Long Live The Hokage - ตอนที่ 20 : แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว มาซาฮิโกะ ก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีกนอกจากยอมรับผลที่จะตามมาเท่านั้น
เขาสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของแต้มที่เขาได้มาในครั้งนี้ นั้นก็คือเครื่องหมายหลังจำนวนแต้มนั้นเปลี่ยนไป จากสัญลักษณ์ปกติจะเป็น (+) แต่ครั้งนี้มันเป็น (X) และเมื่อเขาดูแถบสถานะของเขา เขาก็พบว่าแต้มการเข้าร่วมของเขาเพิ่มขึ้นมา 20 แต้ม
“ถ้าเราทำให้เรื่องที่เกิดขึ้นในการ์ตูนเกิดขึ้นก่อนเวลาที่ควรจะเป็น เราจะได้แต้มเพิ่มขึ้นงั้นเหรอ” มาซาฮิโกะ พึมพำกับตัวเอง “ถ้าอย่างงั้น เราก็ต้องรีบทำเรื่องอื่น ๆ…”
“ไม่ได้ เราจะต้องไม่เปลี่ยนเรื่องราวในการ์ตูน ไม่อย่างนั้น โลกใบนี้อาจแตกต่างไปจากที่เรารู้จักอย่างสิ้นเชิงเลยก็ได้ ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต…”
“แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็เป็นแค่การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนัก เราคงต้องรอดูว่าเมื่อ ฮาชิรามะ เรียนรู้ วิชาเซียน เร็วกว่าในการ์ตูน แล้วมันจะส่งผลกระทบต่อเรื่องราวในอนาคตหรือเปล่า?”
“นอกจากนี้ ถ้าจู่ ๆ มาดาระ เกิดแข็งแกร่งกว่า ฮาชิรามะ ขึ้นมา แล้ว ตระกูลอุจิฮะ เอาชนะในสงครามได้ต้องแย่แน่ ๆ”
ความคิดจำนวนมากไหลเข้ามาในหัวของ มาซาฮิโกะ แต่ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจที่จะปล่อยให้มันเป็นไป
“ตอนนี้เราต้องจดจ่ออยู่กับการเรียนรู้ วิชาเซียน เท่านั้น…” มาซาฮิโกะ คิด
หลังจากฝึกมาทั้งวัน พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าการฝึก วิชาเซียน นั้นหนักกว่าที่พวกเขาคิดไว้ในตอนแรก ดังนั้น ฮาชิรามะ จึงได้ส่ง ร่างแยกไม้ ของเขากลับไปที่ หมู่บ้านเซนจู เพื่อรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นกับ กลุ่มราศีตุลย์ ให้คนอื่น ๆ ทราบ จากนั้นเขาจะได้อยู่ที่นี่เพื่อฝึกวิชาเซียนได้อย่างไม่มีห่วง
ความโกรธของ มาซาฮิโกะ เรื่องที่เขาไม่ได้เห็นการพัฒนา คาถาเงาแยกร่าง ค่อย ๆ จางหายไป ตอนนี้เขารู้สึกสงสาร โทบิรามะ ขึ้นมาจับใจ เพราะเมื่อพี่ชายไม่อยู่ โทบิรามะ ก็ต้องเป็นคนทำงานทุกอย่างแทน และไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้ โทบิรามะ จะต้องทำงานจนตัวเป็นเกลียวอยู่อย่างแน่นอน
เป็นเวลากว่า 1 เดือนที่ มาซาฮิโกะ และ ฮาชิรามะ ฝึกวิชาเซียนอยู่ที่ ป่าชิโคซึ และในตอนนี้ ฮาชิรามะ ก็สามารถใช้ วิชาเซียน และใช้โหมดเซียนได้ ในขณะที่ มาซาฮิโกะ ยังคงติดอยู่ที่ขั้น 2 ของการฝึก คือการดูดซับพลังงานธรรมชาติเข้าสู่ร่างกายของเขาและผสานมันเข้ากับจักระของเขา
