ตอนที่ 3:
เด็กสาวที่หวนกลับมาจากคุกที่ลึกที่สุด
เมจิคัลเกิร์ลนั้นเป็นธุรกิจที่ขายความฝันและแฟนตาซี แต่บางครั้งบางคราว มันก็มีคนที่ก่ออาชญากรรมขึ้นมา ไม่ว่าการคัดเลือกนั้นจะเข้มงวดขนาดไหน มันก็ยังคงมีปลาเน่าปะปนเข้ามาด้วยอยู่ดี แล้วเป็นเพราะเหล่าปลาเน่านั้นเอง ยิ่งมันเน่ามากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งมีอิทธิพลมากขึ้นเท่านั้น และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ต้องกำจัดพวกมันออกไป แถมปลาเน่านั้นก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่มนุษย์อีกด้วย
ความจริงแล้ว เหล่าปลาเน่านั้นมันร้ายยิ่งเสียกว่าเมจิคัลเกิร์ลเสียอีก นอกจะมีความสามารถเหนือมนุษย์ปกติแล้ว เมจิคัลเกิร์ลนั้นยังมีความสามารถในการฆ่ามากยิ่งกว่านักล่าที่แข็งแกร่งที่สุด มากกว่ายานเกราะ เครื่องบินรบ มิสไซส์ และอาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูง ด้วยสิ่งนี้เอง มันจึงทำให้เมจิคัลเกิร์ลผู้ชั่วร้ายน่ารังเกียจมากยิ่งกว่ามนุษย์
มนุษย์นั้นแทบจะไม่รับรู้ในสิ่งที่เมจิคัลเกิร์ลทำ เรื่องความสัมพันธ์ในหมู่ของเมจิคัลเกิร์ลเองก็ใช่ว่าจะดี นั่นหมายความว่าแทบจะไม่มีรายงานที่มาจากเมจิคัลเกิร์ลด้วยกันเลย ระบบตรวจสอบของดินแดนเวทมนตร์เองก็ไม่ได้ดีอะไร เพราะแบบนั้นจึงทำให้ตรวจหาอาชญากรได้ยาก แต่เมื่อรู้ว่ามีอาชญากรอยู่ พวกคนเหล่านั้นก็จะได้รับโทษที่รุนแรง
หากมันเป็นการละเมิดโดยเจตนา แบบนั้นก็จะถูกส่งตัวไปยังเมจิคัลเกิร์ลที่ชำนาญในการลงโทษเพื่อแก้ไขใหม่
หากพวกนั้นมีอิทธิพลต่อมนุษย์และสังคมของเมจิคัลเกิร์ลมากพอ หรือการกระทำนั้นมันเลวร้ายมากจนไม่เหลือความหวังที่จะแก้ไขมันได้อยู่เลย แบบนั้นความทรงจำของเมจิคัลเกิร์ลนั้นจะถูกลบทิ้ง และถูกขับไล่กลับไปสู่โลกมนุษย์ในฐานะของมนุษย์ธรรมดาอีกครั้ง
โดยปกติมันจะจบลงเพียงเท่านี้ มันเป็นเรื่องที่ยากที่จะมีคนได้รับบทลงโทษที่รุนแรงกว่านั้น แต่อย่างไร มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เกิดขึ้น
มันยังคงมีคนที่สร้างความอันตรายได้แม้จะปล่อยกลับไปสู่สังคมอยู่ ถึงจะไม่มีพลังของเมจิคัลเกิร์ลอยู่แล้วก็ตาม แม้อาชญากรนั้นจะถูกขับไล่ออกไปพร้อมกับลบความทรงจำ แต่มันก็อาจจะถูกฟื้นฟูได้โดยคนที่เกี่ยวข้อง
อาชญากรที่สร้างความกังวลเหล่านั้นถูกจองจำ ไม่ได้รับอนุญาตให้มีปฎิสัมพันธ์ใดๆกับโลกภายนอก การปฎิรูปกฎหมายเมื่อ 27 ปีก่อนนั้นเปลี่ยนแปลงกฏระเบียบ ทำให้ในปัจจุบันดินแดนเวทมนตร์นั้นไม่มีโทษประหารอีกต่อไป เพราะเป็นเหตุผลด้านสิทธิมนุษยชน แต่อย่างไรถ้าให้พูดแล้ว การจำคุกแบบนี้มันก็ไม่ต่างจากโทษประหารชีวิตเท่าไหร่
ระบบลงโทษของดินแดนเวทมนตร์นั้นหมายถึงการโดนผนึกเอาไว้โดยผนึกเวทมนตร์ ผนึกนั้นถูกสร้างโดยจอมเวทระดับสูงสุด ซึ่งมันจะส่งผลให้ผู้ถูกจองจำนั้นเซื่องซึมและเหนื่อยล้า
เหล่าอาชญากรร้ายแรงของโลกเมจิคัลเกิร์ลนี้ถูกป้องกันไว้ด้วยบาเรียหลายชั้นและยังถูกจับตาอย่างเข้มงวด ตำแหน่งที่อยู่นั้นถูกเก็บไว้เป็นความลับขั้นสูงสุด มันเป็นสิ่งที่รู้กันโดยทั่วไปว่าอยู่ที่ไหนซักแห่งบนโลกนี้
หากให้ความสำคัญกับความปลอดภัยล่ะก็ การคุมขังไว้ในดินแดนเวทมนตร์จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะมันไม่มีทางที่จะหนีออกมาจากที่นั่นได้เลย แต่คุกมันกลับอยู่ในโลกมนุษย์ เพราะทางพลเมืองของดินแดนเวทมนตร์นั้นปฎิเสธการสร้างคุกไว้ที่นั่น พวกเขาอธิบายว่าอาชญากรรมที่เกิดในโลกมนุษย์ก็ควรต้องลงโทษในโลกมนุษย์ เพียงแค่นั้นไม่มีความหมายอย่างอื่น
☆ ไพตี้ เฟรเดริก้า
ช่องว่างระหว่างความฝันและความเป็นจริงนั้นมันเริ่มเลือนราง มันบิดเบี้ยวราวกับจะหลอมละลาย เธอคิดอะไรแบบปกติไม่ออก แต่เรื่องการรับรู้เวลานั้นยังคงชัดเจนอย่างน่าประหลาด ราวกับพยายามที่จะวิ่งหนีใครบางคนที่ไล่หลังมา เธอยังคงดิ้นรนแล้วก้าวต่อไป แม้จะรู้ว่าไม่มีคนไล่ตามมาจริงๆก็ตาม กระนั้นแขนและขาของเธอก็ยังคงก้าวไปข้างหน้า เธอจำแม้กระทั่งแขนและขาของตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ ตอนนี้มีเพียงความรู้สึกร้อนใจเกิดขึ้นเท่านั้น
ฉันจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว
เมจิคัลเกิร์ล ไพตี้ เฟรเดริก้า คิดแบบนี้อย่างจริงจัง เธอยืดหลังของตัวเอง ตอนนี้เวลาก็ควรผ่านไปบ้างแล้ว จากนั้นเธอก็ยืดแขน แล้วยืดมันอีกครั้งด้วยการออกกำลังอย่างยืดหยุ่น ผมของเธอแกว่งไปมาอยู่ด้านหลัง เธอรู้สึกมีความสุขที่สามารถขยับร่างกายได้ดั่งใจคิด
เหมือนว่าความแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจนั้นยังคงแหลมคมอยู่ หากในตอนนี้เวลานี้เธอถูกสั่งให้ฆ่าทุกคนในเกมแห่งความตาย ร่างกายของเธอก็ยังคงทำได้
เธองอนิ้วของเธอทีละนิ้วแล้วก็เริ่มยืดมันออก เธอยกขาของตัวเองสูงขึ้นแล้วก็งอเข่า เธอกระโดดสูงจนเกือบจะกระแทกกับเพดานที่มันไม่ได้สูงมากเท่าไหร่ แล้วก็หล่นลงมา กระโปรงยาวของเธอนั้นพริ้วไหวไปพร้อมกับร่างกาย จากนั้นฝุ่นก็กระจายไปทั่วในห้องที่มีกลิ่นอับแห่งนี้
“ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง?”
“หืม ก็นะ…” ไพตี้ตอบกลับไป
เธอคุยไปพร้อมกับเดินไปด้วย เฟรเดริก้าก้าวออกมาสองก้าวจนถึงใจกลางห้อง เข้าไปหาศัตรูของเธอแล้วก็เตะตรงไปด้านหน้า ลูกเตะของเธอนั้นถูกฝ่ามือของอีกฝ่ายหยุดไว้อย่างง่ายดาย หลังจากนั้นเธอก็ชักเท้าของเธอกลับ กระโปรงที่ยาวจนถึงข้อเท้านั้นลอยขึ้นจนไปปิดตาของอีกฝ่าย และเฟรเดริก้าก็ใช้มือแทงลงไปเหมือนหอก แต่คู่ต่อสู้ก็หลบโดยก้าวถอยหลังไปครึ่งก้าว แล้วก็ดึงเอากีตาร์ที่อยู่ที่หลังออกมาดีด โน๊ตทั้งแปดนั้นพุ่งออกมาจากกีตาร์ราวกับเป็นพายุลูกเห็บ แต่เฟรเดริก้าก็ปัดมันทิ้งได้ทั้งหมดด้วยการสะบัดชายกระโปรง และใช้แรงนั้นพาตัวเองหมุนขึ้นไปบนอากาศแล้วก็ร่อนลงมาในท่ายืน
โน๊ตทั้งแปดนั้นร่วงลงบนพื้นส่งเสียงราวกับเป็นของแข็งออกมา จากนั้นก็หลอมละลายหายไป
ทั้งคู่นั้นยังคงอยู่ในท่าเตรียมต่อสู้ และมองหน้ากันและกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเฟรเดริก้าก็เริ่มผ่อนคลายสีหน้าของเธออย่างช้าๆ
“เหมือนว่าจะเคลื่อนไหวได้ดีพอที่จะตอบแทนหนี้ที่ติดอยู่แล้วสิ”
“ฮะฮะฮะฮะ! เธอนี่เหมือนเมื่อก่อนจริงๆเลย!”
เฟรเดริก้ามองไปทั่วห้อง เธอมองเห็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดห้าเมตร ทั้งพื้น กำแพง และเพดาน ล้วนเป็นคอนกรีตที่ไร้การประดับตกแต่ง มีเหล็กเส้นอยู่เหนือหน้าต่างเล็กๆ มันดูเหมือนกับคุกไม่ก็บ้านหลังเล็กๆที่อยู่ในสลัม สิ่งที่ผิดปกตินั้นมีเพียงเวทมนตร์หลากสีสรรที่ถูกสลักอยู่ใจกลางห้อง
เฟรเดริก้าชันเข่าลงไปข้างหนึ่งเพื่อเข้าไปใกล้ๆกับสิ่งที่เขียนไว้ มันไม่ใช่แค่วงกลมวงเดียว มันมีวงกลมอยู่จำนวนมากที่ซ้อนทับกันอยู่หลายชั้น มีทั้งตัวอักษรและสัญลักษณ์เวทมนตร์เขียนอยู่ พวกนั้นสลักเวทมนตร์ลงไปหลายชั้นรวมกันเป็นวงกลมวงเดียว เน้นพลังทั้งหมดให้รวมกันไปในทางเดียว
เธอวางนิ้วลงบนนั้น แล้วก็ลูบไล้งานเขียนที่น่าลุ่มหลง เธอข่วนมันด้วยเล็บแต่มันก็ไม่มีอะไรพิเศษเกิดขึ้นเลย ผนึกเวทมนตร์นี้สูญเสียพลังของมันไปแล้ว
“เป็นเทคนิคที่ยอดเยี่ยมจริงๆ แบบนี้ผนึกที่ขังฉันไว้ก็หายไปแล้วงั้นเหรอ?” เฟรเดริก้าถาม
“หายไปแล้วล่ะ แต่ในดินแดนเวทมนตร์ก็ยังคงมีอยู่ พวกเราพาจอมเวทมือหนึ่งมาด้วย แต่การที่จะยกเลิกสิ่งนั้นได้มันก็ยังคงเป็นเรื่องใหญ่อยู่ดี”
เฟรเดริก้ายืนขึ้นและก้มหัวให้คนที่มาช่วยเธอ จากนั้นจัดผมที่นุ่มสลวยสีดำอย่างเบามือ แล้วก็ใช้นิ้วชี้ตวัดผมกลับไปด้านหลัง
“ฉันดีใจจังที่เธอมาช่วย”
“อ๊ะ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก มันเป็นเรื่องปกติที่ลูกศิษย์ต้องมาช่วยอาจารย์ทุกครั้งอยู่แล้วนี่นา?”
“แต่เธอก็ไม่ได้มาช่วยฉันโดยที่ไม่ได้หวังรางวัลใช่ไหมล่ะ?”
“แน่นอนสิ!”
