[LN] ใครกันที่เป็นคนตัดสินว่าผมมีเลิฟคอมเมดี้ในชีวิตจริงไม่ได้ - ตอนที่ 20
“การซ้อมเชียร์จบแล้ว! แยกย้ายได้!”
เมื่อคำพูดนั้นจากกัปตันเชียร์ดังออกมา บรรยากาศในห้องโถงเบียคโกะก็เริ่มผ่อนคลายลงทันที
ข้างในนี้อากาศอากาศค่อนข้างอบอ้าว เนื่องจากมีนักเรียนปี 1 มารวมอยู่อย่างเนืองแน่น
ผมยกคอเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อ ซึ่งครึ่งหนึ่งเกิดจากความร้อน ครึ่งหนึ่งเกิดมาจากความตื่นเต้น
“ฟู่ว์~ จบแล้วๆ”
คุณคิโยซาโตะที่อยู่ข้างๆ ผมกำลังถอนหายใจ ผมชุ่มเหงื่อที่เกาะแก้มของเธอมันช่างยวนยีอารมณ์
—ท่าทางของคุณคิโยซาโตะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยนับตั้งแต่ตอนนั้น
ผมได้ทำการตรวจสอบและสืบข้อมูลของเธอมาเพิ่มเติมแล้ว แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลไหนที่สามารถอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอในตอนนั้นได้
“อื้ม~ พอยกแขนทั้งวันแล้วเมื่อยไหล่จังเลย”
…คุณคิโยซาโตะกำลังยืดแขนอยู่ตรงหางสายตาของผม ในเวลาเดียวกัน หน้าอกที่เกาะติดกับเสื้อผ้าของเธอซึ่งทอดยาวไปตามลำตัวก็ได้วาดโค้งเป็นครึ่งวงกลมอันงดงาม
ไก่อ่อนอย่างผมทำได้แค่เหลือบมองสิ่งนั้นและคร่ำครวญในใจว่า “โธ่เว้ย ถ้านี่เป็นภาพประกอบไลท์โนเวล เราก็คงจ้องมันได้ไปแล้ว”
“ฟู่ว์~ ได้เหงื่อดีจัง ถ้าเกิดกิจกรรมชมรมอยู่ระดับนี้บ้างก็คงดี”
โทคิวะดูสงบนิ่งมาก
เอาเถอะ ถ้าเอาไปเทียบกับตอนซ้อมบาสแล้วมันก็คงจะง่ายกว่าจริงๆ นั่นแหละ ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
“จะว่าไปแล้ว ชุดทางการของกัปตันนี่คือชุดฮากามะสินะ พอไม่ใช่ชุดกาคุรันแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกับโรงเรียนหญิงในอดีตเลยนะ”
ใบหน้าของโทริซาวะก็ยังดูคูลเช่นเดิม แม้ว่าจะไม่เทียบเท่ากับชมรมกีฬา แต่การอยู่ในวงดนตรีก็นับว่าเป็นเกมทดสอบความแข็งแกร่งทางร่างกายเช่นกัน ว่าแต่ ช่วยหยุดเช็ดหงื่อด้วยชายเสื้อสักทีได้ไหมครับ คุณกำลังทำให้สาวๆ มองเห็นเรือนร่างอันเพรียวบางของคุณอยู่นะ เจ้าหนุ่มหล่อคนนี้
“เจ๋งไปเลยใช่ไหม! ฉันยังแปลกใจเลยนะที่มีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นกัปตันเชียร์ด้วย นั่นเองก็เป็นประเพณีด้วยรึเปล่า”
“น่าจะเป็นแบบนั้น เพราะที่เคียวนิชินี้สมาชิกเชียร์ที่เป็นผู้ชายมันมีน้อยน่ะนะ”
“ยิ่งไปกว่านั้น รุ่นพี่ที่เป็นกัปตันเชียร์นี่น่ารักมากเลยว่าปะ ฉันอยากจะเข้าไปใกล้เขากว่านี้นะ….แต่เขาก็แอบดูน่ากลัวนิดๆ”
