยไม่ได้รับอนุญาต!” รูลเลอร์ดุด่าลาพูเซลอย่างรุนแรงเหมือนกับเป็นอาจารย์ที่ขี้บ่น แต่สายตาของลาพูเซลก็จับจ้องอยู่ที่สวิมสวิมที่ยืนอยู่ข้างๆรูลเลอร์ตลอดเวลา มันใหญ่มาก ที่สุดแห่งความใหญ่ มันเป็นความใหญ่ที่แบบโซตะไม่เคยพบเคยเห็นที่โรงเรียนมาก่อน มันทำให้ลาพูเซลเวียนหัวโดยไร้เหตุผล และจากนั้นเธอก็ไม่ได้ยินเสียงการดุด่าจากรูลเลอร์อีกเลย
จากนั้นก็เป็นคาลามิตี้ แมรี่ คนที่ลาพูเซลได้ยินว่าเป็นศัตรูของกลุ่มรูลเลอร์ ลาพูเซลเห็นเธอแค่ครั้งเดียวจากที่ที่ห่างออกไป เมื่อคาลามิตี้ แมรี่ปรากฏตัวขึ้นเพื่อทำธุระบางอย่างที่ท่าเรือ ที่นั่นมันก็มีชายน่าสงสัยหลายคนห้อมล้อมอยู่ด้วย ถ้าแมรี่กำลังจะไปเกี่ยวข้องกับอะไรที่น่าสงสัย แบบนั้นก็ควรจะเข้าไปหารึเปล่านะ? แต่เมื่อลาพูเซลมองเข้าไปดูก็เห็นชุดที่ยั่วยวนมาก บิกินี่ด้านบนเป็นลายเสือดาว กระโปรงเองก็สั้นมากแถมยังดูเหมือนว่าพร้อมที่จะพลิกขึ้นตลอดเวลาแม้จะมีลมเบาๆพัดผ่าน และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือรูปร่าง รูปร่างของเธอดูยั่วยวนเหมือนกับสวิมสวิมหรือมากยิ่งกว่านั้น มันเป็นการแข่งที่สูสีกันมาก แล้วก็เพราะว่ามีความคิดแบบนี้ กว่าลาพูเซลจะได้สติกลับมา แมรี่และชายพวกนั้นก็หายไปเรียบร้อยแล้ว
ในหมวดหมู่นี้ คนที่เป็นม้ามืดก็คือเนมุริน ลาพูเซลไม่เคยพบเธอในชีวิตจริง แต่เนมุรินก็ปรากฏตัวขึ้นในความฝันของโซตะ แม้ว่าจะอยู่ในความฝัน เขาก็พบว่าเนมุรินนั้นนอนหลับสนิทและดูสงบมาก ลาพูเซลจึงรู้สึกไม่ดีที่ต้องปลุกเธอ เพราะเหตุนี้จึงจ้องมองดูเธอที่เป็นแบบนั้นอยู่ซักพัก
แต่ว่า ชุดของเธอ… ตอนที่แชทกันนั้นทุกคนเป็นตัวการ์ตูนอวาตาร์ที่มีหัวโต ดังนั้นโซตะจึงแค่คิดว่าการสวมชุดนอนและถุงเท้าของเนมุรินนั้นดูน่ารักเพียงเท่านั้น แต่การที่ได้เห็นเธอที่มีสัดส่วนเท่าคนจริงมันทำให้คิดว่านี่คือการผสมผสานที่ทรงพลังมาก ขาเปลือยเปล่าที่ยื่นออกมาจากชายเสื้อนอนมีเสน่ห์เหลือล้น และที่แย่ไปกว่านั้น บางครั้งเนมุรินก็จะกลิ้งตัวไปมา และทุกๆครั้งก็ราวกับว่าเป็นหายนะ ลาพูเซลเองสงสัยว่า นี่ฉันควรจะทำยังไงดี? ควรจะปลุกเธอรึเปล่า? หรือว่าจะ…? ในตอนที่ตกใจอยู่นั้น โซตะก็ตื่นขึ้นมา