เฟรเดริก้ามองไปที่เมจิคัลเกิร์ล ท็อตป๊อป ที่อยู่ตรงหน้า เธอใช้สายตามองไปที่รองเท้า กางเกง และเสื้อ ชุดของเธอนั้นมีเข็มขัดหนังที่เต็มไปด้วยกระดุมและหนามประดับอยู่รอบๆ เธอนั้นดูเหมือนนักร้องมากกว่าเมจิคัลเกิร์ลซะอีก แต่งตัวด้วยชุดที่เต็มไปด้วยหัวกะโหลก เครื่องประดับผมของเธอนั้นก็ดูเหมือนกับดักที่เอาไว้จับหมี และถ้ามองไปที่กีตาร์ล่ะก็ จะคิดว่ามันดูเหมือนขวานมากกว่าซะอีก
ที่ใบหน้าของเธอก็สวมหน้ากากกันแก๊สเอาไว้ ดูจากรูปแบบของมันแล้ว มันไม่เหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งของชุดของเธอเลย
“ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลย… เธอนี่ไม่เปลี่ยนไปซักนิดเลยนะ”
“นั่นมันบทพูดของทางนี้ต่างหากล่ะ อาจารย์เฟรเดริก้า!”
เด็กสาวดึงหน้ากากกันแก๊สออกและเผยให้เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ริมฝีปากของเธอนั้นแวววาว เมจิคัลเกิร์ลทุกคนนั้นล้วนน่ารักและสวยงามอยู่แล้ว มันจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญที่ต้องไปพูดถึง แต่รอยยิ้มที่ดูกว้างนั่นคือสิ่งที่เฟรเดริก้าโปรดปราน แต่สิ่งที่ยิ่งกว่านั้น ส่วนที่เธอโปรดปรานมากที่สุดคือเส้นผมของเด็กสาวที่ห้อยอยู่ตรงหน้าผาก มันไม่ได้แค่แวววาว แม้ผมนั้นจะสั้น แต่เส้นผมแต่ละเส้นก็เต็มไปด้วยพลัง เฟรเดริก้าวางมือบนหัวของท็อตป๊อปแล้วก็ลูบคลำราวกับจะพูดว่า “เด็กดี” ท็อตป๊อปนั้นปิดตาของตัวเอง เธอนั้นดูเหมือนกับแมวที่มีความสุขจากการลูบโดยเจ้าของ
เมื่อเฟรเดริก้าลูบผมของท็อตป๊อปจนพอใจแล้ว เธอก็ดึงมือขวาออกมาแล้วเอาไปวางที่จมูก เธอสูดกลิ่นนั้นเข้าไปอย่างช้าๆ ก่อนที่จะหายใจออกมายาวๆ
“เป็นเธอจริงๆด้วย ท็อตป๊อป”
“คุณเองก็คืออาจารย์ของท็อตจริงๆด้วย”
เมจิคัลเกิร์ล ไพตี้ เฟรเดริก้า นั้นรับผิดชอบหน้าที่ในการปั้นเมจิคัลเกิร์ลมานานหลายปีแล้ว เหล่าลูกศิษย์ของไพตี้ เฟรเดริก้านั้นมีอยู่จำนวนมาก แต่ในปัจจุบันมีเพียงไม่กี่คนที่ยังมีความทรงจำอยู่ ท็อตป๊อปเองก็เป็นลูกศิษย์ที่ยอดเยี่ยม แต่ความยอดเยี่ยมเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้เฟรเดริก้าจำใครบางคนได้ สิ่งที่อยู่ลึกๆในความทรงจำของเธอนั้นก็คือ ท็อตป๊อปมีการใช้ชีวิตที่ดุเดือดเลือดพล่าน ในฐานะนักรบที่อุทิศตัวเองเพื่อหน่วยต่อต้านที่ต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงดินแดนเวทมนตร์ นอกจากนี้ก็ยังมีกลิ่นอันแสนหอมหวานของเส้นผมที่เข้ามาภายในจมูกของเฟรเดริก้า กลิ่นนั้นมันสลักลึกลงไปในความทรงจำของเฟรเดริก้าอีกด้วย
คนที่จับเฟรเดริก้ามาคุมขังที่นี่คือลูกศิษย์คนสุดท้าย ภายในตาของเด็กสาวคนนั้นคงจะไม่ได้เห็นว่าเฟรเดริก้าเป็นพี่เลี้ยงอีกแล้ว แต่ตราบจนมาถึงตอนนี้ เฟรเดริก้าก็ยังคงคิดว่าเธอเป็นศิษย์รักวันยังค่ำอยู่ดี
ในการที่จะตามหาเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติของตัวเองนั้น เฟรเดริก้าต้องหลบเลี่ยงสายตาของดินแดนเวทมนตร์ เธอทำในสิ่งเดียวกันกับ นักดนตรีแห่งพงไพรแครนเบอร์รี่ ที่เป็นเมจิคัลเกิร์ลชื่อดังทำ เด็กสาวที่เป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของเธอคือเมจิคัลเกิร์ลสีขาว สโนไวท์ แต่มันก็โชคร้ายที่เธอรู้ถึงเป้าหมายที่แท้จริงของเฟรเดริก้า สโนไวท์นั้นไม่ยกโทษให้เฟรเดริก้า เธอจัดการเฟรเดริก้าและจับมาคุมขังเอาไว้
สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดก็คือ เส้นผมของเมจิคัลเกิร์ล ที่เธอสะสมเอาไว้มานานหลายปีถูกเจ้าหน้าที่ยึดไป แต่กระนั้นเฟรเดริก้าก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องแย่อะไรที่เธอถูกจับ เพราะลูกศิษย์คนสุดท้ายของเธอนั้นยอดเยี่ยมมาก เธอคิดว่า ฉันจะไม่เสียใจเลยหากทิ้งทุกอย่างไว้ให้เธอได้ แถมเฟรเดริก้ายังพบอีกว่าการกระทำของสโนไวท์นั้นน่ายกย่องมาก แม้หลังจากนั้นเธอจะถูกสอบสวนจนถูกจำคุกก็ตาม ในตอนนี้ลูกศิษย์คนอื่นของเธอก็มาพอเธอออกไปอีกครั้ง ไม่ว่าจะดีหรือเลว ชะตากรรมของเธอก็อยู่ในมือของเหล่าลูกศิษย์ตัวเอง
ท็อตป๊อปนั้นขยับตัวไปด้านข้างอย่างแผ่วเบา แล้วก็เอามือไปจับที่ลูกบิดและหมุนไปครึ่งหนึ่ง
“เอาล่ะ ออกไปจากที่นี่ก่อนที่พวกมันจะมาดีกว่า เดี๋ยวท็อตจะอธิบายเรื่องทั้งหมดในระหว่างทางเอง”
เมื่อเสียงของแผ่นโลหะหยาบๆชิ้นเดียวดังขึ้นเพราะเธอเปิดประตู จากนั้นที่ทางเดินแคบๆก็เต็มไปด้วยเสียงกึกก้องของฝีเท้าจากเด็กสาวที่สวมหน้ากากกันแก๊สที่วิ่งจากห้องหนึ่งไปยังอีกห้องหนึ่ง
“พร้อมรึยัง?” ท็อตป๊อปตะโกนขึ้นด้วยเสียงดัง
“ขอเวลาอีกนิดนึงค่ะ!”
เด็กสาวคนหนึ่งหยุดเท้าแล้วตะโกนกลับมา จากนั้นเธอก็วิ่งออกไปอีกครั้ง และในตอนที่เด็กสาววิ่งออกไปนั้นเอง ชายกระโปรงของเธอก็สะบัดขึ้นไปเหนือน่องสีขาว ผมสีลูกพลับที่อยู่นอกหน้ากากกันแก๊สนั้นพริ้วไหวไปตามลม เฟรเดริก้าเห็นเช่นนั้นแล้วก็ยิ้ม เธอไม่ได้มีความรู้สึกของชัยชนะตั้งแต่ที่ถูกจับตัวมาเลย เมื่อมีบางคนถูกขังเอาไว้ที่นี่มันก็ไม่ควรจะมีโอกาสกลับออกมาเป็นครั้งที่สอง เฟรเดริก้ารู้สึกเช่นนั้น ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เธอกำลังจะกลับไปสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยเส้นผมอันแสนยอดเยี่ยมและน่าตื่นเต้น แม้ว่าเธอจะทำตัวเหมือนกับได้มันมาอย่างง่ายๆ แต่ในความจริงการเปิดใจรับมันนั้นยากพอดู
“รอหน่อยนะ พวกเราต้องออกจากที่นี่ไปอย่างรวดเร็วก็จริง แต่ว่ามันมีหลายอย่างที่ต้องทำน่ะ หากเป็นเรื่องของเวทมนตร์ล่ะก็ท็อตไม่รู้เลย”
ท็อตป๊อปเอาฝ่ามือประสานเข้าหากันแล้วก้มหัวลง มันเป็นอะไรที่เป็นญี่ปุ่นมาก เธอนั้นไม่ใช่คนญี่ปุ่น แต่อาศัยอยู่มานานจนนิสัยเปลี่ยนไป
ในตอนที่เฟรเดริก้ามองดูเด็กสาวสวมหน้ากากกันแก๊สวิ่งไปมารอบๆ เธอก็เอานิ้วของเธอเท้าคางไว้
“เธอพูดว่าการที่จะทำลายบาเรียเนี่ยมันลำบากมากใช่ไหม?”
“อื้อ”
“แบบนั้นตอนที่ฝ่าแนวรับที่นี่ ก็คงต้องลำบากเหมือนกันสินะ”
“อ๊ะ ไม่ ไม่ นั่นน่ะ…”
เฟรเดริก้าคิดว่า คงอธิบายรอยยิ้มนี้เป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากแสยะยิ้มล่ะนะ
“แค่ส่งคนไปทุกหนทุกแห่ง…แล้วใช้ข้อมูลที่ได้มาเลือกช่วงเวลาที่ดีที่สุด จากนั้นก็เข้าโจมตีที่นี่ตอนที่มีคนคุ้มกันที่อ่อนแอที่สุดเท่านั้นเอง”
“…งั้นเหรอ”
เฟรเดริก้าคนที่ถูกคุมขังอยู่ที่นี่ ถูกช่วยเอาไว้โดยหน่วยเมจิคัลเกิร์ลที่นำโดยท็อตป๊อป คนที่ร่วมมือกับหน่วยต่อต้าน กล่าวคือหน่วยต่อต้านนั้นต้องการใช้พลังของเฟรเดริก้า แม้ท็อตป๊อปนั้นอาจจะพาตัวเธอออกมาเพียงเพราะเติมเต็มหน้าของลูกศิษย์ที่มีต่ออาจารย์ของตัวเอง แต่มันคงไม่มีองค์กรไหนให้ความร่วมมือกับเธอโดยที่ไม่ได้เรียกร้องอะไรหรอก
“แล้วฉันต้องทำอะไรล่ะ?” เฟรเดริก้าถาม
“เหมือนกับว่าค้นหาคนบางคน อ่า…ใช่ๆ ลักพาตัวน่ะ บางหน่วยของดินแดนเวทมนตร์นั้นมีตัวนักฆ่าอยู่ พวกเราจะไปจับเธอ แล้วก็สร้างละครฉากใหญ่เพื่อใส่ร้าย”
“น่าประทับใจจริงๆที่เธอมีข้อมูลที่มีประโยชน์แบบนี้น่ะ”
“ก็บอกแล้วนี่นา? ว่าทีมของท็อตน่ะส่งคนออกไปทุกหนทุกแห่งเลย”
เฟรเดริก้าหลับตาลง เธอนึกถึงรางรถไฟที่ทอดยาวอยู่ตรงหน้า ที่รางรถไฟนั้นถูกสร้างไว้โดยหน่วยต่อต้าน และพวกนั้นก็อยากให้เธอทำอะไรบางอย่างให้ เธอมองไม่เห็นว่ามันจะนำเธอไปยังที่ไหน ทำได้เพียงตามไปเท่านั้น
แต่พวกนั้นก็ไม่ได้บอกเธอว่าต้องเดินทางด้วยอะไรนี่นา
“ที่นี่คือหอพักที่ 7 ใช่ไหม?”
