Long Live The Hokage - ตอนที่ 7 : ฝึกฝน
มาซาฮิโกะ กลับเข้ามาในห้องของเขาและอดไม่ได้ที่จะบ่นกับตัวเองว่า
“บ้าเอ้ย เกือบไปแล้วไหมละ!”
ในตอนที่ มิโตะ ถามเขาเรื่องผนึกนั้น เขาไม่รู้จะตอบยังไงดีจนในที่สุดเขาก็พูดออกมาด้วยท่าทางที่จริงจังว่า “ก็เพราะท่านปู่ของเธอเป็นอัจฉริยะยังไงละ!” แต่ก็เห็นได้ชัดว่า มิโตะ ไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดแม้แต่น้อย
“เธอต้องไม่เชื่อในสิ่งที่เราบอกไปแน่เลย…” มาซาฮิโกะ บ่นกับตัวเอง
“อ๊ะ ลืมไปเลย เราจะไปนอนต่อนี่น่า…” เรื่องน่าประหลาดใจต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาและงานแต่งงานที่จัดขึ้น ทำให้ มาซาฮิโกะ นอนไม่เต็มอิ่มมา 2 วันแล้ว และเมื่อเขาจะกลับไปนอนต่อมันก็เกือบจะบ่ายโมงแล้ว
“โอ้ย…ทำไมมันหิวอย่างนี้เนี่ย…เอ้อ เราไม่ได้กินข้าวเข้านี่น่า ข้าวเทียงก็ไม่ได้กิน แล้วเมื่อคืนเราก็ไม่ได้กินข้าวเย็นด้วยนี่หว่า โถ้เอ้ย…นี่เราแก่จนสมองเลอะเลือนแล้วเหรอเนี่ย!”
“หิวโว้ย!…” มาซาฮิโกะ ตะโกนออกมาทันทีเมื่อเขารู้ตัวว่าเขาไม่ได้กินอะไรเลยตลอด 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา
เขาชะโงกหัวออกไปนอกห้อง แล้วถาม สมาชิกตระกูลเซนจู ที่กำลังเดินผ่านหน้าห้องของเขาไปว่าเมื่อไรจะถึงเวลาอาหาร และเขาก็ได้คำตอบกลับมาว่า พวกเขากินข้าววันละ 2 มื้อเท่านั้น
“อ๋อ…ลืมไป ช่วงนี้เป็นช่วงสงครามนิเน๊อะ คงจะไม่มีมื้อกลางวันให้กิน…ที่ผ่านมาที่เราได้กินข้าว 3 มื้อต่อวัน…เราโชคดีมากเลยนะเนี่ย…” มาซาฮิโกะ พึมพำกับตัวเอง
มาซาฮิโกะ อยากขอความช่วยเหลือจาก โทบิรามะ แต่หลังจากที่เขาเดินถาม สมาชิกตระกูลเซนจู เขาก็พบว่า โทบรามะ อยู่ที่สนามฝึกซ้อม เมื่อรู้ดังนั้นเขาจึงเดินไปหา โทบิรามะ ทันที
ในช่วงสงครามแบบนี้ พื้นที่ฝึกซ้อมในอาณาเขตของ ตระกูลเซนจู จะถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วนด้วยกัน
ส่วนแรกคือส่วนที่ใหญ่ที่สุด เป็นส่วนที่ใช้ในการฝึกซ้อมต่อสู้อย่างเต็มรูปแบบด้วยการจำลองสถานการณ์ หรือฝึกซ้อมปฏิบัติการที่มีความเสียงตายสูง
ส่วนที่ 2 เป็นส่วนที่ใช้สำหรับผู้ที่พร้อมในการทำสงครามเรียบร้อยแล้ว
ส่วนที่ 3 เป็นส่วนที่ใช้ในการเตรียมตัวเพื่อลงสู่สงคราม โดยทั่วไปแล้วจะเป็นเด็กที่มีอายุประมาณ 12 ปี
พวกเขาจำเป็นต้องฝึกนินจาตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะบางครั้งพวกเขาก็ส่งเด็ก ๆ ไปต่อสู้เพื่อเก็บประสบการณ์ก่อน ไม่เว้นแต่ลูกของ บูซึมะ เพราะ ฮาชิรามะ เองก็ได้เข้าร่วมการต่อสู้ครั้งแรกตั้งแต่ตอนอายุ 8 ขวบ
