Long Live The Hokage - ตอนที่ 30 : เด็กซน
โรงตีเหล็กมีงานยุ่งอยู่ตลอดทั้งเดือน และตอนนี้การทำงานของพวกเขาก็สิ้นสุดลงแล้ว
ในระหว่างนั้น มาซาฮิโกะ ก็ได้พูดคุยกับ โทบิรามะ เพื่อขอ เหล็กนำจักระ มาเพิ่มเพื่อนำมาสร้าง ดาวกระจายฟูมะ เอาไว้ใช้เอง ซึ่งจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการสร้างมันขึ้นมา
เมื่อ มาซาฮิโกะ สร้าง ดาวกระจายฟูมะ จนเสร็จ แน่นอนว่าเขาไม่สามารถพกมันไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องเริ่มหาวิธีสร้างคัมภีร์ผนึกขึ้นมา
เขาใช้เวลาทั้งหมดกว่าครึ่งปี ในการทดสอบว่าเปลือกไม้ชนิดใดที่จะนำมาทำคัมภีร์ผนึกได้ดีที่สุด…และในที่สุดเขาก็พบว่าเปลือกไม้ที่ดีที่สุดคือไม้ที่อยู่ใน หมู่บ้านตระกูลเซนจู นั้นเอง
หลังจากนั้น มาซาฮิโกะ ก็แทบจะไม่คืบหน้าในการทำคัมภีร์ผนึกเลยจนกระทั่งเวลาผ่านไปอีก 6 เดือน เขาพยายามทำมันให้เสร็จทันวันปีใหม่เพื่อทำให้ทุกคนประหลาดใจ แต่มันก็ไม่เสร็จ
เขาใช้เวลาในช่วงปีใหม่อยู่ที่ หมู่บ้านตระกูลเซนจู กับ โทบิรามะ และ ฮาชิรามะ ในตอนนี้อายุของเขาเหลือเพียงแค่ 30 ปีเท่านั้น แต่ในสายตาของคนอื่น พวกเขาก็ยังคงเห็นรูปร่างหน้าตาของเขาเป็นชายแก่อายุ 55 ปีอยู่เช่นเดิม
หลังจากวันฉลองปีใหม่ มาซาฮิโกะ ก็ใช้เวลาของเขาไปกับการค้นคว้าเพื่อสร้างคัมภีร์ผนึก
ในตอนแรก เขาคิดว่าด้วยวิชาสะกดของเขา การสร้างคัมภีร์ผนึกคงจะไม่ใช่เรื่องยาก แต่มันก็ไม่เป็นอย่างที่เขาคิด เพราะการสร้างคัมภีร์ผนึก ไม่ได้ใช้แค่เพียงวิชาสะกดอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันต้องอาศัยความรู้เรื่อง วิชาสร้างมิติ อีกด้วย และเขาก็ไม่เคยรู้จักมันมาก่อน ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องไปขอคำปรึกษาจาก โทบิรามะ
แม้ว่าการต่อสู้เพื่อแย่งชิงเหมืองจะจบลง แต่สงครามก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง และ โทบิรามะ ก็มักจะมีหน้าที่เป็นผู้นำกองทัพหรือทีมจู่โจมอยู่เสมอ
1 ปีผ่านไป
2 ปีผ่านไป
3 ปีผ่านไป
มาซาฮิโกะ ใช้เวลากว่า 3 ปีในการพยายามสร้างคัมภีร์ผนึก มันนานจนเขาอยากจะร้องไห้ แต่แล้วสุดท้าย เขาก็ทำมันได้สำเร็จ…
“เข้าร่วมและเป็นพยานในเหตุการณ์สำคัญของโลก นารูโตะ : ม้วนคัมภีร์ผนึก!”
“รางวัล : คุณได้รับแต้มการเข้าร่วม 2 (X2) แต้ม!
“ใช้เวลา 3 ปี…ให้มาแค่ 4 แต้มแค่เนี้ย! พระเจ้า!…”
“X2 เหรอ? มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องเล็กน้อยสินะ…แล้วมันจะส่งผลกระทบกับผู้สร้างคัมภีร์ผนึกคนเดิมไหมเนี่ย?”