“อื้อ”
สถานที่ลับนั้นจะถูกเรียกด้วยรหัสเฉพาะ เพื่อให้แน่ใจว่าแม้มีคนได้ยินก็จะไม่มีใครเข้าใจ และชื่อ “หอพัก” นั้นก็เป็นชื่อลับเฉพาะที่มีความหมายว่าคุก
เฟรเดริก้าย้อนความทรงจำของเธอกลับไป
เธอมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ให้พึ่งพาได้ ทั้งพลัง ความรวดเร็ว ประสบการณ์ในการต่อสู้ และเวทมนตร์ของเธอ ก่อนที่เธอจะถูกจองจำนั้น เธอมีเส้นสายมากมาย แถมยังมีความรู้เรื่องเวทมนตร์และเรื่องเมจิคัลเกิร์ลอีกด้วย
เฟรเดริก้านั้นไม่เคยหยุดรักเมจิคัลเกิร์ล เธอรวบรวมข้อมูลผ่านเวทมนตร์ของเธอหลายครั้งต่อหลายครั้ง ค้นคว้าเรื่องเมจิคัลเกิร์ลที่เป็นนักโทษมากกว่าใคร พวกอาชญากรในที่นี้มันกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเธอมากเหลือเกิน
ในญี่ปุ่นนั้นไม่มีคุกเอาไว้ขังเมจิคัลเกิร์ล แม้จะจับตัวของเมจิคัลเกิร์ลที่ชั่วร้ายได้ในญี่ปุ่น ก็ต้องส่งพวกเธอออกไปนอกประเทศเพราะไม่มีสถานที่สำหรับเอาไว้จองจำอยู่เลย หอพักที่ 7 ควรจะเป็นคุกที่อยู่ในประเทศอังกฤษ เมจิคัลเกิร์ลที่ถูกขังอยู่ที่นี้ไม่ได้มีเพียงเฟรเดริก้า มันยังมีเมจิคัลเกิร์ลที่ถูกจับมานานก่อนเฟรเดริก้าจะมาที่นี่อยู่ด้วย ในคุกแห่งนี้ยังมีเมจิคัลเกิร์ลที่ชั่วร้ายของสหราชอาณาจักรที่ทำการคอรัปชั่นในประเทศอังกฤษเมื่อนานมาแล้วอยู่ด้วย ถ้าจำไม่ผิด พวกนั้นคือ…
“จอมเวทที่ปลดผนึกของฉันยังอยู่ที่นี่รึเปล่า?”
“อื้อ ทำไมเหรอ?”
“ฉันอยากให้ปลดผนึกอีกสองอันด้วยน่ะ”
“…เอ๋? ดะ…เดี๋ยวสิ? ไม่นะ ไม่ ไม่”
ท็อตป๊อปส่ายมือของเธออย่างรวดเร็วตรงหน้าเธอ
“พวกเราไม่มีเวลามากนะ ไม่ได้! ไม่ได้! ไม่ได้! หากชักช้าล่ะก็ มันต้องพวกคนที่น่ากลัวต้องโผล่มาที่นี่แน่”
“นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอก”
“ปัญหาใหญ่เลยต่างหากล่ะ! พวกเราถูกสั่งมาให้ทำอะไรอย่างรวดเร็วนะ!”
“หากความคิดของฉันถูกล่ะก็ พวกเราไม่ต้องรีบหรอก”
“เดี๋ยวสิ แต่ว่า-”
“ช่วยบอกคำแนะนำของฉันไปตามนี้ด้วย”
เป็นเพราะเฟรเดริก้ามองเห็นรางรถไฟ เพราะเหตุนั้นเองเธอจึงต้องการรถไฟที่แข็งแกร่ง เธออยู่ตัวคนเดียวไม่ได้ เธอจำเป็นต้องมีเมจิคัลเกิร์ลที่แข็งแกร่งกว่า เลวกว่า บ้าคลั่งกว่า อยู่ด้วย การที่เธอปะทะกับท็อตป๊อปก่อนหน้านี้ มันก็ทำให้เธอเห็นแล้วว่าท็อตป๊อปนั้นเติบโตขึ้น แต่กระนั้นก็ยังไม่เพียงพอที่จะเป็นผู้ที่ยืนอยู่บนเวที เฟรเดริก้าอยากได้มอนเตอร์ที่ทำได้แม้กระทั่งให้ตัวเธอเองกลายเป็นของเล่น
และในที่แห่งนี้ ในที่สุดเธอก็เจอมอนเตอร์ตัวนั้นแล้ว
“ก่อนอื่นปลดผนึกของพูคิน หลังจากนั้นให้ปลดผนึกของโซเนียบีน”
ทั้งสองคนนี้คงเพียงพอแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภารกิจแบบไหนพวกเธอก็มีประโยชน์แน่ บางทีอาจจะช่วยได้มากจนเกินไปกลายเป็นอาละวาด แต่พลังนั้นคือสิ่งที่สมบูรณ์แบบ เฟรเดริก้าชอบเมจิคัลเกิร์ลแบบนี้ถึงเธอจะควบคุมไม่ได้ก็ตาม
เฟรเดริก้ายิ้มออกมา เธอยิ้มออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจที่เธอกลับมาได้ เธอจะได้กลับไปอยู่กับเมจิคัลเกิร์ลที่เธอหลงรักอีกครั้ง มันไม่มีอะไรที่ทำให้เธอพอใจไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว
“เอาล่ะ รีบเข้าเถอะ รุ่นพี่ของพวกเราเป็นพวกไม่อดทนด้วย หากเราไปปลุกสายล่ะก็ จะโดนด่าเอาได้นะ”
ท็อตป๊อปสั่งการ และเด็กสาวที่สวมหน้ากากกันแก๊สนั้นก็เริ่มปลดบาเรียอันต่อไป
เฟรเดริก้าโอบกอดท็อตป๊อปอย่างแนบแน่น แล้วก็เอาใบหน้าของตัวเองไปซุกไว้ในผมของเธอ
ไพตี้ เฟรเดริก้านั้นหลงไหลเมจิคัลเกิร์ลเป็นอย่างมาก หากเธอได้ยินว่ามีเมจิคัลเกิร์ลที่ยอดเยี่ยมอยู่ทางตะวันตก เธอจะรีบรุดไปที่นั่นทันทีเพื่อเก็บเส้นผมมา หากเธอได้ยินว่ามีเมจิคัลเกิร์ลที่ยอดเยี่ยมอยู่ทางตะวันออก เธอจะรีบรุดไปที่นั่นทันทีเพื่อเก็บเส้นผมมาเช่นกัน เธอตามหาเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติด้วยการเป็นผู้คุมการทดสอบ ตามหาเมจิคัลเกิร์ลที่มีความสามารถแล้วส่งเสริมพวกเธอ ไม่ใช่แค่มองดูการกระทำของเมจิคัลเกิร์ลในยุคปัจจุบันเท่านั้น เธอยังมองลึกลงไปยังเมจิคัลเกิร์ลชื่อดังในอดีตที่ไม่มีใครรู้จักชื่อเสียงอีกด้วย
เมื่อเธอพูดคำว่า ชื่อดัง นั้น เธอก็ไม่ได้แค่หมายความว่าเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ได้รับยกย่อง เมจิคัลเกิร์ลที่เลวทรามเองก็เป็นเมจิคัลเกิร์ลชื่อดังประเภทหนึ่งเช่นกัน แถมเอกสารที่บันทึกเกี่ยวกับอาชญากรรมที่พวกเธอก่อขึ้นนั้นยังคงมีอยู่ เมจิคัลเกิร์ลในสมัยก่อนเป็นคนที่ทำบันทึกนี้ บางทีเธอคงจะจัดลำดับสิ่งที่เมจิคัลเกิร์ลชั่วร้ายกระทำลงไป และเก็บมันเอาไว้แทนที่จะเป็นบันทึกความสำเร็จของเพื่อนร่วมงาน มันคือความอิจฉารึเปล่านะ? หรือคิดว่าจะใช้ตัวอย่างเหล่านี้สอนคนรุ่นหลังเป็นอันดับแรกกันแน่?
ทั้งความปรารถนาและความสำคัญเป็นสิ่งที่เติมเต็มความต้องการของเฟรเดริก้า เธอต้องการจะรู้ว่าเมจิคัลเกิร์ลสง่างามกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลผู้ชั่วร้ายได้ยังไง เมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติของเฟรเดริก้านั้นคือเมจิคัลเกิร์ลแห่งความถูกต้อง แต่เมจิคัลเกิร์ลแห่งความนั้นถูกต้องนั้นเองก็ต้องการการมีอยู่ของเหล่าปีศาจร้ายอยู่เสมอ
พูคินและโซเนียบีน ทั้งคู่เป็นเมจิคัลเกิร์ลที่มีชื่อเสียงเลวร้ายเป็นพิเศษ แม้จะเป็นในหมู่ของเมจิคัลเกิร์ลที่เลวร้ายด้วยกันเองก็ตาม ทั้งสองคนเคยอาละวาดบนหมู่เกาะอังกฤษเมื่อ 130 กว่าปีก่อน ความสยดสยองที่ทำลงไปนั้นมีชื่อเสียงเลวร้ายอย่างมาก จนมันถูกเขียนเป็นเพลงกล่อมเด็กในท้องถิ่นสุดอมตะ แถมมีเนื้อเพลงเลวร้ายสุดบรรยายว่า “ไม่ว่าโซเนียเดินไปที่ไหนท้องถนนก็จะกลายเป็นสีแดงฉาน” และ “พูคินนั้นชอบเอนกายลงบนภูเขาแห่งซากศพ”
รายละเอียดของคนที่ตายเพราะการทรมานอันโหดร้ายเพื่อสนองงานอดิเรกของพูคิน
จำนวนเหยื่อที่ถูกโซเนียปล้นอย่างกระทันหัน
จำนวนผู้คนที่ถูกพูคินใส่ความอย่างบิดเบือน
การกวาดล้างทางการเมืองของโซเนียกับผู้ที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม
เรื่องเลวร้ายทั้งหมดนั้นล้วนถูกบันทึกเอาไว้
ในเขตที่พวกเธอสองคนอยู่นั้น ชื่อของพวกเธอมักจะถูกใช้เอาไว้เตือนเหล่าเด็กๆว่า “หากทำเรื่องไม่ดีล่ะก็ พูคินกับโซเนียจะมาหา” โดยปกติแล้ว เมื่อเด็กๆได้ฟังคำพูดเหล่านี้ก็จะขอโทษพ่อแม่ในสิ่งไม่ดีที่ทำลงไปเพราะความกลัว บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องดีๆเพียงเรื่องเดียวในชีวิตของทั้งสองคนก็ได้
ไพตี้ เฟรเดริก้านั้นไม่ได้หยุดอยู่แค่ข้อมูลพื้นฐาน แต่รู้ถึงประวัติอาชญากรรม นิสัย และบุคลิก ที่เห็นได้จากสิ่งเหล่านั้นทั้งของพูคินและโซเนียบีน
ผนึกแรกที่ปลดออกคือพูคิน
หน่วยที่สวมหน้ากากกันแก๊สนั้นกระจายตัวไปประจำตำแหน่งที่กำหนดไว้บางคนวดภาวนาให้เวทมนตร์ผนึกอ่อนกำลังลง บางคนเพิ่มกำลังเวทมนตร์คลายพันธนาการจากด้านข้าง บางคนสูบพลังเวทของตัวเองแล้วส่งผ่านมันไปให้ผู้อื่น และบางคนนั้นทำลายเวทมนตร์ที่สลักไว้จากภายใน จากนั้นตะปูหนึ่งดอกถูกตอกลงไปบนผนึก แล้วตะปูนั้นก็กลายเป็นต้นอ่อนที่มีรากยืดออกมาจนทำให้คอนกรีตแยกตัวออก รอยแตกออกมาจากใจกลางตรงตะปูที่ตอกลงไป และรูปร่างของผนึกก็เริ่มนูนตามด้วยบิดเบี้ยว พลังเวทนั้นมันทรงพลังมากพอที่จะมองเห็นได้ ดูเหมือนกับน้ำมันที่สาดลงไปในน้ำ บรรยากาศรอบตัวเองก็เปลี่ยนไป เสียงแหลมสูงของอะไรบางอย่างดังก้องอยู่ในหูของเฟรเดริก้า จากนั้นเธอก็สั่งให้หน่วยหน้ากากกันแก๊สและท็อตป๊อปถอยไป
สีต่างๆที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆนั้นถูกผสมรวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็นสีเถ้าถ่าน ในเวลาเดียวกัน กฏของฟิสิกส์ก็กลับมาควบคุมพื้นที่โดยรอบและกลับไปเป็นสิ่งที่ควรจะเป็นอีกครั้ง แค่มองดูก็ทำให้เฟรเดริก้ารู้สึกมึนงงเหมือนกับตอนที่เธอถูกปล่อยตัวออกมา ตอนนั้นเธอเองก็รู้สึกคลื่นไส้เล็กน้อย
แสงสีเถ้าถ่านที่ลอยอยู่นั้นเริ่มกระจายตัวออกไปเป็นควัน และที่ด้านหลังนั้นมีเงาปรากฏอยู่
เธอแต่งตัวเหมือนกับเจ้าชายที่อยู่ในเทพนิยาย มีขนนกอยู่บนเส้นผมสีสว่าง สวมถุงมือยาวและรองเท้าที่เข้าคู่กัน ปกคอเสื้อนั้นเป็นลอน และมีเรเปียห้อยอยู่ที่เอว หากไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเธอมาก่อนก็จะคิดว่าเธอนั้นเป็นฮีโร่แห่งความยุติธรรม ท่าทางของเธอดูสับสน เธอมองไปรอบๆพร้อมกับแสงในดวงตาที่ดูเลือนราง แม้ท่าทางของเธอจะไม่ได้ดูน่าประทับใจ แต่ตัวเธอนั้นดูงดงามเหมือนกับเมจิคัลเกิร์ลทั่วไป… ไม่สิ ในสายตาของเฟรเดริก้า เธอเป็นอะไรมากยิ่งกว่านั้น
“หวา……”
ท็อตป๊อปอ้าปากค้าง ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้น เหล่าเด็กสาวที่สามหน้ากากกันแก๊สที่อยู่ด้านหลังเองก็พูดอะไรพึมพำออกมาเช่นกัน
หากเป็นคนที่ท้าทายระบบและทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง พวกนั้นก็ต้องรู้เช่นเดียวกัน ได้เห็นเลือดที่สาดกระเซ็นอยู่รอบตัวของพูคินราวกับเป็นแม่น้ำ ได้ยินเสียงกรีดร้องและคำสบถสาปแช่งจากเหล่าคนที่ตายอยู่ใต้เท้าของเธอ แม้เธอจะเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น แต่จำนวนของมนุษย์ที่เธอฆ่าไปมันก็เสียดแทงผ่านผิวหนังเข้ามาจนสัมผัสได้
เฟรเดริก้ากางแขนของเธอออกมาเพื่อห้ามเมจิคัลเกิร์ลที่อยู่ด้านหลังเพื่อเตือนว่ายังไม่ควรเข้าไปใกล้พูคิน เรเปียที่ห้อยอยู่ที่เอว ความยาวของขา และกล้ามเนื้อของเมจิคัลเกิร์ล เธอตรวจสอบทุกอย่างด้วยความระมัดระวังอย่างมาก และรักษาระยะห่างที่เธอรู้สึกว่าปลอดภัยเอาไว้
ท่าทางของพูคินนั้นดูหม่นหมอง แต่แสงก็ค่อยๆกลบัมาสู่ดวงตาของเธอทีละนิด เฟรเดริก้าคุกเข่าลงไปที่เท้าของพูคินแล้วก้มหัวของตัวเองลงต่ำ
“ฉันชื่อเฟรเดริก้า พลเอกพูคิน พวกเรามารับท่านแล้วค่ะ”
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น พูคินก็มองลงมาที่เธอด้วยความประหลาดใจ เฟรเดริก้ายิ้มให้เล็กน้อย เมื่อพูคินเห็นสิ่งนั้นเธอก็แสยะยิ้มออกมาจากมุมปาก มันเป็นการยิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ความสง่างามลดลงไปแต่อย่างใด
“ภารกิจรึ?”