ลาพูเซลไม่ได้อยู่ในจุดที่จะบ่นเรื่องชุดของเด็กสาวคนอื่นได้ตั้งแต่แรก ชุดเกราะมันก็ควรเอาไว้สำหรับป้องกัน แล้วแบบนั้นทำไมชุดเกราะท่อนล่างของตัวเองมันถึงดูเหมือนชุดว่ายน้ำไม่ก็ชุดชั้นในกันล่ะ? ในตอนที่ลาพูเซลพบกับซิสเตอร์นานะที่เป็นพี่เลี้ยงพบกันครั้งแรก เธอก็คิดว่าซิสเตอร์นานะจะถามว่าทำไมมีแค่ท่อนล่างที่ปล่อยโล่งแน่ๆ มันจึงทำให้เธอรู้สึกสลดใจกับเรื่องนี้มาก แต่เรื่องนั้นมันก็ไม่เคยเกิดขึ้น ตัวของซิสเตอร์นานะเองก็แต่งตัวดูนุ่งน้อยห่มน้อยด้วยเหตุผลแปลกๆเช่นกัน
ชุดของซิสเตอร์นานะที่ควรจะเป็นชุดแม่ชีนั้นกลับไม่มีแขนเสื้อ กระโปรงเองก็ถูกผ่ายาวขึ้นมา หน้าอกเองก็ถูกทำให้เด่นขึ้นด้วยเข็มขัด สายรัดถุงน่องก็ทำให้ถุงน่องสีขาวดูเด่นขึ้น มันเป็นอะไรที่ดูแล้วเป็นการดูหมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เอาซะมากๆ มันคิดได้แค่เพียงว่าซิสเตอร์นานะเป็นคนที่เลือกชุดนี้ด้วยตัวเอง แต่เธอคิดอะไรอยู่กันนะ…? ลาพูเซลจะไม่ถามเรื่องนี้ แต่ทุกๆครั้งที่ลาพูเซลเจอเธอแล้วเห็นชุดที่ดูวาบหวิว มันก็ทำให้รู้สึกปั่นป่วนมากยิ่งขึ้น
ไวส์ วินเตอร์พริซั่นที่เป็นคู่หูของซิสเตอร์นานะนั้นเป็นข้อยกเว้น ชุดของเธอไม่ได้เปิดเผยเนื้อหนังอะไรเลย ในฤดูหนาวเธอสามารถเข้าไปปะปนกับคนธรรมดาได้ และทำให้คนอื่นๆคิดว่าช่างเป็นคนที่งดงามได้โดยไม่ดูแปลกแยกอีกด้วย
แต่ในทางตรงกันข้าม ชุดที่มิดชิดก็สามารถเพิ่มความมีเสน่ห์ได้เช่นกัน เมื่อเดือนที่แล้ว ตอนที่ซิสเตอร์นานะ ไวส์ วินเตอร์พริซั่น และลาพูเซลคุยกันอยู่ที่ดาดฟ้าของตึกระฟ้า จู่ๆท้องฟ้าก็เกิดมืดครึ้มและทั้งสามคนก็เปียกโชกเพราะฝนที่ตกลงมา วินเตอร์พริซั่นถอดเสื้อโค้ทของตัวเองแล้วใช้มันคลุมหัวของซิสเตอร์นานะเอาไว้ แม้ว่าจะเป็นแค่เสื้อสเวตเตอร์บางๆ ลาพูเซลก็ยังมองเห็นรูปร่างที่โดยปกติแล้วจะถูกซ่อนเอาไว้ใต้เสื้อได้ สัดส่วนของเธอดูเพรียว และเมื่อเห็นว่าบริเวณหน้าอกมีทรวดทรงที่ดูดีเป็นพิเศษ ลาพูเซลจึงหันสายตาไปทางอื่น
นี่คือสิ่งที่ทำให้เมจิคัลเกิร์ลเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นอันตราย พวกเธอทำให้ลาพูเซลคิดอะไรที่สกปรก
แม้จะพูดอย่างหนักแน่นว่าเรื่องแก่นแท้ของปัญหาคือตัวของเมจิคัลเกิร์ลจะไม่ได้มีประเด็นอะไรมาก เพราะสิ่งสำคัญมันคือความสัมพันธ์ระหว่างสโนไวท์และลาพูเซลต่างหาก
เวทมนตร์ของสโนไวท์นั้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างคลุมเครือ เหมือนว่าเธอจะจับได้แค่ความคิดเรื่องทั่วไปที่อยู่ในใจของคนอื่น แต่อย่างไรก็ตาม หากมีจังหวะที่สโนไวท์จับความคิดที่ไม่ดีได้ มันก็จะเป็นจุดจบเรื่องการทำหน้าที่เมจิคัลเกิร์ลของลาพูเซลไปเลย ลาพูเซลจึงต้องหลีกเลี่ยงเรื่องนั้นให้มากที่สุด และในตอนท้าย เธอก็ต้องทำจิตใจของตัวเองให้ว่างเปล่า