“บ้าเอ้ย! แล้วใครเป็นคนสร้างคัมภีร์ผนึกคนเดิมกันแน่ละเนี่ย? พนันได้เลยว่าเขาจะต้องทรงพลังมากอย่างแน่นอน ถึงสามารถสร้าวคัมภีร์ผนึกขึ้นมาได้…”
“แต่ก็ยังโชคดี ที่การสร้างคัมภีร์ผนึกทำให้เราได้ฝึกวิชาสะกดไปในตัว ทำให้ LV ของวิชาสะกดของเราเพิ่มขึ้น…คงจะเพิ่มขึ้นเท่ากับการเพิ่มแต้มไปสัก 20 แต้มละมั้ง…”
สุดท้ายแล้ว มาซาฮิโกะ ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากได้แต่ปลอบใจตัวเอง
…
“ท่านปู่คะ เคนจิ มาหาค่ะ~” เสียง มิโตะ ดังขึ้นที่หน้าห้องของ มาซาฮิโกะ และทำให้เขาต้องสะดุ้งลุกจากเก้าอี้ทันที
ทันใดนั้น ใบหน้าของ มาซาฮิโกะ ก็มืดหม่นลงทันที “เดี๋ยว! อย่าเพิ่งเข้ามา!”
เซนจู เคนจิ เป็นลูกชายของ ฮาชิรามะ กับ มิโตะ และในอนาตคเขาก็จะกลายเป็นพ่อของ โฮคาเงะ รุ่นที่ 5 ของ หมู่บ้านโคโนฮะ นั้นก็คือ ซึนาเดะ นั้นเอง
ในที่สุดบุคคลที่ มาซาฮิโกะ กระตือรือร้นอยากจะเจอมากที่สุดก็ได้เกิดขึ้นมาแล้ว
แต่บางทีเด็กคนนั้นก็อาจจะได้พันธุกรรมของ ฮิชิรามะ มามากเกินไปหน่อย ทำให้เขาซนเหมือนลิงมาตั้งแต่เกิด
เพราะในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ม้วนคัมภีร์ผนึกของ มาซาฮิโกะ ถูก เคนจิ ฉีกเล่นไป 5 ครั้ง ถูกเอาไปซ้อนอีก 3 ครั้ง และนอกจากนั้น เคราของ มาซาฮิโกะ ก็ถูกตัดหรือเผาอีก 4 ครั้ง…
มาซาฮิโกะ รับเก็บม้วนกระดาษทั้งหมดอย่างรวดเร็วและซ้อนเอาไว้ จากนั้นเขาก็เปิดประตูให้เด็กน้อยเข้ามาในห้อง “เคนจินคุง…ไหนมาให้ทวดกอดหน่อยสิ๊”
“อ๊ะ มาให้ทวดอุ้มหน่อยมา” มาซาฮิโกะ พยายามควบคุมสถานการณ์โดยการอุ้ม เคนจิ เอาไว้
“โอ้โห…หนวดของคุณปู่!” ทันทีที่เด็กน้อยพูดคำนั้นออกมา มาซาฮิโกะ ก็รู้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ดังนั้นเขาจึงรีบส่ง เคนจิ คืนให้กับ มิโตะ อย่างรวดเร็ว
“ท่านปู่ ท่านกำลังยุ่งอยู่กับการทำคัมภีร์อยู่เหรอคะ? มีอะไรให้หนูช่วยไหมคะ?” มิโตะ ยิ้มและเสนอความช่วยเหลือ
“ไม่เป็นไร ฉันเพิ่งทำเสร็จเมื่อกี้เอง ฉันกำลังจะไปบอกข่าวดีให้ ฮาชิรามะ และ โทบิรามะ รู้อยู่พอดี” มาซาฮิโกะ อธิบายด้วยความร่าเริงบนใบหน้าของเขา
“โอ้! ยินดีด้วยนะคะท่านปู่! ตอนนี้ ฮาชิรามะ น่าจะอยู่ที่ห้องโถง ส่วน โทบิรามะ ดูเหมือนว่าเขาจะออกไปนอกหมู่บ้านตั้งแต่เมื่อวานแล้วละค่ะ”
“ฮ๊ะ? ออกไปข้างนอกงั้นเหรอ? ตระกูลเล็ก ๆ ตระกูลไหนมีปัญหาอีกละ?”