เสียงของพูคินนั้นยังคงเหมือนเดิม มันเป็นเสียงหญิงสาวที่งดงามที่คลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด แม้พูคินเพิ่งจะเริ่มพูดกับเธอ แต่มันก็ฟังดูราวกับว่ากำลังคุกคามเธออยู่
“ทางเราจะเสนอรางวัลให้ท่านด้วย”
“โฮ่? เจ้าไม่ได้คิดจะใช้แรงงานฟรีงั้นสิ?”
“ท่านไม่จำเป็นต้องกลับมาที่คุกแห่งนี้อีกแล้ว ฉันขอเสนออิสรภาพให้ท่านค่ะ”
พูคินจ้องกลับมาที่เฟรเดริก้าอยู่ครู่หนึ่งอย่างแปลกใจ จากนั้นเธอก็ยิ้มออกมาเบาๆ
“ช่างน่าสนใจยิ่งนัก! เจ้าหมายถึงการปลดปล่อยมอนเตอร์ที่ถูกจองจำไว้ชั่วนิรันดร์ออกมาสินะ?”
“การกักขังคนที่มีตำแหน่งสูงอย่างท่านเอาไว้ที่นี่ตลอดกาล มันคือการดูหมิ่นประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติค่ะ”
คนส่วนใหญ่นั้นจะไม่ชอบคำเยินยอแบบนี้ แต่เฟรเดริก้าก็รู้ว่าพูคินนั้นไม่ใช่คนแบบนั้น การใช้วิธีเช่นนี้กับพูคินมันทำให้เธอจัดการได้ง่ายกว่า
นักดาบหญิงพูคินนั้นพยักหน้าอย่างหยิ่งผยองราวกับจะพูดว่า “แน่นอนสิ”
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าผ่านการเผชิญหน้ากับอะไรมาบ้าง แต่การออกจากที่แห่งนี้มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีนัก ด้วยเกียรติของข้า ข้าจะตอบแทนเจ้าที่ปล่อยข้าออกมา จะว่าไปแล้วโซเนียอยู่ที่ไหนกัน?”
“ฉันจะสั่งพวกเด็กสาวให้ไปช่วยเธอทันที หลังจากที่พวกเราได้รับการอนุญาตจากท่านค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก พวกเจ้าไปพาเธอออกมาเดี๋ยวนี้เลย โซเนียนั้นเป็นข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ ไม่เพียงแค่รับใช้อย่างสุดหัวใจเท่านั้น แต่ตัวเธอยังมีความสามารถอีกด้วย โซเนียคือคนที่จำเป็น”
เด็กสาวที่อยู่ด้านหลังเฟรเดริก้านั้นยังคงหวาดกลัว พวกเธอพึมพำราวกับว่าไม่อยากไปต่อ และก็มีเสียงหัวเราะเล็กๆตามมา จากนั้นด้านบนหัวของเฟรเดริก้าก็มีประกายสีเงินเกิดขึ้น
“เอาล่ะ ไปหาโซเนียกันเถิด ข้าแน่ใจว่าเธอต้องรออยู่แน่ เด็กคนนั้นเป็นเด็กขี้แยหากถูกปล่อยไว้คนเดียวด้วย ถ้าปล่อยให้เธอรอนานกว่านี้ล่ะก็น้ำตาคงท่วมแน่”
พูคินเริ่มเดินออกไปราวกับว่าไม่เห็นหัวลูกน้องของเฟรเดริก้า ทำให้เด็กสาวที่สวมหน้ากากกันแก๊สรีบเร่งเปิดทางให้ เฟรเดริก้าเองก็เดินไปด้านหน้าเพื่อนำทางพูคิน
พูคินพยักหน้าสองครั้งด้วยความพึงพอใจ
“เจ้าช่วยเก็บกวาดพวกหยาบคายพวกนั้นด้วย”
ในตอนที่พูคินเดินออกมานั้น เธอก็ดีดนิ้วที่มือขวา และในทันใดนั้นเองก็เกิดเสียงดังขึ้น มีเสียงของอะไรบางอย่างร่วงลงสู่พื้น จากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นตามมา เมื่อเฟรเดริก้าหันกลับไปมอง เธอเห็นเด็กสาวสวมหน้ากากกันแก๊สสองคน ไม่สิ ต้องเป็นหัวต่างหาก หัวของเด็กสาวสองคนกลิ้งอยู่ที่ทางเดิน ทั้งพื้น ผนัง และเมจิคัลเกิร์ล ล้วนถูกย้อมไปด้วยสีแดงสดของเลือด
เมจิคัลเกิร์ลสองคนถูกตัดหัวจนขาด ในตอนนี้ร่างของพวกเธออยู่ที่พื้นในท่าคุกเข่า เลือดนั้นยังคงไหลทะลักออกมาจากร่างกายที่ไร้หัว บางทีพูคินอาจจะคิดว่าเสียงหัวเราะเล็กที่ได้ยินก่อนหน้านี้คือการดูถูก เพราะแบบนั้นเธอจึงฆ่าคนที่หัวเราะทิ้ง
เฟรเดริก้ามองไปที่ท็อตป๊อป คนที่ตัวแข็งทื่อเพราะจู่ๆก็เกิดการฆ่ากันตาย เธอก็สั่งให้ท็อตป๊อปจัดการสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็หันกลับมาและเดินต่อไป
หากจะร่วมมือกับพูคินนั้นมันต้องมีหลายสิ่งที่ต้องนำมาคิดพิจารณา เฟรเดริก้าอธิบายกับเหล่าเด็กสาวที่สวมหน้ากากกันแก๊สไปอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่ควรทำอะไรหยาบคาย แต่มันก็ยังคงมีความผิดพลาดอยู่ดี ธรรมชาติของเด็กสาวนั้นหุบปากไม่เป็นหรอก
โซเนียบีนนั้นตรงข้ามกับพูคินในทุกๆด้าน เธอไม่เหมือนกับพูคินที่มีความมั่นใจและกล้าหาญ เธอทั้งขี้ขลาดแล้วก็ประหม่า แม้จะเกิดเสียงเบาๆ มันก็ทำให้เธอตัวสั่นและมองไปรอบๆ ซึ่งเป็นอะไรที่แย่เอามากๆ เพียงแค่มองดูก็รู้สึกเห็นใจแล้ว
บางทีความรู้สึกสงสารอาจจะเป็นเพราะชุดที่เธอสวมอยู่ มันแตกต่างกับชุดที่หรูหราราวกับเป็นชนชั้นสูงของพูคิน ชุดของโซเนียนั้นทั้งสกปรกและขาดรุ่งริ่ง ตะเข็บบางส่วนที่ฉีกขาดและห้อยลงมาถูกเย็บไว้ด้วยเส้นด้าย โชคดีที่มันไม่ได้ดูลามกอนาจาร ถ้าจะให้พูดเธอนั้นดูน่าตลกราวกับว่าเป็นตัวการ์ตูนเลยทีเดียว
ไม่ใช่แค่การแต่งตัวเท่านั้นที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ภูมิหลังเองก็เช่นกัน พูคินนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ของดินแดนเวทมนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ส่วนโซเนียนั้นเป็นแค่คนที่ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำและคอยโจมตีนักท่องเที่ยวที่ผ่านมา หากพูคินไม่ได้พาตัวเธอมาเป็นพิเศษ เธอก็คงใช้เวลาทั้งชีวิตเป็นหัวขโมยไปแล้ว
ตอนนี้ ทั้งคู่นั้นกำลังกินไก่ย่างทั้งตัวอยู่ที่ชั้นใต้ของผับแห่งหนึ่ง พูคินนั้นใช้มีดและส้อมตัดเนื้อไก่แล้วกินเข้าไปอย่างผู้ที่มีมารยาททำกัน ส่วนโซเนียนั้นจับขาไก่เคี้ยวเข้าปากเหมือนกับเป็นสัตว์ป่า แม้จะเป็นของดิบเธอก็คงกินมันเข้าไปอยู่ดี
ห้องนี้เป็นห้องพิเศษที่มีจุดขายของตัวเองว่าสิ้นเปลือง มันประดับตกแต่งด้วยสิ่งหรูหราอย่างเช่น เชิงเทียนเงินจากราชวงศ์ยอร์ค พรมเปอร์เซียที่ทอขึ้นมาจากผ้าไหมแท้ และโคมระย้าที่ทำมาจากอเมทริส ท็อตป๊อปนั้นคุยโวโอ้อวดว่า ทั้งมาเฟีย นักการเมือง เศรษฐีมักจะมาที่นี่ พวกเธอเช่าห้องนี้เพื่อแสดงความเคารพต่อทั้งสองคนที่ถูกปล่อยตัวมา แต่ทั้งสองคนนั้นหมกมุ่นอยู่กับการกินอาหาร แทบจะไม่ได้มองไปยังสิ่งของที่ประดับประดาอยู่เลย
เฟรเดริก้ายืนขึ้นแล้วพูดว่า “ประทานโทษ” และเดินออกจากที่นั่งของตัวเอง ทั้งโซเนียกับพูคินไม่ได้สนใจเธอ ทั้งคู่ยังคงกินอาหารของตัวเองต่อไป
เฟรเดริก้าเดินออกจากห้องไปเงียบๆ เธอได้ยินเสียงทุ้มของเบสมาจากชั้นบน เสียงนั้นมันดังก้องอยู่ในตัวของเธอ เพลงแบบนี้มันไม่ใช่รสนิยมของเธอเลย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นแนวเพลงประเภทไหน แต่มันเป็นแนวที่ท็อตป๊อปอาจจะชอบ เธอเดินไปประตูตามทางเดินที่พื้นและเพดานเต็มไปด้วยความหรูหรา ที่นั่นเธอเห็นท็อตป๊อปยืนอยู่อย่างสง่างาม หน้าที่ของท็อตป๊อปนั้นจะเรียกว่าเป็นผู้คุ้มกันก็ว่าได้
“เธอทำได้ดีมากเลยล่ะ ท็อตป๊อป”
“อ๊ะ อาจารย์ ทั้งสองคนยังกินอยู่เหรอ?”