หลังจากนั้นอีก 2 เดือน ฮาชิรามะ ก็สามารถใช้โหมดเซียนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในขณะที่ มาซาฮิโกะ ยังคงติดอยู่ที่ขั้นที่ 2 เช่นเดิม
เมื่อมาถึงตอนนี้ มาซาฮิโกะ ก็สรุปได้ว่า ระบบได้จำกัดความสามารถในการเรียนรู้วิชาเซียนของเขา เพราะเขายังไม่ได้รับค่าสถานะ คุณสมบัติจักระธาตุ หยาง
หลังจากรู้ว่าตอนนี้เขาไม่สามารถเรียนรู้ วิชาเซียน ได้ มาซาฮิโกะ จึงหยุดการฝึกวิชาเซียนของเขา และเปลี่ยนเป้าหมายไปที่การหาวิธีใช้แต้มการเข้าร่วมที่ได้มาให้เกิดประโยชน์ที่สุดแทน
มาซาฮิโกะ ได้วางแผนที่จะตาม ฮาชิรามะ ไปตอนที่เขาจะไปสู้กับ มาดาระ
ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็จะไม่ยอมพลาดโอกาสที่จะได้รับแต้มการเข้าร่วม เป็นครั้งที่ 2 อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามด้วยความแข็งแกร่งและพลังใหม่ของ ฮาชิรามะ ในตอนนี้ ก็ทำให้ มาซาฮิโกะ เชื่อว่า ฮาชิรามะ จะมีแต้มต่อในการต่อสู้กับ มาดาระ ในครั้งต่อไปเป็นอย่างมาก เว้นแต่ว่า มาดาระ จะสามารถปลุก เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานิรันดร์ ขึ้นมาได้
แต่เมื่อการที่จะแข็งแกร่งขึ้นโดยการเรียนรู้ วิชาเซียน ไม่ได้ผลสำหรับ มาซาฮิโกะ ทางเดียวที่จะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นได้ในตอนนี้ก็คือใช้แต้มการเข้าร่วมของเขาเท่านั้น
ก่อนหน้านี้เขาเหลือแต้มการเข้าร่วมเพียงแค่ 34 แต้มเท่านั้น แต่หลังจากเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับ ฮาชิรามะ ทำให้เขาได้แต้มเพิ่มมาอีก 24 แต้ม รวมเป็นทั้งหมด 58 แต้ม ซึ่งเยอะที่สุดเท่าที่เขาเคยมี
เมื่อนึกถึงครั้งก่อนที่เขาเพิ่มค่าจักระไป 5.5 แต้ม มันทำให้พลังของ คาถานินจา ของเขานั้นแข็งแกร่งมากกว่าเดิมถึง 50% แล้วถ้าเขาเพิ่มค่าจักระเป็น 10 แต้มละ?
ตามข้อจำกัดที่ถูกกำหนด หลังจากเพิ่มไป 5 แต้มแล้ว แต้มต่อจะเพิ่มขึ้นแค่ 0.5 เท่านั้น ดังนั้น มาซาฮิโกะ จึงได้เพิ่มแต้มให้ค่าจักระไปอีก 9 แต้ม แต่สุดท้ายแล้วมันก็กลายเป็นว่าค่าจักระของเขา + เพิ่มเป็นแค่ 9.2 เท่านั้น…
“อะไรกันวะเนี่ย! หลังจาก +9 แล้ว มันจะเพิ่มแค่ 0.1 ต่อ 1 แต้มการเข้าร่วมเหรอวะเนี่ย?!” มาซาฮิโกะ บ่น เมื่อเห็นแบบนั้นเขาจึงกัดฟันแล้วเพิ่มเข้าไปอีก 8 แต้ม
“จักระ : 1,582 (+9.75) (+)”
“ฮ๊ะ?! ยังแค่ 9.75 เองเหรอ จะบ้ารึเปล่า?! นี้ไอ่เจ้าระบบบ้า แกกำลังถ่วงไม่ให้ฉันไปถึง +10 หรือไง?! ไอ่#[email protected]!*&%#…” มาซาฮิโกะ รู้สึกหัวเสียเป็นอย่างมาก เขาเพิ่มแต้มให้ค่าจักระไปแล้ว 17 แต้ม แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ถอดใจแค่นี้ ดังนั้นเขาจึงเพิ่มไปอีก 5 แต้ม!
