บทเพลงอันรวดเร็ว
เรื่องราวนี้เริ่มต้นขึ้นก่อนที่เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจครอบแรกจะเริ่มต้นขึ้นเป็นเวลานาน
จู่ๆมันก็มีเสียงสองเสียงดังขึ้นมามากพอที่จะทำให้ทุกคนอุดหูของตัวเอง เสียงแรกที่เกิดขึ้นคือเสียงการกระแทกเพื่อเปิดประตูอย่างรุนแรง ส่วนเสียงที่สองคือเสียงของประตูปิดตัวลงเข้ากับผนัง
เธอรู้ว่ามีเพียงคนเดียวที่จะเข้ามาด้านในด้วยวิธีแบบนี้
“งายยยย! ท็อตป๊อปสุดน่ารัก คนรักของตัวเองไงล่ะ! ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลย!”
เรื่องการกระตือรือร้นของเธอมันทั้งน่ารำคาญและน่ารังเกียจพอๆกันเลย
เด็กสาวคนนี้แต่งตัวแนวพังค์ร๊อค สวมเสื้อยืดแขนยาวที่เข้ากับกีตาร์ที่ดูหยาบกร้าน มีของประดับรูปหัวกะโหลก และริมฝีปากที่เปล่งประกาย แถมยังแต่งหน้าหนาๆราวกับเป็นเรื่องปกติสำหรับเมจิคัลเกิร์ลอีกด้วย ราวกับเธอจะคุยโวโอ้อวดว่า “ดาวเด่นมันต้องแต่งหน้าตอนขึ้นเวทีสิ”
“รู้แล้วน่า… ไม่ต้องมาแนะนำตัวเองก็ได้ ชั้นรู้จักชื่อเธอดี ดีพอจนรู้สึกรำคาญเลย…”
“คี๊คกี๊เป็นอะไรเหรอ? ดูซึมๆจัง ในฐานะที่เป็นรุ่นพี่เดี๋ยวเราจะรับฟังเองนะ”
“รุ่นพี่ที่พูดมาเนี่ย มันหมายความว่ายังไงน่ะ?”
“อ๊ะ โทษที นั่นน่ะเป็นความลับของท็อตป๊อปเลยนะ? แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินก็แล้วกันเนอะ”
เฮ้อ ยัยนี่เข้าใจยากเหมือนเดิม… แถมยังน่ารังเกียจอีก…
คี๊คหมุนเก้าอี้ของตัวเองไปรอบๆแล้วมองมาที่ท็อตป๊อป แต่ท็อตป๊อปก็ไม่ได้ตกใจอะไร มันเหมือนกับว่าเธอทำตัวเหมือนกับอยู่ที่บ้านอย่างเป็นธรรมชาติ เธอดึงเอาเก้าอี้พับออกมานั่งลงข้างๆโดยที่ไม่ได้ขออนุญาต ส่วนกีตาร์ของเธอก็พิงเอาไว้กับโต๊ะเหล็ก
“ฟังนะ” คี๊คพูดออกมา “ตอนนี้ชั้นยุ่งอยู่”
“ไม่ต้องห่วง ตอนนี้เราว่างอยู่ล่ะ”
“ชั้นไม่สน จะไปใช้เวลาว่างที่ไหนก็ไปเลยไป”
“อย่าใจร้ายสิ พอเราทำเรื่องที่มานี่เสร็จแล้ว เราก็จะออกไปแบบเร็วสุดๆเลย”
คี๊คพยายามดันแว่นของตัวเองด้วยมือขวา แต่แขนเสื้อโค้ทสีขาวของเธอมันยาวเกินไป นิ้วมือของเธอเลยไม่โผล่ออกมาแขนเสื้อ “ให้ตายสิ เธอนี่มัน… พอเปิดปากทีไรก็เอาพูดเรื่องนู้นเรื่องนี้อยู่ตลอด…”
“ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา พอเราคุยกับคี๊คกี๊ทีไรมันก็รู้สึกสนุกอยู่ตลอดเลย”
คี๊คพูดอะไรไม่ออก เธอกระแอมออกมาหลายครั้งเพื่อปกปิดเอาไว้ แบบนี้ไม่ดีเลย เธอรับมือเสน่ห์ของท็อตป๊อปไม่ได้ เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นอยู่ตลอด
“อ๋า คี๊คกี๊ แก้มแดงหมดแล้วนะ!”
“หือ? ไม่จริงน่า —ล้อเล่นป่ะเนี่ย?!”
“อื้อ ล้อเล่น! เย้ จับได้แล้ว!”
“ยัยนี่…โธ่เอ๊ย…อ๊าาาา!” คี๊คกระโดดขึ้นมาจากเก้าอี้ ซึ่งมันทำให้เก้าอี้ที่เธอนั่งอยู่กระเด็นไปที่มุมห้องจนทำให้ฝุ่นมันฟุ้งขึ้นมา
ไหล่ของเธอสั่น คี๊คมองไปที่ท็อตป๊อป ซึ่งคราวนี้เธออาจจะหน้าแดงจริงๆก็ได้ แต่อีกด้านหนึ่งนั้น ท็อตป๊อปต้านทานการจ้องมองเอาไว้ได้อย่างสงบนิ่งเสมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความจริงแล้วท็อตป๊อปเองก็ยิ้มอยู่ด้วย
การได้เห็นรอยยิ้มของท็อตป๊อปแบบนี้มันทำให้คี๊ครู้สึกอ่อนแอ เธอพยายามจะนั่งลงไป แต่เก้ามันก็ไม่อยู่แล้ว
“ให้ตายสิ เธอนี่มัน… จริงจัง…”
“จริงจัง?”