“อื้อ ทั้งคู่น่ะแตกต่างจากเมจิคัลเกิร์ลในปัจจุบัน และเพราะความก้าวหน้าในการคัดเลือก ทำให้พวกเราเหนือกว่าในด้านการใช้พลังงานอีกด้วย แต่เรื่องนั้น…เอาไว้ก่อนแล้วกัน”
เฟรเดริก้าหรี่ตาลงอย่างสงสัย
“ทำไมเธอถึงพูดเบาแบบนี้ล่ะ?”
“ก็มัน…”
ท็อตป๊อปโน้มตัวลงมาและยังคงลดเสียงของเธอลง ลมหายใจของเธอนั้นสัมผัสกับแก้มของเฟรเดริก้า ความรู้สึกนั้นก็ทำให้ตัวของเฟรเดริก้าสั่นระรัวด้วยความสุข
“ก็ท็อตไม่อยากพูดอะไรที่ดูโง่ๆ แล้วอยู่ดีๆก็ ฉึกกก! นี่นา”
“แหม แหม ช่างเป็นคำพูดเสียดสีที่ฟังดูสองแง่สองง่ามดีจัง”
“ไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะ อันตรายด้วย น่ากลัวอ่ะ”
“แต่เธอก็ชอบคนแบบนั้นใช่ไหมล่ะ?”
“แน่นอนสิ!”
ท็อตป๊อปยิ้มให้และชูนิ้วโป้งขึ้นมาก่อนที่ท่าทางของเธอจะกลับไปสู่ปกติ
“แต่รู้ไหม ตอนนี้ท็อตน่ะเป็นผู้นำ เพราะแบบนั้น…”
คราวนี้เธอชี้นิ้วโป้งเข้าหาตัวเองแล้วเชิดอกขึ้น และยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“ท็อตไม่อยากให้เด็กสาวน่ารักๆต้องมาจบชีวิตด้วยความตายอีกแล้ว”
“สมเหตุสมผลดีนะ”
“หมายถึง ท็อตชอบที่จะแบกระเบิดไปทั่วนะ แต่ในฐานะหัวหน้าแล้ว มันต้องคิดถึงความปลอดภัยของลูกน้องมาก่อน”
“เรื่องนั้นน่ะ ฉันคิดว่าแค่พวกเราสี่คนร่วมมือกัน ฉัน เธอ พลเอกพูคิน ท่านหญิงโซเนีย บางทีมันอาจจะเป็นความคิดที่ดีก็ได้”
“หือ?”
“ใช้คนระดับสูงไม่กี่คน แบบนั้นภารกิจของพวกเรามันจะง่ายกว่านะ”
ท็อตป๊อปเอนตัวพิงกับกำแพง แล้วก็จ้องมองไปยังประตูที่อยู่สุดทางเดิน
“พวกเราเชื่อใจสองคนนั่นได้มากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“แค่ทักษะของพวกเธอน่ะ มันก็ควรค่าให้พวกเราเชื่อได้มากพอแล้ว ส่วนเรื่องบุคลิกนั้น…พวกเราทั้งคู่ไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะไปวิจารณ์”
“แต่ถ้าพวกเราควบคุมไม่ได้ จนทุกอย่างก็พังทลายในตอนจบกันหมดล่ะ?”
“การควบคุมโซเนียน่ะเป็นงานของพลเอกพูคิน ส่วนการทำให้พลเอกพูคินสนุกสนานกับการทำงานให้พวกเรานั้นคืองานของฉัน”
เมื่อ 130 ปีก่อน ตอนที่พูคินยังมีพลังอำนาจ เธอนั้นทำงานในฐานะผู้ตรวจการของดินแดนเวทมนตร์ มันเป็นตำแหน่งที่ตรงกันข้ามกับตัวเธอในปัจจุบัน ในช่วงเวลานั้นเธอเป็นผู้ตรวจการที่มีความสามารถมาก จนเธอถูกขนานนามว่า “พลเอก” เพราะจัดการกับเมจิคัลเกิร์ลที่เป็นอาชญากรได้มากมาย
สำหรับคนที่ถูกยกย่องอย่างมาก เพียงเวลาแค่ไม่นานเธอก็ร่วงลงมาถึงจุดต่ำสุด คนร้ายตัวจริงในคดีโจรกรรมที่พูคินไขคดีได้นั้นทนกับการกระทำผิดของตัวเองไม่ได้ จนสารภาพผิดกับเพื่อนของตัวเอง สิ่งนี้นำไปสู่การไต่สวนคดีอีกครั้ง และเห็นชัดว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แต่จำเลยถูกประหารชีวิตไปเสียแล้ว
จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น คดีที่พูคินรับผิดชอบก็ถูกไต่สวนใหม่ทีละคดี ผลจากการสืบสวนนั้นก็คือ พูคินใช้เวทมนตร์ของเธอบังคับให้คนสารภาพ เพิ่มโทษของแต่ละคดีให้หนักขึ้นไม่ว่าคดีนั้นจะเป็นยังไงก็ตาม
ภายใต้กฎหมายของดินแดนเวทมนตร์ในเวลานั้น ผู้ตรวจการมีอำนาจที่สูงมาก ทรัพย์สินของผู้ที่ถูกสั่งประหารนั้นจะถูกยึดและครึ่งหนึ่งจะถูกแบ่งให้กับผู้ตรวจการ พูคินนั้นถูกจับกุมเนื่องจากสร้างข้อหาอันเป็นเท็จเพื่อประโยชน์ทางการเงิน จากนั้นเธอก็ถูกพิพากษาจำคุก
ก่อนที่พูคินจะถูกจับกุมเพียงไม่นาน เธอนั้นตีพิมพ์หนังสือออกมา มันเป็นหนังสืออัตชีวประวัติที่โอ้อวดถึงความกล้าหาญของเธอพร้อมกับป้องกันตัวเองไปในเวลาเดียวกัน ในตอนนี้สิ่งนั้นยังคงถูกเก็บไว้ในหอสมุดของดินแดนเวทมนตร์ หนังสือแห่งความชั่วร้ายที่เต็มไปด้วยข้อแก้ตัวในการก่ออาชญากรรม ความภาคภูมิใจในพลังที่หลงผิด จนทำให้ผู้คนรู้สึกขบขัน แม้จะไม่มีใครคิดได้ว่ามันเป็นเรื่องจริงรึเปล่า แต่ตัวตนของผู้เขียนนั้นก็ถูกถ่ายทอดอยู่ในหนังสือแล้ว
เฟรเดริก้านั้นมีความสามารถพิเศษคือนำพาผู้คนมาอยู่ฝ่ายเดียวกับเธอ เธอนั้นจะมองหาสิ่งที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกพึงพอใจ สร้างพื้นที่ของตัวเองภายในหัวใจของอีกฝ่าย และลูบไล้มันอย่างแผ่วเบา หากพวกนั้นเป็นคนประเภทที่เข้าใจง่าย แบบนั้นเรื่องก็จะง่ายขึ้น กับพูคินแล้ว เธอสามารถควบคุมได้ด้วยหลากหลายวิธี
หนังสือของพูคินนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวของเธอ แต่ก็มีเรื่องของโซเนียอยู่เล็กน้อยเช่นกัน โซเนียนั้นเสมือนเป็นบอดี้การ์ดของพูคิน แม้จะเห็นพวกเธอแยกตัวกันในคุก มันก็เถียงไม่ได้เลยว่าพลังต่อสู้ของพูคินนั้นไม่ได้อ่อนแอแต่อย่างใด ส่วนโซเนียนั้นเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ได้รับความไว้วางใจให้ทำภารกิจที่เต็มไปด้วยความรุนแรง ด้วยความชั่วร้ายของโซเนียที่คอยหนุนหลังอยู่นั้น ทำให้พูคินทำอะไรตามใจอยากได้ในการต่อสู้ ทำแบบนั้นและทวีความรุนแรงมากขึ้นไปเรื่อยๆ เพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตแบบนั้นจนโดนดินแดนเวทมนตร์จับตัวได้
“ก็รู้อยู่ว่าไม่ควรจะมาพูดเอาตอนนี้ เพราะพวกเธอถูกปล่อยออกมาแล้ว แต่ท็อตคิดว่าบางทีพวกนั้นอาจจะมีพลังมากเกินสำหรับงานต่อไปก็ได้”
“เธอจะบอกว่าความแข็งแกร่งมันไม่จำเป็นงั้นเหรอ?”
“งานมันคือจับตัวนักฆ่าคนนึงที่ซ่อนตัวอยู่ในเมือง ปัญหาเดียวก็คือในหน่วยสืบสวนมันมีจอมเวทอยู่ แถมยังมีบาเรียปกคลุมอยู่ทั่วเมืองอีก เพราะแบบนั้นจึงเข้าไปในเมืองจากด้านนอกด้วยวิธีการปกติไม่ได้ด้วย”
เฟรเดริก้ายิ้มอย่างนุ่มนวลแล้วลูบหัวของท็อตป๊อป
หน่วยต่อต้านนั้นตั้งใจจะจับอาชญากรคนนี้แล้วคุ้มครองเอาไว้ เพื่อเป็นหลักฐานพิสูจน์ว่าทางดินแดนเวทมนตร์ทำในสิ่งผิดกฏหมาย…หรือเป็นแผน อย่างน้อยท็อตป๊อปก็เชื่ออย่างนั้น
แต่เฟรเดริก้าไม่ใช่ ทางดินแดนเวทมนตร์นั้นดูถูกเมจิคัลเกิร์ลคงไม่ทำอะไรครึ่งๆกลางๆแน่ เฟรเดริก้านั้นรวบรวมข้อมูลด้วยเวทมนตร์ของเธอมาอย่างยาวนาน เพราะแบบนั้นเธอจึงรู้ว่ามีการสมรู้ร่วมคิดกันระหว่างพวกที่มีตำแหน่งสูงของหน่วยต่อต้านและดินแดนเวทมนตร์ พวกนั้นทำตัวเหมือนต้องการปฎิวัติ แต่ในความจริงแล้วพวกนั้นก็ความสัมพันธ์แบบหยั่งรากลึกกับพลังบางอย่างในดินแดนเวทมนตร์ และก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้ชิงอำนาจ เหตุผลที่ทางดินแดนเวทมนตร์ปล่อยให้มีนักปฎิวัติเหล่านี้มีอยู่ได้เป็นเพราะมีบางคนในดินแดนเวทมนตร์มีความสะดวกแค่นั้น
ทางดินแดนเวทมนตร์ไม่มีทางปล่อยให้เกิดการโจมตีอย่างรุนแรงขึ้นในคุกและปล่อยให้อาชญากรตัวอันตรายออกไปได้แน่ เฟรเดริก้าคิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังท็อตป๊อปคงเปิดช่องโหว่ในระบบรักษาความปลอดภัย เชื่อว่าเตรียมการต่างๆเอาไว้ เพราะแบบนั้นเองเฟรเดริก้าจึงปล่อยพูคินกับโซเนียออกมาด้วย แม้ว่ามันจะต้องใช้เวลา แต่ก็ไม่มีคนที่รักษาความปลอดภัยเข้ามา หน่วยเมจิคัลเกิร์ลของทางดินแดนเวทมนตร์นั้นถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วน แต่ละหน่วยนั้นก็มีเป้าหมายของตัวเอง แถมยังชอบขัดขากันและกัน ดังนั้นเรื่องข่าวลือที่ว่ามีการจ้างนักฆ่าเพื่อทำงานด้วยอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ ด้วยเหตุนั้นเฟรเดริก้าจึงคาดการณ์ได้ว่าจะมีหลายๆหน่วยกระโดดเข้ามาพยายามจับกุมตัวอาชญากรหรือฆ่าทิ้ง
ตอนนี้ในเมือง B นั้นไม่ได้มีแค่หน่วยสืบสวนและนักฆ่า มันควรจะมีเมจิคัลเกิร์ลที่เป็นตัวแทนของแต่ละหน่วยแทรกซึมเข้าไปในเมืองอยู่ด้วย หากเธอไปยังที่นั่น เธอจำเป็นต้องมีพลังที่จะต่อสู้กับพวกนั้นได้ หากไม่มีพลังอะไรเลยล่ะก็ พวกเธอก็จะพ่ายแพ้อย่างง่ายดายเหมือนกับหมูที่รอถูกเชือด พวกเธอจำเป็นต้องมีมือหนึ่ง ด้วยการที่เธอมีพูคินกับโซเนียอยู่ด้วยมันจะเป็นหลักประกันว่าเธอจะร่วมวงด้วยได้ และจะกลายเป็นแก่นกลางที่ไม่มีวันแตกสลาย
แม้งานนี้จะจบลงไปแล้ว แก่นกลางนั้นก็ยังคงมีประโยชน์ สิ่งนี้คือเรื่องละเอียดอ่อน แม้ท็อตป๊อปจะเป็นลูกศิษย์คนโปรดของเฟรเดริก้าก็จริง แต่เฟรเดริก้าก็เชื่อใจเธอเต็ม 100% ไม่ได้ เธอจำเป็นต้องมีหลักประกันบางอย่างที่จะประกันว่าเธอจะปลอดภัยเมื่อทำตามบทบาทที่สำคัญไปแล้ว การใช้หมาล่าเนื้อไปจับกระต่ายนั้นก็มีความเสี่ยงที่หมานั้นจะหันหลังให้เจ้าของเช่นกัน หากเฟรเดริก้าต้องการอิสรภาพล่ะก็ เธอจำเป็นต้องมีพลังที่มากพอที่จะทำไม่ให้เธอนิ่งเงียบได้
“ลองคิดถึงเรื่องลำดับความสำคัญสิ สิ่งที่เธอกังวลอยู่ในตอนนี้คือเรื่องที่ไม่จำเป็นนะ”
“ไม่จำเป็น? อะไรงั้นเหรอ?”