ส่วนที่ 4 เป็นส่วนที่ใช้สำหรับฝึกเด็ก ๆ ที่อยู่ในระดับต่ำกว่า เกะนิน พวกเขาถือได้ว่าเป็นอนาคตของตระกูล พื้นที่ส่วนนี้จึงเป็นส่วนที่ ปลอดภัยสูงสุด และบางครั้งก็จะสามารถพบกับสมาชิกระดับสูงของตระกูลได้ที่นี่
“เขาอยู่ที่สนามฝึกส่วนที่ 4 สินะ…โทบิรามะ กำลังสอนเด็ก ๆ อยู่เหรอ? ถ้าเราจำไม่ผิด ตระกูลอุวิฮะ ก็มีสนามฝึกแบบนี้เหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าของ ตระกูลอุจิฮะ จะใหญ่กว่านี้นะ” มาซาฮิโกะ คิด
“เราจำได้ว่าเดี๋ยว ตระกูลอุจิฮะ ก็ต้องต่อสู้กับ ตระกูลเซนจู และเมื่อจบการต่อสู้ ตระกูลเซนจู ต้องเสียกำลังคนไปครึ่งหนึ่ง แต่ฝ่าย ตระกูลอุจิฮะ ต้องสูญเสียน้องชายของ มาดาระ ไป”
“ดีละ ฉันจะต้องได้อยู่ที่นั่นในตอนนั้น และฉันก็ต้องได้เห็น ‘การตายของ อุจิฮะ อิซึนะ ให้ได้ รู้สึกว่าคงอีกไม่นานสินะ”
“ตระกูลอุจิฮะ แสวงหาอำนาจอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่า ตระกูลเซนจู จะเสนอการสงบศึก แต่ด้วยความยโสของ ตระกูลอุจิฮะ พวกเขาก็ปฏิเสธข้อเสนอนั้น ไม่ใช่แค่นั้น ตระกูลอุจิฮะ ยังบดขยี้ ตระกูลฮิวงะ จนย่อยยับ แม้ว่า ตระกูลฮิวงะ จะได้รับความช่วยเหลือจาก ตระกูลเซนจู แล้วก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ เกิดขึ้นเพียงเพราะว่าพวกเขาแย้งชิงพื้นที่กันเท่านั้น”
“แคว้นที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง…การที่จะก่อตั้ง โคโนฮะ ขึ้นมาได้คงจะใช้เวลาเกือบ 20 ปีละมั้ง…” มาซาฮิโกะ มองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
…
มาซาฮิโกะ เดินมาถึงสนามฝึกส่วนที่ 4
โทบิรามะ กำลังช่วยฝึกเด็ก ๆ อยู่ที่นั่น เมื่อเขาเห็น มาซาฮิโกะ เดินมาถึง เขาก็หยุดสอนทันที
“เด็ก ๆ นี่คือผู้อาวุโสของ ตระกูลอุซึมากิ…ท่านปู่มาซาฮิโกะ เขาชำนาญเรื่องเทคนิคการใช้ มีดคุไน กับ ดาวกระจาย มากกว่าฉันอีกนะ ฉันว่าให้เขาสอนพวกเธอดีกว่า” โทบิรามะ พูดแล้วมองไปที่ มาซาฮิโกะ
“แหม…ไม่ขนาดนั้นหรอก…” มาซาฮิโกะ ตอบ
“เอาน่า ท่านปู่ ท่านก็รู้ว่าที่ฉันพูดมันคือความจริง แสดงวิชานั้นให้เด็ก ๆ ดูเป็นขวัญตาหน่อยสิครับ…”
เหล่าผู้อาวุโสตระกูลเซนจู ที่กำลังสอนเด็ก ๆ อยู่ข้าง ๆ โทบิรามะ พวกเขาดูแปลกใจเล็กน้อย เพราะพวกเขาไม่เคยได้ยิน โทบิรามะ พูดจาแบบนี้มาก่อน!