“ช่างเถอะ ว่าแต่เธอมาที่นี่ทำไมล่ะ?”
“รู้จักคนที่สำคัญจากฝ่ายบริหารจัดการรึเปล่า?”
“ไม่”
“งั้นก็รู้จักที่คนที่รู้จักพวกนั้นบ้างไหม?”
“ชั้นว่าก็รู้จักอยู่นะ แต่…”
“แนะนำให้หน่อยสิ”
“หือ?”
“ช่วยเราหน่อยสิ ขอร้อออองล่ะ!”
คี๊ครู้จักคนสำคัญไม่กี่คน ตัวของคี๊คเองก็นับเป็นคนที่มีความสำคัญพอตัวด้วย แต่กระนั้นเธอก็แพ้ให้กับท็อตป๊อปที่ทำตัวแบบนี้
เธอสามารถแนะนำท็อตป๊อปให้รู้จักกับคนที่มีตำแหน่งสูงของฝ่ายบริหารจัดการได้ พวกเบื้องบนเองก็เกลียดเมจิคัลเกิร์ลที่ไม่ดีด้วยใช่ไหมนะ? ถ้าเป็นแบบนั้น คี๊คอาจจะให้คนที่มีตำแหน่งสูงกว่าตำหนิท็อตป๊อปแทนตัวเอง บางทีท็อตป๊อปอาจจะรู้สึกสำนึกผิดเกี่ยวกับการกระทำของตัวเองขึ้นมาเล็กน้อยบ้างก็ได้
“ก็ได้ ชั้นจะบอกเอง ดีใจซะเถอะ”
“ขอออออบคุณน้า! รักคี๊คกี๊ที่สุดเลย! ม๊วฟฟฟ!”
“เธอนี่มันน่ารำคาญชะมัด! พอได้แล้ว! อย่าเอาน้ำลายมาย้อยใส่ชั้นสิเฟ้ย!”
ทั่วทั้งห้องนั้นเป็นสีดำ เว้นแต่แมนดาล่า*หลากสีสรรที่ดูเหมือนกับสัญลักษณ์เวทมนตร์ที่ส่องประกาย ภายในห้องนั้นมีชายชราและเด็กสาวหันหน้าเข้าหากันอยู่
*แมนดาล่า – สัญลักษณ์แทนจักรวาลในศาสนาฮินดู
ชายชรานั้นเอนตัวอยู่บนเก้าอี้ที่หุ้มด้วยหนังและจ้องมองมาที่เด็กสาวด้วยความไม่พอใจอย่างรุนแรง การที่ชายชรามีเสื้อคลุมยาวถึงพื้น หนวดเคราสีขาวยาว และไม้เท้านั้น มันก็คือการบ่งบอกว่าอีกฝ่ายคือจอมเวท
เด็กสาวนั้นมีกีตาร์ที่ดูหยาบกร้านวางอยู่บนตัก สไตล์การแต่งตัวของเธอก็ดูดุดันด้วยการสวมเสื้อและกางเกงที่ใช้กระดุมและเข็มขัดอย่างฟุ่มเฟือย เครื่องประดับผมเองก็มีรูปทรงแบบกับดักหมี การที่จะเรียกเธอว่านักดนตรีหรือมือกีตาร์มันฟังดูเหมาะสมกว่าเมจิคัลเกิร์ลเสียอีก ในด้านตรงกันข้ามกับรอยย่นลึกตรงคิ้วของชายชรา เธอก็ยิ้มออกมาบนใบหน้ากว้างจนถึงใบหู ราวกับว่านี่คือเรื่องสนุกสำหรับเธอ
ชายชราเดาะลิ้นราวกับว่าอยากให้เธอได้ยิน “ชั้นมาที่นี่เพราะได้ยินว่าเป็นการแนะนำมาจากมาสเตอร์ฝ่ายโอส… ไม่ได้คิดเลยว่าจะกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ล”
เสียงของชายชรานั้นต่ำราวกับพึมพำ การที่เขาพูดแบบนี้มันก็เหมือนว่าพูดกับตัวเอง “ชั้นไม่คุยกับเมจิคัลเกิร์ลหรอกนะ”
“แหม ไม่เอาสิ”
“การที่ชั้นถูกลากเข้ามาในตำแหน่งนี้ ทั้งหมดมันก็เป็นเพราะว่าคนอย่างพวกเธอกับพวกป่าเถื่อนที่พวกเธอสร้างขึ้นมานั่นแหละ และชั้นจะพูดอีกว่า ชั้นรังเกียจพวกเธอมากด้วย…”
เขาไม่แสดงปฎิกิริยาอะไรกับการพูดของเด็กสาว และยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆราวกับว่าพูดกับตัวเองอยู่
“โดยปกติแล้ว เธอน่ะจะไม่มีทางถูกอนุญาตให้เข้ามาที่ห้องนี้หรอกนะ เป็นแค่เมจิคัลเกิร์ลที่หยิ่งยโสแท้ๆ —การที่เข้าใจผิดว่าจะกลายเป็นจอมเวทได้เนี่ย คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?”
