ตอนที่ 5
โป๊กเกอร์เกม
☆ กริมฮาร์ท
รายงานที่บอกว่าหน่วยผสมของโพดำและดอกจิกถูกกำจัดหมดแล้วไม่ได้ทำให้กริมฮาร์ทโกรธ แต่ความจริงมันทำให้เธอรู้สึกสงสัย
ที่จริงแล้ว การได้เห็นกลุ่มต่อสู้โดยทั่วไปมันก็ทำให้เธอเข้าใจถึงความแข็งแกร่ง มันไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะมีแข็งแกร่งมากพอที่จะจัดการหน่วยผสมระหว่างโพดำและดอกจิกลงได้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆที่เธอหันสายตาออกจากกล้อง หน่วยผสมนั้นก็ถูกทำลายลง
“ถ้าพวกนั้นทำกับดักไว้ล่ะ?” โจ๊กเกอร์พูดเสนอออกมา
“นั่นสิ”
โพดำกับดอกจิกนั้นเป็นอันดับหนึ่งและสองด้านการต่อสู้ พวกเธอแตกต่างจากข้าวหลามตัดที่ยังคงจัดการระบบไม่ได้ ส่วนโพแดงนั้นแค่ตัวสั่นเพราะกลัวความโกรธเกรี้ยวของกริมฮาร์ท
แต่นั่นก็หมายความว่าอีกฝ่ายมันเป็นการรวมตัวกันของผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้เช่นกัน หากศัตรูสร้างกับดักไว้ พวกเธออาจจะเดินเข้าไปโดนก็ได้
“มาเปลี่ยนหน้าที่กันดีกว่า” ชัฟฟินโจ๊กเกอร์เป็นคนเดียวที่ถูกอนุญาตให้แนะนำเธอได้ เพราะกริมฮาร์ทเป็นคนที่อนุญาตให้เธอทำเช่นนั้น
เวทมนตร์ของกริมฮาร์ทคือการจำกัดการแทรกแซงจากผู้อื่นตามที่ตัวเองต้องการ ตราบใดที่กริมฮาร์ทไม่อนุญาต มันก็เป็นไปไม่ได้ที่คนอื่นจะพูดคุยหรือโจมตีเข้ามาหาเธอได้
“ใช่ว่าพวกเราจะทำความเข้าใจระบบของที่นี่ได้อย่างรวดเร็ว แทนที่จะให้ชัฟฟินข้าวหลามตัดทั้งหมดทำหน้าที่นั้น พวกเราก็ควรรวมพวกเธอเข้าไปในหน่วยต่อสู้ด้วย เพราะความรู้และทักษะของพวกเธอสามารถใช้ปลดกับดักกลไกหรือกับดักเวทมนตร์ได้ แถมยังใช้กล้องวงจรปิดได้อีกเช่นกัน จากจอมอนิเตอร์ในห้องประชุม มันเป็นไปได้ว่าจะสามารถสำรวจพื้นที่ของห้องฝึกซ้อมทั้งหมดได้ ถ้าพวกเราดูว่าอีกฝ่ายทำอะไร มันก็เชื่อได้ว่าจะสามารถมองหากับดักที่วางไว้ได้ง่ายขึ้น พวกโพแดงแต้มสูงเองก็จะถูกรวมเข้าไปด้วย”
“แล้วจะใช้พวกโพแดงทำอะไรล่ะ?”
“ใช้เป็นตัวล่อ”
ดูไม่เหมือนว่าจะเป็นข้อเสนอที่ไม่ดีอะไร ดังนั้นเธอก็ควรจะเก็บมันไปคิด เธออยากจะลงโทษข้าวหลามตัดที่ใช้เวลาควบคุมโรงงานของพวกป่าเถื่อนนี้นานเหลือเกิน แต่เธอก็สามารถรอจนกว่าจะแล้วเสร็จได้ ในตอนนี้เธอจะส่งพวกเธอไปจัดการงานที่ควรจัดการก่อน
“สำหรับแผนการ พวกเราจะเอาหน่วยต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าไปไว้ทางฝั่งห้องประชุม อยากน้อยที่สุดพวกเราจะจัดวางตำแหน่งของเอซโพดำไว้ที่นั่น รายงานบอกว่าฝั่งศัตรูมีไซเบอร์แฟร์รี่มาสค็อทด้วย ถ้าพวกมันบุกทะลวงเข้ามาในห้องประชุมได้ มันก็มีความเสี่ยงที่ไซเบอร์แฟร์รี่จะเขียนรหัสผ่านทับลงไป หากเป็นแบบนั้นพวกมันก็จะวิ่งออกไปยังทางเข้าด้านหน้าได้ แต่ถ้าพวกเราปล่อยให้ด้านตรงข้ามว่างล่ะก็ พวกมันก็จะบุกเข้ามาในห้องประชุมตามทางเดินยาวๆ ดังนั้นก็จัดกำลังซักคนหรือสองคนให้เฝ้าเอาไว้ หากพวกเราสำรวจทะเลทราย ป่า แล้วก็เทือกเขาในจอมอนิเตอร์ มันก็เชื่อได้ว่าเพียงพอแล้ว แต่ก็ควรระวังเอาไว้เพื่อความไม่ประมาทด้วย”
“หืมม แล้วการใช้ปีศาจล่ะ?”
“จำนวนหมดสต๊อคไปแล้ว”
“เจ้าพวกป่าเถื่อนนั่นน่าจะมีสำรองไว้ซักหน่อยนะ”
กริมฮาร์ทพิจารณาแผนการที่โจ๊กเกอร์เสนอมา แม้ว่ามันจะมีปัญหาเล็กน้อยหลายอย่าง ก่อนอื่นเลย ปัญหาแรกคือจำนวนของชัฟฟินมีไม่เพียงพอ
กริมฮาร์ทมองลงมาที่ร่างทดลองทั้งสอง ร่างทดลองธาตุดินนั้นมาอยู่ด้านหน้าของร่างทดลองธาตุลม การที่เธอก้าวออกมาด้านหน้านั่นก็หมายความว่าเธออยากตาย ถ้าเป็นไปได้กริมฮาร์ทก็อยากให้ร่างทดลองมีชีวิตอยู่ แต่เมื่อในตอนนี้มันกลายเป็นแบบนี้แล้วก็ช่วยอะไรไม่ได้
ร่างทดลองธาตุดินนั้นพูดกับร่างทดลองธาตุลมพร้อมกับตัวสั่น การที่เธอมาอยู่ด้านหน้าของร่างทดลองธาตุลมมันก็เปรียบเสมือนว่าเป็นการพยายามปกป้อง
“เอามันไปตัดหัว”
จากนั้นชัฟฟินก็ถูกเติมเต็มอีกครั้ง
☆ ฟาล
แผนการของพวกเธอที่จะสร้างความได้เปรียบด้วยการใช้โอกาสนี้พุ่งตรงเข้าไปในห้องประชุมนั้นพังทลายลง
สโนไวท์นั้นอยู่ด้านหน้า แต่ในจังหวะที่ที่กั้นของพื้นที่หินผาเปิดออก เธอก็ได้ยินเสียงของเอซโพดำจากด้านหน้า มันจึงเป็นการบังคับให้เธอต้องถอยกลับมาชั่วคราว
โชคดีที่ศัตรูไม่ได้ไล่ตามมา แต่พวกเธอเองก็ค่อนข้างระวังตัวเช่นกัน พวกเธอคงไม่ได้คิดว่าชัฟฟินโพดำทั้งหมดจะถูกจัดการในทันทีแน่
เมื่อชัฟฟินนั้นถูกเติมเต็ม ศพของพวกเธอก็หายไปโดยที่ไม่ได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้ และยิ่งกว่านั้น แม้กระทั่งคนที่ถูกเส้นด้ายของฟิรูรุมัดอยู่ก็พลอยหายไปด้วย ฟาลสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึนกันแน่ แต่เมื่อพวกเธอต้องเผชิญหน้ากับเอซโพดำที่ควรถูกจัดการไปแล้วอีกครั้ง แบบนี้เห็นได้ชัดเลยว่าคือหายนะ
พวกเธอจับตามองรอบๆอย่างระมัดระวัง ในขณะที่เดินผ่านป่าจากทางเข้าด้านหน้า และหลังจากนั้นก็คือทะเลทราย แล้วก็หยุดลงตรงพื้นที่น้ำ จากที่เหล่าปรินเซสบอกไว้ว่า ในห้องประชุมมันมีจอมอนิเตอร์คอยแสดงภาพของห้องฝึกซ้อมลงมาจากเพดาน มันไม่ใช่ว่ากล้องนั้นจะมีตำแหน่งตายตัว เพราะมันสามารถมองลงมาจากเพดานไปได้ทุกที่ อีกแง่หนึ่งก็คือ ถ้าพวกเธอป้องกันการมองเห็นจากด้านบนเอาไว้ได้ อีกฝ่ายก็จะมองไม่เห็นพวกเธอ
พวกเธอใช้ดาบโค้งของปรินเซสอินเฟอร์โนเพื่อให้น้ำระเหย ทำให้ภายในห้องเต็มไปด้วยหมอก ภายในห้องเช่นนี้มันมองเห็นได้แค่ไม่กี่เมตรตรงหน้า ดังนั้นศัตรูจึงโจมตีเข้ามาอย่างรวดเร็วไม่ได้
ยิ่งกว่านั้น เมื่อรวมเส้นด้ายของฟิรูรุเข้ากับระเบิดมือของสตันชิคกะ พวกเธอจึงสามารถสร้างกับดักที่ทำให้เกิดระเบิดขึ้นได้ในทันทีเมื่อที่กั้นเปิดขึ้นเพียงแค่เล็กน้อย
ทุกคนนั้นเหน็ดเหนื่อย มีเพียงแค่ฟิรูรุที่ลุกขึ้นมาเพื่อเฝ้ามองเส้นด้ายที่อยู่ในมือของตัวเอง ในขณะที่คนอื่นนอนอยู่พื้นไม่ก็นั่งอยู่ แม้กระทั่งมาริกะ ฟุคุโรอิ คนที่เอาแต่พูดเรื่องต่อสู้ทุกครั้งเมื่ออ้าปากพูด ก็ยังยืดขาลงไปในน้ำแล้วนอนราบไปกับพื้น
“แล้วทำไม เธอ ถึงอยู่ที่นี่กันล่ะ?”
เธอ ที่มาริกะพูดหมายถึงสตันชิคกะ
บางทีสตันชิคกะคงพูดไม่ได้ หรือเธออาจจะไม่อยากพูด เธอไม่ได้พยายามใช้คำพูด แต่กลับใช้ความพยายามในการสื่อสารที่มากกว่าความจำเป็น โชคดีที่มีสโนไวท์ที่สามารถได้ยินเสียงความคิดของคนอื่นได้ แม้ว่าจะมีจุดที่พลาดไปบ้าง แต่มันก็ทำให้เข้าใจเรื่องของเธอได้
“ระเบิดนี่ฝีมือเธอสินะ?” สโนไวท์ถาม “แล้วทำได้ยังไงล่ะ?”