“ใช่แล้วล่ะ ไม่จำเป็น”
เฟรเดริก้ายืนขึ้นแล้วเอานิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากของตัวเองเบาๆ และมองไปที่ประตูห้องท็อตป๊อปเองก็มองตามไปด้วย จากนั้นก็เห็นประตูเปิดออกอย่างช้าๆ
“พูคินบอกว่าอาหารไม่พอ……”
หัวของโซเนียโผล่ออกมาจากช่องว่างที่ประตูพร้อมกับส่งเสียงพึมพำ สายตาของเธอนั้นมองลงไปที่เท้าของตัวเอง แต่สิ่งที่เธอพูดออกมานั้นเหมือนว่าจะสื่อตรงมาที่เฟรเดริก้ากับท็อตป๊อป และหลังจากที่เฟรเดริก้าพูดกับท็อตป๊อป ท็อตป๊อปก็รีบออกไปและกลับมาในเวลาไม่ถึงสามนาที ที่มือของเธอนั้นถือจานขนาดใหญ่มาด้วย มือทั้งสองข้างที่ถือจานนั้นสร้างสมดุลให้กัน แม้กระทั่งบนหัวของเธอก็มีชามอยู่อีกต่างหาก
เฟรเดริก้าเปิดทางเดินให้พร้อมกับดันหลังของท็อตป๊อป
“แล้วเธอคิดว่าตอนนี้ควรทำอะไรกันล่ะ?”
“เอาอาหารไปส่งใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว เอาอาหารไปส่ง และอีกอย่างนึง ทำให้แขกของพวกเรามีความบรรเทิงด้วย”
“ความบรรเทิงเหรอ?”
“เธอเก่งเรื่องพูดคุยกับคนอื่นใช่ไหมล่ะ? ไปคุยกับสองคนนั้นนะ ทำความรู้จักกัน และเป็นเพื่อนกับทั้งสองคน ถ้าเธอทำแบบนั้นงานของพวกเราก็จะง่ายขึ้นมากเลย”
“เอ๋? ดะ-เดี๋ยวสิ! อาจารย์! เดี๋ยวก่อน!”
เฟรเดริก้าเคาะประตูและเปิดออกอย่างนิ่มนวล จากนั้นเธอก็ดันตัวท็อตป๊อปเข้าไปก่อนที่จะปิดประตู
ท็อตป๊อปมีงานที่เธอต้องทำ และเฟรเดริก้าก็มีงานของเธอเช่นกัน เฟรเดริก้าเริ่มคิดถึงเรื่องนักฆ่าที่เป็นเป้าหมายของฝ่ายต่างๆ เมจิคัลเกิร์ลที่เชี่ยวชาญในการลอบสังหาร อาวุธของเธอคือใบดาบขนาดใหญ่ เฟรเดริก้าคิดถึงลูกศิษย์คนสุดท้ายของเธอ สโนไวท์เองก็ใช้อาวุธขนาดใหญ่เหมือนกัน แต่ว่า…
…เด็กคนนั้นจะไม่ลอบสังหารใครแน่
เส้นผมที่เฟรเดริก้ารวบรวมเอาไว้นั้นถูกเจ้าหน้าที่ยึดเอาไป หากเธอยังมีมันอยู่ เธอก็จะไปเจอกับสโนไวท์ได้ เธอต้องรวบรวมเส้นผมใหม่ตั้งแต่ต้น แม้เฟรเดริก้าจะคิดว่ามันป็นเรื่องที่โชคร้าย แต่ในเวลาเดียวกัน เธอก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อคิดว่าต้องเริ่มรวบรวมใหม่ตั้งแต่ต้น
มันเป็นเรื่องที่ยากหากจะต้องอธิบายเวทมนตร์ของไพตี้ เฟรเดริก้าเพียงไม่กี่คำ
ก่อนอื่น เธอจำเป็นต้องมีเส้นผมของบางคน และมันจำเป็นต้องยาวพอที่จะพันรอบนิ้วของเธอได้ มันจำเป็นต้องเป็นเส้นผมเท่านั้น เธอจะใช้ขนจากส่วนอื่นของร่างกายไม่ได้ จากนั้นเธอต้องมัดเส้นผมของเป้าหมายกับนิ้วของเธอแบบแน่นๆ แล้วมันก็จะแสดงภาพของเป้าหมายบนคริสตัลบอลที่เธอถืออยู่ในมือซ้าย
ไม่ว่าเป้าหมายจะอยู่ห่างออกไปสิบล้านปีแสง ติดอยู่ในโลกไซเบอร์ ผจญภัยอยู่ในต่างมิติ เริ่มต้นชีวิตใหม่อยู่ในโลกคู่ขนาน คริสตัลบอลของเฟรเดริก้าก็จะแสดงภาพออกมา ไม่ว่าคนพวกนั้นจะทำอะไรอยู่ก็ตาม แต่มันก็จะแสดงภาพของคนที่มีชีวิตอยู่เท่านั้น เธอแสดงภาพของคนตายไม่ได้
ในตอนที่เฟรเดริก้ายังทำหน้าที่ของตัวเองอยู่นั้น เธอใช้เวทมนตร์มากเท่าที่ตัวเองต้องการ เธอขัดเกลาเทคนิคการแอบถอนเส้นผมของคนที่เดินสวนกันอย่างลับๆ บางครั้งเธอก็จะแอบเข้าไปในบ้านคนแล้วก็มองหาผมที่ร่วงอยู่ตามพรมที่พื้น เธอจะเส้นผมที่มีเพื่อหาจุดอ่อนของเพื่อนร่วมงาน มองดูชีวิตรักของหัวหน้า แอบฟังการสนทนาแบบลับๆ และสนุกสนานไปกับเด็กสาวน่ารักๆกับชีวิตของพวกเธอ เธอใช้เวทมนตร์ตามความต้องการของตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้น เวทมนตร์ของเฟรเดริก้าไม่ใช่แค่การแอบดู
เธอนั้นสามารถใส่มือของตัวเองเข้าไปในคริสตัลบอล และสามารถจัดการสิ่งต่างๆที่มองเห็นอยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการ จับ บีบ บี้ ต่อย และทุบเป้าหมาย เธอทำได้เหมือนกับมือปกติ
เธอสามารถจับวัตถุแล้วนำกลับมายังฝั่งของเธอได้ ซึ่งขนาดของวัตถุที่เธอดึงออกมานั้นไม่ได้ถูกคริสตัลบอลของเธอจำกัดขนาดไว้ ทุกอย่างที่เฟรเดริก้าสามารถยกได้ด้วยมือข้างเดียว เธอสามารถดึงมันออกมาได้ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่แค่ไหนก็ตาม กฎของฟิสิกส์นั้นไม่ได้มีผลกับเวทมนตร์ของเธอ มันไม่สนระยะทาง มิติ ขนาด และสถานที่ ทุกอย่างนั้นล้วนถูกเพิกเฉย
และเธอเองก็สามารถทำอะไรตรงกันข้ามได้เช่นกัน หากเธอถืออะไรบางอย่างอยู่ในมือและใส่มันเข้าไปในคริสตัลบอล เธอก็จะสามารถส่งสิ่งนั้นไปให้เป้าเป้าหมายโดยตรงที่แสดงอยู่ได้
ในตอนนี้ หน่วยต่อต้านนั้นต้องการใช้ความสามารถของเฟรเดริก้าเพื่อการส่งคนผ่านไปทางคริสตัลบอล ซึ่งมันจะไม่สนบาเรียที่มีระยะเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงอยู่ ทำให้เธอและคนอื่นๆสามารถเข้าและออกตามใจต้องการได้ และเพราะการที่เฟรเดริก้าสามารถส่งคนเข้าออกได้นั่นเอง บาเรียจึงกลายเป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับพวกเธอมาก ตราบใดที่มันยังคงอยู่ เป้าหมายก็ไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้ ราวกับนกที่ถูกขังอยู่ในกรง ภารกิจของพวกเธอคือคุมตัวอาชญากรให้ปลอดภัยภายในเวลาจำกัดยี่สิบสี่ชั่วโมง
หากพวกมันเป็นนกน้อยในกรง แบบนั้นพูคินกับโซเนียก็คืองูพิษ ถ้าหน่วยสืบสวนเข้ามาขวางทางล่ะก็คงต้องเกิดการต่อสู้ขึ้นแน่ แต่จะมีซักกี่คนกันนะที่สามารถเอาชนะพวกเธอสองคนที่ใช้พลังเต็มที่ได้?
เวลานั้นผ่านไปสามสิบนาทีแล้ว ตั้งแต่ที่เฟรเดริก้าโยนท็อตป๊อปเข้าไปในห้อง
เฟรเดริก้านั้นเก่งในเรื่องการเข้าหาผู้คน เธอจะใช้เวทมนตร์สำรวจคนเหล่านั้น แล้วก็ตัดสินใจว่าควรจะใช้ภาษาแบบไหน ทำท่าทางอย่างไร แล้วทำการปรับมันให้เหมาะสม ไม่ว่าจะต้องทำยังไง ปฎิบัติอะไรเป็นพิเศษ เชื่อฟัง ประจบสอพลอ ร่วมมือ คำแนะนำ ความเห็นอกเห็นใจ เธอจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เปรียบ
ท็อตป๊อปที่เป็นลูกศิษย์ของเฟรเดริก้านั้นก็เก่งเรื่องการเข้าหาผู้คนเช่นกัน แต่เธอนั้นเลียนแบบวิธีการของเฟรเดริก้าไม่ได้ แม้จะเป็นลูกศิษย์ แต่วิธีที่เธอทำนั้นคือสิ่งที่เฟรเดริก้าไม่ได้สอน
ท็อตป๊อปนั้นเป็นคนเหลวไหล ง่ายๆ สบายๆ ไม่ได้คิดเรื่องอะไรมากมาย ถ้าเป็นเรื่องที่สนุกล่ะก็มันจะเป็นยังไงก็ได้ เธอใช้ชีวิตแบบนี้มากกว่าปกติ แม้จะเป็นศัตรูที่เลวร้ายที่สุดของพ่อแม่หรือเพื่อนสนิท แต่ถ้ามันสนุกล่ะก็ เธอก็จะไม่คิดอะไรมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้ก่อการร้าย ฆาตกรฆ่าข่มขืน คนที่มีเฟติชเรื่องเส้นผม สตอร์คเกอร์ เมจิคัลเกิร์ลผู้บ้าคลั่ง หรือผู้คุมการทดสอบเกมแห่งความตาย หากเป็นคนที่เธอชอบ เธอก็มักจะพูดว่า “Rock on!” แบบนั้น
เธอนั้นไม่ได้หลอกลวงคนอื่นแบบเฟรเดริก้า เพราะเธอมีความจริงใจที่อยากจะมีมิตรภาพอย่างแท้จริง จนทำให้อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยความเมตตา สำหรับท็อตป๊อปแล้ว คนที่หัวรั้นก็เหมือนกับตัวเม่น เธอจะไม่ทำทั้งหลบเลี่ยงหรือถอนหนามออกไป แต่แทนที่จะปล่อยให้หนามนั้นจะทิ่มแทงตัวเธอ เธอก็จะใช้วิธีการที่ไม่ได้มีผลต่อทั้งสองฝ่ายแทน
เพราะเฟรเดริก้ารู้เรื่องเหล่านี้ของท็อตป๊อปเป็นอย่างดี ดังนั้นเฟรเดริก้าจึงส่งเธอไปหาพูคินและโซเนียบีน
“ถ้าจะให้เริ่มล่ะก็ พวกนั้นพูดว่าพวกข้าน่ะปลอมแปลงความผิด ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริง พวกข้าทำเช่นนั้น ข้าขอยอมรับ แต่การกระทำทั้งหมดก็เพื่อความยุติธรรม”
“หมายความว่ายังไงเหรอ?”
