วอนเดอร์ดรีม
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นหนึ่งปี หลังจากเกมเอาตัวรอดในเมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจคจบลง แต่เกิดขึ้นก่อนที่เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค restart จะเริ่มต้น
มีชายชุดดำยืนล้อมรอบเด็กสาวที่อยู่ตรงกลางอยู่เป็นวงกว้าง และพวกนั้นก็ชักปืนกลออกมาพร้อมกัน
“นี่คือจุดจบของแกแล้ว! จงสวดภาวนาซะ!”
“โทษที เราน่ะไม่ได้เชื่อในพระเจ้าหรอก”
“งั้นก็ตายซะ…ยิง!”
ชายชุดดำที่เป็นลูกน้องยิงปืนกลตามสัญญาณของผู้นำ กระสุนที่ยิงออกมาทำลายกล่องไม้, ทะลุกำแพงคอนกรีต, ทำให้หน้าต่างแตกกระจาย กระสุนนั้นบินว่อนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมขนาด 10 เมตรในทุกสารทิศ จนมีนัดหนึ่งไปโดนต้นขาของผู้นำ เลือดนั้นไหลออกมาพร้อมกับเสียงร้องของเขา
“หยุดยิงโว้ย! หยุด! หยุด!”
เขาสั่งในขณะที่ตัวเองนอนกลิ้งอยู่บนพื้น พร้อมกับจับที่ต้นขาของตัวเองไปด้วย และพวกของเขาก็หยุดยิงตามที่สั่ง ควันปืนนั้นค่อยๆจางหายไป จนเห็นเจ้าของร่างที่เป็นภาพเงาออกมา
“แม้เราจะไม่เชื่อในพระเจ้า แต่เราก็เชื่อในความยุติธรรมของตัวเราเอง! เราคือมาสก์วอนเดอร์! ตราบใดที่ความยุติธรรมยังคงมีอยู่ กระสุนก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอก!”
เธอยืนอยู่ท่ามกลางปลอกกระสุนที่กลิ้งอยู่บนพื้น ผ้าคลุมของเธอพริ้วไหวไปตามลม บนร่างกายของเธอไม่มีบาดแผลอะไรเลย
“ปะ-ปัดโธ่เว้ย! ยัยปีศาจ!”
“ยอมแพ้อย่างเงียบๆดีกว่านะ ต่อต้านไปก็เจ็บตัวเปล่าๆ”
หลังจากที่เธอพูดแบบนั้นออกไปได้สองวินาทีครึ่ง เธอก็จัดการผู้ชายทุกคนที่ชักมีดใส่เธอได้ในทันที ในห้องที่มีผู้ชายล้มอยู่เป็นกองนั้น เธอถอนหายใจออกมา และก็ได้ยินเสียงตบมือดังๆมาจากเด็กสาวที่อยู่นอกหน้าต่าง
“ยอดเลย เก่งสุดๆ! เหมือนกับซุปเปอร์ฮีโร่เลยล่ะ!”
“ขอบคุณมากนะ”
เด็กสาวนั้นพยักหน้าหลายครั้งจกกระทั่งเธอรู้สึกพอใจ โคโนมิ…หรือมาสก์วอนเดอร์เองก็พยักหน้าเช่นกัน
มันเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วที่เธอเริ่มต้นฝึกฝน เมื่อเธอย้อนกลับไปมองตัวเองที่ก่อนได้รับการฝึก ตัวของเธอดูเหมือนเป็นคนละคนไปเลย
______________________________________________________________________
ก่อนที่ โคโนมิ มิตะ จะเริ่มต้นฝึกอย่างลับๆนั้น เธอนั้นเป็นคนที่เอาแต่อ่านคู่มือ คู่มือนั้นหมายความว่าอะไรน่ะเหรอ? มันก็คือความสำเร็จของคนรุ่นก่อนที่พิสูจน์การลองผิดลองถูกมาให้เห็นแล้วยังไงล่ะ เพราะมีการทำงานอย่างหนักหน่วง ผู้คนจึงได้สร้างวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งขึ้นมาช่วย เธออาจจะมีความคิดที่สามารถแก้ปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยตัวเอง แต่ในการที่จะทำมัน เธอจำเป็นต้องมีประสบการณ์ของคนรุ่นก่อน ไม่ต้องพูดถึงเลยว่ามันต้องใช้เวลา ดังนั้นการเดินตามรอยของผู้ที่ทำไว้ก่อนแล้วมันจึงดีกว่า
มันเป็นตรรกะ และโคโนมิเองก็ชอบอะไรที่เป็นตรรกะและมันก็ไม่เป็นอะไรที่เสียเปล่าด้วย
เช่นเดียวกับพวกห้างร้านที่มีปัญหา เธอเองก็มักจะตัดความสิ้นเปลืองออกไป และเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพ เพื่อหาทางลัดไปสู่ความสำเร็จอย่างสมเหตุสมผลเช่นกัน ทุกคนนั้นเคารพ และปฎิบัติตามขั้นตอนที่น่าเชื่อถือได้ นั่นคือสิ่งที่มีตรรกะที่สุดที่โคโนมิคิดออก
