Long Live The Hokage - ตอนที่ 34 : เด็กหญิง
หลังจากที่การประชุมจบลง มาซาฮิโกะ ก็เดินทางไปกับ ผู้นำตระกูลอุซึมากิ เพื่อกลับไปยังหมู่บ้านของพวกเขา
“หลานชาย ตระกูลของเรามีเด็ก ๆ คนไหนไหมที่มีแววว่าจะเป็นอัจฉริยะบ้างไหม? ฉันมาคิด ๆ ดูแล้ว ฉันว่าฉันจะหาเด็กเก่ง ๆ สักคนมาเป็นเด็กปั้นของฉันสักหน่อย” มาซาฮิโกะ พูดขณะที่พวกเขากำลังเดินทางกลับหมู่บ้าน
“อืม…ผมก็ไม่รู้เรื่องนี้เท่าไรหรอก เด็ก ๆ อายุ 12 ปีน่าจะดูออกแล้วว่าใครเป็นอัจฉริยะ ท่านลองเรียกพวกเขามารวมกันดูสิ แล้วท่านก็เลือกคนที่ท่านถูกใจได้เลย…”
มาซาฮิโกะ กลอกตาอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้อะไรจากคำถามที่ถาม ผู้นำตระกูลอุซึมากิ ไปเลย
เลือกที่ถูกใจงั้นเหรอ? พวกเขาเป็นผักรึไงกัน?
“ถ้าท่านเจอใครที่พอมีแววก็บอกฉันหน่อยละกัน ฉันกำลังมองหาคนที่มีความสามารถ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่เป็นไร ขอแค่มีศักยภาพที่ดีก็พอ”
หลังจากที่เขาพูดประโยคนั้นออกมา มาซาฮิโกะ ก็นึกบางสิ่งขึ้นมาได้ทันที
“ทำไม เรายังไม่ได้แต้มการเข้าร่วมจากการต่อตั้ง หน่วยองครักษ์ 18 คนอีกละ? หรือว่าต้องรอให้มันถูกจัดตั้งขึ้นมาอย่างเป็นทางการและมีสมาชิกที่แน่นอนครบก่อน?”
“ฉันหวังว่าตระกูลต่าง ๆ จะรีบส่งคนของพวกเขาไปเพื่อเข้าร่วมหน่วยองครักษ์ในเร็ว ๆ นี้นะ…”
หลังจากเดินทางมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน มาซาฮิโกะ และ ผู้นำตระกูลอุซึมากิ ก็เดินทางมาถึง หมู่บ้านตระกูลอุซึมากิ และในที่สุด มาซาฮิโกะ ก็มองเห็นบ้านเกิดของเขาอีกครั้งหลังจากผ่านไปนานถึง 4 ปี
“4 ปีผ่านไป สิ่งต่าง ๆ มากมายก็เปลี่ยนแปลงไป” มาซาฮิโกะ พูดขณะมองดูอาคารหลังใหม่มากมายที่ถูกสร้างขึ้นในหมู่บ้าน
“จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในปีที่ผ่านมา ดังนั้นเราจึงต้องสร้างบ้านเรือนเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับชาวบ้านให้เพียงพอ” ผู้นำตระกูล อธิบายให้ มาซาฮิโกะ ฟัง เมื่อเห็นใบหน้าที่แปลกใจของ มาซาฮิโกะ
มาซาฮิโกะ พยักหน้า
เมื่อเดินมาถึงหน้าหมู่บ้าน ผู้นำตระกูลก็มองไปที่ มาซาฮิโกะ และพูดว่า “ท่านลุง ผมจะต้องออกไปนอกหมู่บ้านสัก 5 วัน และผมจะกลับมาให้เร็วที่สุดเพื่อมาจัดการกับงานของหมู่บ้านเราต่อ…ท่านรู้ทางไปต่อใช้ไหม?”
