Long Live The Hokage - ตอนที่ 59 : ชูคาค 1 หาง
นิยาย Long Live The Hokage
Chapter 59 : ชูคาค 1 หาง
เฮ้อ ฉันนี้โง่จริง ๆ..”
มาซาฮิโกะ ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่เขาพูดแบบนี้กับตัวเอง
เดินไปรอบ ๆ ในทะเลทราย มาซาฮิ โกะ จําบางฉากได้จากการ์ตูนในโลกที่แล้วของเขา ในตอนที่การประชุม 5 คาเงะ ครั้งแรกถูกจัดขึ้น
โฮคาเงะ รุ่นแรกได้เสนอให้แจกจ่ายสัตว์หางไปให้กับแต่ละหมู่บ้าน แต่เนื่องจาก หมู่บ้านซึนะ มี 1 หางอยู่แล้ว พวกเขาจึงขอให้ โคโนฮะ แบ่งพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์ให้ 30% ซึ่งนั่นทําให้ คาเงะ คนอื่น ๆ โกรธเป็นอย่างมาก แต่ ฮาชิรามะ ก็สามารถทําให้สถานการณ์สงบลงได้
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ มาซาฮิโกะ ก็รู้สึกเหมือนว่าเขาถูก ฮาชิรามะ หลอกให้เขามาสู่สถานที่ที่กว้างใหญ่เช่นนี้
“นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย? ทะเลทรายที่มีแต่ความว่างเปล่าเนี่ยนะ?! การเดินทางอะไรกันเนี่ย!”
ไม่มีเส้นแบ่งเขตแควันที่ชัดเจน ดังนั้น มาซาฮิโกะ จึงต้องเดินไปเรื่อย ๆ แต่ทะเลทรายก็กว้างใหญ่เกินไปและไม่มีอะไรอื่นนอกจากทราย
“อ่า ไม่มีใครอยู่แถวนี้แน่นอน ไหน ๆ ก็ไหน ๆ…คาถาแปลงร่าง!”
“นานแล้วสินะที่เราต้องปิดบังใบหน้าที่หล่อเหล่าและเยาว์วัยของเรา…” มาซาฮิโกะ จมลงสู่ความหลงตัวเองอย่างสมบูรณ์
– ความรักที่ฉันมีต่อเธอก็เหมือนทะเลทรายที่ร้อนแรงและกว้างใหญ่ ” มาซาฮิโกะ เริ่มร้องเพลง
“ร้อน – ร้อน ..มันกําลังเผาไหม้ ฉัน…ทะเลทรายนี้มัน ช่าง…แม่ง**#$^*#[email protected]_%* *^@ J!” มาซาฮิโกะ ถอนหายใจ “ที่แบบนี้คาถาน้ํา LV 2 คงจะไม่พอ เพิ่มแต้มให้มันเลยดีไหมเนี่ย?”
มาซาฮิโกะ คิดเรื่องนี้ จากนั้นเขาก็ประสานอินขึ้นมา “ดวงตาแห่งเทพ!”
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของเขาก็กลายเป็นใบหน้าที่ขมขึ้น “ล้อเล่นเปล่าเนี่ย? ระยะหลาย 10 ไมล์…จับสัมผัสจักระอะไรไม่ได้เลย แล้วฉันจะไปทางไหนต่อดีละเนี่ย?”
“อ๊ะ?!” แต่ในวินาทีต่อมา เขาก็สัมผัสได้ถึงความแปรปวนของจักระหลายจุดทางทิศตะวันตก เขาหันไปมองทางนั้นทันที
ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงจักระที่กําลังใกล้เขาเข้ามา
“เคลื่อนที่เร็วมาก และที่สําคัญจักระก็มหาศาลและแข็งแกร่งมากด้วย!” มาซาฮิโกะ ยิ้มมุมปาก
บนเส้นขอบฟ้าเขามองเห็นจุดดําเล็ก ๆ แต่แล้วมันก็ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ทันใดนั้นมันก็ใหญ่ขึ้นและเข้าใกล้ มาซาฮิโกะ มากขึ้นและมากขึ้น จนในที่สุดมันก็พุ่งมาอยู่ตรงหน้าเขาและพุ่งตรงเข้าหาเขา อย่างรวดเร็ว มันคือ คาถาลม : กระสุนอากาศ!