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา หลังจากการประชุมลับระหว่าง ฮาชิรามะ และ มาดาระ หลังจากนั้น ตระกูลอุจิฮะ และ ตระกูลเซนจู ก็ไม่ได้ต่อสู้กันอีกเลย ดูเหมือนว่า มาดาระ จะรู้ตัวแล้วว่าอำนาจของพวกเขาเทียบกับ เซนจู ไม่ได้อีกต่อไป การก่อสงครามกับ เซนจู มีแต่จะทำให้พวกเขาสูญเสียเท่านั้น ดังนั้นแม้ว่าในแคว้นยังมีการต่อสู้อยู่บ้าง แต่มันก็เป็นแค่การต่อสู้กันของตระกูลเล็ก ๆ เท่านั้น
“ไม่ใช่หรอกค่ะท่านปู่ ดูเหมือนว่า ไดเมียว ของ แคว้นแห่งไฟ จะเรียกเขาไปพบมากกว่า” มิโตะ ตอบ
“ไดเมียว เหรอ?” มาซาฮิโกะ ดูมึนงงเล็กน้อย แน่นอนว่าเขารู้ว่าโลกใบนี้ไม่ได้มีเพียงแค่นินจาเท่านั้น
ประชากรส่วนใหญ่ใน แคว้นแห่งไฟ ประกอบไปด้วยชาวบ้านสะเป็นส่วนใหญ่ และมีประชากรเพียงนิดเดียวเท่านั้นที่เป็นนินจา ในขณะที่ชาวบ้านมีจำนวนมากกว่า 10 ล้านคน แต่นินจามีอยู่เพียงไม่กี่ 1,000 คนเท่านั้น ดังนั้นเมื่อประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวบ้าน ก็ต้องมีผู้ปกครองคนเหล่า นั้นก็คือ ไดเมียว นั้นเอง
การต่อสู้ของตระกูลต่าง ๆ ของเหล่านินจา อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของชาวบ้านธรรมดาได้ ดังนั้นพวกเขาจึงของให้ทั้งชาวบ้านและนินจา ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวซึ่งกันและกัน
แต่การที่ ไดเมียว เรียกให้ เซนจู ไปพบนั้น มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกมาก และ มาซาฮิโกะ ก็คิดว่ามันต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
จากนั้น มาซาฮิโกะ , เคนจิ และ มิโตะ ก็ไปที่ห้องโถงใหญ่พร้อมกัน
“ท่านพ่อ!” เด็กน้อยพูดออกมาด้วยความสุภาพเป็นอย่างมากจนทำให้ มาซาฮิโกะ ตกใจ…เขาประหลาดใจมากกับท่าที่ของเด็กน้อยที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือราวกับว่าเป็นคนละคนกับเมื่อกี้นี้ นั้นทำให้ มิโตะ ยิ้มอย่างภูมิใจอยู่ด้านหลัง ดูเหมือนว่าลูกของเธอจะได้รับนิสัยมารยาทดีของเธอมาเต็ม ๆ…
“ท่านปู่ มาที่นี่มีอะไรหรือเปล่าครับ หรือว่ามีข่าวใหม่เกี่ยวกับคัมภีร์ผนึก…?” มาซาฮิโกะ ถาม
“ฉันทำมันเสร็จแล้ว ฉันกำลังเขียนวิธีสร้างและขั้นตอนอย่างละเอียดเอาไว้แล้วด้วย จะได้เอาไปสอนคนอื่นให้ทำได้ แล้วจะได้มีไว้ใช้กันเยอะ ๆ” มาซาฮิโกะ พูดด้วยรอยยิ้ม
“เยี่ยมไปเลยครับ! ต่อไปนี้เราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการขนของแล้วสินะ!” ฮาชิรามะ ยิ้ม
“เอ้อ ฮาชิรามะ แล้ว โทบิรามะ ละ…” มาซาฮิโกะ ถาม