ในตอนที่โคโนมิอยู่ชั้นอนุบาล เพื่อนของเธอนั้นไม่ทำตามกฎของโรงเรียน พวกนั้นไม่ยอมล้างมือ และบ้วนปาก ซึ่งผลที่ตามมาก็คือมีการแพร่เชื่อไปทั่วทั้งโรงเรียนอนุบาล จนเกือบจะทำให้ต้องปิดตัวชั่วคราว โชคดีที่ไม่มีใครเสียชีวิต และเมื่อเรื่องเหล่านั้นจบลง ทุกคนก็หัวเราะ แต่สำหรับเด็กเจ็บปวดด้วยอาการปวดท้องมาหลายวัน โคโนมิไม่เห็นว่าเรื่องแบบนั้นมันจะน่าหัวเราะตรงไหน เธอตกใจ สับสน ร้องไห้ และตัวสั่น ภาพเพื่อนของเธอที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด มันฝังลึกลงไปในใจของเธอ
สามารถพูดได้ว่าบุคลิกพื้นฐานของโคโนมิเกิดขึ้นมาจากตรงนั้น เพราะเธอเชื่อฟังอาจารย์ ดังนั้นเธอจึงไม่ป่วย และเพราะเธอไม่ได้ป่วยนี่เอง เธอจึงสนุกสนานกับสิ่งต่างๆที่บ้านได้
การทำตามกฏนั้นไม่ใช่ความผิดพลาด เธอจำทุกสิ่งทุกอย่างที่เขียนไว้ในสมุดบันทึกของตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นศุตรทางคณิตศาสตร์หรือประวัติศาสตร์ เธอก็ไม่เคยลืม เธอยอมรับทุกสิ่งที่คนบอกกับเธอ เธอไม่ทำอะไรที่เห็นแก่ตัว ข้อสอบของเธอนั้นได้คะแนนเต็มเสมอ ทั้งพ่อแม่และอาจารย์เองก็ชื่นชมเธอเช่นกัน
โคโนมิเองก็รู้สึกภูมิใจเช่นกัน เธอคิดว่าตัวเองนั้นทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
โคโนมิรู้ว่าตัวเองถูกนินทาลับหลัง โดนคนอื่นเรียกว่าหนอนหนังสือ ไม่ก็คนที่ยึดติดอยู่กับคะแนน แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ คู่มือที่โคโนมิต้องจำนั้นมันทับซ้อนเพิ่มไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่ตำราเรียน แต่มันมีทั้งหนังสืออ้างอิง หนังสือรวมคำถาม ข้อสอบเก่าๆที่ผ่านมาแล้ว และอีกหลายสิ่งหลายอย่าง หนังสือเรียนนั้นถาโถมเข้ามาหาเธอดั่งสายฝน เธอต้องเรียนรู้และจดจำทุกอย่าง เธอไม่ได้กังวลเรื่องเพื่อนของเธอที่จะมาดูถูก เพราะโคโนมินั้นไม่มีเพื่อนอยู่แล้ว และเธอเองก็ไม่ได้ต้องการจะมีด้วย
พ่อแม่ของเธอนั้นไม่ได้เข้มงวดกับการเรียนมากนัก แต่พวกเขาก็ไม่ได้ห้ามลูกสาว หากเธอต้องการที่จะเรียน พวกเขาให้สิ่งที่เธอขอตลอด หลายครั้งก็ชวนเธอด้วยว่า “มาดูหนังด้วยกันไหม?” “อยากลองเล่นสเก็ตน้ำแข็งรึเปล่า?” “อยากให้ซื้อมังงะมาให้ไหม?” “ไปเช่น DVD อนิเมกันเถอะ” แต่โคโนมิก็ปฎิเสธมันทั้งหมด และในที่สุดพ่อแม่ของเธอก็เลิกบังคับเรื่องความบันเทิงให้กับเธอไป
สิ่งที่โคโนมิต้องการคือการเรียนมากกว่าความบันเทิง หนังสืออ้างอิงกับหนังสือรวมคำถามเล่มใหม่ต่างหากที่จำเป็นสำหรับเธอ
พ่อแม่ของเธอทั้งคู่นั้นเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะดี และมีบุคลิกที่ง่ายๆ พวกเขาไม่คิดว่าลูกของตัวเองนั้นทำผิดแต่อย่างใด แม้จะกังวลเรื่องใบประเมินผลที่บอกว่า “ชอบอยู่คนเดียวและไม่มีเพื่อนสนิท” แต่พวกเขาก็ปล่อยให้ลูกสาวทำในสิ่งที่ต้องการ แถมยังรู้สึกขบขันที่คนหัวกลวงอย่างทั้งคู่นั้น เลี้ยงอัจฉริยะขึ้นมาได้ด้วย
ตอนมัธยมต้นนั้นเธอเข้าเรียนที่โรงเรียนเอกชน แม้กระทั่งที่นั่นเธอยังถูกนินทาว่าเป็นพวกหนอนหนังสือ เธอหาเพื่อนไม่ได้อย่างเคย ดังนั้นโคโนมิจึงมุ่งเน้นไปที่การเรียนเป็นหลัก
การที่โคโนมิกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลได้อย่างไรนั้น เหตุการณ์มันค่อนข้างคลุมเครือ มันควรจะเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต และควรมากพอที่จะเติมเต็มหัวใจของเธอให้รู้สึกพึงพอใจได้ แต่ทำไมเธอถึงไม่มีความทรงจำอะไรเลยล่ะ? เธอจำมันไม่ได้เลย อาจเป็นเพราะเธอรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์นั้นก็ได้
ทำไมตัวของเธอถึงกลายเป็นอีกคนได้นะ? เธอเอาชนะขีดจำกัดความสามารถของมนุษย์ได้ยังไง? เธออยู่เหนือกฎทรงมวลกับกฏฟิสิกส์พื้นฐานได้ยังไงกัน?