“แย่แล้ว! คาถาธุลี : แยกพิภพบรรพกาล!” เมื่อเห็นดังนั้น มาซาฮิโกะ ก็ใช้คาถาออกไปทันที
ตู้ม!!
เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เสื้อคลุมสีขาวของ มาซาฮิโกะ ขาดยับเยิน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยทราย และรู้สึกว่าเขาอยากจะร้องไห้ แต่เขาก็ขาดน้ําจนไม่มีน้ําตาให้ไหลออกมาจากตา
เขารู้สึกเสียใจทันทีที่คิดป้องกันแทนที่จะกระโดดหลบมัน ท้ายที่สุดแล้วมันไม่มีอะไรถูกทําลายเลยเพราะมันเป็น เพียงแค่กระสุนอากาศ ของ ชูคาคุ ที่พุ่งมาจากระยะไกลจนมันรวมกับทรายเท่านั้น…
“ชูคาคุ! หัดใช้ กระสุนอากาศ ให้มันแม่น ๆ หน่อยสิ ไอ่เจ้า!” มาซาฮิโกะ สาปแช่งแล้วรีบไปทางทิศตะวันตกตามกลุ่มจักระนั้นไป
เขาวิ่งมาหลาย 10 ไมล์และในที่สุด เขาก็รู้สึกได้ถึงจักระหลายจุดอย่างชัดเจน
“ระดับคาเงะ…2 คน? แล้วก็ยังมี ชูคาคุ อีก” มาซาฮิโกะ พึมพํา “เราต้องระวังตัวให้ดีสะแล้ว!”
มาซาฮิโกะ ค่อย ๆ ย่อตัวและเคลื่อนที่ช้าลง
หลังจาก มาซาฮิโกะ เข้าใกล้มากพอ เขาก็มองเห็นคนหัวล้านที่ยืนอยู่ห่างออกไป
“เฮ นักบวชเหรอ?…” มาซาฮิโกะ พูดเบา ๆ
ทันใดนั้นเขาก็เห็นว่าในมือของนักบวชคนนั้นถืออะไรบางอย่างอยู่และเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงจักระของ ชูคาคุ ในนั้น
“ชูคาคุ ถูกผนึกแล้วเหรอ? นั้นคือของที่เขาใช้ผนึกงั้นเหรอ?” มาซาฮิโกะ มองไปรอบ ๆ “บางทีเราอาจจะขโมยมันมา ด้”
นอกจากนักบวชคนนั้นแล้ว มาซาฮิโกะ ก็มองเห็นคนอีก 2 คนที่ยืนอยู่
“คนนึงเป็นวัยรุ่นอายุประมาณ 12 ปี น่าจะเป็นนินจาระดับจูนิน แต่อีกคน…” มาซาฮิโกะ ไม่กังวลในตัวเด็กคนนั้น แต่อีกคน ในอนาคตเขาจะกลายเป็น คาเสะคาเงะ…
“ยุ่งละสิ” มาซาฮิโกะ บ่น
ทันใดนั้นสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
“นั่นใครกัน?!” นักบวชตะโกนออกมาเสียงดัง และอีก 2 คนก็ตั้งท่าเตรียมโจมตีทันที
มาซาฮิโกะ เกาหัวแล้วลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า “อ่า ถูกเจอตัวจนได้ นักบวช คนนั้นเป็นสายตรวจจับเหรอเนี่ย?”
“เฮ้ ท่านเป็นนักเดินทางเหรอ?” เมื่อเห็นชุดที่ขาดรุ่งริ่งของ มาซิโกะ คาเสะ คาเงะ รุ่นแรก ก็ถามเขาออกไป
มาซาฮิโกะ ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรดี แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรออกไป คาเสะคาเงะ รุ่นแรก ก็พูดขัดจังหวะเขาขึ้นมา “ไม่! ผมสีแดง…ท่านมาจาก ตระกูลอุซึมากิ แคว้นแห่งไฟ ใช่ไหม?”
