[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก - ตอนที่ 23 ปัจฉิมบท
ปัจฉิมบท
ณ วันที่ 11 กรกฏาคม 1023 ปีจักรวรรดิ
สิบวันหลังจากการต่อสู้กับราชอาณาจักรลิชไทน์
ป้อมเบิร์ก หอคอยกลาง ฮิโระอยู่ในห้องที่เขา มันเป็นห้องที่มีบรรยากาศหนาวเย็นมีเตียงตั้งอยู่ข้างหน้าต่างและกระจกเต็มบานทางด้านขวา โดยธรรมชาติไม่มีของใช้ส่วนตัว สิ่งเดียวที่เขานำมาจากโลกมีเพียงเครื่องแบบนักเรียนเท่านั้น
“ฟุฟุ เยี่ยม.”
ฮิโระยืนอยู่หน้ากระจกเต็มบานมองไปที่ร่างของเขา เขากำลังลูบใบหน้าบางส่วน ผ้าปิดตาที่ปิดตาซ้ายของเขาใบหน้าของฮิโระที่สะท้อนให้เห็น เป็นผ้าปิดตาที่สั่งทำพิเศษด้วยเครื่องรางภูติ
แม้ว่าเขาจะไม่ชินกับความรู้สึกอึดอัดนี่ แต่ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่รู้สึกเจ็บปวดกับข้อมูลจำนวนมากที่ไหลมายังตาซ้ายอีกต่อไป เรียกได้ว่ามันเหมือนผนึกที่ทำให้ฮิโระใช้ชีวิตได้ตามปกติ ถ้าเขาเอามันออกข้อมูลมหาศาลจะไหลเข้าตาซ้ายและสมองจนทำให้เขาต้องทุกข์ทรมาน
“อืม ยังไงก็ต้องทำตัวให้ชิน มันจำเป็นต้องใช้จริงๆ.”
ถูกต้อง เพื่อควบคุมเนตรภูติสวรรค์ให้ช่ำชองกว่านี้ มันเป็นดวงตาของเขาเอง เขาสามารถจะใช้ได้อีกในอนาคตภายภาคหน้า และนั่นก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียว เขารู้สึกเหมือนได้เติบโตขึ้นเมื่อตัวเองได้สวมผ้าปิดตาผืนนี้
ฮิโระไขว้แขนและยกคางขึ้นเพื่อดูรูปลักษณ์ของตัวเอง เขาสงสัยว่าควรจะหยิบ “จักรพรรดิสวรรค์”ออกมาดีไหม ในขณะที่เขากำลังตั้งท่าจะชัก——————–
“ฮิโระ ฉันเข้าไปล่ะนะ”
หญิงสาวผมสีแดงเพลิงเดินเข้ามาโดยไม่เคาะประตู เขาอยากจะบ่นอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของเขา แต่สถานการณ์ตอนนี้แย่กว่านั้น
“ทำอะไรน่ะพ่อหนุ่มน้อย หึหึ?”
ลิซที่หยุดอยู่หน้าประตูยิ้มกว้างๆใบหน้าของฮิโระแดงขึ้นทันที เขาถูกเห็น ซึ่งมันน่าอายมาก หัวใจเขาเต้นเร็วขึ้น และลำคอของเขาก็เริ่มร้อน
ฮิโระรีบยื่นแขนออกไปข้างหน้าและโบกมือ
“ไม่ไม่ใช่อย่างที่คิดนะ!”
“แล้วมันต่างจากที่ฉันคิดยังไงไหนว่ามาสิ?”
ลิซทำหน้าสงสัยสะบัดผมสีแดงของเธอ มันเป็นท่าทางอันแสนน่ารัก แต่ฮิโระไม่มีเวลามาเชยชม ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะหนีไปจากที่นี่ในตอนนี้ แต่ทางเข้าประตูก็ถูกปิดโดยลิซ
“เอ่อ ชั้นจะพูดยังไงดีล่ะ…?”
มันคงจะง่ายกว่าถ้าเขาบอกว่าร่างกายของเขาขยับไปเองตามโรคป่วยม.สอง. [TLN: Chūnibyō.]
ความเงียบเกิดขึ้น บรรยากาศอันน่าอึดอัดใจไหลเข้ามาในห้อง เนื่องจากฮิโระไม่รู้จะแก้ตัวยังไง ลิซเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
“ช่างหัวเรื่องนั้นไปเถอะน่า รีบๆมากับฉันได้แล้ว!”