เมื่อเธอถามคำถามเหล่านั้นออกไป คำถามที่ได้มากลับเป็นอะไรง่ายๆอย่าง “เป็นเพราะเวทมนตร์ยังไงล่ะ” มีเพียงกฎพื้นฐานที่เธอถูกสอนมาคือ “ปิดบังตัวตนและช่วยเหลือผู้คนในที่สาธารณะ”
เธอไม่มีทั้งหนังสือเรียนและหนังสืออ้างอิง และไม่มีแม้กระทั่งอาจารย์ โคโนมิผู้ที่รักคู่มือต่างๆนั้นถูกบังคับให้เดินหน้าโดยที่ไม่มีคู่มืออะไรเลย
สำหรับโคโนมิที่รู้สึกสับสนแล้ว เรื่องนี้มันจึงเป็นไปไม่ได้
ทีแรกโคโนมินั้นไม่รู้ว่าเมจิคัลเกิร์ลคืออะไร เธอรู้เพียงว่ามีรายการทีวีเกี่ยวกับมันเท่านั้น แต่เมื่อเธอจะดูทีวี ปกติเธอจะดูรายการข่าวพร้อมกับสมุดบันทึกเพื่อเอาไว้เขียนเรื่องเหตุการ์ปัจจุบันที่อาจจะอยู่ในข้อสอบ เธอไม่รู้เลยว่าเมจิคัลเกิร์ลนั้นควรทำอะไร เธอก้าวไปข้างหน้าไม่ได้ เธอเช่า DVD เกี่ยวกับเมจิคัลเกิร์ลแล้วก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่ต้องทำอยู่ดี เมจิคัลเกิร์ลแต่ละเรื่องนั้นก็ทำอะไรต่างกันมาก
พวกเขาบอกเธอเพียงว่าแปลงร่างเป็นตัวตนในอุดมคติ แต่เธอต้องการรูปร่างวิตถารแบบนี้จริงๆงั้นเหรอ? เหมือเธอจะคิดว่า “อื้อ ในใจคิดแบบนี้แหละ” และมันก็กลายเป็นจริงขึ้นมา
เธอมีหน้ากาก ผ้าคลุม ผมสีบลอนด์ หน้าอกที่ดูยั่วยวน และสะโพกที่โค้งเว้าได้รูป นี่เธอเคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนงั้นเหรอ? เธอไม่เคยเห็นใครแต่งตัวแบบนี้มาก่อนเลย ไม่ว่าจะเคยเห็นหรือไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ความจริงมันก็คือร่างกายของเธอ แม้จะเป็นสิ่งที่เธอเลือก แต่เหมือนว่าเธอจะไม่ชอบมันเลย จริงๆแล้วเธอคิดว่า มันมีวิธีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของเธออยู่รึเปล่านะ?
เธอส่งข้อความไปยังดินแดนเวทมนตร์เพื่อถามหาคู่มือ แต่มันก็ไม่มีการตอบกลับมา เหมือนกับเธอคุยกับกำแพงหยั่งไงหยั่งงั้น ความแตกต่างของสิ่งที่ทำได้กับทำไมไม่ได้มันไม่ชัดเจนเลย ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ลงมือทำอะไร ใช่แล้ว การไม่ทำอะไรมันหมายถึง เธอกำลังละเมิดกฎ “ช่วยเหลือผู้คน” อยู่
เวลานั้นผ่านไปเรื่อยๆโดยที่เธอยังสับสนในตัวเองอยู่
เธอไม่มีเพื่อนที่จะคุยถึงเรื่องนี้ได้เลย ถามอาจารย์ที่โรงเรียนก็ไม่ได้ และหากเธอถามพ่อแม่ว่า “เมจิคัลเกิร์ลนี่ควรทำอะไรเหรอ? พวกเธอเป็นยังไงน่ะ?” พ่อแม่ของเธอคงจะดีใจแล้วพูดว่า “ตอนนี้โคโนมิชอบอะไรแบบนี้งั้นเหรอ” แบบนั้นแน่ๆ เธอดูอนิเมทุกอย่างของเมจิคัลเกิร์ล ทั้งละครแล้วก็ภาพยนตร์ แต่ก็ไม่มีอะไรเอามาอ้างอิงได้ และปัญหาของเธอก็ไม่ได้ถูกแก้ไข
โคโนมิเริ่มคิด เธอกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลตอนมัธยมต้นปีหนึ่ง ในตอนนี้เธออยู่ปีสองแล้ว การเตรียมตัวสอบกำลังเริ่มขึ้น นี่เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตของเธอ เพราะงานของเมจิคัลเกิร์ลนั้นเหมือนกับงานบริการชุมชน ดังนั้นเธอควรจะทำในตอนที่มีเวลาว่างจากการใช่ไหม? อีกแง่หนึ่ง เมื่อเธอผ่านการสอบเข้ามัธยมปลายไปแล้ว เธอก็ควรเปิดตัวในฐานะเมจิคัลเกิร์ลสินะ
เธอรู้สึกว่าเธอกำลังหาข้ออ้างให้ตัวเอง แต่เธอก็มีเหตุผลที่ดี โคโนมิปิดผนึกการแปลกร่างเป็นเมจิคัลเกิร์ล และพุ่งเป้าไปที่การสอบ และในที่สุดเธอก็เข้าโรงเรียนมัธยมปลายระดับสูงได้
เมื่อเธอสอดแขนของเธอเข้าไปในแขนเสื้อของชุดมัธยมปลาย และมองดูตัวตนใหม่ของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจก เธอจึงนึกขึ้นได้ว่า ตอนนี้ได้เวลาที่จะแปลงร่างเป็นเมจิคัลเกิร์ลแล้ว เธอไม่ได้ทำมันมานาน แต่เธอก็ยังไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรเช่นเดิม
เธอกังวลเช่นนั้นและกลิ้งตัวอยู่บนเตียง การเรียนนั้นทำให้เธอเหนื่อยเช่นกัน และก่อนที่เธอจะรู้ตัว เธอก็ผลอยหลับไปเสียแล้ว
______________________________________________________________________
สถานที่ที่โคโนมิอยู่นั้นเหมือนกับความฝันมาก ที่นั่นมีก้อนเมฆสีขาวปกคลุมอยู่บนพื้นดินเหมือนกับพรมไปจนสุดสายตา เส้นแบ่งระหว่างเมฆกับท้องฟ้านี่นับเป็น “เส้นขอบฟ้า” รึเปล่านะ หรือต้องเรียกมันว่าอย่างอื่น? ไม่ว่าทางไหนที่เธอมอง จะด้านหน้าหรือด้านหลัง ด้านซ้ายหรือด้านขวา มันไม่มีอะไรเลยนอกจากเมฆอย่างเดียว
นี่มันเป็นฝันที่เหมือนฝันมากๆ เธอคิดว่านี่มันไม่ใช่ความจริงแน่ๆ เมื่อเธอมองดูที่เท้าก็พบว่ามันมีทีวีกับเครื่องเล่น DVD วางอยู่ที่พื้น ข้างๆนั้นมีชั้น DVD วางอยู่ด้วย
เธอนั้นยังไม่ทันทำอะไร และไม่รู้ว่าสายไฟของมันอยู่ตรงไหน แต่ทีวีกับเครื่องเล่นนั้นก็เปิดอยู่ และกล่องใส่ DVD นั้นก็ลอยขึ้นมาจากชั้นและเปิดออก แผ่นที่อยู่ด้านในนั้นก็ใส่ตัวเองเข้าไปในเครื่องเล่น ก้อนเมฆที่อยู่ตรงหน้าทีวีนั้นเริ่มเปลี่ยนรูปร่างเป็นโซฟา แบบนี้หมายความว่าเธอควรจะนั่งลงไปงั้นเหรอ?
