[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก - ตอนที่ 56 Volume 3 Chapter 1 ปัญหาใหม่ Part 4
Part 4
วันที่ยี่สิบ เดือนเก้า ปีจักรวรรดิที่ 1023 ใกล้ๆกับโฮเรนทางตะวันออกของภาคกลาง
ฮิโระและคนอื่นๆซึ่งถูกคิออร์กมองไปตามถนนนอกทางหลวงแกรนด์ไชน์ เพื่อไปพบกับแม่ม่ายของตระกูลเคลไฮนต์
“เป็นเวลานานแล้วนะที่ฉันไม่ได้เจอกับท่านพี่โรซ่า พวกเรามักพูดคุยผ่านทางจดหมายน่ะ.”
ในรถม้าที่สั่นอย่างสบาย ลิซก็พูดกับฮิโระ
“โรซ่ามีความสุขมากเลยนะเวลาพูดถึงเธอทีไร”
“จริงเหรอ? ได้ยินแบบนั้นฉันก็ดีใจนะ คนที่สอนมารยาทต่างๆให้กับฉันก็คือพี่โรซ่านี่แหละ บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลที่ฉันรักพี่สาวของฉันมากเลย.”
เห็นได้ชัดว่าสำหรับผู้หญิงในราชวงศ์แกรนท์ ดูเหมือนพี่สาวจะต้องมอบการศึกษาให้กับน้องสาวเป็นช่วงเวลาหนึ่ง สำหรับพวกผู้ชายพวกเขาจะไม่ได้เรียนเรื่องพวกนี้เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่ไม่จำเป็นเพราะสิทธิ์การสืบทอดบัลลังก์
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าเหล่าพี่สาวน้องสาวนั้นจะสนิทกันเป็นพิเศษ เจ้าหญิงลำดับที่หนึ่งนั้นอ่อนแอและกำลังได้รับการรักษาจากวิหาร และเจ้าหญิงลำดับที่สองก็เสียไปตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นเลยไม่รู้จักหน้าตากัน เจ้าหญิงลำดับที่สี่และห้าเป็นฝาแฝดกันและมีอายุใกล้เคียงกับลิซ แต่พวกเขามีแม่ร่วมกันกับเจ้าชายลำดับที่สาม บลูทาร์ ดังนั้นจึงค่อนข้างห่างเหินกันหลังจากที่ลิซได้รับเป็นผู้ถือครองลิเวียธาน
“เพราะแบบนั้นฉันจึงเขียนจดหมายพูดคุยกับพี่โรซ่าบ่อยๆ”
แม้จะมีเสียงเศร้าๆออกมาในน้ำเสียงของลิซ
เธอสูญเสียไปเยอะและได้รับความรักมาน้อย นับตั้งแต่เธอได้รับลิเวียธานมา เธอก็เสียญาติพี่น้องไปจนเกือบหมด แต่ว่า ก็ขึ้นอยู่กับตัวเธอแล้ว ว่าจะเคลื่อนไหวต่อไปยังไงในอนาคต เธอจะมีโอกาสได้สิ่งที่สูญเสียไปกลับคืนมา ด้วยเหตุนี้ ฮิโระจึงอยากให้เธอกลับไปพบกับพี่สาวของเธอก่อน เพื่อที่จะได้เยียวยาจิตใจของเธอ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรกับปัญหานี้
“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ตั้งตารอที่จะพบกับโรซ่าได้เลย ในไม่ช้าลิซก็จะได้พบกับเธอแล้วล่ะ พอไปถึงก็ระบายความในใจให้หมดอย่าได้อัดอั้นเอาไว้ มันจะเป็นผลเสียต่อเธออย่างมากถ้าอดกลั้นเอาไว้.”
