Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ - ตอนที่ 1221
ตอนที่ 1221 ความฝัน!
“อ๊า…..” เย่ว์หยางสะดุ้งตื่นจากฝันลุกขึ้นนั่ง
“เกิดอะไรขึ้น” ไห่หลานกำลังหลับและตื่นขึ้น ถามเขาด้วยอาการเกียจคร้านเล็กน้อย
“ข้าฝัน” เย่ว์หยางพยายามระลึก แต่เขารู้สึกได้ว่าเป็นฝันที่ชัดเจนมาก หลังจากตื่นขึ้น เขาจำอะไรไม่ได้เลย เขาขมวดคิ้ว “ในฝันของข้า ดูเหมือนข้ากลับไปที่หอทงเทียน ไม่, ดูเหมือนว่ามีเสียง จากนั้นข้ากลับไปหอทงเทียน… บางทีเป็นเสียงเรียกให้กลับไปหอทงเทียน ข้ารู้ว่าเป็นฝันที่ชัดเจน แต่เมื่อตื่นขึ้น ข้ากลับลืมได้อย่างไร?”
“พักก่อนเถอะ” ไห่หลานเดาว่าบางทีอาจมีสาเหตุมาจากการต่อสู้ที่หนักหน่วงก่อนหน้านี้ รวมทั้งแรงกดดันยิ่งใหญ่จากเทพปีศาจเว่ยกวง ดังนั้นนางปลอบโยนเย่ว์หยาง “พักก่อนเถอะ เจ้าปรับตัวให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ เราจะสนับสนุนเจ้าเต็มที่!”
“แต่ข้า…” เย่ว์หยางรู้สึกว่าไม่สามารถพูดออกไปได้ ดูเหมือนมีบางอย่างที่เขาจำเป็นต้องทำด้วยตัวเอง แต่เขากลับลืมไป
หลังจากมึนงงเขาไตร่ตรองเป็นร้อยครั้งเด็กหนุ่มข้ามโลกจึงหลับได้อีกครั้ง
ในความฝัน เขายังคงรู้สึกได้ถึงเสียงๆ หนึ่ง
ร้องเรียกตัวเขาจากดินแดนห่างไกล
เขาค้นหาโดยตลอด
เขาต้องการดูว่าใครกำลังเรียกเขา แต่เขาไม่สามารถค้นหาร่องรอยพบเจอ
รอจนเขาตื่นขึ้นอีกครั้ง ยังมีความสับสนอยู่ในจิตสำนึกของเขาเล็กน้อย แต่เขาตอบสนองอย่างรวดเร็วจนคนที่อยู่รอบด้านตกใจ ขณะนั้นไม่ทราบว่ามีคนรายล้อมอยู่เต็มตั้งแต่เมื่อใด อู๋เหิน เย่ว์หวี่ จุ้ยมาวอี้ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน รวมทั้งนางเซียนหงส์ฟ้าและราชันย์ปีศาจใต้ พวกนางนั่งพร้อมหน้าอยู่ที่หน้าเตียง ทุกคนมองเขาตาไม่กระพริบจนเด็กหนุ่มข้ามโลกรู้สึกอาย
เพราะก่อนเข้านอนเขามีสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาทั่วไป จึงทำให้ตอนนี้เย่ว์หยางอยู่สภาพเปลือย
โชคดีที่ยังมีผ้าห่มบางๆ คลุมตัว
มิฉะนั้นภายใต้สายตาผู้คนมองดู เย่ว์หยางคงต้องแทรกแผ่นดินหนีเป็นแน่
“ทำไมพวกเจ้าถึงมาอยู่กันที่นี่?” เย่ว์หยางรีบเอาผ้าห่มคลุมตัวก่อนที่ราชันย์ปีศาจใต้และนางเซียนหงส์ฟ้าจะมีโอกาสแกล้งลากออกไป
“ไห่หลานบอกว่าเจ้ากระสับกระส่ายและกระวนกระวายใจฝันร้ายเสมอ นางห่วงเจ้ามาก ดังนั้นเราจึงมาเยี่ยมชมดู” อู๋เหินผู้อ่อนโยนที่สุดไม่เพียงใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดหน้าให้เย่ว์หยางเท่านั้น แต่นางชงชาให้เขาดื่มแก้กระหาย