เธอคว้าแขนของฮิโระราวกับไม่สนใจเขา
หลังจากถูกดึงไปจากห้องด้วยแรงอันล้นเหลือ พวกเขาที่วิ่งออกจากห้องก็เห็นบันไดวนที่เชื่อมต่อกับชั้นล่าง
“พวกเราจะไปไหน――?”
เขายังคงป่วยกระทั่งวันก่อน แต่เขาไม่สามารถอ้างได้เพราะถูกพาวิ่งด้วยความเร็วเต็มที่ หากพูดในตอนนี้ได้กัดลิ้นตัวเองแน่
พวกเขาวิ่งลงบันไดอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขากระโดดลงจากหอคอยกลางก็ได้รับการต้อนรับ ดวงอาทิตย์อันสดใสที่สาดส่องลงบนพื้นดิน จนรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ไหลออกมา
“ออร่ากำลังจะกลับไปทางทิศตะวันตก ดังนั้นพวกเราจะไปส่งเธอ โอเค?”
“เอ่อ มันก็ยังพอมีเวลาอยู่ใช่ไหม ไม่จำเป็นต้องรีบขนาดนั้นเลยนี่!”
ออร่าอยู่ที่ป้อมเบิร์กเพื่อฝังศพทหารที่เสียชีวิตในการต่อสู้ครั้งล่าสุด รวมถึงเข้ารับการรักษา น่าเสียดายที่ไม่พบร่างของทหารจำนวนมาก และมันยากที่จะแยกแยะศพที่ถูกปกคลุมไปด้วยโคลนว่าเป็นมิตรหรือศัตรู แม้ว่าพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บ ออร่าก็พยายามหาศพลูกน้องต่อไป
ศพทั้งหมดของกองทัพราชอาณาจักรลิชไทน์ถูกรวมกันที่เดียวและเผา เนื่องจากกลัวโรคระบาด จึงตัดสินใจเผามันโดยเร็วที่สุดด้วยความช่วยเหลือของกองทัพจักรวรรดิที่สี่ หลังจากนั้นกองทัพจักรวรรดิที่สี่ก็กระจายตัวไปทั่วดินแดนมาร์เกรฟกรินด้า
นี่เป็นเพราะเศษซากกองทัพลิชไทน์อาจจะยังหลงเหลือในดินแดนมาร์เกรฟกรินด้าและทำให้สถานการณ์ความมั่นคงแย่ลง เจ้าชายแซทโทเบลที่ตามมาก็กลับมหานครจักรวรรดิพร้อมกับองค์รักษ์ชั้นยอดของเขา
(สักวันหนึ่ง…….หนี้นั้นชั้นจะชดใช้คืนแน่น.)
อย่างที่อัลทิอุสบอกเขาในวันนั้น ฮิโระอยากจะใช้ชีวิตตามต้องการ ในระหว่างนี้เขาจะระบายความแค้นต่อเจ้าชายแซทโทเบลไม่ได้ ไว้เป็นเรื่องของอนาคต
เพราะมีคนที่เขาต้องสนับสนุนด้วยรอยยิ้ม
“มาส่งกันเหรอคะ ไม่เห็นจำเป็นต้องทำแบบนั้นเลย”
หญิงสาวที่แขนขวาห้อยอยู่ขึ้นคร่อมม้า ออร่ามีสีหน้าเศร้าโศกเหมือนเดิม ถัดจากเธอคือสปิตซ์ที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผล
ดูน่าเจ็บปวดทั้งคู่แต่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะรูปลักษณ์อันน่าตลกของสปิตซ์
“ฝ่าบาทและท่านทายาท ขอบคุณที่มาส่งพวกเรานะครับ.”
เสียงของเขาฟังดูขยะแขยงมากเมื่อพูดว่า “ท่านทายาท” ฮิโระมองไม่เห็นหน้าของเขาเพราะเต็มไปด้วยผ้าพันแผล แต่เขารู้ว่ากำลังทำสีหน้าแบบไหน
ลิซเอามือเท้าเอวแล้วพูด
“น่าพวกเราผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมาเยอะรอดมาได้ทั้งคู่ก็ดีแค่ไหนแล้ว.”