“อืม ฉันมีหลายอย่างที่อยากจะคุยกับพี่สาวเยอะแยะไปหมดเลย แค่วันสองวันคงไม่เพียงพอด้วยซ้ำ”
“แบบนั้นก็ดีเลยน่ะสิ แน่ใจว่าโรซ่าเองก็มีอะไรอยากจะระบายกับเธอมากมายเช่นกันเลย ใช้เวลาของพี่น้องให้เต็มที่เถอะ”
เมื่อฮิโระพูดเช่นนี้รถม้าก็หยุดและหน้าต่างถูกเคาะ เมื่อฮิโระมองไปที่หน้าต่าง เขาเห็นดริกส์ยื่นหน้ามา
“ผู้ส่งสารจากตระกูลเคลไฮนต์กำลังขออนุญาตมาเข้าร่วมกับเราที่นี่ครับ.”
“ถ้างั้นท่านพี่โรซ่าจะมาด้วยใช่ไหม! ฉันขออนุญาต ให้พวกเขารีบมาทันทีเลยค่ะ”
“ครับฝ่าบาท”
จากนั้นดริกส์ก็ออกไปลิซเปิดหน้าต่าง
“ดูสิ ฮิโระ ! ธงขุนนางตะวันออกเต็มไปหมดเลย”
ณ ถนนอีกสายหนึ่งต่อหน้าลิซ การเดินขบวนตรงนั้นคือกองทัพขุนนางตะวันออกซึ่งนำโดยตระกูลเคลไฮนต์ ฮิโระและคนอื่นๆลงจากรถม้าที่สี่แยกถนนสองสายและทักทายโรซ่า
ทหารม้าประมาณร้อยคนจากกองทัพขุนนางตะวันออกแยกตัวออกจากกันและเข้ามาร่วมกับกองทัพ
คนที่อยู่แถวหน้าคือ มิสต์ คาเรียล่า โรซ่า ฟอน เคลไฮนต์ เธอเป็นผู้หญิงที่งดงามอย่างมากซึ่งสูญเสียสามีไปตั้งแต่อายุยังน้อย และตอนนี้เธอทำหน้าที่รักษาการหัวหน้าตระกูลห้าตระกูลผู้ยิ่งใหญ่
เธอขี่ม้าขาวสง่างาม อาจเป็นเพราะเธอสวมเครื่องแบบทหารที่มีสีม่วง นอกจากนี้ ความงามในฐานะผู้หญิงของเธอไม่ได้ลดลงเลยแม้จะอยู่ในเครื่องแบบทหาร การผสมผสานระหว่างความงามและเสน่ห์ของเธอทำให้เป็นรูปลักษณ์ที่ไม่มีใครเทียบได้
“อาร่า ลิซ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!”
ทันทีที่โรซ่าลงจากม้า เธอก็กอดลิซทันที
“เป็นยังไงบ้าง? เจ็บไข้ได้ป่วยรึเปล่าเอ่ย? ในจดหมายเห็นบอกว่าสบายดี แต่มีบางสิ่งที่ฉันไม่ค่อยเข้าใจจนกว่าจะได้เห็นเธออย่างใกล้ชิด ฮิฮิ”
“หนูไม่เป็นไรค่ะท่านพี่ ดีใจที่ท่านพี่สบายดีเหมือนกันนะคะ”
ทั้งสองทักทายกัน กอดกันสักครู่
จากนั้นโรซ่าก็จ้องมองฮิโระ
“อาร่า นายเองก็สภาพดูดีเลยนะ คิดถึงดิฉันบ้างไหมคะ?”
หน้าอกที่กว้างขวางนั่นกดทับใบหน้าของฮิโระ และเธอก็พยายามตะคลุบเขาทันที แต่ฮิโระพยายามหลบเลี่ยง อย่างไรก็ตาม เขาตัดสินใจที่จะไม่รบกวนบรรยากาศและยอมแพ้ยกแขนขึ้นเพื่อให้โรซ่ากอดเขา
“ครับ ครับ กลิ่นน้ำหอมบางๆนี่ยังชวนให้คิดถึงเหมือนเคย ประชาชนของแกรนท์เองก็มีกลิ่น แต่กลิ่นของเธอนั้นช่างเย้ายวนใจเสียเหลือเกิน.”