เมื่อพูดจบ ผู้นำตระกูล ก็หันหลังกลับและเดินออกจากหมู่บ้านไป
มาซาฮิโกะ เดินไปที่บ้านของเขา ซึ่งเขาไม่ได้เห็นมันมานาน 4 ปีแล้ว ตามถนน เขามองเห็นทั้งผู้คนที่มีใบหน้าที่คุ้นเคยและไม่คุ้นเคย และคนที่รู้จักเขาก็ทักทายเขาอย่างเป็นมิตร
เมื่อเขามาถึงบ้านและเปิดประตูออก เขาก็ต้องรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก เพราะทุกอย่างในบ้านสะอาดและเป็นระเบียบ ดูเหมือนว่า ผู้นำตระกูล จะสั่งให้คนมาทำความสะอาดบ้านเขาอยู่เป็นประจำ
หลังจากมองดูภายใจบ้านอย่างรวดเร็ว มาซาฮิโกะ ก็เดินไปที่ห้องนอนของเขาและทิ้งตัวลงบนเตียง
“ตั้งแต่เราได้แต้มการเข้าร่วมมา เราก็เดินทางอย่างหนักเพื่อค้นหาแต้มพวกนั้นมาให้ได้มากที่สุด เราใช้เวลาส่วนใหญ่กับมันไป…แต่มันคุ้มจริง ๆ เหรอเปล่านะ? เพราะหลังจากนี้ก็มีอีกหลายอย่างที่จะทำให้เราได้แต้มการเข้าร่วมอีก สรุปแล้วมันคุ้มไหมกับการที่เราไปอยู่ที่ หมู่บ้านเซนจู ตลอดหลายปีที่ผ่านมา?”
ความคิดเหล่านี้ผุดเข้ามาในหัวเขาอย่างต่อเนื่อง…จนตอนนี้ เขามองว่าตัวเองเป็นคนที่แสวงหาความแข็งแกร่ง และจุดประสงค์เดียวของเขาคือการแข็งแกร่งขึ้น
“ด้วยความแข็งแกร่งของเราในตอนนี้ ถ้าไม่ใช่ เทพเจ้าแห่งนินจา ก็คงจะไม่มีใครสามารถคุกคามชีวิตของเราได้แล้วละ อย่างน้อยก็ในยุคนี้ละนะ”
“บางทีเราคงต้องพักผ่อนสะบ้าง ระบบพิเศษไม่ใช่ทุกอย่าง สำคัญที่สุดคือตัวเราเอง ฉันต้องทำใจให้สบายเพื่อรอเวลาที่ โคโนฮะ จะถูกก่อตั้งขึ้น ระหว่างนี้เราก็ฝึกลูกศิษย์ไปพลาง ๆ ก่อน คิดสะว่าเป็นงานอดิเรกก็แล้วกัน”
มาซาฮิโกะ เก็บความรู้สึกเหล่านี้เอาไว้และผ่อนคลายร่างกายของเขา เขาเหนื่อยมากจนถอดเสื้อผ้าที่เปียกเหงื่อออกแล้วนอนโดยที่ไม่ใส่อะไรนอกจากเสื้อผ้าชั้นในของเขา
เช้าวันต่อมา มาซาฮิโกะ ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงของประตูที่เปิดออกแล้วปิด
“มันอะไรกันเนี่ย?! ผู้นำตระกูล รึเปล่านะ…เดี๋ยวก่อน! นี่ไม่ใช่จักระของเขา…”
มาซาฮิโกะ รีบวิ่งออกจากห้องนอนไปดูทันทีว่าคนที่จู่ ๆ ก็เปิดเข้ามาในบ้านของเขาเป็นใครกันแน่ โดยที่เขาก็ลืมไปเลยว่า เขาไม่ได้สวมเสื้อผ้าอยู่
และเขาก็พบว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาก็คือเด็กผู้หญิงที่มีตาสีเทาเข้ม เธอถือถังน้ำใบเล็กใบหนึ่งมาพร้อมกับผ้าขี้ริ้วในมืออีก 2 – 3 ผืน
เมื่อเธอเห็น มาซาฮิโกะ สาวน้อยคนนั้นก็ยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็สาดน้ำในถังใส่ มาซาฮิโกะ อย่างจัง
“ไอ่โรคจิต!”