หากเป็นแบบนี้ แม้แต่หน้าอกของตัวเองสั่นมันก็จะทำให้สมองรู้สึกว่า โอ้ววว มันคงไม่ดีแน่ๆ เมื่อเธอลุกขึ้นแล้วเอามือปัดก้น เธอก็รู้สึกประหลาดใจว่ามันรู้สึกนุ่มมากขนาดไหน เธอเอาฝ่ามือไปสัมผัสแบบไม่ทันได้คิด และจมดิ่งไปกับความรู้สึกดี ใจของเธอเหม่อลอยไปอย่างสมบูรณ์จนกระทั่งสโนไวท์เรียกเธอ —แบบนี้มันไม่ใช่เรื่องดีเลย
☆สโนไวท์
สโนไวท์รู้สึกกังวลเรื่องของลาพูเซล คนที่เป็นเมจิคัลเกิร์ลรุ่นพี่และเป็นเพื่อนสมัยเด็กอยู่เล็กน้อย เมื่อไม่นานมานี้ ทุกครั้งที่พวกเธอเจอกัน ความคิดของลาพูเซลจะโฟกัสไปที่เรื่องเพียงเรื่องเดียวอย่างจริงจัง
มันคงจะมีปัญหาแน่หากสโนไวท์อ่านความคิดได้
สโนไวท์เอียงหัว เธอไม่รู้ว่าลาพูเซลกลัวคนอื่นจะรู้เรื่องอะไร
ครั้งหนึ่งสโนไวท์เคยปรากฏตัวขึ้นที่หอคอยเหล็กก่อนเวลานัดพบ ในตอนนั้นลาพูเซลก็อยู่ที่ด้านบนของหอคอยก่อนแล้ว แต่ว่าเธอก็นั่งอยู่พร้อมใบหน้าที่หม่นหมองและมีท่าทางที่จริงจัง สโนไวท์รู้สึกเหมือนกับว่าไม่ควรจะพูดอะไรออกไป หลังจากนั้นสโนไวท์ก็มาเร็วขึ้นเพื่อมองดูลาพูเซลจากที่ซ่อน เพื่อนของเธอมักจะยืนอยู่แล้วก็โพสท่าอะไรแปลกๆ หรือไม่ก็เหวี่ยงดาบยักษ์ไปมารอบๆ ท่าทางนั้นมันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งมองดูก็ยิ่งรู้สึกน่ากลัว
ท่าทางแปลกๆนี้มันมีอะไรเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ไม่อยากให้เธอรู้รึเปล่านะ? บางครั้งสโนไวท์เองก็อยากจะช่วย แต่เธอก็ไม่รู้ว่าปัญหามันคืออะไร เธอจึงช่วยอะไรไม่ได้ ฉันหวังว่าเธอจะบอกแต่มันก็ไม่เหมือนกับว่าจะบังคับกันได้เลย…
จิตใจของเธอหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ จนถึงจุดๆหนึ่งที่เธอถูกอาจารย์ดุด่าเพราะไม่มีสมาธิตอนเรียน
เมื่อเธอเข้านอนพร้อมกับมีความกังวลเรื่องนี้อยู่ในใจ เธอก็ฝัน ในฝันนั้นเนมุรินกำลังหาวออกมาแบบน่ารักๆในตอนที่กำลังนอนอยู่ และสโนไวท์ก็จับไหล่ของเธอแล้วเขย่าตัวพร้อมกับพูดว่า “ถ้ามานอนตรงนี้จะเป็นหวัดเอานะ!”
“หืออ? สโนไวท์… งืมมม เนมุรินอยากนอนมากกว่านี้อีกน้าาา”
“ไม่เห็นต้องมานอนในความฝันเลยนี่นา”
“ก็เพราะว่าเป็นความฝัน เนมุรินจึงหลับได้แบบสบายๆไงล่า ว่าแต่… เธอดูเหมือนว่าจะนอนไม่ค่อยพอเลยนะ หืม สโนไวท์? มีอะไรติดอยู่ในใจรึเปล่าเอ่ย?”