ชายชราชี้ไปที่ทางเข้าด้วยไม้เท้าของเขา ที่ปลายของไม้เท้านั้นกำลังสั่น —มันไม่ใช่ความกลัว แต่เป็นความโกรธและด้วยอายุที่อยู่ในวัยชราภาพ เสียงของชายชรานั้นต่ำลงเรื่อยๆ จนในที่สุดก็กลายเป็นว่ายากที่จะได้ยิน “ออกไปซะ ชั้นไม่มีอะไรจะพูดกับเธอ”
“ไม่เอาสิ เราแน่ใจว่ามีอะไรที่ต้องคุยกันนะ”
เด็กสาวยกมือขึ้นมา เธอนั้นยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้มีร่องรอยของความกลัวหรือความโกรธอยู่บนใบหน้าเลย
สามสิบนาทีต่อมา…
“แล้วชั้นก็บอกพวกนั้นไป —แม้ว่าพวกเราจะได้ประโยชน์จากเรื่องนั้นแค่ชั่วคราวมันก็ไม่เหมาะสม แถมมันจะทำลายความไว้วางใจที่มีต่อพวกเราลงไปอีก แล้วเรื่องนี้น่ะ ชั้นเชื่อว่าทางดินแดนเวทมนตร์ควรจะกลัวที่สุดด้วย”
“หวาาา! แบบนั้นต้องกล้าสุดๆเลยใช่ไหม?”
“แต่ในโลกที่พวกเราอาศัยอยู่ คนที่มีความชอบธรรมไม่ได้เป็นผู้ชนะเสมอไป พวกนั้นใช้ตำแหน่งของตัวเองเพื่อบ่อนทำลายพรรคพวกของชั้น แถมในตอนการประชุมครั้งสุดท้าย ชั้นก็ถูกล้อมรอบไปด้วยพวกศัตรูอีก”
“จริงเหรอนั่น?! แย่ที่สุดเลย!”
“ผลก็คือ ชั้นก็ถูกขับออกมาจากตำแหน่งผู้นำ ถูกไล่ออกมาที่ยังสถานที่ที่ห่างไกลจากฝ่ายบริหารจัดการเมจิคัลเกิร์ล และในตอนนี้ชั้นก็ไม่ได้ทำการวิจัยเรื่องยกระดับเวทมนตร์อะไรอีกแล้ว…”
“แต่มันก็มีเรื่องดีๆอยู่นี่นา?”
“มันจะไปมีเรื่องดีได้ยังไงล่ะ?”
“ก็ได้เจอกับท็อตป๊อปผู้น่ารักคนนี้ไม่ใช่เหรอ?”
“…หึ งี่เง่าสิ้นดี” ชายชราก้มตัวลงแล้วจับไม้เท้าเอาไว้ เขารู้ดีว่าตัวเองไม่ได้โกรธอย่างที่พูด “จะว่าไป —เธอมาที่นี่ทำไมกันน่ะ?”
“อยากให้บอกเรื่องที่อยู่ปัจจุบันของเมจิคัลเดซี่ให้หน่อย”
ชายชราร่ายเวทมนตร์แบบสั้นๆและขยับไม้เท้าเพียงเล็กน้อย จากนั้นก็มีเศษกระดาษเล็กๆโผล่ออกมาจากในอากาศ เมื่อกระดาษนั้นร่วงลงมาเด็กสาวจึงยื่นมือไปคว้าเอาไว้
“ที่อยู่ของเธอเขียนเอาไว้บนนั้นแล้ว รับไปสิ”
“เยี่ยมเลย!”
“หึ อย่าเข้าใจผิดแล้วกัน ที่ชั้นบอกเธอก็เพราะว่าเธอผ่านขั้นตอนที่เหมาะสมเท่านั้น”
“ขอบคุณมากเลย! เราติดหนี้แล้วล่ะ!”
เมื่อเด็กสาวหายตัวไปจากห้อง ชายชราก็ยืดหลังและเข่า จากนั้นก็เอนตัวพิงกับเก้าอี้ของตัวเอง
มันก็จริงอยู่ที่เธอผ่านขั้นตอนที่เหมาะสม แต่กระนั้น เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะพูดกับเมจิคัลเกิร์ลเลย ชายชราคนนี้ไม่ชอบพวกเธอ เขามองดูพวกเธอราวกับเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชั้นต่ำที่สุด
แล้วทำไมถึงยังพูดคุยกับเธอกันนะ? บทสนทนาเองก็ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญอะไรด้วย แถมหลังจากที่รู้สึกสนุกกับการพูดคุยครั้งแรกในเวลาที่ยาวนาน เขาก็มีความคิดว่าคงไม่เป็นอะไรที่จะบอกที่อยู่ให้เธอไปออกมาอย่างเป็นปริศนา ความเกลียดชังและทัศนคติที่เลือกปฎิบัติกับเมจิคัลเกิร์ลเองก็จางหายไปด้วย
เขาคิดว่าคงไม่ได้โดนอีกฝ่ายร่ายเวทมนตร์อะไรใส่ แต่ทำไมความรู้สึกของเขาถึงเปลี่ยนไปในเวลาสั้นๆกันล่ะ? เขาไม่เข้าใจเรื่องนี้เลย ชายชราพลางคิดพร้อมกับลูบเคราของตัวเองที่สะท้อนแสงจากสัญลักษณ์เวทมนตร์
เมื่อคิคุ ยาคุโมะกลับมาถึงบ้าน เธอก็พบว่ามีเมจิคัลเกิร์ลมารออยู่แล้ว
“งาย! ยินดีที่ได้รู้จักนะ! ท็อตป๊อป เมจิคัลเกิร์ลไร้ประโยชน์มาแล้วจ้า!”
“หือ? อะ เอ่อ? อะ-อะไรเนี่ย?”