มาซาฮิโกะ ตัวเปียกโชกไปด้วยน้ำเย็น ๆ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ไม่ใช่ความผิดของฉันสักหน่อย ที่เธอแอบเข้ามาในบ้านของฉันและเห็นฉันในสภาพ…แบบนี้…”
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา
ที่ห้องทำงานของผู้นำตระกูล
“ท่านปู่ หนูไม่ทราบว่าท่านกลับมาแล้ว หนูขอโทษค่ะ…”
เด็กน้อยคนนั้นโค้งให้กับ มาซาฮิโกะ และได้แต่พูดขอโทษซ้ำไปซ้ำมา
“ไม่เป็นไรหรอก นานาโกะจัง ท่านปู่มาซาฮิโกะ ไม่โกรธเธอหรอก เธอไปทำงานขอบเธอต่อได้แล้วไป” ผู้นำตระกูล พูดปลอบใจเด็กสาวน้อยและส่งเธอกลับไป
เมื่อเด็กสาวออกจากห้องไป มาซาฮิโกะ ก็จ้องมองไปที่ ผู้นำตระกูล เพื่อเป็นสัญญาณของการขอคำตอบในสิ่งที่เกิดขึ้นในเช้านี้
ผู้นำตระกูล อธิบายทันทีว่า “นานาโกะ เธอเป็นเด็กกำพร้า”
“เธอไม่มีพรสวรรค์ในการใช้คาถานินจา ตอนนี้เธออายุ 11 ปีแล้ว แต่เธอก็ยังเป็นแค่ เกะนิน อยู่ ฉันเลยให้เธอไปทำงานบางอย่าง รวมถึงทำความสะอาดบ้านของท่านด้วย”
“เด็กกำพร้า…” มาซาฮิโกะ พูดออกมาเบา ๆ
ไม่แปลกที่ยุคสงครามแบบนี้จะมีเด็กกำพร้าเป็นจำนวนมาก และผู้ที่ต้องเข้าร่วมสงครามรู้เรื่องความเสี่ยงเหล่านี้ดี และพวกเขาก็มักจะฝากฝังลูกหลานไว้กับญาติถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นเกิดขึ้นกับพวกเขา
โดยปกติแล้วครอบครัวแต่ละครอบครังจะมีพี่น้องอย่างน้อยก็ 3 – 5 คน เพราะครอบครัวที่มีขนาดใหญ่ก็หมายความว่าพวกเขาก็จะมีญาติเยอะมากขึ้น ดังนั้นเมื่อมีใครตายไป ญาติก็จะเป็นคนดูแลลูกหลานของพวกเขาต่อไป นี่เป็นเหมือนกฎที่ถูกตั้งเอาไว้ ดังนั้นแม้ว่าพ่อแม่จะตายไปแต่คนในครอบครัวคนอื่น ๆ ก็จะดูแลลูกหลานของพวกเขาแทน
“เธอไม่มีพรสวรรค์ด้านวิชานินจา มันไม่ใช่เหตุผลที่เธอต้องมาทำความสะอาดบ้านฉันไม่ใช่เหรอ ฮ๊ะ?” มาซาฮิโกะ ยังสงสัยอยู่และยังคงตั้งคำถามต่อไปว่า “แล้วเธอไม่มีญาติคนอื่นหรือไง?”