มาซาฮิโกะ ทำตัวไม่ถูกหลังจากที่ โทบิรามะ ยกย่องเขาถึงขนาดนั้น จากนั้นเขาก็พูดว่า “เอาละ งั้นก็ได้ ฉันจะแสดงวิชาขว้างดาวกระจายแบบพิเศษของฉันให้ดู”
มาซาฮิโกะ เดินไปอยู่กลางสนามและหยิบดาวกระจายออกมา
‘นี่คือวิชาสุดยอดที่ อุจิฮะ อิทาจิ พยายามจะสอนน้องชายตัวน้อยของเขา…วิชานินจาขว้างดาวกระจาย’ มาซาฮิโกะ คิดในใจขณะที่ตาของเขาส่องประกายด้วยความมั่นใจ
เมื่อเขากำลังจะกลายเป็นชายผู้ที่เท่ที่สุด เขาก็ถูกขัดจังหวะขึ้นโดยเสียงท้อร้องที่ดังลั่งขึ้นมา
“ไม่ใช่ตอนนี้สิ” มาซาฮิโกะ พูดด้วยสีหน้าเศร้าขณะที่ก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย
เมื่อ โทบิรามะ เห็นดังนั้นเขาก็พูดขึ้นมาทันทีว่า “เฮ้ ท่านปู่ ผมก็ยังไม่ได้กินข้าวตลอดทั้งวันเลยเหมือนกัน ถ้างั้นผมว่าผมพาท่านไปที่ห้องอาหารเลยดีกว่า”
“…แต่ฉันยังไม่ได้แสดง…” สีหน้าของ มาซาฮิโกะ เศร้ายิ่งกว่าเดิม
“โอ๊ ไม่เป็นไร! ท่านไปเถอะ เดี๋ยวพวกเราสอนต่อเอง” ผู้อาวุโสตระกูลเซนจู พูดขึ้นทันที เพราะเขากลัวว่าเหล่าอนาคตของตระกูลเซนจู จะถูกทำลายด้วยการโชว์วิชาเพี้ยน ๆ ของ มาซาฮิโกะ
“ไปกันเถอะครับท่านปู่ เราไปนั่งกินข้าวแล้วคุยกันเรื่องวิชานั้นดีกว่า ผมมีเรื่องที่อยากจะถามเยอะแยะเลย” โทบิรามะ พูดขณะที่เขาเดินนำ มาซาฮิโกะ ไปที่ห้องอาหาร
……
ที่ห้องอาหาร
“ลั้นลา ๆ ฮื้มอืม…” มาซาฮิโกะ กินไปฮัมเพลงไปอย่างมีความสุข
“นี่ โทบิรามะ ท่านรู้รึเปล่าว่า ชายแก่คนนี้ไม่ได้กินข้าวมา 2 วันแล้วนะ?”
“เอ่อ…เรื่องนั้น…” โทบิรามะ มองไปที่จานอาหารที่ก่อนหน้านี้มีอาหารอยู่เต็มจาน แต่ตอนนี้มันว่างเปล่าและกองสุมอยู่เป็นจำนวนมาก “นี่เป็นอาหารสำหรับ 4 คน…”
“อ้า…เอาละ ฉันอิ่มละ เราไปกันเถอะ ฉันจะสอนเทคนิคการใช้อาวุธให้ท่านเอง เชื่อฉันสิว่ามันจะมีประโยชน์กับท่านในอนาคต”
“ท่านปู่ เราฝึกอย่างอื่นได้ไหม ผมอยากพัฒนาวิชานินจาที่ใช้เคลื่อนที่ชั่วพริบตา ผมคิดว่ามันน่าจะมีประโยชน์ถ้าเราสร้าง ผนึกไว้ที่มีดคุไน เพื่อที่เราจะได้ขว้างมันออกไปและเข้าใกล้ศัตรูได้รวดเร็วขึ้น” โทบิรามะ ตอบ
“อ๊ะ ท่านหมายถึงวิชา เทพอัสนีเวหา เหรอ?” มาซาฮิโกะ เอาตัวเข้าไปข้างหูของ โทบิรามะ และกระซิบคำเหล่านี้ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
“เทพอัสนีเวหา เหรอ? เป็นชื่อที่ยอดเยี่ยมมากเลยครับ!” โทบีรามะ รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นหลังจากที่เขาได้ยินชื่อนี้จาก มาซาฮิโกะ
“เอิ่มม…มันก็แน่นอนอยู่แล้ว” มาซาฮิโกะ พูดอย่างงุ่นง่าน
‘ก็ท่านเป็นคนตั้งชื่อนี้ให้มันเองนี่น่า ถ้าท่านรู้เรื่องนี้ละก็ฉันโดนท่านฟ้องเรื่องลิขสิทธิ์แน่นอน’ มาซาฮิโกะ คิดกับตัวเอง
“เป้าหมายของท่านคือการเคลื่อนที่ชั่วพริบตาในระยะไกล คล้ายกับวิชาที่ฉันใช้กับ มาดาระ แต่วิชาของฉันมีข้อจำกัดด้านเวลา มันจึงจำเป็นต้องรอเวลาหากต้องการใช้งานอีกครั้ง แต่ฉันเชื่อว่าท่านจะพัฒนามันได้ วิชาของท่านจะเหนือกว่าวิชาของฉันในทุก ๆ ด้าน และที่สำคัญ มันจะไม่มีข้อจำกัดในการใช้งาน”
“ข้อจำกัดด้านเวลา เหรอ?” โทบีรามะ ถามด้วยความสับสน
“ก็หมายถึงว่า ช่วงเวลาที่ต้องรอให้วิชานั้นกลับมาใช้งานได้อีกครั้งไงละ ยกตัวอย่างเช่น วิชาของฉัน ฉันต้องรอ 30 วินาที ถึงจะสามารถใช้วิชานั้นได้อีกครั้ง และฉันก็ไม่สามารถควบคุมเวลานั้นได้” มาซาฮิโกะ ตอบ
“ท่านต้องพัฒนามันให้ได้ด้วยตัวเอง แต่ฉันสามารถให้คำแนะนำแก่ท่านได้…”
แน่นอนว่า มาซาฮิโกะ ไม่มีความสามารถเรื่องวิชาเคลื่อนที่ชั่วพริบตา แต่เขาก็ได้ความรู้ที่ยอดเยี่ยมมาจากการดูการ์ตูน และด้วยความรู้นั้น เขาจึงสามารถชี้แนะแนวทางบางอย่างและช่วยในการฝึกฝนได้
…..