โคโนมินั่งอยู่บนโซฟาก้อนเมฆ และ DVD นั้นก็เริ่มเล่น เนื่องจากเธอนั้นคิดแต่เรื่องของเมจิคัลเกิร์ล เธอจึงคิดว่า DVD นี้คงเป็นอะไรที่เกี่ยวกับเมจิคัลเกิร์ลเช่นกัน แต่ผิดคาด DVD นั้นกลับเป็นซีรี่ย์โทคุซัทสึเก่าๆ มันเก่าพอที่จะฉายก่อนพ่อของเธอจะเกิดซะอีก
เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับชายหนุ่มที่ถูกจับไปโดยองค์กรชั่วร้าย และร่างกายของเขานั้นถูกดัดแปลงเป็นอะไรที่แข็งแกร่งกว่า พวกองค์กรนั้นพยายามจะล้างสมองเขา แต่ก็นั้นก็หนีออกมาได้ทันเวลา ด้วยการใช้ร่างกายที่ดัดแปลงมาแล้วนั้นเป็นอาวุธ ชายหนุ่มนั้นลุกขึ้นสู้ต่อต้านองค์กรผู้ชั่วร้าย*
*เนื้อหาของมาสก์ไรเดอร์ภาคแรกปี 1971
โคโนมินั้นดู DVD ต่อไปจนกระทั่งจบ และ DVD แผ่นใหม่นั้นก็ถูกเปลี่ยนเข้าไป เมื่อตอนสุดท้ายจบลงแล้วเครดิทขึ้น โคโนมิก็รู้ว่าตัวเองนั้นกำลังร้องไห้อยู่ แล้วเธอก็ตื่นขึ้น
หลังจากที่เธอตื่นมาแล้ว เธอก็ลืมความฝันไปทั้งหมด เธอฝันถึงอะไรกันนะ? เธอมีเพียงแค่ความทรงจำที่เลือนราง แต่ก็ยังมีความทรงจำนั้นอยู่กับตัว แล้วในคืนนั้นเมื่อเธอนอนหลับไปอีกครั้ง เธอก็กลับมายังสถานที่เดิมอีกรอบ
DVD นั้นคืออนิเม, โทคุซัทสึ แล้วก็รายการตลก โคโนมินั่งอยู่บนโซฟาแล้วนั่งดูมันทั้งหมด ผู้ชายที่สวมผ้าพันคอกำลังขี่รถมอเตอร์ไซค์*, กลุ่มของฮีโร่หลายสีที่มีสีละหนึ่งคนต่อสู้ไปด้วยกัน*, เอเลี่ยนที่สู้กับมอนเตอร์ขนาดยักษ์*, ไซบอร์กที่ต่อสู้กับพ่อค้าอาวุธใต้ดิน* เมื่อเธอดูหนังฮีโร่จากคอมมิคอเมริกัน โคโนมิก็จำได้ว่าตัวเองแปลงเป็นอะไร
*ซีรี่ย์ตระกูลไรเดอร์
*ซีรี่ย์ตระกูลซุปเปอร์เซ็นไต
*ซีรี่ย์ตระกูลไคจู
*Cyborg 009
การเรียนของเธอนั้นมันขับเคลื่อนตัวเธอ ทำให้สามารถทำอะไรบางอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน ทำให้รู้บางสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าดีใจ
แต่เธอไม่เคยร้องไห้ในตอนเรียนมาก่อน ไม่เคยรู้สึกเศร้าหรือดีใจ เธอแค่เปิดไปเรียนบทเรียนถัดไป ถัดไป และถัดไป โดยที่ไม่ได้เช็ดน้ำตา
แล้วตอนนี้ตัวเธอรู้สึกยังไงกันนะ
เธอจำความทุกข์ทรมาณของเพื่อนของเธอที่ไม่ทำตามกฏของโรงเรียนอนุบาลได้ และเธอนั้นคิดว่าตราบใดที่ตัวเองทำตามสิ่งที่มีเหตุผล ตัวเธอก็จะปลอดภัย แต่ตัวเอกเหล่านี้ไม่ได้ทำตามกฎอะไรเลย แม้เธอจะหัวเราะและเรียกพวกนั้นว่าโง่ แต่จริงๆคนพวกนั้นทำสิ่งต่างๆเพื่อนคนอื่น เสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องคนอื่น ใช้เพียงแค่ความกล้าของตัวเองเท่านั้น เพื่อสู้กับศัตรูที่ไม่คิดว่าจะจัดการมันได้
นี่ไม่ใช่ชีวิตที่โคโนมิต้องการ โคโนมิเพียงแค่จะทำสิ่งที่ตัวเองทำได้ เพียงแค่ยืนมองอยู่ข้างๆมาตลอดเวลา นั่นคือสิ่งที่เธอทำมาตลอด หรืออย่างน้อยมันควรจะเป็นอย่างนั้น แล้วสิ่งที่รู้สึกตื่นเต้นอยู่ในอกของเธอมันคืออะไรกันล่ะ?