“รู้ไหม จากที่มีประสบการณ์ในฐานะผู้ทรมาณหลายปี ข้าได้เรียนรู้ทักษะล้ำค่าในการ อ่านลักษณะนิสัยของผู้คน และรู้ว่าใครจะพาความวิบัติมาสู่โลก ใครจะพาสันติสุขมาแก่โลก”
“หวา ฟังดูสุดยอดจัง!”
“แม้จะยังไม่ได้ทำผิดในตอนนี้ แต่ถ้าพวกนั้นจะกลายเป็นปีศาจร้ายในภายหลังล่ะก็ มันคือความรับผิดชอบของผู้ที่ทำหน้าที่รักษากฏหมายอย่างพวกข้าที่ต้องจัดการ พวกเราไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือจากเรื่องนั้น แต่รายงานการสืบสวนนั้นกลับถูกทำให้ดูราวกับว่าพวกเราสังหารหมู่ประชาชนผู้บริสุทธิ์”
“จริงเหรอเนี่ย!? บ้าไปแล้ว!”
“แล้วนั่นก็กลายเป็นสิ่งที่หลงเหลืออยู่ในประวัติศาสตร์ ชื่อของพวกเรากลายเป็นวายร้ายอันแสนป่าเถื่อน…”
“แย่ที่สุดเลย! ไอ้พวกคนแบบนั้นน่ะ!”
“หากแค่ชื่อของข้าเพียงคนเดียวมัวหมองแบบนั้นข้าทนได้ แต่ข้าเสียใจที่โซเนียถูกลากเข้ามาด้วย”
“หวา คุณพลเอกเป็นคนดีจัง ทุกคนน่ะต้องรักคุณแน่ๆ! ถ้ามีหัวหน้าแบบนี้ล่ะไม่แปลกใจเลยที่มีคนจะสละชีวิตเพื่อคุณได้น่ะ”
ท็อตป๊อปนั้นอาจจะลืมเรื่องที่ลูกน้องตัวเองโดนฆ่าก่อนหน้านี้ไปแล้ว ในตอนนี้เธอนั้นตั้งใจรับฟังเสียงบ่นที่ออกมาจากพูคินอย่างไร้ที่สิ้นสุด เฟรเดริก้าเอาหูที่แนบกับประตูออกและยืนขึ้น น่าประทับใจจริงๆ เหมือนว่าลูกศิษย์ของเธอจะให้แขกนั้นมีความบรรเทิงได้แล้ว
“ถ้าจะเดินทางไปต่างประเทศล่ะก็ ข้าอยากนั่งเครื่องบิน”
แต่เพราะมันไม่มีเวลาแล้ว เฟรเดริก้าจึงปฎิเสธคำขอของพูคินไปอย่างสุภาพเพื่อไม่ให้พูคินนั้นเสียหน้า เธอมีเส้นผมของคนในเมือง B จากผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่แล้ว หากไม่มีเส้นผมนั้นล่ะก็ พวกเธอก็จะเข้าไปสู่เมือง B โดยไม่สนบาเรียไม่ได้
เธอเอาเส้นผมนั้นมาพันรอบนิ้ว ก่อนอื่นเธอก็นำท็อตป๊อปใส่เข้าไปในคริสตัลบอลเป็นคนแรก จากนั้นตามด้วยโซเนีย แล้วก็พูคิน และสุดท้ายเฟรเดริก้าจับตัวเองใส่เข้าไปในคริสตัลบอลอย่างไม่สนกฎฟิสิกส์ใดๆ แล้วในที่สุด หน่วยรบพิเศษแห่งการปฎิวัติ (ตั้งชื่อโดยพูคิน) ก็ลักลอบเข้าไปในเมือง B ได้
เมื่อเฟรเดริก้าเข้ามาในเมือง B ก็พบว่าเจ้าของเส้นผมที่เธอใช้นั้นก็อยู่ในสภาพกึ่งตายแล้ว
“พวกเราบอกไปว่าหากหนีล่ะก็จะฆ่าทิ้ง แต่เขาก็พยายามหนีอยู่ดี”
“บางทีอาจเป็นเพราะคุณไม่ได้พูดภาษาญี่ปุ่น และเขาเองก็ไม่ได้เข้าใจภาษาอังกฤษน่ะค่ะ”
“ช่างเป็นการเข้าใจผิดที่น่าเศร้าจริงๆ”
มีชายแก่นอนตายจมกองเลือดเพราะถูกฟันเข้าที่คอ พูคินนั้นได้ฟังคำอธิบายของเฟรเดริก้าแล้วว่าอย่าฆ่าเจ้าของเส้นผม มิเช่นนั้นเธอจะใช้เวทมนตร์ของตัวเองไม่ได้ ทั้งพูคินและโซเนียนั้นฆ่าคนได้อย่างรวดเร็วหากไม่ได้ห้ามเอาไว้
พวกเธอเข้ามาในบาเรียได้อยางปลอดภัย จากจุดนี้เป็นต้นไปพวกเธอต้องเดินไปตามทางเท้าเพื่อค้นหาเป้าหมาย แต่พูคินนั้นพูดขึ้นมาว่า “ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าน่ะจะให้พวกเราต้องเดินไปรอบเมืองหรอกนะ?” จากนั้นก็ลงเอยด้วยการมองหารถที่จะใช้ ในเมืองเล็กๆแห่งนี้ มีการสัญจรที่ดีพอสมควร ตราบใดที่หลีกเลี่ยงชั่วโมงเร่งด่วนก็จะเจอเรื่องรถติดได้ยาก และข้อดีที่สุดคือ แม้ทั้งสี่คนจะอยู่ด้วยกันมันก็จะไม่ดึงดูดความสนใจจากคนรอบข้าง
แต่ปัญหาก็คือพวกเธอจะหารถที่ทำให้พูคินพอใจได้รึเปล่านี่สิ มันเป็นเวลาช่วงกลางคืนแล้วด้วย แถมเมืองนี้เองก็เป็นเมืองเล็กๆ เฟรเดริก้าคิดว่าคงต้องใช้เวลาซักพักกว่าจะได้รถมา แต่มันกลับตรงกันข้ามกับที่เธอคิด พวกเธอเจอสิ่งที่เข้ากันกับพูคินอย่างรวดเร็ว พูคินจึงสั่งให้โซเนียไล่ตามไป โซเนียนั้นวิ่งตามไปด้านข้างรถและเปิดประตูจากภายนอก เธอเข้าไปด้านในและฆ่าคนขับรถทิ้ง จากนั้นรถก็สูญเสียการควบคุม ก่อนที่จะหยุดเพราะไปชนกับเสาโทรศัพท์
พูคินโมโหโซเนียที่ทำให้รถที่เป็นเป้าหมายนั้นพัง โซเนียเองก็เริ่มตัวสั่นพร้อมกับมีน้ำตาคลออยู่ในดวงตา ท็อตป๊อปเห็นแบบนั้นจึงเข้ามาช่วย บางทีอาจจะรู้สึกสงสารก็ได้
“กันชนมันเบี้ยวไปนิดเดียวเอง รถคันนี้ใช้ต่อได้โดยที่ไม่มีปัญหาเลยล่ะ รถของอเมริกันน่ะมันทนกว่ารถของญี่ปุ่นอยู่แล้ว”
รถวินเทจ Playmouth Fury นั้นส่องประกายแววาวราวกับว่าเป็นของใหม่ แต่ตัวรถด้านหน้านั้นมีสิ่งที่บ่งบองว่าเคยเกิดอุบัติเหตุมาก่อนแล้ว ตัวรถนั้นเป็นสีแดงสด คนขับเองก็เหมือนว่าจะสวมชุดสูทของห้างสรรพสินค้าทำให้มันดูไม่เข้ากันเท่าไหร่ เขาคงเป็นมนุษย์เงินเดือนหน้าใหม่ ส่วนเรื่องที่ทำไมเขาถึงขับรถแบบนี้ได้ มันก็ยังคงเป็นปริศนาต่อไป
“พวกเราเคยเห็นรถแบบนี้ในภาพยนตร์มาก่อน พวกเราจึงอยากนั่งมันซักครั้งตั้งแต่ตอนนั้นน่ะ”
“อ๊ะ ใช่เรื่องนั้นรึเปล่า เรื่องที่รถมันมีชีวิตแล้วก็ฆ่าคนได้น่ะ?*”
*หมายถึงหนังสยองขวัญเรื่อง Christine (1983) ที่กำกับโดยจอห์นคาร์เพนเทอร์ ตัวหนังดัดแปลงมาจากนิยายในชื่อเดียวกันของสตีเฟ่นคิง เนื้อหากล่าวถึงรถ Plymouth Fury ที่มีชีวิตจิตใจเป็นของตัวเอง
“ใช่ ใช่ เรื่องนั้นแหละ!”
การที่พูคิน คนที่ถูกคุมขังมาอย่างยาวนานกว่า 130 ปีรู้เรื่องภาพยนตร์ที่ฉายหลังจากนั้นได้ยังไงน่ะเหรอ? คำตอบก็คือบางครั้งเธอนั้นถูกปล่อยตัวออกจากคุกชั่วคราวหลายครั้งเพื่อไปทำ “งาน”
“ท็อตเองก็ไม่อยากจะขัดหรอก แต่โมเดลมันต่างกันนะ”
“แย่จริง แต่ข้าจะยอมให้แล้วกัน”
“อ๊ะ จะว่าไป เรื่องนั้นมันสร้างมาจากนิยายนะ รู้ไหม!”
“โอ้ ข้าอยากอ่านมันจัง มีฉบับภาษาอังกฤษหรือลาตินรึเปล่า?”
พูคินกับโซเนียนั่งที่เบาะหลัง ท็อตป๊อปนั่งข้างคนขับ ส่วนเฟรเดริก้านั้นเป็นคนขับ โซเนีบถอดเสื้อออกจากศพอย่างชำนาญ และในเวลาเดียวกัน เธอก็เอาของที่ได้มาวางในกระโปรงหลังรถ เมื่อพูคินเห็นแบบนั้นก็ดุเธอ
“โซเนีย! นี่ข้าบอกเจ้าไปกี่ครั้งกันแล้ว? ว่าไม่ให้ขโมยของใครน่ะ! ปล่อยมันไว้กับศพนั่นแหละ”
“ตะ-แต่…ชุดมันเป็นของดีนี่นา”
“ถ้าไม่มีเสื้อผ้ามันก็ไม่ได้อดตายหรอก ที่ญี่ปุ่นนี่น่ะเต็มไปด้วยอาหารอร่อยๆ อย่างซูชิไม่ก็เท็มปุระ ทุกอย่างล้วนอร่อยหมด ดังนั้นอดทนไปก่อน”
โซเนียมองลงไปที่ศพอย่างเศร้าๆ เธอสัมผัสศพทั่วร่างอย่างเบามือ และศพนั้นเปลี่ยนเป็นเถ้าสีดำ เถ้าสีดำนั้นไม่ได้คงอยู่เป็นรูปร่าง แม้ในตอนนี้จะไม่มีลมพัดผ่าน มันก็หายไปและจนไม่เหลืออะไรอยู่เลย
มันคือเวทมนตร์ของโซเนียบีน เธอสามารถทำให้ทุกอย่างที่ตัวเองสัมผัสแหลกสลายได้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งชีวิตหรือไม่มีชีวิต หรือกระทั่งพลังงาน เวทมนตร์นี้ทำให้พูคินนั้นหยิ่งยโสและกระทำการตามอำเภอใจ ซึ่งนี่เป็นเหตุทางอ้อมที่ทำให้ทางดินแดนเวทมนตร์จัดการเธอด้วย
โซเนียนั้นเหมือนว่าจะดูเศร้าเมื่อเธอนั่งที่เบาะหลัง พูคินเองก็พยายามปลอบเธอ บอกเธอว่ามันต้องมีสุกี้ยากี้อยู่ด้วยแน่ๆ ท็อตป๊อปเองก็อุทานขึ้นมาว่า “จะหิวอะไรขนาดนี้เนี่ย!” เฟรเดริก้าเองก็บอกไม่ได้ว่าพูดเรื่องนั้นไปแล้วมันจะมีความสุขได้ยังไง อาจจะเป็นเพราะเฟรเดริก้านั้นมีสามัญสำนึกที่สุดในกลุ่มของสี่คนนี้ก็ได้ และความคิดแบบนี้ก็ทำให้เธอรู้สึกดีใจ เพราะเฟรเดริก้ารักเมจิคัลเกิร์ลที่ไม่มีสามัญสำนึก ตอนนี้ลูกศิษย์ทุกคนของเธอยังทำอะไรได้ดีอยู่รึเปล่านะ?