สตันชิคกะแสดงให้เห็นว่ามีระเบิดสามลูกอยู่ระหว่างนิ้วของเธอ จากนั้นเธอก็โยนมันเล่นก่อนที่จะใส่เข้าไปในแขนเสื้อ เธอทำเหมือนกับว่าวัตถุอันตรายมันเป็นของเล่น
“ทำไมเธอถึงมีของอะไรแบบนี้กันล่ะ?”
สตันชิคกะเอียงหัวของเธอ เธอไม่ได้พยายามจะตอบ การได้เห็นลูกระเบิดนั้นมีผลกับชัฟฟิน มันก็เป็นอะไรที่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ระเบิดปกติ พวกมันดูปกติก็จริง แต่ในระเบิดนั้นคงมีเวทมนตร์อยู่ด้วย
ไม่ว่าเธอจะไปได้มันมาจากที่ไหน มันก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้มันมาแน่ ดังนั้นมันอาจจะมีคนบางคนที่ทรงพลังคอยหนุนหลังเธออยู่ และผู้ที่คอยหนุนหลังนั้นก็อยากจะหลีกเลี่ยงการพูดคุยให้มากที่สุด แต่ก็ใช่ว่าจะซ่อนเรื่องพวกนั้นจากสโนไวท์ได้
“นี่ไปอยู่ที่ไหนมาเหรอ? แล้วใช้เจ้าพวกนี้ยังไง?”
สตันชิคกะพยายามบอกพวกเธอด้วยภาษากายบวกกับความช่วยเหลือจากสโนไวท์ จึงได้รู้ว่าหลังจากที่สตันชิคกะหลบการโจมตีของชัฟฟิน เธอก็ไปซ่อนตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเจอตัว ส่วนที่กั้นที่เกิดระเบิดนั้น เธอติดตั้งกับดักที่จะทำให้สลักระเบิดหลุดออกถ้ามีคนเดินผ่าน
“แบบนั้น…มันก็ทำให้พวกเราจะตกอยู่ในอันตรายด้วยนี่?” สไตล์เลอร์ มิมิถาม
“สุดท้ายแล้วพวกเราก็รอด มันก็ดีแล้วไม่ใช่รึไง?” มาริกะตอบกลับ
“ถ้าพวกเราไปโดนเข้ามันก็ได้เละเป็นชิ้นๆพอดีน่ะสิ”
“ชั้นกำลังพูดว่าอย่าบ่นเรื่องคนที่ช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้สิ”
“เธอเนี่ยนะ เป็นแบบนี้ตลอดเลย…”
ฟาลบอกสโนไวท์ให้ขยับตัวออกห่างจากคนอื่นเล็กน้อย ด้วยการที่มีหมอกอยู่ทั่วทุกที่แบบนี้ มันจึงทำให้มีโอกาสแอบพูดคุยกันในห้องได้
“สตันชิคกะนี่ไม่ใช่คนที่เป็นปัญหาใช่ไหม ปอน?”
“…อาจจะไม่”
“อาจจะ?”
“เธอไม่เหมือนกับชัฟฟิน แต่ฉันคิดว่าเธอมีบางอย่างที่แปลกๆ”
“แบบนั้นก็เป็นปัญหาใหญ่ไม่ใช่เหรอ ปอน? มันเป็นปัญหาใหญ่ของชัฟฟินด้วย ปอน”
“ก็อยากที่ฉันพูด เธอน่ะแตกต่างจากชัฟฟิน”
“ใครอยู่เบื้องหลังสตันชิคกะเหรอ ปอน?”
“ฉันไม่รู้”
“ปอน?”
“เธอทำงานให้ใครบางคน แต่เธอไม่รู้ว่าคนๆนั้นคือใคร”
ฟาลเงยหน้ามองสโนไวท์จากเมจิคัลโฟน ดวงตาของสโนไวท์นั้นมองเข้าไปในม่านหมอก ราวกับว่าเธอกำลังมองดูบางสิ่งบางอย่าง แต่กระนั้นดวงตาของเธอก็เหมือนว่าไม่ได้มองดูอะไรอยู่เลย
“นั่นหมายความว่ายังไงน่ะ ปอน? เธอไม่รู้ว่าตัวเองทำงานให้ใครงั้นเหรอ ปอน?”
“อย่างน้อยที่สุดเธอก็พยายามช่วยพวกเรา”
“ทำไมถึงต้องปกป้องเธอขนาดนี้ล่ะ ปอน?”
“ฉันไม่ได้ปกป้องเธอหรอก ฉันก็แค่พูดข้อเท็จจริงออกมาเท่านั้น จิตใจของสตันชิคกะน่ะมันตรงไปตรงมาจนน่าตกใจเลยล่ะ”
ฟาลนั้นลอยตัวอย่างเงียบๆตอนที่มีประกายร่วงลงมา และฟาลมองประกายสีเหลืองทองนั้นอย่างใจเย็น เพื่อให้จิตใจของฟาลนั้นสงบลง
“แบบนี้มันจะไม่เป็นปัญหาเหรอ ปอน?”
“อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในตอนนี้น่ะนะ”
☆ ปรินเซสดีลูจ
ตอนนี้ข้างนอกมันกี่โมงแล้วนะ? พ่อแม่ของนามิคงจะรู้ว่าเธอยังไม่ได้กลับมาบ้านแล้วไปแจ้งตำรวจแน่ๆ
นาฬิกาที่อยู่ในนี้มันดูไม่เป็นอะไรแบบเมจิคัลเกิร์ลเอาซะเลย แต่มันก็ไม่เป็นอะไร ส่วนคนที่บอกว่าที่นี่มันไม่มีหน้าต่างเลยจึงมองดูเวลาจากด้านนอกไม่ได้นี่คือเท็มเพรสหรือเควคกันนะ? มันไม่ใช่ตัวดีลูจแน่ๆ แถมเธอเอง
ก็ยังสงสัยว่าอินเฟอร์โนอาจจะพูดอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกัน
ปริซึม เชอร์รี่นั้นมีกระจกบานใหญ่ เธอแขวนมันเอาไว้ที่ผนังของห้องประชุม กระจกที่ผนังนั้นทำหน้าที่แทนหน้าต่าง ด้วยพลังของปริซึม เชอร์รี่แล้ว กระจกนั้นจะกลายเป็นท้องทะเล ภูเขา ป่า เมืองใหญ่ในยามค่ำคืน ท้องฟ้า แม้กระทั่งนอกอวกาศ เมื่ออินเฟอร์พูดว่าหากสามารถเห็นทิวทัศน์ที่ตัวเองชอบได้ก็ไม่จำเป็นต้องออกไปเที่ยวอีกแล้ว พวกเธอทั้งหมดก็หัวเราะ ปริซึม เชอร์รี่เองก็เช่นกัน
แต่ปริซึม เชอร์รี่ไม่หัวเราะอีกแล้ว
มันมีอะไรผิดพลาดกันนะ? ดีลูจควรทำยังไงดี? หากเธอย้อนเวลากลับไปได้และแสร้งทำเป็นว่าไม่เคยเจอกับปริซึม เชอร์รี่ แบบนั้นปริซึม เชอร์รี่ก็ไม่ต้องมาตายแบบนี้
หากดีลูจไม่ได้กลายมาเป็นเมจิคัลเกิร์ล เรื่องแบบนี้มันก็จะไม่เกิดขึ้น
ถ้าเธอไม่เคยเจอกับปริซึม เชอร์รี่ ถ้าเธอไม่เคยเจอกับเควคและเท็มเพรส เธอก็จะไม่ต้องมารู้สึกเศร้าเสียใจแบบนี้
เมจิคัลเกิร์ลคนอื่นซ่อนอยู่ในม่านหมอกหนาจนมองไม่เห็น ม่านหมอกนี้ไม่เพียงแค่ซ่อนคนอื่นเท่านั้น แต่มันยังดูดความร้อนที่อยู่ภายในร่างกายออกมา เพราะเธอนั้นนั่งอยู่ที่พื้น ความร้อนจึงไหลออกจากด้านล่างทำให้เธอรู้สึกเย็น ความเย็นนั้นไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด แต่มันกลัทำให้เธอรู้สึกเศร้า
“เฮ้ ดีลูจ”
ดีลูจเงยหน้าขึ้น อินเฟอร์โนนั้นโยนผลไม้มาให้ ดีลูจที่ยังคงนั่งอยู่จับมันไว้ได้พร้อมกับนิ่วหน้า มันเหนียวเพราะมีน้ำผลไม้ติดอยู่
“มันได้ผลดีนะ ทำให้ชั้นรู้สึกใจเย็นมากขึ้นด้วย”
มันคือผลไม้ที่สร้างมาจากดอกไม้บนหัวของมาริกะ ฟุคุโรอิ มันมีรอยฝานอยู่เล็กน้อยตามผิว และน้ำของมันก็ไหลออกมาจากตรงนั้น
“ถึงตอนนี้มันจะไม่ใช่สถานการณ์ที่เธออยากรู้สึกใจเย็นก็เถอะ แต่การใจเย็นมันก็ดีกว่าปล่อยให้หัวใจเต็มไปด้วยความหนักอึ้งใช่ไหมล่ะ? ไม่เช่นนั้นพวกเราจะก้าวไปข้างหน้าไม่ได้เอาพอดี”
“อื้อ…”
“อีกอย่างนะ แม้ว่ามันจะไม่มากก็เถอะ… แต่ตอนที่ชั้นเลียมัน ชั้นก็ใช้ลักซ์ซูรี่โหมดได้ ชั้นคิดว่ามันคงฟื้นพลังเวทด้วย”
“หือ…จริงเหรอ?”