“ขอบคุณครับท่านปู่ ผมจะฝึกตามที่ท่านแนะนำ แล้วพรุ่งนี้เรามาฝึกกันใหม่นะครับ” โบทิรามะ พูดหลังจากที่พวกเขาฝึกกันเสร็จ
มาซาฮิโกะ เห็นถึงความตั้งใจและความกระตือรือร้นของ โบทิรามะ ได้อย่างชัดเจน
มาซาฮิโกะ ไม่ได้ตอบอะไร โทบิรามะ กลับ จากนั้นเขาก็เดินจากไป
จากนั้น มาซาฮิโกะ ก็เดินไปเยี่ยม มิโตะ ในขณะที่เขาเดินผ่านยามเฝ้าประตู พวกเขาก็แค่พยักหน้าและไม่พูดอะไรเลย เพราะเขาเป็นเหมือนกับผู้อาวุโสคนหนึ่ง
หลังจากนั้น มาซาฮิโกะ ก็เดินไปที่สนามฝึกส่วนแรก เขาไม่พบใครอยู่ที่นั่นเลย ดังนั้นเขาจึงเริ่มฝึกคาถาใหม่ของเขา นั้นก็คือวิชา คาถาลม : ดาวกระจายวงจักร นั้นเอง
1 สัปดาห์ต่อมา
ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ชีวิตของ มาซาฮิโกะ วนอยู่แต่กับความซ้ำซากแบบเดิม กิน , นอน , ช่วย โทบิรามะ ฝึก เทพอัสนีเวหา , ฝึกฝน ดาวกระจายวงจักร และเดินไปเยี่ยม มิโตะ เขาทำแบบนี้ทุกวันตลอดหลายวันที่ผ่านมา
หลังจากผ่านไปไม่กี่วัน มาซาฮิโกะ ก็สามารถสร้างจักระรูปดาวกระจายขึ้นมาบนฝ่ามือได้ แม้ว่าขนาดของมันจะยังเล็กมาก แต่เขาก็ยิ้มและรู้สึกพึงพอใจกับการพัฒนานี้
เขามั่นใจว่า ถ้าเขาเพิ่มค่าสถานะจักระของเขาให้เพิ่มขึ้นมากกว่านี้ วันหนึ่งเขาจะสามารถทำให้มันใหญ่เท่ากับที่ นารูโตะ เคยทำในการ์ตูนได้ แต่ทว่าวิชานี้ไม่เพียงแต่สร้างความเสียให้กับศัตรูได้เท่านั้น แต่มันยังมีผลกระทบต่อตัวผู้ใช้วิชาอีกด้วย มันจะสร้างความเสียหายไปถึงระดับเซลล์เลยทีเดียว
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่า เขาจะใช้วิชานี้ก็ต่อเมื่อมันเป็นทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น
เมื่อคิดได้แบบนั้น มาซาฮิโกะ ก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
ผ่านไป 2 สัปดาห์
มาซาฮิโกะ กำลังวางแผนที่จะออกจาก หมู่บ้านของตระกูลเซนจู เพื่อกลับไปยัง หมู่บ้านของตระกูลอุซึมากิ
ระหว่างที่เขากำลังคิดเรื่องนี้อยู่นั้น ทันใดนั้นก็มีประโยคหนึ่งปรากฏขึ้นมาในตาของเขา
“เป็นพยานในเหตุการณ์สำคัญของโลก นารูโตะ : การพัฒนาและตั้งชื่อให้กับ เทพอัสนีเวหา”
“รางวัล : คุณได้รับแต้มการเข้าร่วม 5 แต้ม!”
เรื่องนี้ก็ได้ด้วยเหรอเนี่ย?!