ในตอนนี้เธอเป็น เมจิคัลเกิร์ล เธอมีพลัง หากเธอต่อสู้เหมือนกับตัวเอกเหล่านั้น เธอก็จะไม่พ่ายแพ้ เธอได้รับโอกาสอันหายากมาครองแล้ว
เมื่อโคโนมิดู DVD จบ เธอก็เริ่มตบมือ และมีเสียงตบมือดังซ้ำซ้อนมากับเสียงตบมือของเธอด้วย เธอจึงหันไปดูรอบๆ แล้วก็พบกับเด็กสาวในชุดนอน ที่หนีบหมอนด้วยต้นแขนกำลังตบมืออยู่
“เธอเป็น…”
เธอเป็นใครกันน่ะ? โคโนมิอยากถามแบบนั้นกับเธอ เมื่อเด็กสาวคนนั้นก็หยุด เธอก็ดึงเมจิคัลโฟนรูปร่างหัวใจออกมาจากหมอนของเธอ แบบเดียวกับที่โคโนมิมีอยู่
“DVD นี่ของเธอเหรอ?” โคโนมิถาม
“อื้อ บางทีน่ะน้า”
“บางที?”
“เราเองก็จำไม่ได้หรอก”
เด็กสาวในชุดนอนนั้นเริ่มเกาหัวตัวเอง ทำให้เครื่องประดับที่ดูนุ่มนิ่มตรงปลายผมของเธอส่ายไปมา
“เราแน่ใจว่ามันมีเหตุผลพิเศษบางอย่างทำให้ทุกอย่างกลายแบบนี้… แต่เอ่อ เราจำไม่ได้ว่าคืออะไรน่ะ”
เธอส่ายหัวไปซ้ายทีขวาที และเครื่องประดับของเธอก็เริ่มส่ายตามการเคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน
“เราทำอะไรตามใจในความฝันไม่ได้อีกแล้ว เราคิดว่าเวทมนตร์ของตัวเองกำลังอ่อนแอลง แถมยังออกจากความฝันไม่ได้ด้วย…แต่ว่านะ แต่ว่า ตอนนี้เรารู้ว่าเธอต้องการอะไรบางอย่างใช่ไหมล่า? บางทีเราก็รู้น้า”
โคโนมิสับสนเล็กน้อยเมื่อเด็กสาวชี้ไปที่เครื่องเล่น DVD เธอส่ายหัวเพื่อเอาความสับสนของตัวเองออกไป แล้วก็พยักหน้า
_____________________________________________________________________
เธออธิบายทุกอย่างให้เด็กสาวในชุดนอนฟัง และเด็กสาวก็ตอบมาว่า “เราไม่เข้าใจหรอก แต่คิดว่าเราช่วยเธอได้น้า” เธอไม่มีหลักฐานอะไร แต่ว่าโคโนมินั้นก็เชื่อในตัวเธอ
เธอชื่อมาสก์วอนเดอร์ ไม่ทราบตัวตน เธอต่อสู้เพื่อความยุติธรรม เธอเผชิญหน้ากับปีศาจ เธอคือฮีโร่ที่ยื่นมือไปหาผู้อ่อนแอ เธอมีความสามารถควบคุมน้ำหนักของวัตถุต่างๆได้ในระดับ S เธอเป็นเพื่อนเก่าแก่ของประธานาธิบดี ไม่ได้ถูกเรียกไปเพียงหนึ่งครั้ง หรือสองครั้ง แต่เป็นหลายครั้งเพื่อช่วยประเทศจากภัยอันตราย ไม่ว่างานนั้นจะยากเย็นแค่ไหน แต่สำหรับมาสก์วอนเดอร์แล้ว คำว่า ‘เป็นไปไม่ได้’ นั้นไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของเธอ
“…ปูมหลังนี่จำเป็นด้วยเหรอ?”
“แน่นอนสิ! เมื่อเพ็นตากอน ไม่ก็ FBI หรือวาติกันติดต่อมาที่เธอ นี่จะเป็นแต้มต่อให้เธอเลยนะ!”
เมื่อเธอตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เธอก็ลืมเรื่องราวความฝันและปูมหลังของตัวเองทั้งหมดไป แต่ไม่ว่ายังไง ในตอนที่เธออยู่ในห้องเรียน เธอนั้นก็เขียนทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอฝันลงไปบนกระดาษ ดีจังที่ไม่มีใครรู้ โคโนมิคิดแบบนั้น พร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“เราคือมาสก์วอนเดอร์ เราจะปราบศัตรูให้สิ้นซาก”
“ม่าย ม่าย ม่าย! อย่าออกเสียงเหมือนกับอ่านหนังสือเรียนสิ! ต้องออกเสียงให้มันเร่าร้อนกว่านี้นะ!”
“เราคือ…มาสก์วอนเดอร์?”
“ไม่ใช่ให้ถามเราซักหน่อย!”