เมื่ออีกฝ่ายยื่นมือเข้ามาหา คิคุก็จับมือตอบกลับไปอย่างสับสน เธอรู้สึกงุนงง มันแน่นอนอยู่แล้วที่เธอต้องรู้สึกแบบนี้ เธอออกไปเรียนที่มหาวิทยาลัย จากนั้นก็ออกไปที่โรงงานบรรจุอาหารแห้งขนาดใหญ่เธอทำงานพาร์ทไทม์อยู่ ซึ่งมันทำให้เธอเกือบจะไปล้างเหงื่อในโรงอาบน้ำสาธารณะ ก่อนจะแปลงร่างเป็นเมจิคัลเกิร์ลไปปกป้องช่วยเหลือผู้คน โดยเฉพาะการเก็บขยะๆรอบๆสนามเด็กเล่นไม่ทัน
หลังจากกลับมาที่บ้านด้วยความเหนื่อยล้า เธอก็คิดว่าจะล้มตัวลงไปบนฟูกแล้วนอนหลับ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ประตูอพาร์ทเมนท์เก่าๆของเธอกลับถูกปลดล็อค ฉันก็ไม่ได้ออกไปโดยไม่ได้ล็อคนี่นา… แต่เมื่อลองคิดดูแล้ว นี่เธอมีของที่มีค่าพอจะให้ขโมยด้วยงั้นเหรอ? เธอกังวล และเมื่อเปิดประตูเข้าไป เธอก็พบกับเด็กสาวที่ดูเหมือนกับเป็นสมาชิกวงพังค์ร็อคนั่งชันเข่าอยู่บนเสื่อทาทามิพร้อมกับกีตาร์ของเธอที่วางไว้ข้างตัว
แน่นอนว่ามันทำให้คิคุรู้สึกสับสน
“หือ? เมจิคัลเกิร์ล? นี่เข้ามาได้ยังไงเนี่ย?”
“เราได้ที่อยู่มาจากฝ่ายบริหารจัดการน่ะ”
“ไม่ ฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น ประตูมันล็อคอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
“เราไปคุยกับเจ้าของที่ แล้วเธอก็มาเปิดให้แบบไม่มีปัญหาเลย เราไม่ได้ทำอะไรไม่ดีหรอก ดังนั้นไม่ต้องห่วงนะ”
“ไม่ต้องห่วงงั้นเหรอ? อย่ามาพูด—”
“เธอคือเมจิคัลเดซี่ใช่ไหมล่ะ?”
“ก็ใช่”
คิคุปิดประตูที่อยู่ด้านหลังแล้วแปลงร่าง ที่มือขวาของเธอคฑาเวทมนตร์ ที่เอวของเธอมีดอกไม้ประดับตกแต่ง และกระโปรงที่ยาวเหนือเข่าสิบนิ้ว เธอคือเด็กสาวที่ครั้งหนึ่งเคยถูกนำไปสร้างเป็นอนิเม—
“หวาาา! เมจิคัลเดซี่ตัวจริงล่ะ! ยอดสุดๆ! แล้วก็เพลงนี้!”
เด็กสาวจับมือของเดซี่แล้วก็ยกขึ้นลงอย่างแรง เดซี่ยิ้มออกมานิดๆ แม้เธอจะรู้ว่าเป็นสาวคนนี้กำลังตื่นเต้นอยู่ก็ตาม ผู้คนต่างพูดกันว่าเมื่อมีชื่อเสียงแล้วก็จะมีภาษีตามมา การได้ถูกทำเป็นอนิเมก็จะมีแฟนคลับ ถ้าหากมีแฟนจำนวนมาก มันก็จะมีคนแปลกๆอยู่มากเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม มันก็คงไม่เป็นอะไรที่จะเซ็นลายเซ็นให้ไม่ก็ถ่ายรูปด้วยกัน จากนั้นก็รีบส่งเธอกลับบ้าน
“แล้วก็ เอ่อ…ท็อตป๊อปใช่ไหม? วันนี้มาที่นี่ทำไมเหรอ?”
ท็อตป๊อปปล่อยมือของเมจิคัลเดซี่แล้วก็ก้มตัวลงกราบลงบนเสื่อทาทามิ เธอเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว เพราะแบบนั้นเมจิคัลเดซี่จึงไม่ทันได้หยุดเธอ แม้เด็กสาวคนนี้จะมีนิสัยแปลกๆ แต่เธอก็อาจจะเป็นคนญี่ปุ่นแท้ๆก็ได้ หากไม่ใช่ แบบนั้นเธอจะลงไปหมอบกราบกับพื้นแบบนี้ได้ดีได้ยังไงกันล่ะ?
“ขอร้องล่ะ! ช่วยมาตั้งวงดนตรีกับเราเถอะ!”
“…หือ?”
ท็อตป๊อปเงยหน้าขึ้นมาในขณะที่ยังคงหมอบอยู่ที่พื้น ตรงเสื่อทาทามิมันมีรอยหน้าผากของเธออยู่ ที่แก้มของเธอเองก็มีสีแดงด้วย
“เมื่อวันก่อน เรามีโอกาสได้ดู DVD เมจิคัลเดซี่ มันทำให้เรามีความสุขมากเลยล่ะ”
“อ๊ะ ขอบคุณนะ”
“เพลงเปิดนี่สุดยอดมากเลย! เราไม่อยากจะเชื่อเลยว่าธีมซองมันจะสุดยอดขนาดนี้! ปฎิวัติวงการเพลงอนิเมเลยนะ! มิราเคิล! โลจิคัล! หากอยู่ด้วยกันกับเมจิคัลเดซี่ที่เป็นผู้สร้างล่ะก็ เรามั่นใจว่าต้องทำเพลงที่สุดยอดออกมาได้แน่ๆ! แน่ใจเลยล่ะ!”