ฮิโระยิ้มเจื้อนๆให้โรซ่าขณะที่เธอดมคอและส่วนอื่นๆของร่างกายของเขา
“นั่นสินะ ได้ยินว่าคนญี่ปุ่นนั้นไม่ชอบกลิ่นตัวแรงๆนี่เนอะ.”
ฮิโระไม่มั่นใจเกี่ยวกับกลิ่นของตัวเองเพราะเขาชินกับมัน แต่กลิ่นของโรซ่านั้นหอมและรวมกับความเซ็กซี่ของเธอทำให้เขาหัวหมุนเลยทีเดียว
“ถ้างั้นก็พอหอมปากหอมคอเก็บความสนุกไว้ในภายหลังดีกว่านะ”
จากนั้นโรซ่าก็ถอยออกไปด้วยความพอใจ วางมือบนสะโพกและแสดงสีหน้าจริงจัง
“ฉันมีบางสิ่งจะรายงาน กลับไปที่รถม้ากันก่อนเถอะ”
เมื่อโรซ่าชี้ไปที่รถม้าที่อยู่ด้านหลัง ลิซและฮิโระพยักหน้าและเดินไปที่รถม้า ในบรรดาสามคนที่นั่ง โรซ่าพูดเป็นคนแรก
“ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้น้า แต่ฉันได้ยินมาว่าขุนนางทางตอนเหนือกำลังจะมีการรวมกองกำลังทหารขนาดใหญ่อยู่”
มหาจักรวรรดิแกรนท์แบ่งออกเป็นห้าภูมิภาค เหนือ ตะวันตก ตะวันออก ใต้ และ กลาง เรียกอีกอย่างว่าห้าดินแดนหลัก ในขณะที่จักรพรรดิปกครองดินแดนเหล่านี้ แต่อาร์คดยุคที่รู้จักกันในนามขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ทั้งห่าได้รับความไว้วางใจให้ดูแลแต่ละภูมิภาค
“หมายถึงว่าหัวหน้าตระกูลชาร์มกำลังเคลื่อนไหวงั้นเหรอ?”
“อะแฮ่ม ไม่ใช่หรอกเจ้าชายลำดับที่สองกำลังเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลังต่างหาก.”
มารดาของเจ้าชายลำดับที่สองมาจากตระกูลชาร์ม นั่นเป็นเหตุผลที่ขุนนางทางเหนือสนับสนุนเขา อย่างไรก็ตาม เจ้าชายลำดับที่สองไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหนมาไหนเพราะสุขภาพอ่อนแอ และเขาไม่ค่อยมาที่ศูนย์กลาง ราวกับว่าไม่สนใจศึกชิงบัลลังก์
“ทำเอาสงสัยแล้วเนี่ยอะไรทำให้เขาเกิดเปลี่ยนใจ”
“แม้ว่าเขาจะต้องการความสำเร็จ แต่ประเทศเดียวที่มีพรมแดนติดกับทางเหนือคืออาณาจักรเลเบอริ่ง แม้ว่าจักรพรรดิจะตั้งเป้าที่จะรวมทวีปกลางเป็นหนึ่งเดียว แต่เขาจะไม่โจมตีประเทศที่เป็นพันธมิตรกันเป็นเวลานาน.”
ถ้าเป็นแบบนั้นจริง เขามีจุดประสงค์อะไร เจ้าชายลำดับที่สองที่ไม่เคยเคลื่อนไหวจู่ๆก็เริ่มเคลื่อนไหว ต้องมีอะไรแอบแใง แต่ข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าชายลำดับที่สองนั้นน้อยเกินไป
(ตอนนี้ทำได้แค่จับตาดูกันไปก่อน)
ฮิโระส่ายหัวและเลิกคิด ลิซเองก็ปรบมือราวกับนึกอะไรบางอย่างออก
“อ่า พอพูดถึงเรื่องนั้นแล้วอาณาจักรเลเบอริ่งกำลังจัดพิธีบรรลุนิติภาวะของเจ้าหญิงจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้?”