“ระ-เราคือมาสก์วอนเดอร์! คนชั่วจะไม่ได้รับความเมตตาจากเราแน่!”
“ให้เป็นคอมมิคอเมริกันกว่านี้อีก”
“เราคือมาสก์วอนเดอร์! เจ้าพวกคนชั่วช้าระวังตัวไว้ซะ!”
“ช่าย! อย่างนั้นแหละ!”
มีชายชุดดำอยู่ทั้งหมด 10 คน และทุกคนนั้นก็ถือปืนกลอยู่ พวกนั้นเล็งปืนจ่อมาที่เธอ
“เอ่อ…แบบนี้มันไม่อันตรายไปหน่อยเหรอ?”
“ม่ายเป็นไรหรอก พวกเราอยู่ในความฝันนี่น้า”
“…อื้อ”
“เราจะเพิ่มจำนวนทุกครั้งที่เธอจัดการได้นะ เอาล่ะทุกคน ได้เวลาสนุกแล้วจ้า!”
“รับทราบ ไว้ใจได้เลย พวกเราจะฆ่ามาสก์วอนเดอร์เอง!”
“อีห่านี่ อย่ามาดูถูกกันนะโว้ย!”
“เป็นเพราะแก องค์กรเราถึงได้รับความเสียหายมากมายขนาดนี้… แค่คิดถึงเรื่องนั้นก็ทำให้ชั้นโกรธสุดๆแล้ว!”
“เอ่อ แบบนี้มันไม่เป็นอะไรจริงๆงั้นเหรอ…?”
มีหญิงสาวสวมหมวกเท็นแกลลอน อยู่ในชุดคาวบอยที่เปิดเผยเนื้อหนังแบบสุดๆ ยืนยิ้มอยู่
“หืมม หืมม ชั้นชื่อคาลามิตี้ แมรี่ ว่าไง มิสวอนเดอร์ตัวน้อย”
“เอาล่ะ เริ่มต้นการซ้อม 30,000 ครั้งต่อเนื่องกับ บิวตี้ฟูล คาลามิตี้ แมรี่ กันเลย!”
“บิวตี้ฟูล…?”
บางครั้ง พวกเธอก็ไปเยี่ยมเยือนความฝันของเมจิคัลเกิร์ลคนอื่น
“ปกติแล้ว เราจะเข้าและออกความฝันของผู้คนตามต้องการได้น่ะ เหมือนว่าเราจำมันได้นิดหน่อย แต่ในตอนนี้เหมือนว่าเราจะทำไม่ได้แล้ว หากปล่อยให้เสียโอกาสนี้ไป บางทีพวกเราอาจจะทำมันไม่ได้อีกแล้วนะ”
เมจิคัลเกิร์ลที่ฝันถึงเมจอคัลเกิร์ลนั้นหายาก หากพวกเธอมองเข้าไปในความฝันของเธอคนนั้น พวกเธอก็จะได้ข้อมูลที่ใช้การได้มาแน่ๆ ดังนั้นพวกเธอจึงเดินเข้าไปในความฝันของเด็กสาวด้วยฝีเท้าอย่างเงียบเชียบ แบบไม่ให้รู้ตัว
พวกเธออยู่ในป่าใหญ่ มีเด็กสาวนั่งปิดตาอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ เธอสวมชุดสีฟ้าและใบหน้าของเธอนั้นดูงดงาม ถ้าเธอไม่ใช่เมจิคัลเกิร์ลแล้วจะเป็นใครกันล่ะ? นี่นั่งสมาธิอยู่งั้นเหรอ? เธอดูเหมือนพวกนักบวชแบบนั้นเลย
ทันใดนั้นเอง เมจิคัลเกิร์ลสีฟ้าก็เปิดตาขึ้น และมองมาที่มาสก์วอนเดอร์ คนที่หลบอยู่หลังต้นไม้
“หือ? เธอเองก็เหมือนกับเค้าเหรอ?”
ดูเหมือนว่าต้นไม้นั้นจะไม่ได้บดบังการมองเห็นของเมจิคัลเกิร์ลสีฟ้าแต่อย่างใด เธอนั้นเข้ามาหามาสก์วอนเดอร์แล้วจับมือเอาไว้อย่างแน่นๆ นี่เธอทำอะไรล่ะเนี่ย? เธอคิดแบบนั้นและหันไปมองด้านหลัง แต่เมจิคัลเกิร์ลในชุดนอนนั้นไม่อยู่แล้ว
“นี่น่ะ…ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม?” เธอเป็นเมจิคัลเกิร์ล จริงๆ ใช่ไหมอ่ะ? แหมมมม พี่เลี้ยงของเค้าอ่ะบอกว่าให้เค้าฝึกฝนในความฝัน แต่ไม่เห็นจะบอกเลยว่ามีเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นที่สามารถเข้ามาในความฝันได้ด้วย เธอเป็นเพื่อนใช่ม๊า? เพื่อนไง! เค้ารู้นะว่าพอตื่นแล้วจะจำอะไรไม่ได้มาก แต่ร่างกายน่ะมันไม่ลืมหรอก แปลกดีเนอะ ว่าไหม? เหมือนกับเป็นการเรียนรู้ขณะหลับเลยอ่ะ”
เหมือนกับว่าเธอจะทำตัวเหมือนทั้งคู่สนิทกัน จริงๆแล้วมาสก์วอนเดอร์เองก็ไม่ได้อยากจะมีปัญหากับเธอ แต่เพราะมาสก์วอนเดอร์นั้นมาแอบดูความฝันของเธอ เพราะแบบนั้นจึงปล่อยให้เมจิคัลเกิร์ลสีฟ้าดึงตัวเธอเอาไว้ จนให้ขาของเธอนั้นยืนไม่ไหว และหมดแรงไปเอง