“ใช่ ผลลัพธ์แม้จะเกิดหายนะขึ้นก็ตาม แต่ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ได้กลับมา.”
ออร่าพูดในขณะที่มองฮิโระ
“แล้วตาของคุณเป็นยังไงบ้างคะ?”
ฮิโระยิ้มเล็กน้อยจ้องมองออร่า
“อืม น่าจะใช้เวลาสักพักเลยในการรักษา.”
มีเพียงลิซ ทริส และหมอเท่านั้นที่รู้สาเหตุของดวงตาฮิโระ คนที่เหลือรับรู้แค่เพียงว่าเขาได้รับบาดเจ็บในสนามรบ ดังนั้นออร่าเองก็ไม่ได้ทราบเรื่องราวเช่นกันเลยพยายามจับสังเกต
“เข้าใจแล้วค่ะ ฉันดีใจนะคะที่ตานั้นไม่ได้บอด แต่ว่าผ้าปิดตาผืนใหญ่นี่.”
“เอ่อ มันคือ…”
วิธีเดียวที่ป้องกันไม่ให้เห็นเครื่องรางภูติคือสวมผ้าปิดตาขนาดใหญ่ ไม่มีทางที่เขาจะอธิบายได้
ขณะฮิโระหาข้อแก้ตัว ลิซก็เข้ามาช่วย
“แผลเขาใหญ่มากเลยล่ะ ถ้าจะให้พูดล่ะก็แผลเหวอะน่ากลัวมาก”
“…มันทิ้งเป็นรอยแผลเป็นเหรอคะ?”
ออร่ามองมาด้วยความกังวล ฮิโระพยายามกลบความรู้สึกผิด
“เอ่อ ไม่หรอก บางทีมันจะดีขึ้นในไม่ช้า และเมื่อแผลหายก็ถอดผ้าปิดตาได้แล้วล่ะ”
“งั้นเหรอคะ ดิฉันหวังให้เป็นเช่นนั้นนะคะ.”
แม้จะพูดไปอย่าง แต่ดวงตาสีฟ้าเทายังคงจับจ้องมองที่ผ้าปิดตาของฮิโระด้วยความที่ไม่อยากจะเชื่อ ไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน เธอก็มองฮิโระราวกับจะให้ทะลุปรุโปร่ง
บางทีเธออาจจะไม่ยอมไปไหนถ้าชั้นไม่ทำอะไรเลย
“ไว้เดี๋ยวเขียนจดหมายไปหานะ.”
“ดิฉันเองก็เช่นกันค่ะ ไว้ตั้งถิ่นฐานได้เมื่อไรจะเขียนจดหมายหานะคะ.”
“ท่านออร่าได้เวลาออกเดินทางแล้วครับ.”
สปิตซ์ขัดบทสนทนา แม้ว่าจำนวนของพวกเขาจะหายไปเยอะ “อัศวินดำของจักรวรรดิ” ก็มาเข้าแถว
เพราะความร้อนอบอ้าว พวกเขาสวมเกราะเบาแทนจะสวมเกราะหนัก และม้าศึกเองก็ถูกถอดเกราะจนหมด ส่วนเกราะหนัก ก็ถูกวางไว้ที่แถวเสบียง
“ถ้างั้นก็ลาจากกันตรงนี้ ดูแลตัวเองด้วยนะคะทั้งสองคน.”
เธอโบกมือผ่านแขนเสื้อใหญ่ๆ และมุ่งหน้าไปยังประตูหลัก หลังจากก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย เธอก็หันหลังกลับมามองฮิโระ
“ฮิเรียว ไว้เจอกันใหม่นะคะ.”
พูดแบบนั้นเสร็จเธอก็จากไป แม้ว่าอากาศจะร้อน แต่หัวใจของเธอกลับสงบ และรู้สึกหนาวสั่น
ลิซตบหลังฮิโระที่ยืนแข็งทื่อ
“ฮิโระ ถึงจะเร็วไปหน่อย แต่พวกเราจะต้องฝึกขี่ม้ากันนะ”
และนั่นเป็นคำพูดที่ทำให้ฮิโระหยุดนิ่งท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุ
――สองวันต่อมา
มีพระราชกฤาฏีกาจากจักรพรรดิองค์ปัจจุบันส่งถึงฮิโระ