“จริงสิ ถึงตอนแรกชั้นจะไม่ได้คาดหวังอะไรเลยก็เถอะ”
ดีลูจใช้ลิ้นของเธอเลียไปตามผิวของผลไม้ที่มีน้ำไหลออกมา รสชาติของมันนั้นมีทั้งรสขมและเผ็ดผสมกัน มันทำให้ลิ้นของเธอรู้สึกเสียวซ่าน นอกจากน้ำของผลไม้แล้ว ที่ผิวของมันก็แฉะมาก่อนที่เธอจะเลียด้วย
“อ๊ะ โทษที” อินเฟอร์โนพูด “ชั้นลืมบอกไปว่าชั้นเลียมาก่อนแล้วน่ะ”
“งั้นเหรอ แบบนี้มันก็เป็นจูบทางอ้อมน่ะสิ”
“จริงเหรอ? นี่มันจูบแรกของชั้นเลยนะรู้ไหม”
“ฉันก็ด้วย”
“ตอนนี้พวกเราทำไปแล้วสินะ”
“อื้อ ทำไปแล้วล่ะ”
พวกเธอมองหน้ากันและกัน แล้วจากนั้นครู่หนึ่งก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ดีลูจเลียผิวของผลไม้อีกครั้งหนึ่ง เธอสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่แล้วก็ปล่อยมันออกมาในปริมาณที่เท่าๆกัน เธอหายใจเข้าอีกครั้ง จากนั้นก็หมุนผลไม้ที่อยู่ในมือแล้วก็เลียลงไป
“จริงด้วย บางทีอาจได้ผล”
อินเฟอร์โนพยายามทำให้เธอร่าเริงขึ้น แม้เรื่องนี้มันจะน่าเจ็บปวดและอดสูสำหรับเธอ แม้เธออยากจะตายเพื่อหนีมันให้พ้นจากเรื่องทั้งหมด แต่กระนั้นอินเฟอร์โนก็ยังคิดถึงดีลูจแล้วก็พยายามทำให้เธอยิ้มออกมา
ในตอนที่ฝึกซ้อมเธอเองก็เป็นแบบนี้เช่นกัน เธอมักจะทำให้คนอื่นมีรอยยิ้มก่อนที่ตัวเองจะรู้สึกสบายใจได้ เธอเป็นแบบนี้มาตลอด เมื่อดีลูจนึกถึงเรื่องเหล่านั้น ดีลูจก็คิดว่า ฉันเองก็อยากจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน
ร่างกายที่เหน็บหนาวเริ่มอุ่นขึ้นมาทีละนิด เธอปิดตาแล้วใช้มือซ้ายสัมผัสกับปรินเซสเจเวล แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองได้พลังกลับคืนมาเล็กน้อย
“เธอคนนั้นบอกว่าอย่ากินมันมากเกินไปนะ”
“อื้อ เท่านี้คงพอแล้วแหละ”
ดีลูจมองไปที่อินเฟอร์โน และอินเฟอร์โนก็มองกลับมาที่ดีลูจเช่นกัน
☆ สไตล์เลอร์ มิมิ
“นี่เธอลงมาใต้ดินทำไมเนี่ย?”
“’เพราะจะได้ต่อสู้ที่นี่ไงล่ะ”
“นี่เธอต้องโง่ขนาดไหนน่ะ? ต่อสู้งั้นเหรอ? เธอน่ะมันไม่เหมาะกับการอยู่ใต้ดินเลยรู้ไหม ถ้าไม่มีแสงอาทิตย์แล้วจะไปสู้ได้ยังไงล่ะ?”
“เฮ้ แล้วนี่ชั้นไม่ได้ต่อสู้อยู่รึไง?”
“โดนเล่นซะเละขนาดนี้มันคือการต่อสู้ตรงไหนเนี่ย?”
“ชั้นกำลังชาร์จพลังอยู่”
ไม่ว่ามิมิจะพูดอะไรออกไป มาริกะก็จะตอบกลับมาแบบไม่ค่อยสนใจ ไม่ใช่ว่าพวกนิสัยเสียต้องรู้สึกละอายกับนิสัยแบบนั้นหรอกเหรอ? แต่มาริกะไม่ได้รู้สึกละอายเรื่องที่ตัวเองเป็นพวกเสพติดการต่อสู้เลย
มันจึงทำให้มิมิรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้ความชื้นจะเพิ่มสูงขึ้นมาก แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความไม่สบายใจเพิ่มตามไปด้วย มิมินั้นถูกบังคับให้ไปด้วยกันกับมาริกะมาก่อนหลายครั้ง แม้เธอจะบอกว่าไม่อยากไป เธอก็ยังถูกลากให้ไปด้วย และไม่ว่าจะไปที่ไหน มาริกะ ฟุคุโรอิก็จะอาละวาดครั้งใหญ่อยู่ตลอด ในตอนนั้นมิมิก็จะถอนหายใจออกมาด้วยความฉุนเฉียวเพราะหมดหวังแล้ว จากนั้นพวกเธอก็จะกลับบ้าน แต่การที่จะกลับบ้านในคราวนี้มันกลับทำให้รู้สึกตัวสั่น
เธอรู้ว่าเรื่องในคราวนี้มันต่างจากครั้งอื่นๆ พวกเธอไม่เคยจนมุมแบบนี้มาก่อน จนกระทั่งถึงในตอนนี้ก็ไม่เคยมีใครตาย จนกระทั่งถึงในตอนนี้พวกเธอก็ไม่ได้ถูกบังคับให้ฆ่ากัน การต่อสู้ในครั้งนี้มันแตกต่างจากครั้งอื่นๆ
แต่มาริกะ ฟุคุโรอิก็เป็นเหมือนเดิมเสมอ
เธอนั้นเป็นพวกบ้า เป็นปีศาจคลั่งการต่อสู้ ตราบใดที่เธอได้ต่อสู้มันก็คือเรื่องดีสำหรับเธอ มิมิควรจะรู้เรื่องนี้ แต่ในตอนนี้เธอก็ได้แต่รู้สึกเสียใจ
ดีลูจกับอินเฟอร์โนกำลังเข้ามาหา คนหนึ่งกำลังถือผลไม้ของมาริกะอยู่ เหมือนว่าพวกเธอจะเข้ามาขอบคุณ เพราะในตอนนี้พวกเธอดูสดชื่นขึ้นมาบ้างแล้ว
นี่พวกเธอทำหน้าแบบนี้ได้ยังไงกันนะ? มิมิคิดอยู่ในใจ พวกเธอไม่รู้เรื่องสถานการณ์ในตอนนี้เลยงั้นเหรอ? เข้าใจรึเปล่าว่ามันเกิดอะไรขึ้นน่ะ?
เธอพูดเรื่องไม่ดีเช่นนี้ใส่พวกเธอไม่ได้ เธอยังคงมีสติที่จะตระหนักเรื่องนั้นอยู่
มิมิทิ้งมาริกะเอาไว้ เธอรู้สึกโกรธมาก
สโนไวท์กำลังคุยอยู่กับฟาล สตันชิคกะเองก็ดูไม่เหมือนคนที่เธอจะพูดคุยด้วยได้ ดังนั้นมิมิจึงเดินเข้าไปหารูปร่างที่กำลังโอนเอนไปมาอยู่ด้านหน้าม่านหมอก
และรูปร่างมันก็ค่อยๆรวมกันจนกลายเป็นภาพ ฟิรูรุนั่นเอง
ฟิรูรุกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างหมดเรี่ยวแรง
“… เธอโอเคไหม?”
มิมิถามเธอ แต่ทันใดนั้นเธอก็คิดว่ามันเป็นคำพูดปลอบโยนที่ว่างเปล่าเสียจริง
“เรา… ไม่โอเคสุดๆเลย”
“เปลี่ยนกันไหม? ฉันเองก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรด้วย”
“ไม่ได้หรอก เพราะเรื่องนี้มีแต่เราที่ทำได้”
“ฟังดูลำบากจัง”
อีกแล้ว หลังจากที่พูดแบบนี้ออกมามิมิก็คิด เพราะมันเป็นคำพูดปลอบโยนที่ว่างเปล่า เธอจึงคิดว่าบางทีคราวนี้คงต้องถูกตะโกนใส่แน่ แต่ฟิรูรุก็ยิ้มออกมานิดๆ
“ถ้ามันเป็นเรื่องจำเป็นล่ะก็ มันก็ไม่ได้แย่อะไรนักหรอก”
ฟิรูรุพูดเช่นนั้น จากนั้นไหล่ของเธอก็กระตุก ท่าทางของรอยยิ้มที่ดูอ่อนแอแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง มันมีเสียงดังมาจากที่กั้นตรงทางฝั่งห้องประชุม
มีลมพัดเข้ามาจากทางเดิน ม่านหมอกนั้นค่อยๆหายไปจนเผยให้เห็นคนที่อยู่อีกฝั่งของที่กั้น และทันทีที่มองเห็นว่าเป็นเอซโพดำ ฟิรูรุก็ดึงเส้นด้ายแล้วระเบิดมือห้าลูกก็เกิดระเบิดขึ้นทันที
ก่อนหน้านี้พวกเธอจัดการมาแล้ว คราวนี้เองก็ควรจะได้ผลเช่นกัน
มิมิปิดหูตัวเองเพื่อป้องกันเสียงที่ดังกึกก้อง เธอตั้งใจมองไปยังควันสีขาวที่บดบังทัศนวิศัยของเธอ แน่นอนว่ามันไม่มีอะไรนอกจากซากที่เหลืออยู่นอกจากศพอันน่าสยดสยองที่ถูกระเบิดมือทำให้ฉีกขาดไปทั่วทั้งร่าง
แต่มันมีใครบางคนยืนอยู่ในควัน เงาของมันนั้นมีขนาดใหญ่กว่าตัวชัฟฟิน มันคือภาพของชัฟฟินที่กำลังกอดชัฟฟินด้วยกัน เอซโพดำโยนร่างทั้งสี่ที่แบกเอาไว้ด้วยสองมือไปด้านข้าง ทุกร่างนั้นล้วนถูกเผาจนไหม้เกรียม มันดูสยดสยองจนบอกไม่ได้เลยว่าเดิมทีแล้วมันคือชัฟฟิน
เธอใช้พวกเดียวกันเป็นโล่ป้องกันแรงระเบิด
หลังจากโยนโล่เนื้อที่ใช้แล้วทิ้งไป เอซนั้นก็ยื่นมือไปคว้าบางอย่างที่มองไม่เห็นในอากาศ เธอจับมันไว้อย่างแน่นๆแล้วก็กระชากอย่างสุดแรง ทำให้ฟิรูรุที่อยู่ข้างตัวของมิมิบินเข้าไปหาชัฟฟิน สโนไวท์เองก็วิ่งเข้าไปแต่ไม่ทันเวลา
ฟิรูรุหมุนตัวในวินาทีสุดท้ายเพื่อให้หอกที่เล็งเข้ามาที่หน้าอกของเธอไปโดนสีข้างแทน จากจุดที่มิมิยืนอยู่ มันก็ได้ยินเสียงของกระดูกแตกและผิวหนังที่ฉีกขาด เสียงของหอกที่ทิ่มแทงเข้าไปในร่างกาย เมจิคัลเกิร์ลคนอื่นก็เริ่มขยับตัวแล้ว เอซโพดำนั้นยื่นมือเข้ามาหาใบหน้าของฟิรูรุ และนั่นก็คือจังหวะเดียวกับที่สโนไวท์แทงนากินาตะเข้าไปหา
เอซขว้างตัวของฟิรูรุออกไปแล้วพยายามหลบใบดาบของสโนไวท์ แต่อาวุธนั้นก็เปลี่ยนวิถีไปเฉือนมือของเอซ จนทำให้นิ้วปลิวหลุดออกไป
ที่ด้านหลังเอซ มันมีชัฟฟินปรากฏตัวขึ้นมาคนแล้วคนเล่า แล้วสโนไวท์ก็วิ่งถอยกลับมาด้านหลัง ชัฟฟินนั้นเข้ามาที่ทางเดินพร้อมกับสตันชิคกะที่ขว้างระเบิดมือออกไป ทรงกลมสีเขียวสามหรือสี่ลูกกลิ้งเข้าไปแล้วเกิดระเบิดขึ้น
สไตล์เลอร์ มิมิลากฟิรูรุหนีออกมาจากรัศมีการทำลายของระเบิดได้
ดีลูจ อินเฟอร์โน แล้วก็มาริกะไม่ได้พยายามไล่ตามชัฟฟินไป ที่กั้นนั้นปิดตัวลงอย่างช้าๆอีกครั้ง และหลังจากนั้นภายในห้องก็มีแต่เสียงของน้ำที่ไหลอยู่
ฟิรูรุร้องโอดโอยออกมา สไตล์เลอร์ มิมิจึงรีบวางตัวเธอลงบนพื้น
“เธอเป็นอะไรไหม?!”