เมือง B นั้นเป็นเมืองใหญ่ที่มีบาเรียปกคลุมพื้นที่เกือบทั้งหมด การขับรถให้ห่างจากชานเมืองเป็นความคิดที่ดีกว่า พวกเธอจะไปโดนบาเรียไม่ได้แม้จะเลี้ยวผิดก็ตาม ถ้าหากไปโดนบาเรียขณะตัวอยู่ในรถล่ะก็ มันจะมีเพียงแค่รถที่ออกไปได้ ส่วนเมจิคัลเกิร์ลนั้นจะติดอยู่ด้านใน จินตนาการไม่ยากเลยว่ามันเลวร้ายแค่ไหน
เฟรเดริก้าขับรถไปตามถนนหลวงที่รายล้อมไปด้วยไร่นาราวๆสิบห้านาที พูคินนั้นยังคงพูดออกมาเรื่อยๆ ในขณะที่โซเนียกำลังเล่นสมาร์ทโฟนของมนุษย์เงินเดือนที่ตายไปแล้วอยู่ ตอนนั้นเฟรเดริก้าเองก็เห็นร้านซูชิสายพานอยู่ข้างทาง เธอจึงจอดรถ
“หือ? นี่พวกเราจะกินอีกแล้วเหรอ? เพิ่งจะกินกันไปนี่นา?”
“กับซูชิน่ะมีอีกกระเพาะนึง! ไปกันเถอะ โซเนีย!”
“เย้!”
พูคินเดินผ่านผ้าม่านที่แขวนอยู่ตรงทางเข้า ส่วนโซเนียนั้นก็ตามเธอเข้าไปอย่างเร่งรีบ เฟรเดริก้าเห็นเช่นนั้นแล้วก็ยิ้มออกมา
“ตามไปกันเถอะ”
“หวา พวกเรามีงานต้องทำนะ! แต่เป็นแบบนี้แล้วก็ช่วยไม่ได้… เหลือ ทูน่า ให้ท็อตด้วยล่ะ!”
เทียบกับเมจิคัลเกิร์ลในปัจจุบันแล้ว การใช้พลังของเมจิคัลเกิร์ลของยุคก่อนมันจะแย่กว่า พวกเธอจำเป็นต้องเติมพลังงาน และยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่พูคินพูดออกมาก่อนหน้านี้ทำให้โซเนียรู้สึกหิว เธอจึงสั่ง ซูชิ, เท็มปุระ แล้วก็สุกี้ยากี้ในทันที หากเธอได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ มันก็ลดความเครียดของเธอลงได้
“โฮะโฮ่! นี่น่ะรึซูชิ! ยอดเยี่ยม! มันอยู่บนสายพานซะด้วย! ข้าได้ยินมาว่าประเทศนี้เป็นยักษ์ใหญ่ในด้านการผลิตนะ แต่นั่นกลับเอามาใช้กับซูชิด้วยงั้นรึ… ชาวญี่ปุ่นนี่น่านับถือซะจริง โซเนียใจเย็นก่อน ซูชิมันไม่หนีไปไหนหรอก… อ๊ะ หนีไปแล้วนี่นา เอาล่ะ รีบกินกันเถอะ”
โซเนียสวาปามซูชิด้วยแรงที่มากพอจะหยุดสายพาน และเมื่อเธอทำหกเลอะเทอะพูคินก็จะเช็ดออกและเก็บส่วนของเธอเอาไว้ให้ ท็อตป๊อปเองก็ส่งเสียงเชียร์ทั้งคู่ ท่าทางของทั้งคู่นั้นมันมากพอที่จะโดดเด่น แต่มารยาทที่แสดงออกมานั้นกลับดึงดูดความสนใจมากขึ้นไปอีก พนักงานและลูกค้าบางคนเองก็เริ่มจ้องมองดูแล้วก็ซุบซิบ
มีบางคนมาขออนุญาตถ่ายรูป และเฟรเดริก้าก็อนุญาตพร้อมกับพูดว่า “เชิญเลย เชิญเลย” จากนั้นเธอก็ยิ้มให้กับคนที่ยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาถ่ายรูป
ย้อนกลับไปในวันที่เฟรเดริก้ายังคงทำงานในฐานะเมจิคัลเกิร์ล เธอนั้นปกปิดตัวตนที่แท้จริงเอาไว้เสมอ และหลีกเลี่ยงสายตาของผู้คนตามกฎของดินแดนเวทมนตร์ แต่ในตอนนี้ พวกเธอเป็นคนนอกกฎหมาย พวกเธอจึงสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจตอนขณะอยู่ในร่างของเมจิคัลเกิร์ล หากมีการขวางพวกเธอในทางใดทางหนึ่งมันก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่มันก็ไม่จำเป็นต้องรักษาความลับอีกต่อไปแล้ว โซเนียหันหน้าไปหาชายวัยกลางคนที่เอาสมาร์ทโฟนส่องมาทางนี้แล้วก็ทำท่าชูสองนิ้ว แก้มของเธอนั้นเต็มไปด้วยซูชิจนพอง ในขณะที่ท็อตป๊อปกำลังเขียนลายเซ็นลงบนกระดาษสีที่พวกพนักงานเอามา
เฟรเดริก้าจุ่มถุงชาเขียวลงในน้ำร้อน เธอเป่ามันสองครั้งก่อนที่จะยกขึ้นมาดื่ม ชาญี่ปุ่นในร้านซูชิสายพานนั้นเป็นของถูกแต่ลิ้นมันก็คุ้นเคยกับรสชาติ มันทำให้เธอใจเย็นลง ถ้วยชานั้นตกแต่งไปด้วยชื่อของปลาหลากหลายชนิด ซึ่งมันทำให้เธอหวนนึกถึงบ้านเกิดที่ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว
พูคินกับโซเนียนั้นถูกจองจำมาอย่างยาวนาน และถูกปล่อยตัวออกมาเป็นบางครั้งเพื่อไปทำงานสกปรกของดินแดนเวทมนตร์ เหตุผลเดียวที่ทางดินแดนเวทมนตร์ยังคงผนึกเมจิคัลเกิร์ลตัวอันตรายเอาไว้ก็เพราะ “จะเป็นประโยชน์ในภายหลัง” ไม่มีอะไรมากน้อยไปกว่านี้
จอมเวทนั้นมีเวทมนตร์จำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ด้วยการใช้คาถา เครื่องมือ สิ่งสังเวยและพิธีกรรม มันมีรูปแบบอยู่มากมาย เรียกได้ว่าเวทมนตร์นั้นเป็นอะไรที่อเนกประสงค์ แต่อย่างไรมันก็มีสิ่งต้องเตรียมการและเงื่อนไขมากมายในการใช้งาน และหากเพื่อให้เวทมนตร์มนตร์แข็งแกร่งขึ้นนั้นมันก็จำเป็นต้องใช้เวลาไม่ก็ตัวเร่งปฎิกิริยา ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ต้องมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ในอีกด้านหนึ่ง เมจิคัลเกิร์ลแต่ละคนนั้นก็มีเวทมนตร์หนึ่งชนิดเ็นของตัวเอง แต่ในหลายๆกรณีนั้นมันทรงพลังอย่างมาก มันสามารถใช้งานได้ทันทีและไร้ข้อกำหนด เมื่อเทียบกับจอมเวทแล้วพวกเธอนั้นมีร่างกายที่ยอดเยี่ยมกว่า เพราะแบบนี้ทางดินแดนเวทมนตร์ถึงใช้ประโยชน์จากเมจิคัลเกิร์ล
เฟรเดริก้าขุดความทรงจำของตัวเองขึ้นมา นึกถึงความลับอันไม่รู้จบของคนแปลกหน้าที่เธอแอบมองผ่านเวทมนตร์ของเธอ
เมื่อใดก็ตามที่พูคินและโซเนียถูกปล่อยตัวชั่วคราวออกมาจากการจองจำ ทางเจ้าหน้าที่นั้นก็จะระวังอยู่ตลอด บังคับให้พวกเธอทำงานในสถานะที่ไร้ทางโต้ตอบ พวกนั้นไม่ปล่อยให้พวกเธอมีทางป้องกันได้ง่ายๆ พวกนั้นใช้มาตราการด้านความปลอดภัยมากถึงสามอย่าง ติดชุดเฮดเช็ทพร้อมระเบิดที่ฝังอยู่ด้านใน หรือพยายามล้างสมองพวกเธอด้วยเวทมนตร์ ไม่ก็จับคนใดคนหนึ่งเป็นตัวประกัน ไม่ก็ฉีดยาพิษเวทมนตร์ที่มีฤทธิ์ถึงตายใส่ตัวของเมจิคัลเกิร์ลโดยไม่ให้ยาถอนพิษในเวลาที่กำหนด และอื่นๆอีกมากมาย
พูคินเองคงโกรธเคืองสิ่งเหล่านี้อยู่ตลอดเวลาแน่ ตัวเฟรเดริก้าเองก็มีประสบการณ์ดิ้นรนอย่างไม่หยุดตอนที่ถูกผนึกอยู่ มันรู้สึกเหมือนติดอยู่ในที่ๆไม่รู้ว่าด้านไหนคือด้านบนหรือด้านล่าง แม้พวกเธอจะถูกจองจำ แต่มันคงจะเป็นเวลาชั่วนิรันด์ พวกเธอถูกใส่กุญแจมือและทำงานเยี่ยงทาส เมื่อภารกิจเสร็จสิ้นก็ต้องกลับไปยังคุก พวกเธอก็ต้องไม่พอใจกันอยู่แล้ว
ในตอนนี้ พูคินสามารถทำตามที่ใจต้องการได้โดยไม่มีอะไรมาเหนี่ยวรั้งเอาไว้ เฟรเดริก้าไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่เธอจะนำโลกใบนี้ไปสู่ความวุ่นวาย ความจริงก็มีคนที่เสียชีวิตแล้วด้วย
ทางดินแดนเวทมนตร์เคยถามตัวเองว่าควรจะปล่อยสองคนนี้ออกมาโดยที่ไม่มีมาตราการรักษาความปลอดภัยหรือไม่ ซึ่งคำตอบที่ออกมานั้นคือการปฎิเสธอย่างแน่นอน เฟรเดริก้าคิดว่าในตอนนี้ ตัวเธอคงทำอะไรที่ทางดินแดนเวทมนตร์คาดไม่ถึงแน่
เธอจิบชาเขียวอีกอึกจากแก้วของเธอ การดื่มชาเขียวที่รสชาติจืดๆและราคาถูกนี่คงเป็นความเคยชินของเธอไปแล้ว
“นี่ เฟรเดริก้า”
“มีอะไรเหรอคะ ท่านพลเอกพูคิน?”
“จานมันไม่หมุนมาแล้วน่ะ”
“สั่งโดยตรงกับพ่อครัวได้นะคะ เดี๋ยวฉันจะแปลให้เอง”
“ความสามารถของเจ้านี่ยอดเยี่ยมจริงๆ! เมื่อภารกิจนี้จบลงแล้ว ข้าจะแต่งตั้งให้เจ้าเป็นคนที่อยู่ใต้การบังคับบัญชาของข้าโดยตรงเอง”
เฟรเดริก้านั้นมีเส้นผมของท็อตป๊อป ก่อนหน้านี้เธอก็ได้เส้นผมของพูคินและโซเนียมาด้วย และยังมีเส้นผมลูกน้องของท็อตป๊อป กับเส้นผมของคนธรรมดาที่เดินผ่านไปมาด้วย
เส้นผมนั้นเป็นสิ่งสำคัญกับเวทมนตร์ของเฟรเดริก้า ยิ่งมีมากก็จะยิ่งมีตัวเลือกมากขึ้น ยิ่งขอบเขตนั้นกว้างมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งทำให้พลังของเฟรเดริก้าแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
อย่างน้อยนั่นก็เป็นข้อแก้ตัวของเธอ ซึ่งความจริงแล้วเธออยากจะรวบรวมเส้นผม แม้มันจะไม่มีเท่ากับคอลเลคชั่นเส้นผมที่เธอสูญเสียไป แม้จะเพียงเล็กน้อยเธอก็อยากจะเข้าใกล้สิ่งที่เธอเคยมีได้อีกครั้ง และเพื่อสิ่งนั้นเธอจำเป็นต้องมีอิสรภาพที่แท้จริง ก่อนอื่นเลยเธอต้องทำงานนี้ให้สำเร็จให้ได้
เฟรเดริก้าคลี่กระดาษแผ่นหนึ่ง และหยิบเส้นผมเส้นหนึ่งจากในนั้นออกมา ชูมันสูงขึ้นไปที่ไฟของร้านซูชิแล้วก็มองดู เธอได้เส้นผมเส้นนี้มาจากหนึ่งในลูกน้องของท็อตป๊อป เธอเป็นเด็กสาวที่มีเส้นผมสวยที่สุด แม้มันจะยาวแค่สามสิบเซ็นติเมตร แต่สีทองส่องประกายนี่ก็ทำให้เธอนึกถึงรวงข้าวในฤดูใบไม้ร่วง ความงดงามของเส้นผมนั้นทำให้เฟรเดริก้ายิ้มออกมา จากนั้นเธอก็จิบชาเขียวของเธออีกครั้ง
MANGA DISCUSSION