ตรงกันข้ามกับบรรยากาศตึงเครียดก่อนหน้านี้ บริเวณโดยรอบของเราเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและคึกคัก
การซ้อมเชียร์นั้นใช้พลังกายมากพอกับที่เล่าลือกันเลย ไม่ว่าจะหล่อสวยมายังไง แต่ถ้าเป็นคนไม่อดทนมันก็อยู่ลำบากอยู่ดี
ผมเองก็ลำบากเพราะถูกนำมาไว้ที่หัวแถว แถมกัปตันและเหล่ารุ่นพี่เชียร์ที่อยู่ตรงหน้าของผมก็ยังเสียงดังมาก ถึงอย่างนั้นผมก็ต้องจงใจทำพลาดเพราะโดนเซตติ้งร้องเพี้ยนมากดไว้ ต้องโดนตะโกนใส่ราวกับถูกปืนจ่อต่อหน้าแบบนี้มันลำบากนะ ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วยเถอะครับ
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น—การซ้อมเชียร์ก็ได้จบลงไปแล้ว
‘อีเวนต์ฉลองจบงาน’ ได้ถูกกำหนดไว้อย่างเป็นทางการแล้วหลังช่วงวันหยุดยาวและงานส่งตัวนักกีฬา แต่นั่นมันก็ไม่ได้ทำให้ผมสามารถเอาเวลาหลังเลิกเรียนมาใช้ประโยชน์ได้เลย
ผมได้ถามกับทุกคนมาล่วงหน้าแล้วว่าพวกเขาไม่ได้มีแผนจะไปทำอะไรต่อจากนี้ บางทีแล้วมันอาจจะถึงเวลานำเสนอ ‘อีเวนต์เดินอ้อมกลุ่ม’ ที่ผมได้เตรียมเอาไว้
เมื่อคิดเสร็จผมก็หันหน้าไปมองทุกคน ทันใดนั้นเองผมก็ได้มองเห็น คัตสึนุมะ อายูมิ กำลังมองมาที่พวกเราจากหางตา
อุก! แย่แล้ว ถ้าเกิดถูกขัดจังหวะอย่างทุกครั้งต้องลำบากแน่
ผมรีบส่งเสียงเรียกออกไปท่ามกลางฝูงชน
“อ๊ะ ทุกคน หลังจากนี้มีแผน—”
“ดีจ้า!”
“อะไรม๊าย~!?”
การปรากฏตัวของอุเอโนะฮาระอย่างกะทันหันได้ทำให้ผมตะโกนออกไปด้วยเสียงแปลกๆ
“เสียงร้องตัวอะไรกันเนี่ย ตลกชะมัด”
ตลกแป๊ะเธอดิฟะ! บัดซบ ตามแผนการเดิมคือเธอจะต้องมาเข้าร่วมทีหลังนะ! สนุกไหมที่ได้ปั่นหัวฉันเล่นแบบนี้!?
“…อ๊ะ อายาโนะ ดีจ้า!”
“โอ๊ะ อายาโนะจัง เหนื่อยหน่อยนะ”
“ขอบคุณทุกคนที่เหน็ดเหนื่อย~ จะกลับบ้านกันเลยหรือเปล่า หรือว่าจะไปที่อื่นกันต่ออีก”
อุเอโนะฮาระโบกมือตรงหน้าอกและมองมาหาผม
…โอ๊ะ นี่จะมาช่วยฉันเริ่มอีเวนต์ใช่ไหม เธอควรจะบอกฉันเอาไว้ล่วงหน้านะ
“นี่ ทุกคน ถ้าหลังจากนี้ว่างลองไปแวะข้างทางกันหน่อยไหม ฉันเจอร้านดีๆ มาด้วยนะ”
“อ๊ะ ฉันอยากกินของหวานล่ะ ขอบคุณที่เลี้ยงค่ะ”
การซัพพอร์ตของอุเอโนะฮาระถูกส่งมาทันที ช่างเป็นการตามน้ำอันสมบูรณ์แบบ…ไม่สิ
“เฮ้ยตรงนั้น ทำไมทำเหมือนว่าฉันจะเป็นคนเลี้ยงเลยฟะ”
“เอ๊ะ ก็เพราะนากาซากะคุงจะเลี้ยงให้ทุกคนไม่ใช่เหรอ เพื่อเป็นการขอโทษเรื่องฉลากน่ะ”
“ฮึ่มๆๆ…”
“ยอมจ่ายค่าปรับให้ทุกคนดีๆ ด้วยล่ะ”
อ๊ากบัดซบ! นี่เธอจะใช้จิตวิทยามาลดอุปสรรคในการโน้มน้าวคนอื่นเก่งเกินไปแล้ว! แม้แต่คำพูดเรื่องค่าปรับของคุณคิโยซาโตะเธอก็ยังเอามาใช้เป็น ‘คำใบ้’ ในการโน้มน้าวได้ด้วยซ้ำ แต่ดีมาก จงทำต่อไปซะ! เอ๊ะ ไม่สิ… แล้วเรามีเหตุผลอะไรที่ต้องไปเลี้ยงยัยนี่ด้วยล่ะ