เธอก็ยังคงพูดคำปลอบโยนที่แสนว่างเปล่าอยู่เช่นเดิม
“อ่า… ก็นะ เรายังไหวอยู่”
ฟิรูรุเริ่มแทงเข็มลึกลงไปเพื่อเย็บแผลของตัวเอง บางทีเธออาจจะเย็บแผลที่อยู่ภายในด้วยเช่นกัน เธอดูเหมือนว่าเจ็บปวดทรมาณ และการที่มาริกะยื่นผลไม้บรรเทาความเจ็บปวดไปให้ จึงทำให้ฟิรูรุดูสบายใจมากขึ้น
แต่ยังไงมันก็ยังคงเป็นแผลที่สาหัสอยู่ดี มิมิได้ยินแม้กระทั่งเสียงกระดูกแตก การแทงนั้นมันเสียบทะลุเข้าไปในอวัยวะภายในของเธอ การเย็บแผลแบบนี้มันจะทำให้แผลสนิทขึ้นไหมนะ? มิมิเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
“เหมือนว่าตอนนี้พวกมันจะถอยไปแล้วนะ”
สโนไวท์ที่เอาหูไปแนบกับประตูพูดออกมาในขณะที่หัวของเธอยังคงอยู่ที่เดิม
สตันชิคกะกางแขนออกกว้างให้ทุกคนเห็น
“นั่นหมายถึงเธอไม่มีระเบิดเหลือแล้วใช่ไหม?”
อินเฟอร์โนถามและสตันชิคกะก็พยักหน้าตอบอย่างเกินจริง
ระเบิดมือไม่เหลือแล้ว ฟิรูรุเองก็บาดเจ็บสาหัส มันไม่ใช่บาดแผลประเภทที่จะฝืนตัวเองให้ต่อสู้ได้ แถมพวกเธอเองก็ไม่รู้ว่าศัตรูเสียกำลังไปขนาดไหนแล้วด้วย
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ”
มีเพียงมาริกะ ฟุคุโรอิที่ยังคงร่าเริงอยู่
“พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจัดการพวกมันให้ได้ในคราวเดียว พวกเธอเข้าใจใช่ไหมล่ะ? หากเป็นแบบนี้ต่อไป อีกฝ่ายจะค่อยๆฆ่าพวกเราอย่างช้าๆจนกระทั่งตายกันหมดน่ะ”
เธอยังคงอยากสู้อยู่อีก แค่คิดแบบนี้ก็ทำให้มิมิยืนขึ้นและเค้นหมัด
แต่สโนไวท์ก็ยกมือขึ้นมา “ฉันคิดว่านั่นคือทางเลือกเดียวของพวกเราเหมือนกัน”
มาริกะ ฟุคุโรอิหัวเราะออกมาอย่างดีใจและตบเข้าที่หลังของสโนไวท์
☆ ชัฟฟิน
เธอเสียชัฟฟินไปทั้งหมดแปดคน เมื่อคิดว่าจำนวนทั้งหมดมีห้าสิบสองแล้ว มันก็เป็นการสูญเสียเพียงแค่เล็กน้อย เธอใช้โพแดงเจ็ดคนเป็นโล่ป้องกันการระเบิด แต่ก็ป้องกันไว้ไม่ได้ทั้งหมดจนสูญเสียห้าโพดำไปอีกคนด้วย
แต่เธอก็ไม่ได้แค่สูญเสียชัฟฟินไปอย่างเดียว เพราะเธอนั้นก็ได้เรียนรู้บางอย่างเช่นกัน ชัฟฟินสิบโพแดงหรือสูงกว่านั้นทำงานเป็นโล่กันระเบิดได้ดี หน้าไพ่ที่สูงกว่าแจ๊กทั้งหมดจึงยังมีชีวิตอยู่ ด้วยจำนวนของโพแดงที่เหลืออยู่นี้เธอคิดว่ามันก็คงเพียงพอแล้ว
กริมฮาร์ทกระทำการในเรื่องต่างๆด้วยอารมณ์ ในการที่จะชดเชยเรื่องนั้น โจ๊กเกอร์จึงต้องกระทำการเรื่องต่างๆตามการคิดคำนวน เธอหักจำนวนของชัฟฟินที่เสียไปพร้อมกับเทียบจำนวนเมจิคัลเกิร์ลฝั่งศัตรูที่เหลืออยู่ เธอเสียชัฟฟินไปแปดคนและสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงกับเมจิคัลเกิร์ลหนึ่งคนได้ จำนวนของฝั่งศัตรูนั้นน้อยกว่ามาก อัตราส่วนแปดต่อหนึ่งก็ถือว่ายอมรับได้ ทุกคนที่เสียไปเองก็ล้วนแต่เป็นโพแดงที่แต้มต่ำทั้งสิ้น
“โจมตีพวกมัน!”
กริมฮาร์ทตะโกนออกมา เธอนั้นหงุดหงิดและอารมณ์เสีย ชัฟฟินเองก็อยากหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ การทำให้เธออารมณ์ดีกว่านี้เท่าที่เธอทำได้คงจะดีที่สุดแล้ว
“รับทราบ”
เมื่อเกิดการระเบิดขึ้น โจ๊กเกอร์ก็มอบคำสั่งให้ชัฟฟินทันที ระเบิดพวกนั้นเป็นอาวุธที่ทรงพลัง แต่มันก็มี
จำนวนที่จำกัด ถ้าไม่ใช่แบบนั้น ศัตรูก็จะต้องบุกเข้ามาหาพวกเธออย่างรุนแรงกว่านี้
ในตอนที่โจ๊กเกอร์กำลังคิดอยู่นัั้น พวกชัฟฟินก็เคลื่อนไหวอย่างทันท่วงที สองโพแดงที่ออกไปสอดแนมก็กลับมาที่ห้องประชุม โดยที่ไม่ได้มีศัตรูไล่ตามมา
เหมือนว่าระเบิดของศัตรูนั้นมีจำกัด ศัตรูเห็นมันเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า จึงไม่ได้ใช้มันอย่างสิ้นเปลือง
เธอมอบคำสั่งให้กับสองโพแดง จากนั้นโจ๊กเกอร์ก็กลับไปยังแนวหน้าอีกครั้ง ชัฟฟินโพแดงทำได้แค่คิดอะไรแบบเรียบง่าย ความรู้ของพวกเธอมีอยู่อย่างจำกัด ด้วยเหตุผลนั้น เธอจึงได้แต่มอบคำสั่งที่เป็นพื้นฐานที่สุดไปเท่านั้น
“ทำตามที่ถูกสั่งไว้นะ”
หากศัตรูใช้ระเบิดกับเธอล่ะก็ เธอก็จะใช้โพแดงอีกครั้ง พวกโพแดงนั้นมีความอึดสูง อาจทำได้แม้กระทั่งดูดซับแรงระเบิดที่จะทำให้สิบโพดำปลิวได้
หากไม่มีระเบิด แบบนั้นก่อนอื่นเธอก็จะใช้เอซโพดำโจมตีเพื่อทำลายแผนการของศัตรู ในขณะที่ชัฟฟินที่เหลือจะโจมตีและเอาชนะอีกฝ่ายด้วยจำนวน
แนวคิดในการสร้างชัฟฟินขึ้นมาก็คือ “แต้ม” ชัฟฟินนั้นมีอยู่ได้เป็นจำนวนมากในเวลาเดียวกัน และถูกกำหนดว่าจะถูกใช้งานโดยเมจิคัลเกิร์ลในระดับสูงมากอย่างกริมฮาร์ท คนที่ทรงพลังพอจะบดขยี้ศัตรูนับพันได้
แม้กับพวกคนเถื่อน ถึงจะไม่มีเมจิคัลเกิร์ลระดับสูงมากอยู่ด้วย ชัฟฟินคนเดียวก็สามารถรับมือได้ ซึ่งคนที่จะรับบทนั้นก็คือเอซโพดำที่เป็นชัฟฟินหัวหน้าฝ่ายต่อสู้ หน่วยของชัฟฟินจะเข้าไปจู่โจมศัตรู ในขณะที่เอซโพดำจะออกกระทำการโจมตีปีกของศัตรูอย่างอิสระ ด้วยวิธีการนี้ ศัตรูจะไม่สามารถต้านทานได้
โจ๊กเกอร์หมุนเก้าอี้แล้วมองไปยังจอมอนิเตอร์ ภายในห้องนั้นเต็มไปด้วยหมอกจนเธอมองไม่เห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ในตอนที่เธอคิดว่าควรจะโจมตี สองโพแดงก็กลับเข้ามาพร้อมกับความเอะอะ เธอพูดว่ามีอะไรแปลกๆป้องกันไม่ให้พวกเธอเข้าไปภายในห้อง
โจ๊กเกอร์มองไปที่กริมฮาร์ท มันดูเหมือนว่าเธอยังไม่หายโกรธ แต่มันก็มีสัญญานบ่งบอกว่าเธอเริ่มจะหงุดหงิดเล็กน้อย ถ้าเกิดมันมากกว่านี้ก็คงไม่ดี
“ให้ข้าวหลามตัดสำรวจว่ามันคืออะไร แล้วก็เอาข้อความนี้ไปบอกข้าวหลามตัดด้วย”
เรื่องไม่คาดฝันเช่นนี้มันไม่ควรจะใช้งานโพแดง โพแดงนั้นทำงานแบบนี้ไม่ได้เพราะจะมีแต่ความสับสน สอง
โพแดงวิ่งออกไป และหลังจากนั้นครู่หนึ่ง สามข้ามหลามตัดก็เข้ามาหาเธอ
เหมือนว่าสิ่งที่ปิดทางเอาไว้คือกำแพงน้ำแข็ง กำแพงนั้นตั้งอยู่อย่างมั่นคงป้องกันไม่ให้พวกเธอเข้าไป ชัฟฟินโพดำสามารถทำลายมันได้ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าพวกเธอควรจะทำลายมันรึเปล่า