มาซาฮิโกะ พยักหน้า “ใช่ ฉันคือ อุซึมากิ มาซาฮิโกะ เป็นผู้อาวุโสของ หมู่บ้านโคโนฮะ และ โฮคคาเงะ ก็ส่งฉันมาที่นี่เพื่อเยี่ยมชมแคว้นแห่งลม ฉันได้ยินมาว่าท่านกําลังจะสร้างหมู่บ้าน เราพร้อมให้ความช่วยเหลือและช่วยท่านกําจัดปัญหา”
“ผู้อาวุโส? เขายังเด็กอยู่แล้ว…แล้วก็หล่อมากด้วย…” หญิงสาวพูด
มาซาฮิโกะ ลืมไปเลยว่าตอนนี้ใบหน้าของเขาดูอ่อนเยาว์มากแค่ไหน และ ตอนนี้เขาก็มีความคิดสงสัยว่าถ้าเขาขโมย ชูคาคุ ไป การประชุม 5 คาเงะ จะเกิดขึ้นหรือไม่
ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็เข้ามาในหัวของ มาซาฮิโกะ เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “เด็กหญิงตัวเล็กคนนั้นเป็นแฟนท่านรึเปล่า? ถ้าไม่…เธอสนใจจะกลับไปที่ หมู่บ้านโคโนฮะ กับสุดหล่อคนนี้ไหมล่ะ?”
หญิงสาวหน้าแดง “เขาเป็นเหมือนพี่น้องของฉันต่างหากล่ะ!…”
“โจ! อย่าพูดมากเกินไป เขาอาจเป็นศัตรูก็ได้?” คาเสะคาเงะ รุ่นแรกพูด
มาซาฮิโกะ ไม่สนใจว่าพวกเขาจะคิดว่าเขาเป็นศัตรูหรือไม่ เพราะใบหน้าของเขากําลังเปลี่ยนสีด้วยความคิดเพียงอย่างเดียวในใจของเขา “นี่ฉันทํากําลังเต๊าะย่าที่ฉันเคารพอยู่เหรอเนี่ย…”
ถึงกระนั้น มาซาฮิโกะ ก็ไม่ยอมแพ้ “แต่สาวน้อยผู้น่ารัก เธอมีน้องชายชื่อ เอบิโซ อยู่แล้ว…”
“ท่านรู้ได้ยังไง?!” ไม่ทันที มาซาฮิโกะ จะพูดได้จบประโยค การแสดงออกของเด็กสาวก็เปลี่ยนไปและตะโกนถามออกมาทันที
เมื่อ มาซาฮิโกะ รู้ตัวว่าเขาหลุดปากพูดอะไรออกไป เขาก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นนิ่งเฉยไม่รู้ไม่ชี้ทันที
“ขอบคุณท่านมากสําหรับความกรุณา และความตั้งใจของท่าน แต่อย่างที่เห็นเราเพิ่งจะจบการต่อสู้ลงได้ ถ้าไม่มีอะไรแล้วเราขอตัวกลับก่อน ตอนนี้ หมู่บ้านซึนะ ยังคงอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง เมื่อการก่อสร้างหมู่บ้านของเราเสร็จสิ้นเราจะแจ้งให้ หมู่บ้านโคโนฮะ ทราบ” คาเสะคาเงะ พูด แต่เขาก็ไม่ถาม มาซาฮิโกะ ว่ารู้จักชื่อ เอบิโซ ได้อย่างไร
มาซาฮิโกะเกาหัวและคิดจะแย่ง ชูคาคุ ไปจากมือ แม้ว่าพวกเขาจะบอกว่า คาเสะคาเงะ รุ่นแรกนั้นแข็งแกร่งที่สุด แต่เขาไม่เชื่อ เพราะเขาเชื่อว่า โฮคาเงะรุ่น 3 แข็งแกร่งกว่า คาเสะคาเงะ รุ่นแรก เขารู้สึกว่าไม่จําเป็นต้องใช้กระบวนท่า เปิดประตูด่านพลัง เพื่อเอาชนะ คาเสะคาเงะ รุ่นแรกเลยด้วยซ้ํา อยากไรก็ตาม ตอนนี้ คาเสะคาเงะ ก็มีนักบวชอยู่ข้าง ๆ และเขาก็ไม่รู้ว่านักบวชคนนี้แข็งแกร่ แค่ไหน
หลังจากที่คิดมาระยะหนึ่ง มาซาฮิโกะ ก็ไม่สามารถคิดแผนดี ๆ ได้เลย ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะหนีไปก่อนแล้วมองหาโอกาสอื่นเพื่อมาขโมย ชูคาคุ ในภายหลัง
เมื่อคิดแบบนั้น มาซาฮิโกะ ก็คํานับพวกเขา “ตราบในที่พื้นหญ้ายังคงเป็นสีเขียว และแม่น้ํายังคงไหล เราจะได้พบกันอีก”
ทั้ง 3 คนมองหน้ากัน
“เดี๋ยวก่อนโยม!” นักบวชพูดออกมา “อาตมาคิดว่าโยมเพิ่งเดินทางมาเหนื่อย ๆ ทําไมโยมไม่ไปพักผ่อนที่หมู่บ้านของเราก่อนล่ะ…”
มาซาฮิโกะ กลอกตา “โยมเหรอ?”