“ก็แค่ฝัน!” เย่ว์หยางทำเป็นจิบชาอย่างสบายๆ
“แต่เจ้าฝันมาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม และดูเหมือนว่าจะรู้สึกเจ็บปวดมาก เจ้าพูดถึงเรื่องความฝันแต่เราไม่เข้าใจว่าเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร ข้าได้ยินว่าเป็นไฟสงคราม และใครที่เจ้ากำลังต่อสู้ในความฝันกันแน่?” จุ้ยมาวอวี้ถามอย่างงงงวย เดิมทีทุกคนมีสายแพรเชื่อมใจและใจสองดวงเหมือนกับเป็นดวงเดียวกัน แต่ดูเหมือนว่านี่เป็นความฝันที่แปลก ไม่มีทางรู้สึกถึงได้ พวกนางรู้สึกสับสนและกังวลห่วงใยเย่ว์หยาง ไม่สามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นในความฝันของเขา
“ข้า….” เย่ว์หยางจำได้ว่าเขาพบว่าตนเองอยู่ในโลกแห่งความฝันที่ชัดเจน แต่แล้วก็กลับลืมไปอีกครั้ง เขาต้องการจะจำเรื่องสำคัญบางอย่างจริงจัง และราวกับว่าต้องการกระตุ้นตนเองในความฝันให้จดจำสิ่งนั้นไว้ แต่แล้วเมื่อเขาตื่นขึ้น เขากลับลืมไปโดยสิ้นเชิง
“อี้หนานไม่ได้อยู่ที่นั่น มิฉะนั้นนางอาจรู้ได้บ้างด้วยกระจกวิญญาณ” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนต้องการพูดถึงเรื่องเสวี่ยอู๋เสีย ถ้านางมีคัมภีร์แห่งสัจจะและสามารถสื่อสารทางจิตได้กับเย่ว์หยาง นางคงจะค้นพบว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน เพราะอาการตอบสนองที่ผิดปกติของเย่ว์หยางทำให้ทุกคนสงสัย หรือว่าจะเป็นผลจากเทพปีศาจเว่ยกวง?
หรือว่าเทพปีศาจเว่ยกวงกำลังส่งผลบางอย่างต่อเย่ว์หยาง?
ถ้ามันส่งผลถึงสถานะของเย่ว์หยาง
อย่างนั้นเทพปีศาจเว่ยกวงจะต้องได้ประโยชน์ในการต่อสู้ใหญ่ครั้งต่อไปอย่างมิต้องสงสัย
มีเพียงจุดเดียวที่น่าสงสัยก็คือเทพปีศาจเว่ยกวงมีอิทธิพลต่อเย่ว์หยางอย่างไร? เย่ว์หยางอยู่ในโลกคัมภีร์ของตนเอง ทั้งยังเข้าไปในโลกคัมภีร์ของไห่หลานอีกชั้นหนึ่ง ต่อให้เทพปีศาจเว่ยกวงแข็งแกร่งมากกว่า เขาไม่สามารถส่งผลต่อคนอื่นที่อยู่ในโลกคัมภีร์ได้ไม่ใช่หรือ? นั่นเป็นกฎสวรรค์โบราณที่นักสู้ระดับเทพไม่อาจมีอิทธิพลเหนือได้ บางทีอาจเป็นเทพโบราณจึงจะทำลายกฎและเปลี่ยนแปลงกฎได้!
ถ้าไม่ใช่เทพปีศาจเว่ยกวงแล้ว อย่างนั้นจะเป็นใครไปได้?
ใครที่สามารถแทรกแซงจิตใจของเย่ว์หยางนักสู้ระดับกึ่งเทพให้ตื่นในความฝัน และอยู่ในฝันร้ายได้?