อาณาจักรเลเบอริ่งหรือที่เรียกกันว่าดินแดนของปีศาจ เป็นเผ่าพันธุ์ที่ครอบงำทวีปกลางเมื่อพันปีก่อน อย่างไรก็ตาม เมื่อเผ่ามนุษย์เริ่มต่อต้านเผด็จการของเผ่าปีศาจ เผ่าอื่นๆเองก็เข้าร่วมและนำไปสู่สงครามครั้งใหญ่ และปีศาจก็พ่ายแพ้และถูกขับไล่ไปยังหมู่เกาะทางใต้
ปีศาจบางตนก็เลือกที่จะอยู่ในทวีปกลางต่อไปเพื่อช่วยเหลือเหล่าพี่น้องที่ล้มเหลวในการหลบหนี
เผ่าปีศาจที่เหลืออยู่นั้นได้ก่อตั้งอาณาจักรเลเบอริ่ง เนื่องจากคลุกคลีกับเผ่าพันธุ์อื่นเป็นเวลานาน เด็กส่วนใหญ่ที่เกิดในปัจจุบันเลยไม่มีพลังเวทย์ แม้แต่ราชวงศ์ก็ไม่มีสายเลือดบริสุทธิ์ และสถานการณ์ปัจจุบันคือพวกเขากำลังใกล้ชิดกับเผ่ามนุษย์มากขึ้นเมื่อรุ่นต่อรุ่น ยิ่งเผ่ามนุษย์มากเท่าไรพวกเขาก็จะเข้าใกล้ความเป็นมนุษย์มากขึ้น
“นั่นสินะคะ ดิฉันได้ยินมาว่าเธอยังงดงามมากอีกด้วย พวกเขาเรียกเธอว่าเจ้าหญิงสีม่วงเงิน ยังไงก็ตาม ค่อนข้างอิฉฉาเธอนิดหน่อยเพราะผิวของเธอขาวราวหิมะ”
โรซ่าตอบสนองต่อคำพูดของลิซและมองฮิโระอย่างมีความหมาย
“ในฐานะทายาทของดีตพันธมิตรของหญิงสาวแสนสวย เธอคนนั้นจะต้องสนใจนายในฐานะเป็นทายาทของเทพเจ้าแห่งสงครามแน่นอนเลยล่ะ”
เมื่อพันปีก่อน “ห้านายพลทมิฬ”ห้าคนที่มารวมตัวกันภายใต้การปกครองของฮิโระซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามราชันวีรบุรุษ หนึ่งในนั้นคือ ร็อกซ์ แวน เลเวอริ่ง ปีศาจที่มีจิตใจเมตตาเข้าข้างฝ่ายมนุษย์ ฮิโระยังสนใจประเทศที่ถูกสร้างขึ้นอีกด้วย แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้าพองโตของลิซ เขาก็ไม่กล้าจะพูดถึงเจ้าหญิงแสนสวยได้
หลังจากมองไปที่ใบหน้าสับสนของฮิโระที่พูดอะไรไม่ออก โรซ่าก็เปลี่ยนเรื่อง
“เอิ่มช่างเรื่องนั้นเถอะค่ะ และมาพูดถึงขุนนางส่วนกลางดีกว่า”
“มีการเคลื่อนไหวงั้นเหรอ?”