เด็กสาวชุดนอนนั้นขัดเกลามาสก์วอนเดอร์ตามปูมหลังของเธอที่เป็นซุปเปอร์ฮีโร่ ฝึกฝนเธอในการต่อสู้ นอกจากนี้เธอยังใช้เวทมนตร์กับวัตถุต่างๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการใช้พลังของมาสก์วอนเดอร์อีกด้วย
เมื่อโคโนมิตื่นขึ้น เธอก็ลืมประสบการณ์ทั้งหมดในความฝันไป แต่ร่างกายของเธอ ลึกลงไปในจิตใจนั้นยังคงจำมันได้
สิ่งที่เธอควรทำเมื่อเป็นเมจิคัลเกิร์ลคืออะไรน่ะเหรอ? ตอนนี้เธอก็ใจแล้ว เธอช่วยคนเมา, เก็บขยะ แล้วก็ลบกราฟฟิตี้ออกไป
ครั้งหนึ่ง เธอดึงเอากระป๋องเปล่าที่ไม่ได้แยกประเภทออกมาจากขยะ เธอวางกระป๋องนั้นไว้บนฝ่ามือด้วยการทำให้วัตุนั้นเบาและหนักขึ้น และควบคุมความสมดุลด้วยน้ำหนัก เธอบีบมันให้กลายเป็นก้อนกลมขนาดเล็กกว่าสองเซ็นติเมตรได้ในพริบตา เธอเอียงหัวตัวเองเพราะไม่มีความทรงจำว่าไปเรียนรู้ทักษะแบบนี้มาจากไหน แล้วก็โยนกระป๋องนั้นลงไปที่ลงไปที่ถังขยะแบบที่เผาไม่ได้
มีเพียงสิ่งเดียวที่น่าผิดหวัง เธอไม่มีใครให้ต่อสู้ด้วยได้เลย พวกตัวเอกในซีรี่ย์นั้นจะ “เผชิญหน้ากับชะตากรรม” อยู่เสมอ แต่ในโลกจริงมันไม่มีอะไรแบบนั้นอยู่
ครั้งเดียว แค่ครั้งเดียวเท่านั้นที่เธอมีโอกาสแบบนั้น เธอเจอนักเรียนมัธยมปลาย บางทีคนๆนั้นอาจจะอยู่ระหว่างทางกลับบ้านหลังจากกลับมาจากโรงเรียนกวดวิชา เขาถูกรุมล้อมไปด้วยชายหนุ่ม เด็กชายที่ดูน้ำตาคลออยู่นั้นช่างดูคุ้นเคย เขาอยู่ชั้นเดียวกับโคโนมินั่นเอง
ก่อนอื่น มาสก์วอนเดอร์นั้นปีนขึ้นไปบนเสาโทรศัพท์ และกระโดดลงมาทำท่าฮีโร่จากตรงนั้น และไม่ถึงหนึ่งวินาที เธอก็ต่อยพวกนั้นทั้งหมดเข้าไปที่กราม เธอเดินออกไปและทิ้งไว้เพียงเด็กชายที่ดูอึ้งๆ เธออาจจะออกมาดูเหมือโจรผู้ร้าย แต่ในจิตใจของเธอนั้นทำท่าวิคตอรี่โพสอยู่ แน่นอนว่าเมจิคัลเกิร์ลนั้นไม่ควรจะถูกรู้ตัวตน แต่ก็ไม่ต้องกังวลถึงเรื่องนั้นหากจะช่วยใครซักคนที่เจอปัญหา
แล้วก็ในวันต่อมา เธอไปโรงเรียนตามปกติ ที่ห้องเรียนของเธอนั้นมีคนจำนวนมาก และตรงกลางฝูงชนนั้นก็คือเด็กชายคนเมื่อวาน เขากำลังพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่
“ชั้นเจอผู้หญิงโรคจิตด้วยล่ะ”
…ผู้หญิงโรคจิต?
“อยู่ดีๆก็ปรากฏตัวออกมา แล้ววิ่งหายไปเลย!”
“หวา พิลึกสุดๆเลยนะนั่น”
“คิดว่าเธอก็ดูดีอยู่หรอก แต่ไม่น่าจะแต่งชุดนั้นออกจากบ้านมาเลย”
“หน้าตาสวยรึเปล่า?”
“เอ่อ…จำไม่ได้หรอก รู้แค่ว่าหน้าอกใหญ่สุดๆ เลยไม่ได้มองหน้าน่ะ”
“เอาจริงดิ?” เด็กชายคนอื่นหัวเราะ “อี๋!” เด็กสาวคนอื่นก็หัวเราะเช่นกัน ทุกคนหัวเราะกันหมด
โคโนมิได้แต่กลับไปนั่งที่อย่างเงียบๆ
…ไม่นะ! ไม่ใช่ซักหน่อย! เราไม่ใช่คนโรคจิตนะ!
เขาไม่ได้บอกว่าเธอคนนั้นช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เขาเอาแต่ดูชุดของเธอแล้วเอามาพูดเป็นมุกต่ำๆ เราจะไม่ช่วยนายอีกแล้ว เธอพูดแบบนั้นอย่างเงียบๆกับตัวเอง
“แบบนั้นไม่ดีเลยนะ”
เมื่อมาสก์วอนเดอร์รายงานสิ่งที่ตัวเองทำออกมา อาจารย์ในความฝันของเธอพูดกับเธอแบบนี้ เธอยืนกอดอกพร้อมกับขมวดคิ้วแบบน่ารักๆ
“เมจิคัลเกิร์ลควรหลีกเลี่ยงการปรากฏตัวแบบเน้นเรื่องเพศสิ”
“นั่นคือสิ่งที่เราอยากทำนะจริงๆนะ อีกอย่าง การเป็นซุปเปอร์ฮีโร่มันไม่เกี่ยวกับ ขนาดหน้าอก ซักหน่อย!”