เมจิคัลเดซี่เอามือของเธอไปแตะที่หลังหัวอย่างเก้ๆกังๆ และมองลงมาที่ท็อตป๊อปในเชิงขอโทษ
“ฉันไม่ใช่คนที่ทำเพลงเปิดหรอกนะ”
“หือ? จริงเหรอ?”
“ใช่แล้วล่ะ”
“ถ้างั้นก็อยากให้แนะนำคนที่ทำให้เราหน่อย”
“มันไม่ได้อยู่ใต้การตัดสินใจของฉันหรอก… ช่วยกลับไปถามฝ่ายบริหารจัดการอีกครั้งเถอะ”
“ถ้าเรากลับไปดินแดนเวทมนตร์เพราะเรื่องนี้อีกครั้งล่ะก็ แบบนั้นเรามั่นใจเลยล่ะว่าคุณลุงต้องโกรธแบบไม่ต้องสงสัยเลย”
“ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะ ฉันก็…”
สามสิบนาทีต่อมา…
“จากนั้นก็ เดซี่บีมแห่งความตาย!”
“เจ๋งสุดๆ! เดซี่นี่สุดยอดเลย!”
“อ๊ะ ถึงฉันจะเรียกมันว่าแห่งความตาย แต่ฉันก็ไม่เล็งไปที่คนอื่นหรอกนะ รู้ไหม!”
“เดซี่ใจดีจัง! มีมนุษยธรรมสุดๆ! พระแม่เทเรซ่ายุคใหม่เลยนะเนี่ย!”
“แล้วฉันก็แก้ไขเหตุการณ์นั้นได้ล่ะ”
“แหม น่าตกใจสุดๆ เราไม่เคยคิดเลยว่ามีความลับแบบนั้นซ่อนอยู่เบื้องหลังของเมจิคัลเดซี่ตอนที่ 17 ด้วย”
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่จนถึงขนาดที่เรียกว่าความลับเบื้องหลังอะไรหรอก”
เมจิคัลเดซี่ปาดหน้าผากของเธอด้วยหลังมือ ในอพาร์ทเมนท์เล็กๆแห่งนี้ เธอทำแม้กระทั่งออกท่าทางของบางเหตุการณ์ในเรื่องราวของเธอ เพราะแบบนั้นในตอนนี้ตัวของเธอจึงชุ่มไปด้วยเหงื่อ หากเพื่อนบ้านไม่ได้ออกไปไหนก็คงจะคิดว่าเกิดการต่อสู้กันในห้องแน่ๆ
เมื่อท็อตป๊อปปรบมือให้ เมจิคัลเดซี่ก็รู้สึกว่าถูกห่อหุ้มไปด้วยความรู้สึกผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า
“อ๊ะ ใช่ ว่าแต่เธอมาที่นี่ทำไมกันนะ ท็อตป๊อป?”
“เราอยากให้บอกเรื่องที่ว่าใครเป็นคนทำเพลงเปิดของเมจิคัลเดซี่ให้หน่อยน่ะ”
ในตอนนี้เธอจำได้แล้วว่าพูดเรื่องแบบนั้นอยู่ด้วย พอเธอเข้าถึงบทบาทก็ลืมมันไปเสียสนิท
เธอมองไปที่ท็อตป๊อป คนที่นั่งคุกเข่าอย่างเรียบร้อยบนเสื่อทาทามิ แม้จะอยู่ภายใต้แสงของหลอดฟลูออเรสเซนต์ราคาถูก ดวงตาของเธอก็เปล่งประกายออกมา มันไม่ใช่ว่าตัวของเธอนั้นส่องประกาย แต่เธอไม่ได้ดูเหมือนเป็นคนเลวตรงไหนเลยมากกว่า
หากเธอไม่ใช่คนเลว แบบนั้นมันมีเหตุผลอะไรที่จะไม่บอกกันล่ะ?
เมจิคัลเดซี่ฉีกกระดาษหน้าหนึ่งออกมาจากสมุดบันทึกของมหาวิทยาลัยแล้วก็เขียนตัวเลขลงไป “กรุณาอย่าถามอะไรที่มันไม่มีเหตุผลกับพวกเขานะ”
“หวาา! ขอบคุณนะ! เดซี่ใจดีจัง! รักที่สุดเลย!”
ในจังหวะที่ท็อตป๊อปได้รับกระดาษนั้น เธอก็วิ่งออกไปที่ประตูราวกับพายุ เดซี่ปิดประตูและยิ้มออกมาเล็กน้อย พาเล็ตต์ต้องตกใจที่จู่ๆท็อตป๊อปไปหาแน่ ดังนั้นเธอก็ควรติดต่อไปหาพาเล็ตต์เรื่องที่ท็อตป๊อปจะไปหาก่อน เธอคิดว่าจะลองโทรไปหาเป็นครั้งแรกในระยะเวลานานเช่นกัน
“เพราะแบบนี้เธอถึงมาที่นี่งั้นสิ?”