“มันเป็นเรื่องที่ผิดคาดที่จะคาดหวังอะไรจากพวกไร้ฝ่าย พวกเขาถูกข่มขู่ให้เงียบ แม้แต่ผู้ที่มีอำนาจในระดับหนึ่งก็ล้มเหลวในการเข้าใจ”
ราวกับจะบอกว่าเธอผิดหวัง โรซ่าถอนหายใจลึกๆ
“เพราะแบบนั้นดิฉันก็เลยนำขุนนางตะวันออกมารวมกันแล้วตระกูลโครนจะต้องสร้างความมั่นคงกว่าเดิม แน่นอนว่าดิฉันไม่ได้นิ่งดูดาย แต่ดิฉันก็แน่ใจว่าฉันไม่สามารถทำอะไรกับสิ่งนั้นได้”
แม้ว่าโรซ่าจะเป็นที่รักษาการของตระกูลเคลไฮนต์ซึ่งรับผิดชอบภาคตะวันออก แต่เธอก็ยังไม่ได้รับความไว้วางใจจากขุนนางทั้งหมด แม้ว่าเธอจะยืมชื่อของฮิโระแล้วก็ตาม
แม้ว่าพวกเขาต้องการจะใช้ตระกูลอื่น แต่ขุนนางตะวันตกก็มุ่งเน้นไปที่การต่อสู้กับกองทัพเฟลเซ็น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีเวลาไปยุ่งกับขุนนางส่วนกลาง ขุนนางทางใต้เองก็ไม่มีวี่แววจะเคลื่อนไหว และขุนนางทางเหนือมีส่วนร่วมในการรวบรวมทหารในช่วงเวลาวิกฤต
นี่คือเหตุผลที่ว่าตระกูลโครนซึ่งรวมขุนนางส่วนกลางเข้าด้วยกันจึงสามารถกระชับกลุ่มของเขาได้สบายๆ
“ต้องเตรียมการเคลื่อนไหวถัดไป นี่คือเหตุผลที่ชั้นตัดสินใจผ่านดินแดนของไวเคานต์เวิร์สต์(Wurst)”
เมื่อฮิโระพูดด้วยความมั่นใจ โรซ่าก็เหลือบมองเขาด้วยความเจ้าเล่ห์
“อย่างที่คิดเลยวันนี้คิดจะไปค้างที่คฤหาสน์ของเขางั้นเหรอ?”
“ไวเคานต์ ฮัตส์ ฟอน เวิร์สต์ เขามีเมืองหนึ่งเมืองและหมู่บ้านสามหมู่บ้านในดินแดนของเขา ดูเหมทือนว่าเขาจะเรียกเก็บภาษีอย่างหนักกับประชาชนของเขา ดังนั้นจะขอให้เขาปรับปรุงพฤติกรรมระหว่างไปที่เมืองหลวง”
“นั่นฟังดูดีไปเลยน้า แต่คิดว่าไวเคานต์ เวิร์สต์จะฟังเราเหรอ?”
ลิซโบกมือด้วยความตกใจราวกับจะเป็นห่วง
ไม่มีทางที่พวกเขาจะฟัง แม้ว่าศูนย์กลางจะเริ่มพังทลายแล้ว แต่อิทธิพลของตระกูลโครนยังคงอยู่ดี ถ้าสามารถจับจุดอ่อนเขาได้ ก็สามารถจะทำลายพวกเขาได้จากตรงจุดนั้น
“เพราะแบบนี้ไงไวเคานต์เวิร์ตส์มีจุดอ่อนอยู่ ชั้นส่งจดหมายถึงขุนนางกลางในพื้นที่ก่อนจะออกจากป้อมเบิร์ก แน่ใจว่าพวกเขาคงเคลื่อนไหวแน่นอน.”
“…หืม หืม นี่ฮิโระคิดจะให้พวกเขาขัดแข้งขัดขากันเองเหรอ?”