โจ๊กเกอร์อยากจะเดาะลิ้นแต่เธอก็หยุดเอาไว้ หากเธอทำมันในตอนนี้ก็มีแต่จะทำให้กริมฮาร์ทหงุดหงิดซะเปล่าๆ การเก็บความหงุดหงิดของเธอเอาไว้ในใจมันจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ในทางกลับกัน กริมฮาร์ทนั้นได้สอนเธอว่านี่คือวิธีที่สามารถเข้าใจแบบง่ายๆ
กำแพงน้ำแข็งคงเป็นสิ่งที่ร่างทดลองธาตุน้ำสร้างขึ้น เธอคงเติมน้ำเข้าไปในห้องแล้วก็แช่แข็งมันเพื่อสร้างเป็นกำแพง หากข้าวหลามตัดควบคุมระบบได้ พวกเธอก็จะตัดเส้นทางลำเลียงน้ำภายในห้องและปิดผนึกที่กั้นเอาไว้ได้ แต่พวกเธอก็ชิงเวลาเหล่านั้นไปจนเรื่องมันกลายเป็นเช่นนี้
ควรทำลายหรือไม่ควรกันนะ? มันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำลาย แต่มันก็เหมือนว่าอีกฝ่ายอยากให้เธอทำแบบนั้นด้วย แบบไหนมันถูกกันนะ? หรือเธอควรจะข้ามไปอีกฝั่งเพื่อโจมตีรึเปล่า? แต่ถ้าทำแบบนั้นการป้องกันฝั่งของห้องประชุมก็จะอ่อนแอลง เธอตั้งใจตรวจสอบจอมอนิเตอร์ในห้องทะเลทราย ป่า และหิน แต่มันก็ไม่มีสัญญานการโจมตีจากที่นั่นเลย
ก่อนที่เธอจะได้ข้อสรุป สามโพแดงก็กลับมาและรายงานว่ามีรอยแตกที่กำแพงน้ำแข็ง
โจ๊กเกอร์ได้ยินเสียงแตกมาจากจอมอนิเตอร์ แล้วก็ตามด้วยเสียงของน้ำไหล มันไม่ใช่น้ำเพียงแค่เล็กน้อย แต่มันพุ่งเข้ามาราวกับเขื่อนแตก จากนั้นโจ๊กเกอร์ก็ยืนขึ้น
☆ ปรินเซสอินเฟอร์โน
กำแพงน้ำแข็งแตกออก และน้ำที่อยู่ด้านในก็ระเบิดออกมาในคราวเดียว ชัฟฟินโพแดงสองสามคนถูกพัดไปตามน้ำ แต่เอซโพดำต้านทานเอาไว้ได้
แต่พวกเธอก็คำนวนไว้แล้วว่าเอซโพดำคงจะต้านทนเอาไว้ได้ ดีลูจใช้ลักซ์ซูรี่โหมดแล้วแทงตรีศูลของเธอลงไปในกระแสน้ำ เธอแช่แข็งมันไปพร้อมกับชัฟฟินที่ยืนอยู่ตรงนั้นที่ต้านทานการไหลของกระแสน้ำ
เธอกระโดดข้ามหัวของชัฟฟิน หมุนตัวครึ่งรอบในอากาศเข้าหาเพดาน จากนั้นก็วิ่งไปห้าก้าว แล้วก็กระโดดลงมาด้านล่างที่พื้นของทางเดิน พุ่งตัวออกไปด้านหน้าของสายน้ำโดยไม่ได้ลดความเร็วลง
ชัฟฟินถูกผลักออกไปด้วยมีดที่สตันชิคกะปา และอินเฟอร์โนก็ใช้จังหวะนั้นจัดการชัฟฟินด้วยดาบโค้งของเธอ มันรู้สึกไม่ดีเลย เธอไม่ได้อยากทำแบบนี้อีกครั้ง แต่ในตอนนี้มันเหมือนกับว่าเธอเคยชินกับมันแล้ว
แต่ในตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมัวมากังวลเรื่องนั้น เธอกลืนชิ้นผลไม้ที่เก็บเอาไว้ใต้ลิ้นลงไป มันไหลลงผ่านลำคอไปสู่กระเพาะอาหาร และจากที่นั่น ความร้อนก็ไหลผ่านไปทั่วร่าง
ในตอนนี้ ทุกอย่างมันเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้
ก่อนอื่นเมจิคัลเกิร์ลทุกคนจะร่วมมือกันสร้างเขื่อนเพื่อเก็บน้ำเอาไว้ในห้องฝึกซ้อม พวกเธอให้ดีลูจแช่แข็งมันเพื่อปิดที่กั้นของทางฝั่งทะเลทรายเอาไว้ จากนั้นพวกเธอก็สร้างกำแพงน้ำแข็งตรงด้านหน้าที่กั้นของห้องประชุมด้วยการใช้น้ำในปริมาณที่มากกว่า
ในจังหวะที่ที่กั้นเปิดขึ้น อินเฟอร์โนจะหลอมน้ำแข็งให้ละลายเพื่อปล่อยน้ำไปตามทางเดิน และดีลูจก็จะทำการแช่แข็งเพื่อสกัดชัฟฟินทันที ในขณะที่สไตล์เลอร์ มิมิและมาริกะ ฟุคุโรอิจะจัดการพวกชัฟฟินที่เหลืออยู่
สโนไวท์ สตันชิคกะ และอินเฟอร์โน ทั้งสามคนไม่ได้ต่อสู้กับชัฟฟิน แต่พวกเธอวิ่งตรงเข้าไปที่ห้องประชุม
หากมีใครที่อยู่ด้านในห้องประชุมรู้รหัสผ่านล่ะก็ สโนไวท์จะขโมยมันแล้วถอนตัวออกมาในทันที
สโนไวท์บอกว่า เมื่อก่อนเธอเคยขโมยรหัสผ่านด้วยการฟังเสียงความคิดของคนอื่นมาแล้ว และเมื่ออินเฟอร์โนพูดว่า “ไม่อยากจะเชื่อเลยนะ ว่าโคยูกิทำอะไรไม่ดีแบบนั้นด้วย” สโนไวท์ก็ยิ้มออกมาแบบอายๆเล็กน้อย
หากไม่มีใครรู้รหัสผ่าน หรือมีเพียงแค่กริมฮาร์ทที่เป็นคนเดียวที่สโนไวท์อ่านความคิดไม่ได้รู้รหัสผ่านล่ะก็ แบบนั้นสโนไวท์กับสตันชิคกะจะยื้อเวลาเอาไว้ ในขณะที่อินเฟอร์โนจะอ่านบันทึกการทำงานเพื่อหารหัสผ่านปัจจุบัน
จุดประสงค์ดั้งเดิมของรหัสผ่านนั้นคือป้องกันศัตรูที่จะเข้ามาจากภายนอก ดังนั้นมันจึงไม่น่าจะยากที่จะอ่านมันจากตรงแผงควบคุมในห้องประชุม
พวกเธอเคลื่อนที่ผ่านมุมรูปตัว L โดยที่ไม่ได้ลดความเร็วลง
มันมีไม่ชัฟฟินอยู่ในระหว่างทางไปยังห้องประชุม สโนไวท์ดึงเอาท่อนซุงออกมาจากกรเป๋า ในพื้นที่ป่านั้น เธอตัดต้นซีดาร์ที่ล้มอยู่จนได้ความยาวที่พอเหมาะ หากยกมันขึ้นมาก็จะสูงประมาณหน้าอกของอินเฟอร์โน ในอีกแง่หนึ่งก็คือ มันเป็นขนาดที่พอดีกับกดที่จะกดแผงควบคุมค้างเอาไว้
สโนไวท์กดแผงควบคุม และก่อนที่ที่กั้นนั้นจะเริ่มขยับ เธอก็เอาท่อนซีดาร์พิงเอาไว้ที่แผงควบคุม ในตอนนี้แม้เธอจะปล่อยมือออกมา ที่กั้นนั้นก็จะยังคงเปิดออก ตราบใดที่ท่อนซีดาร์ยังคงพิงอยู่กับแผงควบคุม
ที่กั้นเปิดขึ้นแล้วพวกเธอจึงมองเห็นด้านในของห้องประชุม แม้อินเฟอร์โนจะเคยมาที่นี่หลายต่อหลายครั้ง แต่คราวนี้มันก็รู้ว่าเธอไม่ได้มาที่นี่มาเป็นเวลานานแล้ว ดวงตาของชัฟฟินข้าวหลามตัดเบิกกว้างในตอนที่มองมายังพวกเธอ กริมฮาร์ทนั้นกำลังเอาอะไรซักอย่างใส่ลงไปในกระเป๋า ภายในห้องมันเต็มไปด้วยสมบัติบ้าของเธอเกลื่อนกลาดไปทั่ว ทั้งหนังสือและซองขนม ของพวกนี้อินเฟอร์โนไม่คุ้นเคยกับมันเลย
“ไป” สโนไวท์กระซิบอย่างเงียบๆ นั่นหมายความว่าเธอสามารถรับรู้รหัสผ่านด้วยเวทมนตร์ของเธอได้ จากจุดนี้ไปมันคืองานของอินเฟอร์โน
เธอส่งเสียงตะโกนออกมาพร้อมกับกวัดแกว่งดาบโค้ง เธอจงใจเคลื่อนไหวบ้าคลั่งเพียงเพื่อให้ศัตรูขยับตัว จากนั้นชัฟฟินข้าวหลามตัดก็ล้มกลิ้งและวิ่งออกไปด้วยความสับสน จากนั้นอินเฟอร์โนก็กระโดดข้ามโต๊ะแล้วเข้าไปยืนตรงหน้าจอมอนิเตอร์
คนที่คุ้นเคยกับการควบคุมระบบพวกนี้มากที่สุดก็คือปริซึม เชอร์รี่ เธอมักจะพูดเสมอว่าอยากทำตัวให้เป็นประโยชน์มากที่สุดทำที่สามารถทำได้ การที่เธอนั่งอยู่ตรงหน้าจอมอนิเตอร์แล้วคอยชี้แนะคนอื่น มันทำให้เธอเชี่ยวชาญระบบนี้ยิ่งกว่าใครๆ