ทุกคนตกอยู่ในอาการครุ่นคิด แผนเดิมของเย่ว์หยางที่ต้องการสร้างร่างกายสมบูรณ์ให้ชิงผิงถูกขัดจังหวะ โชคดีที่ชิงผิงยังอยู่ในช่วงนอนจำศีลอยู่ในหอยมุกอย่างสงบ มิฉะนั้นนางคงจะผิดหวังมาก
เพราะนางมองหาทางที่จะกลับไปอยู่กับตัวลามกใหญ่ในหัวใจนาง ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางจะชะเง้อคอรอคอยนานเพียงไหน
“ไม่ว่ายังไงก็ตาม ข้าจะต้องฆ่าเทพปีศาจเว่ยกวงให้ได้อยู่แล้ว!” เย่ว์หยางไม่ยอมให้เรื่องนี้กระทบกระเทือนจิตวิญญาณนักสู้ของเขา
การเก็บเกี่ยวผลในมิติดินแดนฝึกฝนไม่ได้อยู่ในเส้นทางหาคัมภีร์เทพ
นั่นไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่ในหัวใจของเขา
สมบัติเทพมักจะเลือกเจ้าของและเจ้านาย
คัมภีร์เทพก็เป็นเช่นนั้น ชาวโลกไม่สามารถจะเรียกร้องได้
ผลเก็บเกี่ยวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเย่ว์หยางคือทุกครั้งที่เขาสามารถผ่านด่านแต่ละด่านตั้งแต่ด่านที่สี่ไปจนถึงด่านที่เจ็ดด่านหุบเขามนุษย์ ในแต่ละด่านระดับจะได้รับประสบการณ์ชีวิตและความรู้สึกของชีวิตในระดับที่แตกต่างกัน ในเวลาเดียวกันสิ่งที่สร้างอิทธิพลให้เขามากที่สุดโดยที่เขาไม่รู้ตัวก็คือการเรียนรู้การสร้าง ทำลาย และความนิรันดรที่เขาได้รับรู้ในโลกไร้ที่สิ้นสุดของคัมภีร์เงินจากเทวทูตสามสาว พวกนางทำให้เย่ว์หยางรู้แจ้งและบอกความจริงเกี่ยวกับการสร้าง ทำลายและความนิรันดรที่แท้จริงกับเขา นักรบที่ไม่เข้าใจความจริงนี้มีแม้ในทุกระดับ แม้กระทั่งในระดับเทพความเข้าใจแตกต่างกัน พลังก็ต่างกันเหมือนกับธุลีในความว่างเปล่าสับสนผ่านเวลามาเนิ่นนาน ไม่ควรแก่การเอ่ยอ้าง
นอกจากนี้ความรู้แจ้งของเขายังมีควบคู่ไปกับคำแนะนำของเทพธิดากระบี่ฟ้าซึ่งมีมาพร้อมกับความเข้าใจบรรลุความก้าวหน้าขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
เย่ว์หยางอยู่ในระดับนักสู้กึ่งเทพ แต่พลังเจตจำนงของเขาอยู่ระดับเดียวกับชั้นเทพ ระดับพลังจึงมิอาจระบุได้
การฆ่าบุรุษลึกลับผู้แข็งแกร่งอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
คนลึกลับผู้นี้เป็นคนในยุคเดียวกับเทียนอี้เจ้าตำหนักสูงสุดแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่จีอู๋ลี่ก็ยังได้แต่ต่อสู้เหมือนสุนัขจนตรอกเมื่อสู้กับเขา แน่นอนว่าการฆ่าคนลึกลับผู้นี้ได้ เย่ว์หยางไม่คิดว่าเป็นพลังของเขาที่สามารถควบคุมได้จริงๆ ส่วนใหญ่อาศัยไพ่ชะตา โดยเฉพาะพลังของยักษ์เทพชะตา
ความจริงยังเร็วเกินไปที่จะท้าสู้เสี่ยงตายกับเทพสงคราม อย่าว่าแต่ฆ่าเขาเลย
การต่อสู้ที่หนักหน่วงคราวนี้ทำให้เย่ว์หยางตระหนักถึงระยะห่างระหว่างเขาและเทพอมตะจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลังสร้าง พลังทำลาย พลังนิรันดร สามเรื่องที่เทวทูตสามสาวคิด ขนาดมังกรปีศาจทั้งสามนางยังคิดว่าเขาโง่ด้วยซ้ำ ถ้าเป็นตงฟางแห่งตำหนักใหญ่ หรือเทียนอี้เจ้าตำหนักสูงสุดเล่า แม้กระทั่งจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อที่ยังคงถูกผนึกไว้ และเทพปีศาจเว่ยกวงที่เตรียมพร้อมออกมาต่อสู้… ฯลฯ เดี๋ยวก่อน คนเก่าแก่เหล่านี้มีทั้งศัตรูและมิตรสหาย คนแปลกหน้าที่คุกคาม ศัตรูเบื้องหน้าหรือเป้าหมายในอนาคต เย่ว์หยางยังไม่สามารถเอาชนะได้ในบัดนี้!