ผู้นำตระกูลยิ้มและตอบกลับไปว่า “ลุงของเธอคือ อุซึมากิ มุราซากิ…ส่วนพ่อแม้ของเธอ…พวกเขาตายตั้งแต่เธอยังแบบเบาะ เธออาศัยอยู่กับปู่และย่าของเธอ แต่ทั้งคู่ก็เพิ่งจะจากไปเมื่อ 2 ปีก่อน”
“มุราซากิ ก็ตายไปในสงครามเช่นกัน ผมไม่อยากให้เธอกลายเป็นเด็กจอนจัด ผมเลยนับอุปการะเธอไว้”
มาซาฮิโกะ พยักหน้า
“ฉันเข้าใจ แต่ในฐานะที่เป็น ลูกสาวคนที่ 2 ของท่าน นิสัยเธอช่างไม่สุภาพเอาเสียเลย เธอสาดน้ำใส่ฉันเต็ม ๆ เธอต่างไปจาก…มิโตะ อย่างสิ้นเชิง”
ผู้นำตระกูลยิ้มอย่างขมขื่น “ก็ใช่ นิสัยของเธอค่อนข้างจะกระด้างไปนิด ฉันพยายามสอนให้เธออ่อนโยนขึ้นอยู่ แต่…”
มาซาฮิโกะ ส่ายหัว “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น…แบบนี้ก็ดีแล้ว ในฐานะที่เธอเป็นเด็กกำพร้า เธอก็ต้องสามารถปกป้องตัวเองได้”
“เอ้อ แล้วก็อย่าลืมรวมกลุ่มวัยรุ่นเพื่อให้ฉันเลือกเป็นลูกศิษย์…” มาซาฮิโกะ หยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่อว่า “ให้ นานาโกะ เข้าร่วมด้วยก็ได้นะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ผู้นำตระกูลก็ดูเหมือนจะยินดีเป็นอย่างยิ่ง “ยินดีครับ ท่านปู่”
มาซาฮิโกะ โบกมือให้เขาและเดินจากไป “วันนี้ฉันตื่นมาพร้อมกับน้ำถูพื้นที่เย็นฉ่ำ ฉันคงต้องไปอาบน้ำทำความสะอาดตัวเองสะก่อน…”
ที่บ้าน มาซาฮิโกะ
ดูเหมือนกับว่าเกิด เดจาวู ขึ้น หลังจากเขาเปิดประตูเข้าไปในด้าน เขาก็เห็น นานาโกะ กำลังทำความสะอาดอยู่ โดยที่เธอกำลังถือถังน้ำและผ้าขี้ริ้วในมือเหมือนก่อนหน้านี้
เมื่อเห็นดังนั้น มาซาฮิโกะ ก็กระโดดหลบโดยสัญชาตญาณในทันที แต่ทันใดนั้น นานาโกะ ก็วางของลงและนั่งลงคำนับให้ มาซาฮิโกะ และขอโทษเขา
“โอ้…คราวนี้ไม่ใช่น้ำแฮ๊ะ…อะแฮ่ม…ฉันคุยกับผู้นำตระกูลแล้ว ฉันไม่ถือสาเธอหรอก ว่าแต่เธอมาที่นี่ทำไมอีกละเนี่ย?” มาซิโกะ ถาม นานาโกะ
“ท่านปู่มาซาฮิโกะ หนูมาทำความสะอาดบ้านให้ค่ะ” นานาโกะ ยืนขึ้นและหยับเครื่องมือทำความสะอาดของเธอขึ้นมาอีกครั้ง
“โอ้ ไม่ต้องแล้ว ฉันจะทำเอง ผู้นำตระกูล กำลังเรียกหาเธอ ดังนั้นเธอควรไปหาเขาดีกว่านะ” มาซาฮิโกะ พูด
“อ๋อ…เข้าใจแล้วค่ะ” เธอตอบกลับ หลังจากนั้นเธอก็หันหลังกลับและวิ่งออกไปจากบ้านทันที
มาซาฮิโกะ มองดูที่ผ้าปูที่นอนเล็ก ๆ น่ารักบนเตียงของเขา และเครื่องมือทำความสะอาดที่ นานาโกะ ทิ้งเอาไว้
“ไม่ ไม่ ไม่…จะนอนตอนนี้ไม่ได้! เราต้องหาอะไรกินก่อน แต่อันดับแรก อาบน้ำก่อนดีกว่า”
“โอ้ที่นอนที่รัก ฉันจะรีบมาหาเธอเร็ว ๆ นี้แหละ…”