แต่ในตอนนี้เธอไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว
อินเฟอร์โนกลบอารมณ์ทั้งหมดที่พุ่งพล่านอยู่ในตัวเอาไว้
ต่อให้อาละวาดไปก็เอาปริซึม เชอร์รี่กลับมาไม่ได้ มันมีอย่างอื่นที่เธอต้องทำอยู่
เธอปิดโหมดสังเกตการร์ของจอมอนิเตอร์ไป อีกฝ่ายใช้มันจนถึงในตอนนี้ ดังนั้นคำสั่งจึงไม่ถูกปิดกั้นแน่นอน จากนั้นก็ใช้สิทธิ์ของผู้ดูแลระบบเพื่อตรวจสอบบันทึกการทำงาน
เธอมองดูบรรทัดของบันทึกการทำงานที่เลื่อนลงมาตามหน้าจอเพื่อค้นหาสิ่งที่เกี่ยวข้องกับรหัสผ่าน จากนั้นเธอก็รู้สึกร้อนที่หลัง และความร้อนนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวด
อินเฟอร์โนหมุนตัวแล้วขยับหางของเธอขึ้นลง เธอรู้สึกว่ามีอะไรมาสัมผัส และเลือดนั้นก็พุ่งออกมาจากด้านหลังจนกระจายไปทั่วห้องประชุม
สตันชิคกะถูกพัดกลับมาตามพื้นจนไปกระแทกเข้ากับผนัง ทั่วทั้งร่างของเธอกระตุก สโนไวท์ยืนอยู่ตรงหน้ากริมฮาร์ท คนที่พยายามไล่ตามสตันชิคกะ จากนั้นเธอก็เหวี่ยงรูลเลอร์ลงไปที่ไหล่ของกริมฮาร์ท แต่มันก็ไม่มีผลอะไรเลย
ในบรรดาชัฟฟินที่วิ่งออกไปเพราะความสับสน มันยังคงมีกริมฮาร์ทเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ด้วยความสงบ
แบบนั้นพวกเธอคงไม่เป็นอะไร เพราะพวกเธอมาที่นี่เพื่อซื้อเวลาอยู่แล้ว
อินเฟอร์โนใช้มือสัมผัสที่หลังของตัวเอง แผลมันลึกและเลือดก็ไม่ได้หยุดไหล
มีบางคนคลานออกมาจากใต้โต๊ะอย่างช้าๆ มันคือชัฟฟิน ไม่ใช่ทั้งโพแดง โพดำ ดอกจิก หรือข้าวหลามตัด มันคือใบหน้าของตัวตลกอันแสนน่ารังเกียจเหมือนกับที่วาดเอาไว้บนไพ่ เคียวขนาดยักษ์ที่เธอถืออยู่ในมือนั้นมันมีเลือดที่กำลังไหลหยด ด้วยใบหน้าที่เหมือนกับตัวตลกที่วาดเอาไว้บนชุด เธอหัวเราะ และเหวี่ยงเคียวของตัวเองลงมา
อินเฟอร์โนพยายามป้องกันเอาไว้ด้วยดาบโค้งของเธอแต่ก็หยุดไว้ไม่ได้ทั้งหมด เธออ่อนแอลง และเคียวนั้นก็เฉือนเข้าไปที่แขนทำให้เลือดพุ่งออกมามากขึ้นไปอีก ในหัวของเธอรู้สึกมืดมัว ดวงตาของเธอหยุดอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง
มันคือศพที่กองรวมกันเอาไว้ ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นมนุษย์ผู้หญิง หนึ่งในนั้นคือคนที่เธอคุ้นเคย ในตอนแรกพบ อินเฟอร์โนคิดว่าเธอคือนักศึกษามหาลัยที่ไม่ได้สดใสร่าเริง
คอของเธอถูกตัดออกร่างและนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น ตัวของเธอชุ่มไปด้วยเลือด เธอนอนกองอยู่ที่มุมของห้องราวกับเป็นวัตถุ เป็นเหมือนกับขยะที่ไม่มีใครต้องการ
เสียงของบางอย่างราวกับถูกฉีกกระชากดังออกมาจากส่วนลึกในลำคอของอินเฟอร์โน ในหัวของเธอที่มืดหม่นมันหายไปแล้ว เธอมองเห็นรูปร่างของศัตรูที่ยืนอยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน รอยยิ้มอันน่ารังเกียจที่ชัฟฟินคนอื่นไม่มีถูกสะท้อนอยู่ในดวงตาของเธอ
—แกนี่เอง
เธอใช้ลักซ์ซูรี่โหมดโดยที่ไม่ได้รู้ตัวว่าทำอะไรอยู่ ความเจ็บปวดที่หลังหายไปแล้ว เสียงที่ไม่จำเป็นกับสายตารอบข้างก็หายไปเช่นกัน เธอคิดเหมือนกับความรู้สึกที่ดังกึกก้องอยู่ภายในตัว ความรังเกียจเรื่องการฆ่าของเธอหายไป เธออยากจะฆ่า เธอจะฆ่า เธอจะฆ่ามัน
ในตอนที่เคียวนั้นเหวี่ยงลงมา อินเฟอร์โนชักเท้าขวากลับมาด้านหลัง ไม่ใช่เพื่อการหลบเลี่ยง แต่เป็นเพื่อการฆ่ามัน นี่คือการล้างแค้นให้เควค เธอจะไม่ปล่อยให้มันจบไปแบบนี้
เธอจับดาบโค้งด้วยมือขวาและใช้มือซ้ายจับไว้ด้วยเช่นกัน
เธอฝึกแบบนี้มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เธอเกลียดการฝึกประเภทที่ทำอะไรซ้ำๆเสมอ แต่กระนั้นเธอก็ยังคงทำตามสิ่งที่ถูกบอกมา
เพราะเธออยากจะเป็นเมจิคัลเกิร์ลต่อไป เธออยากอยู่ด้วยกันกับเพียวเอเลเมนท์ต่อไป เควคเองก็หัวเราะและออกมาพูดว่า “ต่อให้พวกเราแก่ตัวเป็นยายแก่กันหมดแล้ว ก็เป็นเมจิคัลเกิร์ลกันต่อไปนะ”
ในตอนนี้เธอเข้าใจจุดประสงค์ของการฝึกแล้ว
มันก็เพื่อการฆ่าศัตรู
เคียวที่เหวี่ยงลงมาก็กลายเป็นอะไรที่เชื่องช้า แม้เสียงการเคลื่อนไหวที่ตัดผ่านอากาศของมันจะเหมือนกับ
วีดีโอสโลโมชั่น แต่อินเฟอร์โนก็ไม่ได้สนใจเรื่องแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว
อินเฟอร์โนแทงดาบโค้งออกไป นี่คือการโจมตีที่รุนแรงที่สุดในฐานะที่เธอเป็นเมจิคัลเกิร์ลมาในช่วงเวลาสั้นๆสามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นดิสรัปเตอร์ มาริกะ ฟุคุโรอิ หรือชัฟฟินเอซก็หลบการโจมตีนี้ไม่ได้
เคียวยักษ์และดาบโค้งปะทะเข้าหากัน จากนั้นเธอก็กระเด็นออกไป เมื่ออินเฟอร์โนจะแทงเข้าไปที่หัวใจของศัตรู กริมฮาร์ทก็เข้ามาจากด้านข้างและปัดใบดาบของเธอทิ้ง
“เจ้าโง่l! อย่าประมาทสิ!”
และสโลโมชั่นก็จบลง
เธอได้ยินเสียงของชัฟฟินร้องไห้ และเสียงของกริมฮาร์ทที่ตะโกนว่า “ก็บอกแล้วไงว่าอย่าฆ่าร่างทดลอง!” สตันชิคกะยังคงเอนตัวพิงกับผนัง บางทีเธออาจจะขยับไม่ได้ เมื่อชัฟฟินเข้าไปหาสตันชิคกะ สตันชิคกะก็พ่นไฟออกมาในตอนที่กำลังนั่งอยู่ สโนไวท์ยกตัวของอินเฟอร์โนขึ้นแล้วกระโดดออกไปตรงที่กั้นที่เปิดอยู่ จากนั้นเธอก็เตะท่อนซีดาร์ที่เอนพิงอยู่กับแผงควบคุมออก
ที่กั้นปิดลง กริมฮาร์ทสบถออกมาและพยายามไล่ตามพวกเธอ การมองดูเรื่องนี้ทำให้อินเฟอร์โนคิดอะไรไม่ออก เธอไม่มีแรงเลย
สตันชิคกะขยับตัว เธอดึงเอาระเบิดมือออกมาจากแขนเสื้อแล้วก็ถอดสลักออก กริมฮาร์ทรีบหันตัวกลับ และสโนไวท์ก็รีบวิ่งออกไปโดยที่ไม่ได้หันกลับมามอง
แสงสว่าง แรงระเบิด การสั่นสะเทือน และสโนไวท์ที่กอดเธอและจับดาบโค้งเอาไว้ นั่นคือทุกอย่างที่อินเฟอร์โนสามารถบอกได้ ข้อมูลที่มากกว่านี้เธอรับรู้มันไม่ได้ ความร้อนจากแผลที่หลังมันขยายตัวออกไป
“อ๊ะ…”
เธอยังคงพูดได้ แต่เธอไม่รู้ว่าจะทำแบบนี้ต่อไปได้อีกนานแค่ไหน
“นี่… โคยูกิ…”
“อย่าฝืนตัวเองสิ อาคาริ”
“เธอคือ… นักล่า…เมจิคัลเกิร์ล… ใช่ไหม…?”