“อื้อ…เร็วๆนี้ลาพูเซลทำตัวแปลกไปน่ะ”
“ถ้าเนมุรินช่วยแก้ปัญหานี้ได้ มันคงเจ๋งสุดๆเลยล่ะน้า แต่ว่าปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวมันอยู่นอกเหนือขอบเขตของเนมุริน… แบบนั้นทำไมไม่ลองขอความช่วยเหลือจากใครซักคนดูล่ะ? บางครั้งปัญหามันก็แก้ด้วยตัวเองไม่ได้ใช่ไหม? คนอื่นอาจจะมีความคิดดีๆออกมาก็ได้น้าา”
เนมุรินโบกมือพร้อมกับลอยห่างออกไป แล้วโคยูกิก็ตื่นขึ้น
สิ่งที่โผล่ขึ้นมาในใจของเธอตอนที่ตื่นขึ้นมาคือรอยยิ้มของท็อปสปีด เธอเป็นคนที่ใจดีและคอยช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ แน่นอนว่าสโนไวท์สามารพึ่งพาเธอได้ เธอนัดเวลาที่จะเจอกันผ่านทางแชท จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังพื้นที่ของท็อปสปีด
“ปัญหาที่บอกคนอื่นไม่ได้งั้นเหรอ หืม…?” ท็อปสปีดพูด
“ค่ะ” สโนไวท์ตอบพร้อมพยักหน้า “แล้วเหมือนว่าตอนที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน… มันก็เหมือนกับ… เธอทรมานเพราะความรู้สึกผิดอีกต่างหาก”
“หืมม บางทีอาจจะไม่ใช่เรื่องเมจิคัลเกิร์ล แต่เป็นเรื่องชีวิตส่วนตัวก็ได้นะ?”
“คงเป็นเพราะว่า… ปกติแล้วพวกเราอยู่ด้วยกันตลอดในตอนที่เธอเป็นเมจิคัลเกิร์ลก็ได้ค่ะ”
“งั้นก็อาจจะเป็นเรื่องครอบครัว ไม่ก็เรื่องของเพื่อน เธอรู้จักลาพูเซลก่อนที่จะกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลใช่ไหมล่ะ? นึกอะไรออกบ้างไหม?”
สโนไวท์นึกย้อนไปว่าโซตะเป็นคนแบบไหน พวกเธอใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดตอนเรียนอนุบาล ตอนประถมโซตะก็เริ่มไปเล่นกับเพื่อนผู้ชาย และทั้งสองคนก็เริ่มค่อยๆห่างกันไป สิ่งที่เธอรู้เกี่ยวกับโซตะตั้งแต่ตอนมัธยมต้นก็มาจากการบอกเล่าเพียงเท่านั้น
“ฉันนึกอะไรไม่ออกเลยค่ะ” สโนไวท์พูด “พักหลังๆนี้พวกเราไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันนอกจากตอนที่เป็นเมจิคัลเกิร์ลเลย ฉันคิดว่าเรื่องครอบครัวคงไม่ได้มีปัญหา แต่เรื่องของเพื่อนนี่ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ถ้าแบบนั้นฉันก็พนันเลยว่า เธอคงมีเพื่อนไม่ดีหรืออะไรแบบนั้นแน่”
ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็สมเหตุสมผลเหมือนกัน การที่โซตะมีเพื่อนไม่ดีมีโอกาสที่เป็นไปได้ โคยูกิจำเรื่องเพื่อนในห้องของเธอที่ทำตัวไม่ดีกับเพื่อนของตัวเองได้ แม้ว่าจะอยู่ต่างโรงเรียน แต่โซตะ คิชิเบะก็เป็นเด็กผู้ชายมัธยมต้นคนหนึ่ง ถึงเขาจะไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่อาจจะถูกเพื่อนบางคนชังจูงไปสู่พฤติกรรมที่ไม่ดีได้