ฮิโระเหล่มองกับคำพูดของลิซ โรซ่ามองไปยังน้องสาวของเธออย่างสนใจ เนื่องจากลิซสังเกตเห็นถึงบรรยากาศแปลกๆ จากนั้น เธอก็แสดงความเขินอายบนใบหน้าของเธอ
“เอ๊ะ ฉันพูดอะไรแปลกๆเหรอ? ขอโทษนะค้าาา”
แล้วเธอก็ขอโทษ ฮิโระรีบส่ายหัว
“ไม่หรอก ลิซพูดถูกเลย พวกขุนนางจะขัดแข้งขัดขากันเองแน่นอน”
จดหมายยังระบุว่าพวกเขาจะพักผ่อนที่คฤหาสน์ของไวเคานต์ เวิร์สต์และขุนนางกลางที่อ่านสงสัยว่าไวเคานต์เวิร์สต์อาจหันหลังและทำอะไรบางอย่างเพื่อหยุดเขา นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่ขุนนางที่ไม่มีฝ่ายหรือาร์คดยุคที่ปกครองดินแดนอื่นจะพยายามก่อวินาศกรรมก็ได้
ฮิโระคิดไว้เช่นนั้น แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าลิซจะตระหนักถึงความตั้งใจที่แท้จริงของเขา
“พี่สาวคนนี้ดีใจเหลือเกินนะที่น้องสาวคนนี้เติบโตขึ้นมากเลยฮิฮิ!”
“นี่ท่านพี่โรซ่ามันอึดอัดนะค้าาาาาา!”
ฮิโระยิ้มให้พี่สาวน้องสาวแล้วพึมพำกับตัวเอง
“เพราะแบบนั้นพวกเราจะใช้ประโยชน์จากจุดนั้นเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของพวกขุนนางส่วนกลาง”
“แต่ว่ามันจะทำได้ง่ายๆแบบนั้นเหรอ?”
ลิซผลักพี่สาวที่พยายามจะน้วยเธอและหันมาคุยกับฮิโระ
“เข้าใจได้ ดังนั้นน่าจะมีคนอื่นที่มองแผนนี้ออกนี่.”
“อืมแน่ใจว่ามีสองถึงสามคนที่ตระหนักถึงความหมายที่แท้จริงของจดหมาย แต่ก็มีหลายคนที่ไม่สามารถถอดใจความหลักๆได้ โดยเฉพาะพวกขุนนางทุจริตที่นึกถึงผลประโยชน์ตัวเองเป็นหลัก”
แม้ว่าจะไม่มีใครเคลื่อนไหว แต่ก็ไม่มีโอกาสล้มเหลวเพราะมีประกันอยู่
“ดูเหมือนพวกเราน่าจะถึงซุยค์ในเร็วๆนี้”
เมื่อฮิโระมองไปนอกหน้าต่าง เขาก็เห็นเมืองซุยค์ที่ปกครองโดยไวเคานต์เวิร์สต์เป็นเมืองขนาดกลางที่สร้างขึ้นหลังจากก่อตั้งดินแดนหลักห้าแห่ง
เนื่องจากอยู่ใกล้กับเมืองหลวงจึงไม่เคยเข้าร่วมสงคราม และด้วยเหตุนี้ จึงขยายตัวโดยไม่ต้องสร้างกำแพงเมืองจนปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเจริญรุ่งเรืองในฐานะเมืองรอง โดยมีนักผจญภัยและพ่อค้าจำนวนมากแวะมาระหว่างไปเมืองหลวง ดังนั้นถนนจึงเต็มไปด้วยผู้คนแม้ในตอนกลางคืน
คฤหาสน์ของไวเคาน์เวิร์สต์ขุนนางศักดินาตั้งอยู่ใจกลางเมืองซึ่งสร้างเป็นวงกลม
เมื่อฮิโระและคนอื่นๆพร้อมทหารม้าคุ้มกันหนึ่งร้อยคนมาถึงคฤหาสน์วงดนตรีก็เริ่มบรรเลงจากคฤหาสน์ชั้นสอง
“ฝ่าบาทเซเลีย เอสทรีย่า พวกเรารอคอยท่านมาโดยตลอดครับ!”