นั่นคือสิ่งที่มาริกะ ฟุคุโรอิพูด สโนไวท์นั้นล่าเมจิคัลเกิร์ลที่ชั่วร้าย อินเฟอร์โนที่อยู่ในอ้อมแขนของสโนไวท์เงยหน้าขึ้น และเธอก็เห็นว่าสโนไวท์มีขนตาที่งดงามมาก
“ถ้า… อย่างนั้น… คนพวกนั้น…”
ปริซึม เชอร์รี่และเควค ทั้งคู่ถูกฆ่าตาย อินเฟอร์โนเองก็ล้มเหลวในการหารหัสผ่านและล้างแค้น เธอทำอะไรไม่ได้เลย แถมยังถูกสโนไวท์อุ้มออกมาตอนวิ่งหนีด้วย
อินเฟอร์โนวิ่งด้วยตัวเองไม่ได้ เธออยากจะวิ่งด้วยสองขาของตัวเองมาตลอด นั่นคือทุกสิ่งที่เธออยากจะทำ แต่เธอกลับทำแบบนั้นไม่ได้และถูกอุ้มออกมา เธอล้มเหลวในการล้างแค้นให้เควคและปริซึม เชอร์รี่ และความผิดหวังยังคงอยู่ในใจในตอนที่สโนไวท์โอบกอดเธอเอาไว้
“ถ้า…เธอ…เป็น…นักล่า…เมจิคัลเกิร์ล…ล่ะก็…ช่วย…จัดการ…คนพวกนั้น…ที…”
คำพูดของเธอ เสียงของเธอ การมองเห็นของเธอล้วนหายไปจนหมด ความอบอุ่นจากตัวของสโนไวท์ที่เธอสัมผัสได้ก็หายไป ก่อนที่ความอบอุ่นจากตัวของอินเฟอร์โนเองก็หายตามไป ทุกสิ่งที่เธอเหลืออยู่จนกระทั่งถึงลมหายใจสุดท้ายมันมีแต่ความโศกเศร้าเสียใจ
☆ กริมฮาร์ท
กริมฮาร์ทระบายความโกรธที่มีออกมารอบตัว
เธอเตะและต่อยเข้าไปที่เอซโพแดง กระแทกใบหน้าของชัฟฟินเข้ากับโต๊ะแล้วก็เหวี่ยงไปที่ผนัง แต่กระนั้นชัฟฟินก็ยังคงปกติดี กริมฮาร์ทคงทำลงไปแบบไม่รู้ตัว เธอยังคงมีความรู้นึกถึงเรื่องนั้นได้อยู่
แต่การคิดว่าตัวเองนั้นยังคงมีความรู้สึกอยู่ มันเป็นได้แค่การราดน้ำมันลงไปในกองไฟเท่านั้น เธออยากจะทำลายทุกอย่างให้หมดสิ้น
เธอเพิ่งจะช่วยโจ๊กเกอร์จากการระเบิดตัวเองของสตันชิคกะมาได้ มันหวุดหวิดมาก หากกริมฮาร์ทช้ากว่านั้นซักนิด เธอก็จะป้องกันตัวของโจ๊กเกอร์เอาไว้ไม่ได้ และโจ๊กเกอร์ก็คงต้องโดนระเบิดจนบาดเจ็บหรือตายไปแล้ว
มันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไงนะ? การที่กริมฮาร์ทบังคับตัวเองให้ทำอะไรเช่นนี้มันก็กลายเป็นความจิรงที่ว่าอัปยศเทียบได้กับความสูญเสียแล้ว เธอไม่ได้มาที่เพื่อสู้กับพวกป่าเถื่อนพวกนี้ กริมฮาร์ทนั้นยืนอยู่บนจุดสูงสุด เธอไม่จำเป็นต้องทำหรือไม่ทำอะไรเลย
เธอหายใจเข้าแล้วก็หายใจออก
กริมฮาร์ทนั้นโกรธเกรี้ยว เด็กสาวบางคนทำให้ความภาคภูมิใจของกริมฮาร์ทมีบาดแผล และกริมฮาร์ทก็กำจัดมันไม่ได้ พวกมันยังคงอยู่ที่นี่ มันแทงใบดาบเข้ามาคอของกริมฮาร์ท และอีกแค่ครึ่งก้าวกริมฮาร์ทก็จะจนมุมด้วยพวกป่าเถื่อน พวกคนชั้นต่ำที่สุดในหมู่ของคนชั้นต่ำ พวกเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำ พวกที่อยู่จุดล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร มันเป็นคนประเภทตรงข้ามกับกริมฮาร์ท
เธอยื่นมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วดึงบางอย่างออกมา มันคือร่างทดลองธาตุลม ในตอนที่รู้ว่าศัตรูโจมตีเข้ามา เธอก็ใส่มันเข้าไปในกระเป๋า เธอคิดว่าจะไม่ปล่อยให้ศัตรูขโมยไป และมันคงจะงี่เง่าน่าดูหากเข้ามาผสมโรงในการต่อสู้แล้วเกิดแพ้ขึ้นมา เธอลงมือทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุด
อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดของเรื่องนี้งั้นเหรอ? ในตอนนี้ทุกอย่างที่เธอมีก็คือความโกรธ
“เอามันไปตัดหัว!”
โจ๊กเกอร์หยุดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เงื้อเคียวขึ้น
ร่างทดลองธาตุลมร้องไห้พร้อมกับตัวสั่นเทา เธอเอาหน้าผากของเธอก้มลงไปที่พื้นหลายต่อหลายครั้ง เธอคงจะพยายามร้องขอชีวิต แต่ในตอนนี้กริมฮาร์ทไม่ได้สนใจเรื่องแบบนั้น
หัวของเด็กสาวกลิ้งไปตามพื้น และในที่สุดหลังจากที่ได้เห็นบาดแผลของชัฟฟินฟื้นฟู จิตใจของกริมฮาร์ทก็สงบลง เธอเพียงแค่รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่ได้รู้สึกร่าเริงอะไร
“…การสังเวยตัวอย่างทดลองไปทั้งหมดแบบนี้นี่เป็นความคิดที่ดีรึเปล่า?”
“ถ้าไม่มีชัฟฟิน ก็จะเป็นการทำให้แผนการติดขัด มันช่วยอะไรไม่ได้หรอก”
“หืมม นั่นสินะ”
ร่างทดลองที่โจ๊กเกอร์แทงเข้าไปนั้นถูกสโนไวท์ขโมยไป แผลนั่นคงจะถึงชีวิต การจับกุมคงจะเป็นไปไม่ได้
แบบนั้นก็หมายความว่า เหลือตัวอย่างทดลองอีกแค่คนเดียว
ยิ่งกว่านั้น ในตอนนี้เธอไม่มีเมจิคัลเกิร์ลที่เก็บเอาไว้เพื่อเติมเต็มแล้ว หากสตันชิคกะไม่ได้ทำอะไรโง่ๆอย่างการระเบิดฆ่าตัวตาย แบบนั้นก็จะสามารถเก็บเอามาใช้งานได้ เสียเปล่าจริงๆ แต่ในตอนนี้กริมฮาร์ทจะเสียใจไม่ได้ ในคราวนี้เธอคงทำสำเร็จได้แน่
☆ ฟิรูรุ
ในตอนที่อินเฟอร์โนตาย เธอก็เหลือดาบโค้งทิ้งเอาไว้ ซึ่งมันหมายความว่าพวกเธอยังคงสร้างหมอกได้ แต่มันก็เท่านั้น มันเป็นแค่สิ่งที่พวกเธอทำเพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูเจอตัว และไม่ใช่ว่าพวกเธอจะไม่ถูกโจมตีเลย
ดีลูจที่ตัวแข็งทื่อยังคงกอดร่างของเด็กสาววัยมัธยมปลายคนนั้นเอาไว้ ไม่มีใครเลยที่พยายามจะพูดกับเธอ บางทีพวกเธออาจจะไม่มีแรงเหลือพอก็ได้ อย่างน้อยที่สุดฟิรูรุก็ไม่ได้ทำมัน แม้จะไม่ได้ขยับตัวเธอก็รู้สึกเจ็บปวด และถ้าเธอขยับตัวมันก็จะทรมาณมาก การเลียผลไม้ของมาริกะมันทำให้รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยก็จริง แต่ความเจ็บปวดมันก็จะกลับมาอยู่ดี
สตันชิคกะก็ระเบิดตัวเองไปแล้ว แถมอินเฟอร์โนก็ถูกฆ่าตายอีก
แม้ว่าพวกเธอจะเสียสละไปขนาดนี้ก็ยังไม่ได้รหัสผ่านมา พวกเธอจึงเปิดทางเข้าแล้วออกไปด้านนอกไม่ได้ มันไม่มีอะไรเปลี่ยนไป พวกเธอยังคงติดอยู่ในพื้นที่น้ำ แถมตอนนี้พวกเธอเสียอินเฟอร์โนกับสตันชิคกะไปแล้ว สถานการณ์มันจึงเลวร้ายยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก
ในห้องประชุมนั้น สโนไวท์ได้ยินความคิดที่ลึกที่สุดของชัฟฟินโจ๊กเกอร์ หากพวกเธอฆ่าโจ๊กเกอร์ได้ พวกเธอก็จะสามารถจัดการชัฟฟินคนอื่นได้เช่นกัน
แต่มันไม่เหมือนกับสถานการณ์วิกฤติก่อนหน้าที่โจ๊กเกอร์นั้นไม่เคยเผยตัวออกมาให้ศัตรูเห็น และการได้ยินความคิดของโจ๊กเกอร์ มันก็ทำให้สโนไวท์รู้ถึงเวทมนตร์ที่แท้จริงของกริมฮาร์ท
“กริมฮาร์ทสามารถเลือกคนที่จะปฎิสัมพันธ์ด้วยได้”
“อย่างเรื่องการสนทนาแล้วก็อื่นๆ…แบบนั้นเหรอ?” สไตล์เลอร์ มิมิถาม
“การสนทนา การต่อสู้ และการสื่อสารในรูปแบบอื่นๆ ทุกอย่างกริมฮาร์ทจะเป็นคนเลือกผู้ที่จะมีปฎิสัมพันธ์ด้วย เพราะแบบนั้นเวทมนตร์ของฉันจึงไม่มีผล ตราบใดที่เธอไม่อนุญาต มันก็จะไม่มีอะไรที่มีผลกับเธอ ไม่ว่าจะเป็นระเบิด การโจมตีรูปแบบต่างๆ หรือเวทมนตร์ มันก็จะไม่มีผลใดๆกับเธอเลย”
“แบบนั้น… มันไม่ทรงพลังเกินไปหน่อยเหรอ ปอน?”
“แม้กระทั่งคี๊คก็พาเธอเข้าไปในโลกไซเบอร์ไม่ได้ ต่อให้ทำได้ คี๊คก็จะถูกจัดการในโลกของตัวเองอยู่ดี”
ภาพของฟาลพร่ามัวราวกับว่าโดนไฟฟ้าสถิตย์ ไหล่ของสไตล์เลอร์ มิมิเองก็ลู่ลง ในจุดนี้เธอดูเหมือนกับว่าอยากจะร้องไห้ออกมา
“แบบนั้นก็หมายความว่า…พวกเราทำอะไรไม่ได้เลยงั้นสิ?”
“กริมฮาร์ทรู้สึกอับอายที่ต้องกลายเป็นแนวหน้า หากสถานการณ์มันบีบบังคับให้เธอต้องเคลื่อนไหวล่ะก็ โจ๊กเกอร์ก็จะต้องมีปัญหา… นี่คือสิ่งที่โจ๊กเกอร์คิด กริมฮาร์ทจะหลีกเลี่ยงการทำอะไรด้วยตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แต่เมื่อไม่มีทางเลือก เธอก็จะลงมือทำ เหมือนเมื่อกี๊นี้…”
สโนไวท์มองไปที่ดีลูจ คนที่หันหลังมาหาเธอ จากนั้นสโนไวท์ก็หันไปมองเด็กสาวที่ดีลูจกอดอยู่ ใบหน้าของดีลูจดูว่างเปล่า แต่ดูเหมือนว่าริมฝึปากของเธอจะสั่นเล็กน้อย แต่มันอาจจะเป็นเรื่องที่ฟิรูรุคิดไปเองก็ได้
“ย้อนกลับไปตอนที่พวกเราเข้าโจมตีห้องประชุม เธอก็ถูกบังคับให้ลงมือทำ”
“หากการที่เธอลงมือทำอะไรมันคือเรื่องที่น่าอับอาย… แบบนั้นการลงมาในสถานที่แบบนี้มันก็น่าอับอายด้วยรึเปล่า ปอน?”
“เหมือนว่าตราบใดที่เธอยังคงหยิ่งผยองในฐานะหัวหน้าของกองกำลังได้ ก็จะไม่เป็นอะไรน่ะ”
“ช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจสุดๆ” มาริกะพูด “แหม ชั้นล่ะอยากเอาชนะเธอจริงๆ”
“นี่เธอได้ฟังที่คนอื่นพูดเรื่องที่ว่าพวกเรากำลังมีปัญหาเพราะทำแบบนั้นไม่ได้อยู่บ้างไหมเนี่ย?” มิมิพูด
“พวกเราเอาชนะชัฟฟินได้ตั้งเยอะแยะที่ทางเดินนะ” มาริกะพูด “แต่พวกนั้นก็ยังจะกลับมาได้อีกงั้นเหรอ?”