เมื่อท็อปสปีดสังเกตุเห็นว่าใบหน้าของสโนไวท์ซีดลง เธอก็พูดต่อ “มันเป็นเรื่องปกตินะที่จะทำอะไรไม่ดีเพื่อไม่ให้เพื่อนเสียหน้า ต่อให้จะเป็นผู้ใหญ่ที่รักอิสระก็ต้องผ่านประสบการณ์ที่ยากลำบากมาก่อน เพราะแบบนั้นแหละตัวเองถึงจะเปลี่ยนไป แต่ถ้าเป็นเด็กในวัยมัธยมต้นล่ะก็ ความคิดและการกระทำมันก็ไม่ได้มีอะไรที่ยืดหยุ่นมากพอ”
เมื่อโคยูกิฟังที่ท็อปสปีดพูดแล้ว จินตนาการของเธอก็ยิ่งเตลิดมากขึ้น หากโซตะไปไหนมาไหนกับคนแบบนั้น มันก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะคิดว่าเมจิคัลเกิร์ลเป็นเรื่องโง่ๆของเด็กๆ ลาพูเซลเองก็จะเลิกเป็นเมจิคัลเกิร์ล และโคยูกิ ฮิเมคาวะก็จะถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวอีกครั้ง
หลังจากห่างเหินกับโซตะและเอาแต่ดูอนิเมเมจิคัลเกิร์ลอยู่คนเดียว โคยูกิก็รู้สึกเหงาแบบไม่จบสิ้น เธอไม่อยากกลับไปเป็นแบบนั้นอีกแล้ว แค่นึกถึงมันก็ทำให้เธออยากจะร้องไห้ออกมา
“งั้นโซจัง…จะเลิกเป็นเมจิคัลเกิร์ลเหรอ?” ในตอนนี้เธอพูดมันออกมาดังๆ เธอรู้สึกว่าตัวเองอยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ สโนไวท์ย้ำกับตัวเองว่าจะไม่ให้เป็นแบบนั้น
“เลิกเป็นเมจิคัลเกิร์ลเหรอ… เรื่องใหญ่นะนั่น” น้ำเสียงของท็อปสปีดดูจริงจังกว่าปกติ “ถ้าจะให้ฉันช่วยล่ะก็ไม่ต้องกังวลนะ แต่ว่าพี่เลี้ยงของลาพูเซลคือซิสเตอร์นานะใช่ไหม? ฉันว่าถามความเห็นของเธอด้วยก็ดีนะ”
โคยูกิขอบคุณท็อปสปีดแล้วก็รีบไปหาซิสเตอร์นานะ “ฉันคิดว่าลาพูเซลอาจจะอยู่กับพวกคนไม่ดีที่จะพาเธอไปในทางที่ผิดค่ะ เธออาจจะเลิกเป็นเมจิคัลเกิร์ลก็ได้…”
ซิสเตอร์นานะเอามือป้องปากและมีท่าทางที่ดูเศร้า จากนั้นก็หันไปยังวินเตอร์พริซั่นที่อยู่ข้างๆ “คิดว่ายังไงคะ?” เธอถาม
“หือ? ชั้นเหรอ?” วินเตอร์พริซั่นหรี่ตาเล็กน้อยและถอนหายในออกมาเบาๆ จากนั้นก็เริ่มพูด “เมื่อเวลาที่คิดอะไรที่ไม่ดี สิ่งที่ดีที่สุดคือการเคลื่อนไหวร่างกาย พอเหงื่อออกและรู้สึกเหนื่อย มันก็จะทำให้หยุดคิดเรื่องต่างๆ ทั้งดเรื่องที่หรือไม่ดี” เธอกอดอกและพยักหน้า “ถ้าไม่ว่าอะไรล่ะก็ชั้นจะคู่ซ้อมให้เอง ชั้นน่ะอยู่ในชมรมกีฬาหลายปีแล้ว”
วินเตอร์พริซั่นมองไปที่ซิสเตอร์นานะราวกับจะถามว่า ความคิดนี้เป็นไงบ้าง?
ซิสเตอร์นานะยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็เอามือที่ป้องปากอยู่ออก ปรับท่าทางของตัวเอง แล้วก็หันไปหาสโนไวท์ สโนไวท์ก็พบว่าตัวเองยืนตรงอยู่ตรงหน้าของซิสเตอร์นานะอีกครั้ง
“บางครั้งคนเราก็จะได้ยินเสียงกระซิบจากปีศาจน่ะ” ซิสเตอร์นานะพูด
“เสียงกระซิบจากปีศาจ…?” สโนไวท์เอียงหัว
“มันกระซิบว่า ‘แค่โกงก็ง่ายกว่านะ การใช้ความรุนแรงก็ทำให้รู้สึกดีด้วย…’ การฟังเสียงกระซิบแบบนี้จะทำให้ตัวเองจมดิ่งลงไปสู่ห้วงลึก ดิฉันเองก็มีปีศาจมากระซิบข้างหูบ่อยๆด้วย รู้ไหม…มันบอกให้ดิฉันดำดิ่งลงไปสู่ท้องทะเลแห่งความปรารถนาล่ะ”
“หือ? จริงเหรอคะ?”