“ก็นะ เราน่ะไปๆมาๆอยู่หลายที่ แล้วในตอนนี้ก็มาอยู่ที่นี่ล่ะ” เมจิคัลเกิร์ลท็อตป๊อปพูดออกมาพร้อมกับเริ่มนับนิ้วบนมือ เธอยกนิ้วขึ้นมานิ้วหนึ่งแล้วตามด้วยอีกนิ้วหนึ่ง บางทีเธออาจพยายามทำให้ฟังดูมีเหตุมีผลก็ได้
“ก่อนอื่นก็ที่ฝ่ายบริหารจัดการ เราไปถามที่อยู่ของเดซี่มาแล้วก็ไปยังที่บ้านของเธอ จากนั้นก็ไปหาพาเล็ตต์ที่เป็นมาสค็อตที่เดซี่แนะนำมา แต่พาเล็ตต์บอกว่าเรื่องทำนองเพลงมันเป็นงานที่จ้างเพื่อนมาสค็อตที่เป็นคนนอก เพราะดูเหมือนว่าทางนั้นสามารถแต่งอะไรบางอย่างได้ และคนที่ถูกจ้างงานก็คือไซเบอร์แฟร์รี่ที่ชื่อว่าฟาฟ คนที่เราคิดว่าเป็นเหมือนพวกนักร้องโวคัลลอยด์อะไรแบบนั้น แต่มันก็ไม่ใช่ ฟาฟบอกว่าตัวเองถามเมจิคัลเกิร์ลที่ชื่อว่า นักดนตรีแห่งพงไพร แครนเบอร์รี่เพื่อให้แต่งเพลงให้”
“และในตอนนี้เธอก็อยู่ที่นี่” เด็กสาวกระแทกส้นรองเท้าของเธอลงไปที่พื้น พวกเธออยู่ในอาคารร้างที่ไม่มีคนอื่นนอกจากเมจิคัลเกิร์ลสองคน ดังนั้นเสียงมันจึงดังกังวาลเป็นพิเศษ
แครนเบอร์รี่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าทำไมฟาฟถึงส่งเรื่องนี้มาให้เธอ ไซเบอร์แฟร์รี่สามารถจัดการโปรเจคที่ตัวเองชอบ แต่ก็จะหลีกเลี่ยงปัญหาด้วยอคติขั้นสุดด้วย
“เราแน่ใจว่าฟาฟบอกเราว่า คนที่แต่งเพลงเปิดของเมจิคัลเดซี่ก็คือนักดนตรีแห่งพงไพร แครนเบอร์รี่ และยังบอกอีกว่าแม้มันจะถูกบอกว่าฟาฟนั้นทำขึ้น แต่มันก็เป็นแค่การใส่ชื่อของฟาฟลงไป และฟาฟก็ให้คุณทำงานทุกอย่าง”
แครนเบอร์รี่ยิ้มและดอกกุหลาบที่ไหล่ของเธอก็สั่นไหว ละอองเกสรกระจายออกมาแล้วก็หายไป “เราทำงานนั้นจริงๆนั่นแหละ”
“โหยยย! เจ๋งสุดๆ! ทุกคนไม่ได้เรียกคุณว่านักดนตรีเฉยๆสินะเนี่ย!”
เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง แครนเบอร์รี่ก็เห็นหิมะตกลงมาปกคลุมทิวทัศน์ ด้านบนยอดต้นซีดาร์สูงๆกลายเป็นสีขาวรางๆ ในไม่ช้าป่าต้นซีดาร์ที่ทอดยาวออกไปแบบสุดลูกหูลูกตาก็จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ
เธอไม่ชอบแขกที่ส่งเสียงดัง ณ อาคารร้างท่ามกลางพื้นที่ป่าอันหนาวเหน็บแห่งนี้มันไม่มีใครคนอื่นนอกจากพวกเธอสองคน แครนเบอร์รี่เริ่มคิดว่ามันจะเร็วกว่าถ้าทำให้เธอเงียบด้วยวิธีการที่รุนแรงที่ตัวเองถนัด แต่เมื่อคิดทบทวนแล้ว หากเด็กสาวคนนี้มาจากฝ่านบริหารจัดการ ถ้าเธอเกิดหายตัวไปขึ้นมาก็จะน่าสงสัย
ในอีกแง่หนึ่งถึงจะน่าเศร้า แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องพูดกับอีกฝ่ายแล้วทำให้เธอพูดว่าลาก่อนออกมา
แม้ว่าเรื่องเหล่านี้ควรจะเป็นงานของฟาฟก็เถอะ
แครนเบอร์รี่มองไกลออกไปนอกหน้าต่าง เธอซ่อนความคิดในใจเอาไว้โดยไม่ปล่อยให้รอยยิ้มอย่างสดใสจางหาย เธอหันกลับมาที่ท็อตป๊อป และทำให้กลัวเล็กน้อยโดยการมองไปที่ใบหน้าของเด็กสาว ราวกับว่าภายในใจของเธอมุ่งหวังจะทำเช่นนั้น
สามสิบนาทีต่อมา…
“โฮะโฮ่ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีเมจิคัลเกิร์ลแบบนั้นอยู่ด้วย”
“อาจารย์ของเราน่ะเป็นแมวมอง ดังนั้นเราถึงรู้เรื่องราวของเมจิคัลเกิร์ลแปลกๆเยอะ”
“จะว่าไปแล้ว เมื่อก่อนเราก็เคยเปลี่ยนทั้งครอบครัวให้กลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลด้วย”
“โห ยอดเลย! เป็นไปได้ไงล่ะนั่น?”
อีกสามสิบนาทีต่อมา…
“มันคงไม่ใช่เรื่องเกินจริงอะไรที่จะพูดว่า เธอนั้นเป็นพวกที่มองการณ์ไกลอย่างยอดเยี่ยม”
“แต่แบบนั้นก็ไม่ได้หมายความว่า สุดท้ายแล้วการทำอะไรได้หลายอย่างจะดีกว่าหรอกเหรอ?”
“เหมือนว่าพวกนั้นจะได้ข้อสรุปว่า เมื่อทำการประเมินบนพื้นฐานที่สมมติว่าต้องปฎิบัติการกันเป็นทีม ก็ควรมองดูมากกว่าความสามารถเฉพาะตัว ความคิดในเรื่องนี้ของเราเองก็ต่างออกไปเหมือนกัน”
“งั้นโดยทั่วไปแล้ว มันหมายความว่ายังไงล่ะ?”