สโนไวท์มองไปที่ดีลูจแล้วก็เด็กสาวที่เธอกอดอยู่อีกครั้ง แต่ในคราวนี้ริมฝีปากของเธอไม่ได้สั่นแล้ว
“หากโจ๊กเกอร์ยังอยู่…แบบนั้น…พวกเธอก็จะถูกเติมเต็มได้อีก”
“ฮ๋าฮ่าฮ่าฮ่า! แบบนั้นพวกเราได้สู้กันทั้งปีทั้งชาติแน่!”
“อีดอกนี่หุบปากไปเลยไป”
“จะว่าไปแล้ว เป้าหมายของพวกนั้นคืออะไรเหรอ ปอน?”
“พวกเธอมาจับตัวเมจิคัลเกิร์ลประดิษฐ์ ลบร่องรอยของแผนการ แล้วกำจัดคนที่รู้เห็นทิ้งทั้งหมด” สโนไวท์ตอบ
“งั้น…พวกเราก็…จนมุมจริงๆแล้ว…ใช่ไหม?” สไตล์เลอร์ มิมิครางออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ฟิรูรุนอนอยู่ในถุงนอนที่สโนไวท์เอาออกมาจากกระเป๋าสี่มิติ เสียงของทุกคนที่พูดคุยกันอยู่รอบๆตัวของเธอนั้นมันฟังดูห่างไกล จนเธอรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องและกำลังรับฟังในฐานะบุคคลที่สามอยู่ มันจึงทำให้เธอรู้สึกเศร้าจนเจ็บปวด
อุตาคัทตะเองก็ถูกแทงด้วยหอก ภาพในตอนนั้นมันสะท้อนอยู่ในดวงตาของฟิรูรุ อุตาคัทตะเหมือนจะแปลกแยกและพูดประชดอย่างสุภาพกับทุกคนอยู่เสมอ เธอรักษาการใช้ชีวิตแบบฟรีแลนซ์ของตัวเองไว้ได้ และเธอยังพูดว่าตราบใดที่เลือกเดินตามไม่ผิดคน เธอก็จะรอดชีวิต ในการที่จะจัดการเมจิคัลเกิร์ลประดิษฐ์นั้นพวกเธอสองคนจึงต้องร่วมมือกัน ในตอนนี้ฟิรูรุกำลังต่อสู้ไปด้วยกันกับเมจิคัลเกิร์ลประดิษฐ์เหล่านั้น เธอไม่ได้คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนเลย แม้เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนบ่ายของวันนั้นก็เหมือนกับเป็นอดีตอันไกลโพ้นไปแล้ว
คาฟุเรียยังคงปลอดภัยดีไหมนะ? ฟิรูรุรู้สึกว่าแม้เธอจะถูกศัตรูจับตัวไป คาฟุเรียก็ยังคงจะร่าเริงอยู่ได้ อย่างน้อยที่สุดเธอก็พูดว่าไม่ใช่คนที่จะตายก่อน ฟิรูรุฟังแบบนั้นแล้วก็รู้สึกขนลุก แม้กระทั่งในตอนนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น แต่ฟิรูรุก็อยากจะให้เธอปลอดภัย
ความเจ็บปวดนั้นมีมากจนเธอส่งเสียงร้องออกมา เมื่อเธอเลียผลไม้ความเจ็บปวดมันก็บรรเทาลงไปเล็กน้อย จากนั้นเธอก็หลับตาลง
เธออยากจะได้เครดิท เธออยากจะได้งานทำอีกครั้ง แม้จริงๆแล้วมันไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเลยก็ได้ ฟิรูรุจินตนาการถึงการทำงานด้วยกันกับอุตาคัทตะและคาฟุเรียในฐานะฟรีแลนซ์ เธอคิดว่ามันคงจะต้องสนุกแน่ๆ
คาฟุเรียกับอุตาคัทตะคงจะตัวติดกับเธอตลอดเวลา แต่เธอก็จะเดินทางไปทั่วเพื่อหาเงินเล็กๆน้อยๆจากที่นั่นที่นี่ เพราะมันคืองานประเภทที่ต้องทำเมื่อมีผู้คนต้องการตัว
ฟิรูรุแค่อยากให้มีใครซักคนต้องการเธอเท่านั้น เธอแค่อยากจะเป็นคนที่ถูกเรียกได้ว่าคือคนที่จำเป็น
“ได้โปรด…”
มันไม่ใช่เสียงของสโนไวท์ ไม่ใช่สไตล์เลอร์ มิมิและมาริกะ ฟุคุโรอิเช่นกัน แน่นอนว่าไม่ใช่ฟาลและฟิรูรุด้วย มันคือเสียงของปรินเซสดีลูจ
“ได้โปรด…ส่งตัวฉันให้พวกนั้นไปเถอะ หากเป้าหมายของอีกฝ่ายคือการพาตัวพวกฉันไปล่ะก็ แบบนั้นก็มอบตัวฉันให้ไปแล้วก็เจรจากัน บอกพวกนั้นไปว่าหากชีวิตของทุกคนถูกละเว้น ก็จะมอบตัวฉันให้โดยที่ไม่ต่อต้าน”
บทคั่น
“ให้ตายสิ ที่นี่มันรกไปหมดเลย”
“ขอโทษนะ พอดีมันมีอะไรหลายๆเรื่องเกิดขึ้น”
มีฟูกสองที่ถูกปูเอาไว้ หนึ่งในนั้นมีริปเปิลกำลังนอนอยู่ ในขณะที่อีกที่หนึ่งว่าง ผ้าพันแผลและยาจำนวนมากกระจัดกระจายไปทั่ว บนโต๊ะเองก็เต็มไปด้วยกองเอกสาร มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หญิงชราจะพูดออกมาว่ารก เธอเองก็ไม่ได้โกหกเรื่องที่พูดว่ามีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน
“เด็กสาวคนนี้เป็นพวกหลับเร็วงั้นสินะ?”
“อื้อ เธอทำงานใหญ่ให้ฉันน่ะ”
“แล้วเด็กสาวอีกคนเคยที่หลับอยู่ตรงนั้น เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันล่ะ?”
“เหมือนว่าเธอเองก็มีงานต้องทำเช่นกัน”
“แหม เป็นคนที่ขยันจังเลยนะ”
“ใช่แล้วล่ะ”
หญิงชรายิ้มออกมาจนมองเห็นภายในปากที่ไม่มีฟันเหลืออยู่ จากนั้นก็หยิบหม้อแล้วเดินลงบันไดไปด้านล่าง เฟรเดริก้าจิบชาที่เย็นแล้วของเธอ แม้จะเย็นชืดแต่รสชาติก็ยังคงอร่อย ถึงรสชาตินั้นจะปลอบโยนความเหงาของเธอไม่ได้ก็ตาม รสชาติที่สามารถทำแบบนั้นได้มันจะมาพร้อมกับความอบอุ่น ชาที่เย็นชืดมันจะทำให้หัวใจของเธอทวีความเหงามากยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่ในด้านร่างกายเท่านั้น
เฟรเดริก้าหยุดเธอไม่ได้ เส้นผมของเธอคือสิ่งที่เฟรเดริก้าหลงรัก และการสูญเสียไปมันทำให้เธอรู้สึกเศร้า มันจึงทำให้เฟรเดริก้าเข้าไปแทรกแซงโดยไม่ทันคิด เธอไม่เสียใจเลยที่ทำแบบนั้นลงไป หากปล่อยไปล่ะก็มันคือความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่แน่ ไม่ใช่กับตัวเฟรเดริก้าเท่านั้น แต่มันเป็นความสูญเสียของโลกทั้งใบหากเส้นผมเส้นนี้หายไป เส้นผมที่เป็นประกาย เส้นผมที่แวววาว เส้นผมที่มีกลิ่นอันแสนหอมหวาน เส้นผมแบบนั้นหากหายไปจากโลกมันก็จะเป็นการดูหมิ่น เธอยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้
แต่เฟรเดริก้าก็ตัดสินใจส่งเธอกลับไปยังสถานที่ที่เธอร้องขอ มันเป็นที่ที่เธอจะต้องตายอย่างแน่นอน เธอนั้นบาดเจ็บหนัก และเฟรเดริก้าก็ช่วยเหลือให้รอดจากความตายมาได้อย่างหวุดหวิด แต่เธอก็ปฎิเสธหากจะเป็นคนเดียวที่รอดชีวิต
เฟรเดริก้ากังวลว่าเธอจะกลับมาแบบรอดชีวิตได้รึเปล่า อีกแง่หนึ่งก็คือ เธอจะสูญเสียเส้นผมอันแสนาำคัญไป
เด็กสาวมอบเส้นผมจำนวนหนึ่งให้เฟรเดริก้าแทนคำขอบคุณ ถึงจะเป็นเช่นนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น
แต่เฟรเดริก้าเองก็ปฎิเสธเธอไม่ได้
เฟรเดริก้ารักเส้นผมของเมจิคัลเกิร์ลเหมือนกับที่เธอรักตัวของเมจิคัลเกิร์ลเอง เธอรักเมจิคัลที่ไม่เคยหยุดความปรารถนาที่จะเป็น เมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติ
ในตอนนั้น เด็กสาวขอร้องเธอว่าให้ส่งเธอกลับไปยังสถานที่อันตรายเพื่อช่วยเพื่อนของเธอพร้อมกับตัวสั่น เธอคือเมจิคัลในอุดมคติของแท้ เฟรเดริก้าจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะไปหยุดเธอเอาไว้ ไม่ใช่แค่เฟรเดริก้า แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่มีสิทธิ์ทั้งนั้น
หากแทรกแซงเข้าไปในตอนนี้มันก็จะกลายเป็นเรื่องที่หยาบคาย หากเธอเป็นเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติจริง แบบนั้นเธอก็จะนำพาผลลัพธ์ของเมจิคัลเกิร์ลออกมาได้ ไม่ว่าเธอจะเป็นหรือตาย จะช่วยเพื่อนของเธอได้หรือไม่ได้ มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เฟรเดริก้าควรจะเข้าไปแทรกแซง เพราะเรื่องแบบนั้นมันไม่งดงาม
เฟรเดริก้าจิบชาที่เย็นชืดของเธอ นอกจากความเหงาที่ถูกพัดพาไปพร้อมกับเส้นผมที่แสนงดงามแล้ว เธอยังคงมีความรู้สึกพึงพอใจที่ได้ส่งเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติออกไปด้วย ส่วนริปเปิลนั้นหายใจออกมาเบาๆในขณะที่เธอนอนหลับ
MANGA DISCUSSION