“ตอนที่ดิฉันกำลังลดน้ำหนัก ปีศาจมันก็กระซิบว่า ‘ขนมนั่นอร่อยนะ’ ด้วยล่ะ”
เมื่อซิสเตอร์นานะเห็นสโนไวท์ระเบิดหัวเราะ เธอก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ในตอนนี้ความตึงเครียดถูกลบหายไปแล้ว ซิสเตอร์นานะจึงเริ่มพูดต่อ “ปีศาจน่ะก็คือตัวเอง ส่วนเสียงกระซิบมันก็คือเสียงจากหัวใจของตัวเองค่ะ พอปีศาจโผล่ขึ้นมาในใจ การคิดถึงใบหน้าของคนที่ตัวเองรักคืออะไรที่ดีที่สุด”
“ใบหน้า…ของคนที่รัก?”
“ถ้าเกิดหลงระเริงไปกับเรื่องไม่ดี มันก็ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเองคนเดียวนะ มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนที่ตัวเองรักไม่ทางตรงก็ทางอ้อมด้วย พอก่ออาชญากรรมขึ้นมา เธอก็จะไม่ใช่คนๆเดียวที่ถูกวิจารณ์ บาดแผลที่เกิดขึ้นกับครอบครัวหรือคนที่ตัวเองรักมันเจ็บปวดยิ่งกว่าที่เกิดขึ้นกับตัวเองซะอีก สำหรับดิฉันแล้ว ดิฉันคิดถึงวินเตอร์พริซั่นค่ะ”
“แต่นานะไม่ได้ทำอะไรไม่ดีนี่” วินเตอร์พริซั่นพูด
“ดิฉันสมมุติค่ะ นี่วินเตอร์พริซั่นคิดว่าดิฉันเป็นใครกันเอ่ย?”
“เธอรู้อยู่แล้วนี่นาว่าชั้นจะพูดอะไร” …แล้วทั้งสองคนก็เริ่มจีบกันทั้งแบบนั้นโดยไม่ได้นึกวินเตอร์พริซั่นเลย มันดูเป็นฉากธรรมดาๆเหมือนกับในนิยายที่คนบางคนขังตัวเองเพื่อก่ออาชญากรรม จากนั้นพ่อแม่ของเธอก็จะเรียกให้เธอออกมาด้วยโทรโข่ง
คราวนี้มันคงไม่ใช่นักสืบที่รับบทเอาชนะใครคนใดคนหนึ่ง แต่มันคือสโนไวท์ มันเป็นงานใหญ่ที่เธอต้องพยายามอย่างถึงที่สุด
อ๊ะ แล้วก็อีกอย่างนึง
ถ้าเธอจะโน้มน้าวลาพูเซลอย่างจริงจังล่ะก็ แบบนั้นการอยู่ในร่างมนุษย์ก็จะดีกว่า โซตะเองก็คงไม่กังวลด้วย เธอต้องพยายามอย่างที่สุดเพื่อให้ได้เป็นเมจิคัลเกิร์ลกับลาพูเซลตลอดไป
☆ลาพูเซล
หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมของชมรมหลังเลิกเรียนแล้ว โซตะก็กลับมาที่บ้าน เมื่อเขาเปิดประตูบ้านและทักทายแม่ แม่ก็ยิ้มกว้างเป็นการตอบกลับ เขาจึงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“เพื่อนรออยู่นะ” แม่บอกเขา
ใครกันนะที่มาตอนเวลาแบบนี้? เมื่อไม่รู้ว่าเป็นใคร โซตะจึงเดินขึ้นบันไดแล้วก็เลื่อนเปิดประตูเข้าไปในห้องของเขา จากนั้นเขาก็เห็นเด็กผู้หญิงนั่งอยู่ เขารู้จักเธอดี เด็กผู้หญิงรูปร่างเล็กที่นั่งคุกเข่าอยู่บนเบาะรองนั่งสำหรับแขกตรงด้านหน้าเตียงนอนนั้นเป็นคนที่คุ้นเคยดี แม้โซตะจะเริ่มพูดว่า “สโน—” แต่เขาก็แก้ไขคำพูดให้ถูกต้อง
“โคยูกิ ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
“เมื่อเร็วๆนี้ เอ่อ โซจัง… โซจังเอาแต่คิดเรื่องเดิมๆอยู่ตลอดเลยใช่ไหม? มันเกี่ยวกับเรื่องนั้นน่ะ”
โซตะหน้าซีด ด้วยท่าทางที่จริงจังบนใบหน้าของโคยูกิแล้ว เขาบอกได้เลยว่าโคยูกิพยายามจะพูดอะไร
เธอรู้…!