มาสก์วอนเดอร์ตอบกลับมาพร้อมกับกัดริมฝีปากไปด้วย ตอนนี้เธอค่อนข้างชินกับตัวละครของเธอหลังการแปลงร่างแล้ว
“แต่ว่านะ…”
เด็กสาวชุดนอนจ้องไปที่หน้าอกของมาสก์วอนเดอร์ ราวกับว่าอยากมีแบบนั้นบ้าง
“มันก็น่ามองจริงๆนั่นแหละน้า”
“เราทำอะไรกับเรื่องนั้นไม่ได้หรอก!”
“ก็จริงน้า…งืมมม…”
ทั้งคู่ระดมความคิดกัน เช่นในปกปิดมันด้วยการใช้ผ้าพัน ไม่ก็สวมเสื้อหลวมๆปิดเอาไว้ จนกระทั่งมีความคิดหนึ่งที่เข้าท่า เด็กสาวในชุดนอนนั้นยิ้มแสยะ และมาสก์วอนเดอร์ก็ตบมือ
“เราคือ มาสก์วอนเดอร์! เป็นเมจิคัลเกิร์ลแห่งความยุติธรรม!”
เธอยกแขนขวาของเธอขึ้น เอาแขนซ้ายมาไว้ที่อก ขาข้างหนึ่งงอ ขาข้างหนึ่งเหยียดตรง
มันเป็นท่าโพสที่ดูดี สง่างาม และดูเป็นท่าที่สมกับเป็นตัวเอกที่จะสร้างความประทับใจกับคนดูได้มาก ที่สำคัญก็คือ มันกดหน้าอกของเธอลงไม่ให้กระเพื่อมได้
“ดีจังเลย! ตั้งชื่อว่าวิคตอรี่โพสกันเถอะ!”
“ทีนี้คงไม่มีคนเรียกเราว่าโรคจิตหรืออะไรแบบนั้นอีกแล้วแน่!”
มาสก์วอนเดอร์ฝึกซ้อมวิคตอรี่โพสมากขึ้น แต่สุดท้ายแล้วหน้าอกของเธอนั้นก็ยังกระเพื่อมเล็กน้อยอยู่ดี
“ไม่น่ายืดแขนแบบนี้เลยอ่า”
“อือ…พลาดไปน่ะ”
“สมาธิมันจะหายไปหากไม่ตั้งใจ ระวังไว้ด้วยน้า”
เด็กสาวตบมือของเธอเข้าด้วยกัน
“ตราบใจที่เธอตั้งใจ เรารู้ว่าเธอจะเป็นเมจิคัลเกิร์ลผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดได้ล่ะ”
แต่ในทันใดนั้นตาของมาสก์วอนเดอร์รู้สึกเบลอ เธอขยี้ตาตัวเองแต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป ภาพของเด็กสาวในชุดนอนและก้อนเมฆที่อยู่ตรงหน้ากำลังพร่ามัว
“เอาล่ะ ได้เวลาจากกันแล้ว”
“เอ๋?”
“แค่จำไว้ด้วยว่ากลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ยอดเยี่ยมให้ได้ โอเคน้า?”
“หือ? แต่ว่ายังมีอีกตั้งหลายอย่างที่ยังไม่ได้เรียนรู้เลย มัน-”
“เราง่วงแล้วอ่ะ…แถมเหนื่อยด้วย”
“ไม่จริงน่า!”
“แบบนี้มันรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นการจากลาครั้งสุดท้ายเลย แต่เราจะอยู่ในดินแดนแห่งความฝันนี่ไปอีกซักพัก…บางที….ในตอนนี้เราอาจจะฝันอยู่ก็ได้…หากเธอมีปัญหาอีกครั้ง…แบบนั้น…ก็เรียกเราในความฝันของเธอด้วยน้า…”
______________________________________________________________________
โคโนมิตื่นขึ้นมา มือขวาของเธอนั้นพยายามไคว่คว้าอะไรบางอย่างในอากาศแต่มันก็ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น เธอถอนหายใจออกมาแล้วก็ลดมือลง เมื่อเธอขยี้ตาก็พบว่ามันชื้นอยู่นิดหน่อย
ในตอนที่โคโนมิตื่นขึ้นมานั้น พ่อแม่ของเธอก็ออกจากบ้านไปแล้ว จริงสิ พ่อแม่บอกว่าวันนี้ต้องตื่นเช้านี่นา
มันเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว ที่ลูกพี่ลูกน้องของโคโนมิเสียชีวิต นั่นคงเป็นหลานสาวของพ่อแม่ และวันนี้คือวันระลึกถึงการครบรอบวันเสียชีวิตของเธอ
เธอเสียชีวิตจากอาการหัวใจวายเฉียบพลันแม้จะอายุยังน้อย ครอบครัวของโคโนมิกับครอบครัวของเธออาศัยนั้นอยู่ไกลจากกัน เพราะแบบนั้นโคโนมิเคยเจอเธอแค่สามหรือสี่ครั้งเท่านั้น แต่โคโนมิก็จำได้ว่าตัวเองนั้นตกใจมากขนาดไหนเมื่อได้ทราบข่าวว่าเธอตายแล้ว
ชื่อของเธอ…ถ้าจำไม่ผิด…เธอชื่อว่าเนมุ จากตระกูลซันโจ
“เอาล่ะ”
แก้มของโคโนมินั้นพองขึ้นด้วยแซนด์วิชที่เป็นอาหารเช้า เธอรู้สึกว่าตัวเองนั้นฝันอะไรที่แปลกมากๆ แต่เธอจำมันไม่ได้เลย เธอฝันอะไรกันแน่นะ?
MANGA DISCUSSION