มีคนหนึ่งที่เข้ามาต้อนรับฮิโระและคนอื่นๆด้วยการอ้าแขน
“กระผม ฮัตส์ ฟอน เวิร์สต์ ตันแทนของจักรพรรดิที่ได้รับหน้าที่ให้ดูแลซุยค์”
ไวเคานต์ เวิร์สต์ ชายวัยกลางคนประดับประดาด้วยอัญมณีหรูหราโค้งคำนับพร้อมข้าราชบริพารต่อหน้าฮิโระและคนอื่นๆเขารายล้อมไปด้วยเมดและพ่อบ้านหลายคน ซึ่งทุกคนต่างเป็นชายหล่อ สาวสวย
“ขอบคุณที่มาตอบรับค่ะ.”
ลิซพูดเล็กน้อยและเดินผ่านเขาโดยไม่เหลือบมอง เธอเดินพร้อมกับเซอร์เบอรัสที่มากับเธอด้วย จากนั้นเธอก็หยุดและมองไปที่ไวเคานต์เวิร์สต์ขณะลูบหัวเซอร์เบอรัส
“ดิฉันอยากให้พวกคุณเตรียมอาหารและอาบน้ำให้เธอหน่อยได้ไหม ”
ด้วยน้ำเสียงก้าวร้าวนิดหน่อย ลิซพูดเชิงบังคับไวเคานต์เวิร์สต์ลุกขึ้นยืนอย่างมีความสุข
“แน่นอนครับ! การเตรียมการทั้งหมดสำหรับงานเลี้ยงอาหารค่ำถูกจัดขึ้นโดยไร้ซึ่งปัญหาใดๆครับ! เพราะงั้นเชิญทางนี้ได้เลยครับ”
เมื่อฮิโระเฝ้าดูการพูดคุยระหว่างทั้งสองโรซ่าวางมือบนไหล่ฮิโระ
“ดูเหมือนจะเป็นคนที่ดื้อรั้นมาก ดิฉันกลัวว่าเขาจะแสดงความไม่พอใจกับทัศนคติของลิซ”
“ไม่หรอก เขาแค่ชินกับมัน ชั้นคิดว่าเขาคิดจะบงการลิซได้ง่าย แต่คิดผิดแล้วล่ะ”
แม้ว่าจะไม่ชัดเจนว่าเขาคิดวางแผนอะไรอยู่ แต่ชายอย่างไวเคานต์เวิร์สต์ก็มีทักษะมากในด้านการจัดการกับผู้คน ความจริงที่ว่าเมดและพ่อบ้านต่างเป็นหนุ่มหล่อ สาวสวย อาจไม่ใช่งานอดิเรก แต่ใช้เป็นวิธีเกลี้ยกล่อมผู้มีอิทธิพล
“มีผู้หญิงที่ถูกใจบ้างไหมพ่อสัตว์ร้ายตัวน้อย? แม้ว่าพวกนั้นจะด้อยกว่าดิฉันและน้องสาวสองถึงสามชั้นก็เถอะน้า”
คำพูดของโรซ่าฟังดูมั่นหน้า แต่เธอก็พูดไม่ผิด ฮิโระจึงพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ไม่เลยครับ ผมไม่คิดว่ามีผู้หญิงคนไหนสวยเท่าโรซ่าเลย.”
“ช่างซื่อสัตย์ดีจริงๆนะ งั้นคืนนี้พวกเรามานอนห้องเดียวกันดีไหม.”
นั่นหมายความว่าลิซน่าจะร่วมด้วย
“ฮ่าฮ่า จะเก็บไปคิดดูนะครับ”
ฮิโระก้าวไปในคฤหาสน์ ไตร่ตรองว่าจะหลบหนีสถานการณ์วิกฤตอย่างไร
ไวเคานต์เวิร์สต์นำพวกเขาไปที่ห้องโถงใหญ่ ซึ่งมีอาหารมื้อใหญ่วางอยู่บนโต๊ะที่ปูด้วยผ้าปูโต๊ะที่สะอาด และมีเมดคอยต้อนรับที่เก้าอี้แต่ละตัว
“เชิญนั่งได้เลยครับ ได้รวบรวมผู้ชำนาญการด้านอาหารชั้นเลิศมารังสรรค์เมนูในวันนี้ ได้โปรดรับประทานก่อนที่มันจะเย็นเถอะครับ.”