จบแล้ว มันจบสิ้นแล้ว โซตะปิดประตูที่อยู่ด้านหลังแล้วก็โยนกระเป๋าลงบนเตียง จากนั้นก็ทรุดตัวลงบนที่นั่งตรงหน้าโคยูกิ เขาก้มหน้าลง เตรียมใจพร้อมที่จะรับคำต่อว่าจากเธอแล้ว
“นี่ โซจัง โซจังอยากจะเป็นเมจิคัลเกิร์ลต่อไปรึเปล่า?” น้ำเสียงของเธอไม่ได้มีการต่อว่าปนอยู่ เมื่อโซตะเงยหน้าขึ้น เขาก็สัมผัสได้ถึงความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอยู่ในแววตาของเธอ “ฉันเข้าใจได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นนะ โซจัง เรื่องแบบนั้นเป็นเรื่องปกติของเด็กผู้ชายมัธยมต้นใช่ไหม? ท็อปสปีดเองก็พูดแบบนี้เหมือนกัน”
แม้กระทั่งท็อปสปีดก็รู้งั้นเหรอ…
มันแพร่ไปไกลแค่ไหนแล้วนะ? หัวใจของโซตะมันเต็มไปด้วยเงามืด
“นี่ โซจัง โซจังจะไม่เลิกเป็นเมจิคัลเกิร์ลใช่ไหม?” สิ่งที่สัมผัสได้มันชัดเจนยิ่งกว่าท่าทางของเธอ โซตะสัมผัสได้ถึงความสิ้นหวังในน้ำเสียงของเธออย่างชัดเจน ในตอนนี้โซตะรู้แล้วว่ากำลังถูกเธอถามอยู่ เธอมอบตัวเลือกให้สองอย่าง ทิ้งความคิดสกปรกไปซะหรือเลิกเป็นเมจิคัลเกิร์ล
แน่นอนว่าโซตะไม่ได้มีความคิดสกปรกเพราะเขาอยากจะมีมัน แต่ว่ามันเป็นเพราะสัญชาตญาณของเด็กผู้ชายมัธยมต้น เป็นการตอบสนองตามธรรมชาติ แต่เขาจะทำให้โคยูกิเข้าใจมันได้รึเปล่านี่สิ? เขารู้สึกเหมือนกับว่าไม่สามารถอธิบายออกมาได้ตั้งแต่แรกเลย
โซตะเอามือกุมหัวแล้วก็บีบมันไปมา “ฉันน่ะอยากเป็นเมจิคัลเกิร์ลต่อไป แต่ว่ามันไม่มีอะไรที่ฉันทำได้เลย”
“ท็อปสปีดบอกว่า ถ้าจำเป็นล่ะก็เธอจะยื่นมือมาช่วยนะ” โคยูกิพูด
โซตะจินตนาการถึงท็อปสปีดที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยในทันที ในหมู่ของเมจิคัลเกิร์ลนั้นเธอเป็นคนที่ตัวเล็ก ซึ่งมันตรงกันข้ามกับลักษณะและท่าทางการพูดของเธอที่เหมือนผู้ชาย เธอจะยื่นมือเล็กๆที่นุ่มนวลข้างหนึ่งเข้ามาเพื่อที่จะ—
“เธอยังบอกอีกว่าพอได้รับศึกหนักแล้ว มันก็จะอ่อนลงเองด้วย”
“อะ—อะไรนะ?!”
“ประมาณว่าเวลาที่ผ่านเรื่องลำบากได้ มันก็จะทำให้คิดได้ยืดหยุ่นมากขึ้นน่ะ”
“ยะ…อย่างนั้นหรอกเหรอ”
“วินเตอร์พริซั่นเองก็พูดว่าเมื่อกังวลเรื่องของอะไรบางอย่าง การเคลื่อนไหวร่างกายคือความคิดที่ดีที่สุด”
“แม้กระทั่งวินเตอร์พริซั่น…?”
“เธอพูดว่าจะเป็นคู่ซ้อมให้ด้วย”
คู่ซ้อม…อะไรนะ?!