จากนั้น มาซาฮิโกะ ก็ก้มศีรษะลงและ พนมมือขึ้นมา “ขอบคุณมากนะหลวงพี่” มาซาฮิโกะ ทักทายเขาด้วยวิธีทางพุทธศาสนา “แต่เชิญพวกหลวงพี่ไปกันเลย ฉันเหนื่อยก็จริงแต่ใจของฉันบอกให้ฉันไปต่อ ลาก่อน!”
หลังจากพูดจบเขาก็หันหลังและเดินหนีทันที เพราะเขาไม่อยากได้ยินเสียงของนักบวชคนนั้นอีก
หลังจาก มาซาฮิโกะ เดินออกมาห่างจากพวกเขาได้ประมาณ 10 ไมล์ มาซาฮิโกะ ก็ใช้ ดวงตาแห่งเทพ และเขาก็แน่ใจว่าด้วยระยะทางไกลขนาดนี้ พวกเขาจะไม่มีทางหาเขาเจอได้อย่างแน่นอน จากนั้น มาซาฮิโกะ ก็สะกดรอยตามพวกเขาไปอยู่ห่าง ๆ
หลังจากสะกดรอยตามพวกเขามาหลาย 10 ไมล์ พวกเขาก็มาถึงวัดวัดหนึ่งและพวกเขาก็เดินตรงไปยังแทนบูชาที่อยู่ในวัดนั้น จากนั้นพวกเขาก็นําสิ่งที่ผนึก ชูคาคุ ไว้วางไว้บนแทนบูชา
คาเสะคาเงะ ก้มหัวลงเล็กน้อยให้กับนักบวชแล้วเขาก็เดินจากไป
ในคืนวันนั้น
มาซาฮิโกะ รอบเข้าไปในวัดอย่างเงียบ ๆ เขาหยิบคุไนพิเศษออกมาจากกระเป๋าและปักมันไว้ที่ใต้เท้าของเขา แล้วโยนอีกอันหนึ่งลงไปที่พื้นใกล้แทนบูชา ทันใดนั้นเขาก็สลับตําแหน่งกับคุไนไปอยู่หน้าแทนบูชา และในวินาทีต่อมานักบวชก็รีบวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าเขาจําจักระของ มาซาฮิโกะ ได้แล้ว
“ช้าไป..”ซาฮิโกะ ยิ้มแล้วเขาก็หยิบคัมภีร์ผนึกออกมา
“ผนึก!” ทันใดนั้นแท่นบูชาทั้งหมดก็หายไปจากนั้น มาซาฮิโกะ ก็สลับที่ก็คุไนอันแรกและหนีไปอย่างรวดเร็ว
ในระยะทางนี่ มาซาฮิโกะ ได้ยินเพียงแค่เสียงของนักบวชที่ตะโกนออกมาว่า “โยม! จะเอา ชูคาคุ ก็เอาไป! แต่เอาแท่นบูชาคืนมา!”