ถ้าเขาต้องการจะไล่ตามสหายเก่าแก่เหล่านี้ให้ทันและท้าทายพวกเขา อย่างนั้นเขาต้องใช้เวลาฝึกฝนให้มากขึ้น!
“เริ่มการฝึกได้, ข้าจะลงมือกับเจ้าก่อน!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนดูเหมือนจะลืมไปแล้วว่าเย่ว์หยางตีก้นนางทำให้นางขายหน้า ตอนนี้นางมองดูเย่ว์หยางที่มีจิตวิญญาณพร้อมแต่สู้ มองผิวเผินนางไม่พูดอะไร แต่นางเห็นด้วยในใจอย่างแน่นอน บุรุษผู้นี้จะไม่ยอมถอยและจะท้าทายสู้กับสุดยอดวิทยายุทธ สู้ด้วยขวัญกล้าเทียมฟ้า นั่นคือสิ่งที่นางยินดีที่สุด และขณะเดียวกัน เป็นสิ่งที่นางภูมิใจอย่างที่สุดในชีวิตของนาง
“ก็ได้!” เย่ว์หยางกระโดดขึ้นอย่างตื่นเต้น และมีความมั่นใจอย่างมาก
เขาลืมตัวไปว่าตอนนี้เขากำลังเปลือยร่างอยู่
พอเขากระโดดขึ้น
ร่างกายจึงไม่มีสิ่งใดบดบังแม้แต่น้อย
จุ้ยมาวอี้ตกตะลึง ราชันย์ปีศาจใต้ปิดปากหัวเราะ นางเซียนหงส์ฟ้ายกนิ้วให้ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผละออกห่าง นางพูดไม่ออก เย่ว์หวี่กุมขมับปวดหัวกับน้องชายนาง นี่ไม่ใช่ครั้งแรก… หลิวเย่นั่งอยู่ที่มุมห้องหน้าแดงด้วยความอายนางใช้มือปิดหน้าไม่กล้ามองดู เซี่ยอีนั่งอย่างสงบฟังเรื่องราวฝันร้ายของเย่ว์หยาง แต่ในตอนนี้นางปากอ้าค้างตะลึงอยู่นาน
นั่นไม่น่าแปลกใจ เพราะจากมุมมองของนางชัดเจนเกินไป
มีแต่อู๋เหินที่สุภาพอ่อนโยนที่สุดและสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ที่อยู่ใกล้นางไม่ลืมใช้ผ้าห่มคลุมตัวเขาทำให้บรรยากาศที่น่าอึดอัดผ่อนคลายบ้างเล็กน้อย
หอทงเทียน
วังเทียนหลัว ชั้นที่หนึ่ง ทวีปมังกรทะยาน
ไม่มีทหารยามเฝ้าประตูวังให้เห็น แม้แต่แม่ทัพเฉียนมู่ผู้ซื่อสัตย์และระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่มากที่สุดก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ จนกระทั่งหญิงสาวเจ้าหน้าที่หน้าห้องเตรียมจะออกไปกินข้าว นางพบว่ามีคนแปลกหน้าสองคน ไม่รู้ว่าพวกเขามายืนอยู่นอกห้องโถงตั้งแต่เมื่อใด ในสถานที่แห่งนี้ แม้แต่เย่ว์หยางคุณชายสามตระกูลเย่ว์ที่รู้จักคุ้นเคยกันดีก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า แต่ในวันนี้มีคนแปลกหน้ามาถึงอย่างไม่คาดคิดเกินกว่าที่เจ้าหน้าที่วังผู้นี้คาดหมาย
คนแปลกหน้าสองคนสามารถปกปิดองครักษ์วังแม่ทัพเฉียนมู่ลอบเข้ามาในวังได้ และมาถึงห้องโถงประทับของฝ่าบาทโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