ลาพูเซลแน่ใจว่าตัวเองได้เห็นอะไรบางอย่างในตอนที่วินเตอร์พริซั่นเอาเสื้อโค้ทของตัวเองคลุมตัวของซิสเตอร์นานะ แม้จะเป็นเพียงแค่การมองผ่านเสื้อสเวตเตอร์ มันก็มีอะไรเป็นคู่ที่เห็นได้อย่างชัดเจน และถ้าเธอเสนอมันมาให้… ไม่สิ ไม่ ไม่ แบบนี้มันไม่ถูก คำว่า “เป็นคู่ซ้อม” มันก็คือคำพูดธรรมดาๆ มันมีโอกาสที่จะเข้าใจผิดเรื่องนี้อยู่
โคยูกิมองโซตะอย่างเป็นกังวล บางทีเธออาจจะทดสอบเขาอยู่ ทดสอบว่าเรื่องนี้จะเป็นการนำความคิดสกปรกเข้ามาในจิตใจรึเปล่า? หากเป็นแบบนั้นเขาก็จะไม่ผ่านการทดสอบแน่นอน เพราะสิ่งที่อยู่ภายในใจมันใช้ตรรกะยับยั้งไม่ได้
โซตะถอนหายใจอย่างทรมาณ “ขอโทษนะโคยูกิ…แต่ฉันทำอะไรกับมันไม่ได้หรอก”
“อย่ายอมแพ้สิ! ซิสเตอร์นานะเองก็พูดว่าบางครั้งมันก็จะมีปีศาจเข้ามากระซิบด้วย”
ภาพของปีศาจที่กระซิบเรื่องลามกที่หูของซิสเตอร์นานะผุดขึ้นมาในใจ ซิสเตอร์นานะก็ขัดขืนแล้วพูดว่า “ไม่เอานะ อย่าหยุดสิ ขอร้องล่ะ” แต่เธอก็ต้านทานเสียงกระซิบของปีศาจไม่ได้ แก้มของเธอกลายเป็นสีแดง มีเหงื่อไหลออกมาทั่วตัว สุดท้ายแล้ว แขนยาวๆของปีศาจก็เอื้อมเข้าไปที่ร่างกายของเธอ ไม่นะ! นี่ฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย?! โซตะส่ายหัวอย่างรุนแรง
“โซจัง?”
“เอ่อ โอเค…ไม่มีอะไรหรอก”
“ซิสเตอร์นานะบอกฉันว่า เมื่อรู้สึกเหมือนกับจะมีปีศาจโผล่ขึ้นมาในใจ” โคยูกิกระแอมเพื่อให้คอของตัวเองโล่ง จากนั้นก็เอามือวางลงบนเข่า “เมื่อเวลาที่คิดอะไรไม่ดีก็ควรจะนึกถึงใบหน้าของแม่เอาไว้นะ”
อั่ก…!
ใบหน้าของแม่โผล่ขึ้นมาในใจ จากนั้นพายุที่โหมกระหน่ำอยู่ภายในใจก็สงบลงทันที ลมหายใจที่ติดขัด ชีพจรที่เต้นรัวก็กลับมาเป็นปกติ
“เป็นยังไง? ได้ผลไหม?” เธอถาม
แน่นอนว่ามันได้ผล ตัวของเขาใจเย็นลงในพริบตาเดียวราวกลับกลืนน้ำแข็งก้อนโตลงไป แต่ว่า…
บะ…แบบนี้มันก็เจ็บปวดไปอีกแบบนะ…
โซตะพยักหน้าให้โคยูกิพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างสั่นเทา โซตะบอกเธอไปว่า “ไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
น้ำตาแห่งความปลาบปลื้มไหลออกมาจากดวงตาของโคยูกิ “ตอนนี้พวกเราก็เป็นเมจิคัลเกิร์ลต่อไปได้แล้วใช่ไหม?” เธอพูด
โซตะเองก็มีความสุขเช่นกัน แต่จริงๆแล้วเขานั้นตัดสินตัวเองแบบรุนแรงเกินไป
จากวันนั้นเป็นต้นมา ลาพูเซลก็เลิกคิด ไม่อยากให้สโนไวท์อ่านความคิดของฉันเลย สโนไวท์นั้นเข้มแข็งและมั่นใจในตัวเองมากกว่าแต่ก่อนแล้วด้วย ลาพูเซลเองก็ปรับท่าทีให้เข้ากับอัศวินผู้ทรงเกียรติได้มากขึ้น แต่บางครั้งเธอก็จะมองออกไปยังที่ห่างไกล และเธอก็ไม่เคยบอกเหตุผลเรื่องนี้ว่าเพราะอะไรกับสโนไวท์
MANGA DISCUSSION