แค้นนี้ฝากไว้เลย…เดี๋ยวจะไปเรียกเก็บเงินเธอทีหลังแน่นอน ยังไงเราก็กะจะหาทางขอโทษเรื่องฉลากสักทางหนึ่งอยู่แล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายเกินงบของเดือนนี้ก็คงต้องไปงัดเงินเก็บมาใช้
เพื่อให้การทำงานของผู้สมรู้ร่วมคิดของผมมีประสิทธิภาพ ผมจึงรีบตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
“…เอาเถอะ ถ้าแค่นั้นฉันจะเลี้ยงให้ก็ได้ ยังไงซะฉันก็สร้างภาระให้กับทุกคนด้วย จะให้เลี้ยงของหวานหรืออะไรดีล่ะ”
เมื่อพูดจบผมก็มองไปรอบๆ ทั้งสามคน
เดี๋ยวพอได้รับการอนุมัติจากทุกคนแล้ว เราค่อยโทรไปจองแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้า
แต่ในขณะที่ผมกำลังมั่นใจว่าอีเวนต์จะดำเนินไปแบบนั้น
“เอ่อ…ขอโทษนะนากาซากะคุง คือหลังจากนี้ฉันมีนัดเอาไว้น่ะ”
พูดเสร็จคุณคิโยซาโตะก็เอามือประสานไว้ที่หน้าอกเป็นการขอโทษ
“เอ๊ะ มีนัด?”
“ก็ตามนั้นแหละ… พอดีฉันนัดไปเที่ยวกับกลุ่มอื่นเอาไว้น่ะ อีกเดี๋ยวก็ไปแล้วล่ะ”
ฮะ เดี๋ยวนะ
กลุ่มอื่นนี่…หมายถึงกลุ่มไหนน่ะ
เราไม่เห็นจะรู้เรื่องเลยซักแอะ
“อ๊ะ ดูเหมือนว่าใกล้จะได้เวลานัดแล้ว! แล้วเจอกันนะ!”
คุณคิโยซาโตะยิ้มกว้างๆ แล้วก็หันไปยังตรงทางออก
“ขอบคุณสำหรับวันนี้! แล้วเจอกันใหม่น้า~!”
หลังจากที่โบกมือ เธอก็ได้สะบัดผมแล้วก็เดินจากไป
ผมตกตะลึงแล้วก็มองไปยังทิศที่คุณคิโยซาโตะจากไป
“คือว่า…หัวหน้าห้อง”
ในคราวนี้เสียงดูกระอักกระอ่วนของโทคิวะก็ได้ดังมาจากด้านข้าง
“ขอโทษนะ วันนี้ฉันก็มีกำหนดการอื่นเอาไว้แล้ว… เอาไว้มานัดใหม่นะ”
“เอ๊ะ? ฮะ? โกหกใช่ไหม”
มะ ไม่จริงใช่ไหม แม้แต่โทคิวะ
“ถ้างั้นก็ไปแล้วนะ! แล้วเจอกันใหม่นะอายาโนะจัง!”
จากนั้นโทคิวะก็รีบเดินออกจากห้องโถงเบียคโกะตามคุณคิโยซาโตะไป
“เอ๊ะ… อย่าบอกนะว่าโทริซาวะเองก็ด้วย”
ในขณะที่หัวตื้อ ผมก็ถามออกไปโดยอัตโนมัติ
โทริซาวะที่ดูเบื่อๆ เปิดปากออกหลังจากยักไหล่
“ฉันก็ไม่ได้มีธุระอะไรหรอก แต่ถ้าเกิดเป็นแบบนี้…ฉันว่าเราคงต้องแยกย้ายละนะ”
“อ๊ะ เดี๋ยว”
“เจอกัน”
โทริซาวะยกมือข้างหนึ่งขึ้นมา จากนั้นก็จากไปโดยไม่หันกลับมามอง
ท่ามกลางเสียงเอะอะโวยวาย มีเพียงผมและอุเอโนะฮาระเท่านั้นที่ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง
“…นี่มันหมายความว่ายังไง”
ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความผิดปกติอย่างนี้ แม้แต่เสียงพึมพำพร้อมกับป้องปากอย่างครุ่นคิดของอุเอโนะฮาระก็ส่งมาไม่ถึงผม