เป็นไปไม่ได้ที่คนผู้นี้จะอ่อนแอ
ในฐานะนางกำนัลประจำวังทำหน้าที่สนองงานฝ่าบาท นางได้รับการศึกษาดีที่สุดในโลก
หลังจากตกใจ นางไม่ได้ตะโกนใส่หน้ามือสังหารแต่รีบกลับไปหาองครักษ์คุ้มกัน แต่นางกลับยิ้มอย่างสุภาพ ขณะเดียวกันนางไม่ลืมหน้าที่หลัก แจ้งข่าวกับฝ่าบาท
นางรีบปล่อยคนทั้งสองซึ่งไม่รู้ว่าเป็นนักฆ่าหรืออาคันตุกะและแยกจากไปอย่างสงบ
ในเวลานี้ในที่ห่างไกลออกไปจากตำหนัก
พวกเขาไม่ตื่นตระหนกหลังจากสะดุ้ง ก็ให้คำตอบเหมือนนางกำนัลก่อนหน้านั้น และดูเหมือนคนแปลกหน้าทั้งสองคนจะไม่สนใจ และเดินหน้าต่อ
“ท่านชุนหวี ข้าเห็นภาพนี้ รู้สึกว่านางกำนัลทั้งสองเรียนรู้และก้าวหน้าได้ดีไม่ทราบว่าพวกเขาดูแลกันอย่างไร? มีธรรมเนียม มารยาทอะไร? มีแนวคิดอย่างไร? นี่คือ.. ข้าคิดว่าในโลกนี้มีเพียงที่นี่มีเพียงเด็กสาวพวกนี้ที่พอเอ่ยอ้างได้!” คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าเล็กน้อยเป็นบุรุษวัยกลางคนในชุดคลุมขาว คนผู้นี้มีบุคลิกสง่างาม ดูจากภาพรวมดูเหมือนเป็นบัณฑิตทรงภูมิรู้หรือนักกวี ดวงตาที่ลึกซึ้งทอประกายปัญญาที่คลุมเครือ ไม่ต้องพูดถึงคนทั่วไป แม้แต่คนมีชื่อเสียงในโลกถ้าเห็นดวงตาเหล่านี้เชื่อว่า คงอดละอายใจไม่ได้
มองดูเหมือนไม่มีพลังยุทธ์ใดๆ แต่ดวงตาของเขาสามารถทำให้คนที่เห็นรู้สึกว่าเขาทรงพลังที่สุดในโลก
ความรู้และภูมิปัญญาที่เหนือกว่าทุกอย่าง
นอกจากนี้บัณฑิตปราชญ์ผู้นี้
ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้
แม้แต่คนที่ยืนอยู่ข้างบัณฑิตวัยกลางคนนี้ เป็นชายชราที่ทรงภูมิรู้ แต่เนื่องจากเขายืนอยู่ข้างบัณฑิตวัยกลางคนที่เป็นเหมือนดวงจันทร์ทอแสง เขาจึงเหมือนกับดวงดาวที่อับแสงทันที
ภูมิปัญญาแบบนี้ไม่เพียงแต่ภูมิรู้เท่านั้น แต่ยังคงเป็นพลังอีกด้วย
มีพลังอยู่ในหีบ โลกก็เหมือนอยู่ในหีบไปด้วย
“สองท่านเดินทางไกลหลายพันไมล์ จะคุยกันแต่เรื่องหญิงรับใช้ของข้าเท่านั้นหรือ?” เสียงของจักรพรรดิดังเหมือนความฝัน เหมือนน้ำพุฤดูใบไม้ผลิ
“แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่มาเพราะเรื่องนี้” ชายชราหน้าทารกที่ถูกเรียกว่าชุนหวีหัวเราะอารมณ์ดี “ข้าได้ยินมาว่าฝ่าบาทเก่งในทางสร้างฝันและภาพลวงตา เราผู้ชราก็เป็นนักฝันเช่นกัน ข้ามีใจคิดจะสนทนากับฝ่าบาท อยากให้ฝ่าบาทให้คำแนะนำข้าด้วย!”