หนึ่งชั่วโมงต่อมา…
“ดังนั้นตามทฤษฎีแล้ว ความเก่งกาจจะทำให้ก่อเกิดอำนาจทุกอย่าง”
“หวาาา? เราไม่อยากจะเชื่อเลย”
“ส่วนไหนล่ะที่ไม่อยากเชื่อ?”
“ก็การต่อสู้มันต้องน่าเบื่อสุดๆไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่แล้วล่ะ ดังนั้นหากจะสรุปแบบสั้นๆ สิ่งที่พวกเราค้นหา—”
“เดี๋ยวก่อนนะ ปอน”
มันไม่ใช่ว่าเมจิคัลโฟนของเธอพูดได้ แต่มันมีทรงกลมสีขาวดำโผล่ขึ้นมาจากหน้าจอ —ไซเบอร์แฟร์รี่ ฟาฟนั่นเอง แครนเบอร์รี่รู้จักฟาฟมานานแล้ว ดังนั้นเธอจึงบอกได้ว่าฟาฟนั้นอารมณ์ดีหรือไม่ดีได้จากเสียงสังเคราะห์ และในตอนนี้ฟาฟนั้นก็อารมณ์ไม่ดี
“มีอะไรงั้นเหรอ ฟาฟ? มีปัญหาอะไรรึไง?” แครนเบอร์รี่ถาม
“จะคุยกันอีกนานแค่ไหนเนี่ย ปอน?”
“นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะมากำหนดเวลาได้หรอกนะ”
“ช่าย ช่าย!” ท็อตป๊อปเห็นด้วย “ยิ่งคุยกันมาก มันก็ยิ่งต้องใช้เวลามากตามไปด้วยใช่ไหมล่ะ?”
“พอผู้หญิงคุยกันไปเรื่อยๆนี่มันสิ้นหวังสุดๆเลย ปอน…”
เมื่อเปลี่ยนหัวข้อสนทนาจากเรื่องหนึ่งไปอีกเรื่องหนึ่ง และเพราะทุกๆหัวข้อนั้นมันมีความน่าสนใจมาก จึงทำให้แครนเบอร์รี่จมจ่อมอยู่ในบทสนทนา หากเวลาที่แสดงอยู่บนเมจิคัลโฟนของเธอนั้นถูกต้อง ในตอนนี้เวลามันก็ผ่านมาสองชั่วโมงแล้วตั้งแต่ที่เริ่มคุยกัน
แม้จะมีเรื่องดูถูกการสนทนาของผู้หญิงอยู่หรือไม่ก็ตาม แครนเบอร์รี่ก็ไม่ใช่คนที่จะรู้สึกสนุกสนานกับการพูดคุยเพียงเล็กน้อย เธอชอบที่จะลุกขึ้นแล้วทำอย่างอื่นมากกว่า แต่ก่อนที่จะรู้สึกตัว เธอก็ถูกดึงเข้ามาในการสนทนาไปแล้ว เด็กสาวนั้นพูดบทสนทนาไปในทางที่แครนเบอร์รี่ชื่นชอบ พร้อมกับมีความรู้เรื่องในหัวข้อที่ตัวเองพูดอีกด้วย
“ถ้าอย่างนั้นก็คงช่วยไม่ได้หรอก ใช่ไหมล่ะ?” แครนเบอร์รี่พูด
“ช่วยอะไรไม่ได้เหรอ ปอน?”
“ช่าย ช่าย ไม่ว่ายังไงก็ช่วยไม่ได้หรอก”
“เธอนี่เงียบซักนาทีนึงจะได้ไหม ปอน รีบๆเอาเมจิคัลโฟนออกมาได้แล้ว”
มีแสงสีแดงสว่างวาบ และฟาฟก็โอนย้ายข้อมูลเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว
“แครนเบอร์รี่น่ะยุ่งมาก ดังนั้นจึงไม่มีเวลาไปตั้งวงดนตรีหรือทำอะไรเกี่ยวกับดนตรีได้หรอก ปอน เราส่งข้อมูลเกี่ยวกับเมจิคัลเกิร์ลที่ดูเหมือนว่าจะสามารถเข้าร่วมกับเธอได้ถ้าอยากจะทำไปให้แล้ว ดังนั้นก็ไปหาพวกเธอแทนเถอะ ปอน”
“แต่เราคิดว่า ถ้าได้ทำเพลงกับคุณแครนเบอร์รี่ที่นี่มันก็จะดีกว่านี่นา”
“น่ารำคาญจังเลย ปอน! ไสหัวไปให้พ้นได้แล้ว ปอน!”
ในขณะที่มองดูทั้งคู่ทะเลาะกันด้วยหางตา แครนเบอร์รี่ก็ใช้นิ้วของเธอแตะปลายคางและพยายามคิดถึงเรื่องตัวเองที่ร้องและเต้นไปกับท็อตป๊อป เธอคิดว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร —และนั่นมันก็ทำให้เธอประหลาดใจเช่นกัน
หากพูดถึงการคุยกันเรื่องความลับ โดยปกติแล้วผู้คนนั้นจะลดเสียงของตัวเองลง ที่แห่งนี้คืออพาร์ทเมนท์ที่ทรุดโทรมที่อยู่ในชานเมืองของเมือง S และภายในนั้นก็มีสมาชิกของฝ่ายต่อต้านรวมตัวกันอยู่ พวกเธอกำลังคุยกันถึงเรื่องที่จะปล้นธนาคาร เพราะแบบนั้นเองเสียงของพวกเธอจึงเบากว่าปกติ
“พวกเราจะขโมยเงิน แล้วหนีออกมาทันที”
“แผนเข้าใจง่ายดีใช่ไหมล่ะ?”