“โอ้ เขาเดินทางไปเมืองหลวงของ แคว้นแห่งไฟ ครับ ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นที่นั่น ไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอกครับ ท่านปู่” ฮาชิรามะ พูดอย่างไม่ใส่ใจอะไรนัก
หลังจากการสนทนาสั้น ๆ กับ ฮาชิรามะ จากนั้น มาซาฮิโกะ ก็กลับไปที่ห้องของเขา เพื่อเขียนวิธีสร้างคัมภีร์ผนึกให้เสร็จ และเมื่อเขาทำเสร็จ ช่วงเวลาที่วุ่นวายนี้ก็จะจบลง
เกือบ 4 ปีแล้วที่ มาซาฮิโกะ ออกจาก หมู่บ้านอุซึมากิ มา เมื่อทุกอย่างจบลง เขาก็คิดว่าจะพักอยู่ที่นี่อีกสัก 2 – 3 วัน ก่อนที่จะบอกลา ฮาชิรามะ และกลับ หมู่บ้านอุซึมากิ ไป
แต่เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ ๆ ฮาชิรามะ ก็เรียก มาซาฮิโกะ มาที่ห้องประชุมในกลางดึกของคืนนั้น
“ท่านปู่ ผมเพิ่งได้รับจดหมายจาก โทบิรามะ เขาบอกว่าตอนนี้ ไดเมียว ได้เชิญตัวแทนตระกูลนินจาทุกตระกูลของ แคว้นแห่งไฟ เข้าประชุม และตอนนี้ ตระกูลอุจิฮะ , ตระกูลนารา , ตระกูลอะบุราเมะ , ตระกูลอาคิมิจิ และ ตระกูลยามานากะ…ตระกูลเหล่านี้ไปถึงที่นั่นแล้ว และ โทบิรามะ กลัวว่าเขาจะไม่สามารถโต้แย้งกับพวกเขาได้เพียงลำพัง ผมเลยคิดว่าจะส่งท่านไป”
“ทำไมเป็นฉันละ?” มาซาฮิโกะ รู้สึกสับสน “ตระกูลเซนจู มีคนเก่ง ๆ อยู่อีกตั้งมากมาย ทำไมต้องเป็นฉันด้วยละ?”
“ตัวแทนของ ตระกูลอุจิฮะ ไม่ใช่ มาดาระ แต่เป็น อิซึนะ และตอนนี้ ตระกูลเซนจู ก็ไม่ค่อยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับชาวบ้านของ แคว้นแห่งไฟ สักเท่าไรนัก” ฮาชิรามะ รู้สึกอายที่จะยอมรับเรื่องนี้ “ส่วนเรื่องที่ทำไมต้องเป็นท่าน ท่านปู่ เพราะ โทบิรามะ เป็นคนของให้ท่านไป แม้ว่าบางทีท่านจะชอบพูดอะไรแปลก ๆ…เอ้ย หมายถึงมีวิธีคิดแปลก ๆ…”
“ก็แหงละ! บางทีฉันก็ชอบคิดอะไรไม่เหมือนชาวบ้านเขาเท่าไร…” มาซาฮิโกะ พูดอย่างขมขื่น
“เฮ้อ…เอาละ ฉันจะไป ฉันจะทำให้ดีที่สุดเพื่อประโยชน์ของ ตระกูลเซนจู แต่หลังจากนั้น ฉันคงต้องขอตัวกลับ หมู่บ้านอุซึมากิ ก่อน มันเป็นเวลากว่า 4 ปีแล้วที่ฉันไม่ได้กลับไปหมู่บ้าน และมันคงถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องกลับไป อีกอย่าง ฉันหวังว่าครั้งหน้าที่เราได้เจอกัน ท่านจะทำอะไรบางอย่างกับความซนของ เซนจูน้อย นะ…”
“โอเคครับ ขอโทษที่ทำให้ท่านปู่ต้องลำบากนะครับ…แต่เดี๋ยวก่อนนะครับ เคนจิ ไปทำตัวซนตอนไหนกันเหรอครับ?”
“ฮ๊ะ? ฉันเกือบจะต้องกระโดดหนีลงจากสะพานเพราะความวุ่นวายของเขา!” มาซาฮิโกะ หันหลังกลับและเดินออกจากห้องไป
ฮาชิรามะ ถูกทิ้งอยู่ในห้องคนเดียวกับเครื่องหมายคำถามบนในหน้าของเขา