และในที่สุด แถบค่าจักระของเขาก็เปลี่ยนไป
“จักระ : 1,582 (+10) (แปลงสภาพ)”
แปลงสภาพ? เครื่องหมาย (+) หายไปแล้ว แต่ตอนนี้มันกลายเป็นคำว่า แปลงสภาพ!
“เอาล่ะ ถ้างั้น +10 ก็คือตีบวกสูงสุดงั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าเราจะไม่ต้องใช้แต้มทั้งหมดเพื่อเพิ่มค่าบ้านี้แล้วสินะ…” มาซาฮิโกะ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหน็บแนมเล็กน้อย…
“ดูเหมือนว่าพลังของ คาถานินจา ของเราจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเลยนะเนี่ย แต่ไอ่คำว่า แปลงสภาพ นี้มันหมายถึงอะไรกันแน่?”
ด้วยความสงสัย มาซาฮิโกะ จึงลองแตะไปที่คำว่า แปลงสภาพ แล้วทันใดนั้นเขาก็รู้สึกราวกับว่าเขากำลังถูกห่อหุ้มไปด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดของพลังด้านมืด และหลังจากนั้น 1 นาที มันก็กลับเป็นปกติเช่นเดิม แต่เมื่อเขามองดูแถบสถานะของเขา เขาก็สังเกตุเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น
ชื่อ : อุซึมากิ มาซาฮิโกะ
อายุ : 31 (-)
คาถานินจา : 245 (X2) (+)
ความแข็งแกร่งร่างกาย : 118 (X2) (+)
จักระ : 1,521 (+10) (แปลงสภาพ)
(ขณะอยู่ใน โหมดเซียน คุณจะต้องใช้ค่าจักระ 1 ค่าต่อชั่วโมง)
วิชาพื้นฐาน : LV 10 (100000) (Max Level)
ความชำนาญการใช้ดาวกระจาย : LV 10 (100000) (Max Level)
คุณสมบัติจักระธาตุ
คาถาดิน : LV 3 (30458/100000) (+)
คาถาลม : LV 4 (116764/200000) (+)
คาถาไฟ : LV 3 (29985/100000) (+)
คาถาน้ำ : LV 2 (10000/20000) (+)
คาถาสายฟ้า : LV 2 (10000/20000) (+)
จักระธาตุ หยาง : LV1 (0/10000) (+)
วิชาสะกด : LV 5 (200000/400000) (+)
ทักษะพิเศษ: การรับรู้(ตรวจจับ)
ระดับ : S-
แต้มการเข้าร่วม : 36
“โหมดเซียน งั้นเหรอ? เราคิดว่าตอนนี้เรายังเรียนรู้วิชาเซียนไม่ได้สะอีก” มาซาฮิโกะ รู้สึกได้ถึงพลังงานธรรมชาติที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขาทันทีหลังจากที่เขาแตะที่คำว่า แปลงสภาพ
“สงสัยตอนที่เราเรียนรู้วิชาเซียน ร่างกายของเราคงจะได้รับ คุณสมบัติธาตุหยาง มา น่าตกใจจริง ๆ และที่สำคัญ ความแข็งแกร่งของร่างกาย รวมไปถึง คาถานินจา ของเราก็แข็งแกร่งขึ้นเป็น 2 เท่าอีกด้วย! และระดับของเรา…ตอนนี้มันกลายเป็นระดับ S- งั้นเหรอ? บางทีนี่อาจเป็นระดับเดียวกับ ผู้นำตระกูล ซึ่งต่ำกว่าระดับ คาเงะ…ถ้าอย่างนั้น ระดับ S คงจะเป็นระดับต่อไปสินะ?”
มาซาฮิโกะ ยิ้มด้วยความพึงพอใจ การเลื่อนระดับของเขาในครั้งนี้ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก และเขาก็ยังมีแต้มการเข้าร่วมเหลืออยู่อีกถึง 36 แต้ม หลังจากพิจารณาแล้ว เขาก็ตัดสินใจลองเพิ่มแต้มไปที่ค่า จักระธาตุ หยาง