“พวกเราจะใช้รถไหม?”
“พวกเราเป็นเมจิคัลเกิร์ลนะ การวิ่งคือวิธีที่ดีที่สุดแล้วนี่?”
ในอพาร์ทเมนท์เล็กๆที่เต็มไปด้วยของใช้ส่วนตัว เมจิคัลเกิร์ลสี่คนเอาหน้าผากเข้ามาใกล้กันรอบๆโต๊ะไม้ขนาดเล็กเพื่อคุยกันอย่างเงียบๆ เหล่าเด็กสาวรู้สึกว่ากำลังจะทำอะไรนอกกฎของฝ่ายต่อต้าน แต่เนื่องจากว่าพวกเธอทุกคนสวมชุดของเมจิคัลเกิร์ลอยู่ มันจึงไม่ได้มีความรู้สึกตอกย้ำพวกเธอว่าต้องรับโทษตามกฏเสียทีเดียว เรื่องของสภาพแวดล้อมรอบตัวอย่างแผ่นไม้ที่ตั้งพิงอยู่กับผนัง และหมวกที่ห้อยลงมาก็ดูไม่เข้ากับสถานที่เอาเสียเลย
แต่สิ่งหนึ่งที่เข้ากับบรรยากาศของคนร้ายก็คือหน้ากากกันแก๊สที่พวกเธอสวมอยู่ มันทำให้คุยกันลำบากและยากที่จะได้ยิน ภายในห้องเองก็ไม่ได้ตกแต่งอะไรให้เหมาะสมกับการคุยเรื่องที่เป็นความลับอีกด้วย ซึ่งฝ่ายต่อต้านควรจะให้ความสำคัญกับบรรยากาศมากที่สุด
“พวกเรารู้ใช่ไหมว่าว่าธนาคารมันมีเส้นสายเชื่อมโยงกับดินแดนเวทมนตร์อยู่น่ะ?”
“รู้สิ ฉันค้นข้อมูลมาอย่างดีเลย”
“ดีใช่ไหมล่ะ นี่ไม่ใช่แค่ทำให้พวกเราได้เงินด้วยนะ?”
“แล้วพวกเราจะทำยังไงกันดีล่ะ…”
ในตอนที่พวกเธอกำลังจะพูดเรื่องนี้แบบจริงจัง กริ่งที่ประตูก็ดังขึ้น สายตาของทุกคนจึงมองไปที่จอมอนิเตอร์บนผนังของห้อง แล้วก็มองเห็นเด็กสาวยืนอยู่ที่นั่น เมื่อมองดูแล้ว เด็กสาวนั้นแต่งตัวเหมือนกับพังค์ร็อคไม่ก็อะไรซักอย่างพร้อมกับถือกีตาร์เอาไว้ด้วย
“…ใครน่ะ?”
“เมจิคัลเกิร์ลใช่ไหม?”
“มีใครรู้จักรึเปล่า?”
“ฉันไม่รู้จักนะ”
“บางทีดินแดนเวทมนตร์อาจจะส่งผู้ตรวจการณ์…ไม่ก็ใครมาล่ะมั้ง?”
“หรืออาจจะเป็นนักฆ่าที่มาจัดการพวกเราทั้งหมดก็ได้”
ทุกคนนิ่งเงียบในตอนที่จ้องมองหน้าจอ พวกเธอไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายคือนักฆ่าหรือผู้ตรวจการณ์ แต่เด็กสาวบนหน้าจอนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร เหล่าเด็กสาวที่สวมหน้ากากกันแก๊สจึงหันมามองหน้ากันและกัน
“น่าสงสัยชะมัด…”
“แปลกจัง”
“ตอนนี้พวกเราควรหนีกันเลยไหม?”
“คนที่เห็นด้วยให้—”
จู่ๆมันก็มีเสียงสองเสียงดังขึ้นมามากพอที่จะทำให้ทุกคนอุดหูของตัวเอง เสียงแรกที่เกิดขึ้นคือเสียงการกระแทกเพื่อเปิดประตูอย่างรุนแรง ส่วนเสียงที่สองคือเสียงของประตูปิดตัวลงเข้ากับผนังเพราะวิธีการเปิดที่รุนแรง
พวกเธอตกใจและตั้งท่าต่อสู้กับเด็กสาวที่ยืนถือกีตาร์อยู่ตรงนั้น
“งายยย! เราคือเพื่อนของทุกคน ท็อตป๊อปสุดน่ารักยังไงล่ะ! มาตั้งวงดนตรีด้วยกันเถอะ! เย้!”
สามสิบนาทีต่อมา…
ท็อตป๊อปที่ยืนอยู่บนเตียงก็ชูกำปั้นขึ้นไปในอากาศ และเด็กสาวที่สวมหน้ากากกันแก๊สสี่คนก็ทำตามอย่างพร้อมเพรียง
“พวกเราต้องทำสำเร็จได้แน่! ทั้งปล้นธนาคาร! และปฎิวัติดินแดนเวทมนตร์!”
“วู้ววววว!”
“พวกเราทำได้!”
“ฉันจะตามหัวหน้าไปทุกหนทุกแห่งเลย!”
“ท็อตป๊อปสุดยอด! ฝ่ายต่อต้านจงเจริญ!”
MANGA DISCUSSION