ไวเคานต์เวิร์สต์กล่าว และฮิโระกับคนอื่นๆนั่ง
“เอ๋ นี่มันแปลกๆนะ?”
ฮิโระพูดดังๆโดยไม่คิดอะไรเลย เขานั่งลงกลางโต๊ะ ปล่อยให้ที่นั่งด้านบนเปิดสำหรับลิซ แต่เธอกลับมานั่งตรงฝั่งขวาเขา และแม้แต่โรซ่าก็นั่งประกบเขาทางซ้ายมือ
“ไม่เป็นแปลกตรงไหนเลยนี่คะ.”
“นั่นสินะคะ ก็เป็นเหมือนทุกทีนี่คะ.”
“เอ๋ แต่ถ้าพวกเรานั่งกันแบบนี้…”
ในอดีต หนุ่มหล่อสาวสวยที่เตรียมโดยไวเคานต์เวิร์สต์จะนั่งเพื่อเติมเต็มช่องว่างระหว่างฮิโระและคนอื่นๆ ดังนั้นเลยเกิดความสับสนระหว่างพวกเขา
ไวเคานต์เวิร์สต์เองก็สับสนเหมือนกัน แต่เขาก็กลับมาสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็วและไล่หนุ่มหล่อ สาวสวยออกและนั่งลงตรงข้ามฮิโระและคนอื่นๆ
(T/N: กันคนงง โดยปกติแล้วการจะประจบประแจงขุนนางที่มีอำนาจใหญ่กว่าตัวเอง พวกตระกูลเจ้าเล่ห์จะใช้หนุ่มหล่อ ไม่ก็สาวสวยที่เป็นข้ารับใช้ประจบประแจงขุนนางผู้มีอำนาจ เพราะวิธีนี้จะทำให้อีกฝ่ายพอใจและได้เล่นสนุกกับเหล่าข้ารับใช้ เพราะแบบนั้นจะทำให้การเจรจาง่ายขึ้น แต่ลิซและโรซ่ารู้ทันเลยกันฮิโระเอาไว้)
เซอร์เบอรัสเองก็นั่งบนที่ว่างอยู่ ในฐานะสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของลิซเขาไม่สามารถไล่เธอออกไปได้ และไวเคานต์เวิร์สต์ก็อ้าปากค้างขณะที่แก้มกระตุก
“ถ้างั้นพวกเรามาเริ่มงานเลี้ยงฉลองกันเถอะครับ ก่อนอื่นขอขอบคุณเทพเจ้าทั้งสิบสององค์แห่งแกรนท์ ที่อนุญาตให้กระผมได้พบกับฝ่าบาทและอยากขอบคุณท่านราชันภูติ ที่นำราชวงศ์แกรนท์และตระกูลเวิร์สต์มาเจอกันครับ”
ด้วยแก้วไวน์ในมือไวเคานต์เวิร์สต์เขาเริ่มกล่าวเวิ่นเว้อ
“เป็นเรื่องยากที่จะได้ยินสุนทรพจน์ที่ไร้หัวใจเช่นนี้ค่ะ เหล่าทวยเทพน่าจะหูเน่าถ้าผู้ชายคนนั้นขอบคุณพวกเขา”
“นั่นสินะคะท่านพี่ มันช่างเวิ่นเว้อและยืดยาวเสียจริงเลย น่ารำคาญชะมัด”
“ลิซเองก็พูดตรงไปตรงมาเกิน นี่เขาเมาหลังจากผ่านมาไม่กี่วินาทีเนี่ยนะ”
ฮิโระและคนอื่นๆต่างเริ่มทานอาหารในขณะที่ฟังคำพูดของไวเคานต์เวิร์สต์