[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก - ตอนที่ 12 Chapter 3 เบิกเนตร End
Part 5
ชายคนหนึ่งที่มีทนบนและท่อนล่างสวมชุดด้วยผ้าไหมสีฉูดฉาดพร้อมทองคำและเงิน เขามีผิวสีน้ำตาลเหมือนทหารคนอื่นๆ แต่ร่างกายอุดมสมบูรณ์และบรรยากาศที่ดูมีออร่ามากกว่าคนอื่นๆ
ไวน์ นาร์เมล ลิชไทน์
บุตรชายคนที่สามแห่งราชอาณาจักรลิชไทน์ เป็นผู้บัญชาการกองทหารของราชอาณาจักรลิชไทน์ เขาจ้องมองไปยังเจ้าหญิงผมสีแดงเพลิงที่ซ่อนอยู่ระหว่างหน้าผา
“ค่อนข้างดื้อรั้นพอตัวเลยนะ ยิ่งทำให้ข้าอยากได้เข้าไปอีก.”
ข้างหลังเขามีทหารจักรวรรดิสองร้อยนายเรียงรายคุกเข่าทั้งสองข้างบนพื้น ไวน์พูดขณะที่ไล่ตัดหัวทหารทีละคน
“เอาล่ะทำเป็นพิธีกันมากพอแล้ว ฆ่าแม่งให้หมด และพาหมอนั่นมาซะ.”
ทหารจักรวรรดิทำอะไรเธอไม่ได้ ดังนั้นเลยถูกฆ่าทิ้งทั้งหมด เลือดที่ไหลอาบไปทั่วบริเวณทำให้ทะเลทรายชุ่มชื้น
คราวนี้มีชายคนหนึ่งที่มีแผลบากหน้าโผล่มาตรงหน้าไวน์
“ดิออส!”
เสียงกรีดร้องด้วยความทุกข์ทรมานของสาวผมแดงดังก้อง ใบหน้าของไวน์บิดเบี้ยวไปด้วยรอยยิ้ม
“ฟุฟุ ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นมันเยี่ยมไปเลย ! เป็นเสียงที่ไพเราะเสนาะหูดีจริงๆ ! ในที่สุดก็เริ่มทรมานแล้วงั้นเหรอ!”
เขาเหยียบหัวของดิออสที่กัดฟันด้วยความหงุดหงิด
“จากท่าทางที่ดูร้อนรนนั่น ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้ช่วยของเจ้าหญิงลำดับที่หกอะไรประมาณนั้นงั้นเหรอ.”
ชายที่แสดงความแข็งแกร่งมากกว่าทหารจักรวรรดิคนอื่นๆ เมื่อพวกเขาบุกโจมตีป้อมอัลโต ก็ได้จับตัวมันได้ และความจริงที่ว่าการโดนจับทั้งเป็นนั้นอีกฝั่งต้องแข็งแกร่งมากๆ
“ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างข้านะเนี่ยl” ไวน์ กล่าว
“ข้าใกล้จะได้ตัวเจ้าหญิงลำดับที่หกแล้ว ต้องขอบคุณแกจริงๆ ข้าจะเอ็นดูเธอต่อหน้าพวกเจ้าทุกคนเลย!”
“อั่ก!”
หลังจากเตะหน้าดิออสแล้วไวน์ก็ตะโกนใส่สาวผมสีแดงเพลิง
“ถ้าต้องการหมอนี่กลับไปเป็นๆ ก็ยอมจำนนและมาหาข้าซะ!”
แม้ว่าจะมองไม่เห็นสีหน้าของเจ้าหญิงลำดับที่หก แต่เมื่อเห็นว่าเธอถูกทหารห้ามเอาไว้ ก็แน่ใจว่าเธอกำลังโกรธมาก
อีกแค่ก้าวเดียว เมื่อคิดเช่นนั้นไวน์ก็ตัดไหล่ของดิออส
“อ๊ากกกกกกกกกกกก?!”
ไหล่ที่ถูกตัดลอยสูงไปบนท้องฟ้าและตกลงสู่พื้นขณะหมุนไปรอบๆ
“โอ้วววววววววววววววววววววววว!”
ดิออสทนต่อความเจ็บปวด เขาเสียแขนไปข้างหนึ่ง ความเจ็บปวดที่ทำให้ถึงขั้นหมดสติ เลือดสดๆพุ่งออกมาเป็นกระแสอันรุนแรงและไวน์ก็หันไปทางลูกน้องของเขา
“ห้ามเลือดมัน.”
“ฮ่ะ!”
ทันใดนั้นก็หยิบเศษผ้ามาพันรอบไหล่ของดิออสที่ถูกฟันไป
“โอ้ววววว เจ้าหญิงลำดับที่หก ถ้าไม่รักษาแผลเขาโดยเร็ว ลูกน้องของเจ้าจะตายเอาได้นะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ตอนนี้ จะเข้ามาหรือยอมจำนน จะทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ ภาพของเจ้าหญิงลำดับที่หกกำลังร้องไห้ ไวน์ที่คิดฟุ้งซ้านได้แบบนั้นก็รู้สึกฟินมากๆ
ข้าจะทรมานนาง ลูบไล้นาง และทำให้นางเป็นเหมือนนางหมูตอน จะปล่อยให้ทั้งจักรวรรดิได้เห็นสภาพอันแสนน่าอดสู่ของนาง
ไวน์ไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ได้ในขณะที่จินตนาการถึงอนาคตอันใกล้—————–
“ฝ่าบาท เซเลีย เอสทรีย่า เอลิซาเบธ ฟอน แกรนท์!”
ดิออสตะโกนเสียงดัง
“หืม?”
ไวน์มองลงมาที่ดิออสด้วยความสงสัย
“ท่านจะต้องสู้ต่อไป แม้ว่าชั้นจะตาย แต่จิตวิญญาณของชั้นจะอยู่กับมหาจักรวรรดิแกรนท์ตลอดไป ทำให้ความฝันของท่านเป็นจริงซะ ความฝันอันยิ่งใหญ่ของท่านจงทำมันให้เป็นจริงซะ!”
“พูดบ้าอะไรของเอ็งวะ ใครใช้ให้พูดt?”
“ถ้าหากความฝันนั้นได้เป็นจริงแล้ว ชั้นขอถวายวิญญาณดวงนี้แด่เทพทั้งสิบสองพระองค์แห่งแกรนท์!”
“หุบปากมัน!”
“อั่กกกกกกกกกก!”
ทหารคนหนึ่งเตะเข้าที่หน้าของดิออส แต่เขาไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ไวน์ถอยห่างจากดวงตาอันเฉียบแหลม ถูกกดดันด้วยความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของดิออส หลังจากคายลิ่มเลือดออกมา ดิออสพูดต่อ
“แม้ว่าหนทางที่จะฟันฝ่าจะยากลำบากเพียงใด แต่จงอย่าได้หยุดยั้ง! ก้าวไปข้างหน้า ก้าวผ่านกองศพนับพันนับหมื่นเหล่านั้น! ท่านจะต้องพาตัวเองไปให้ถึงเป้าหมายอันสูงส่ง!”
“ทำให้แม่งหุบปากดิ!”
“อ๊ากกกกกกกกกกกกก!”
ดิออสถูกเตะไหล่ที่ขาดไปแล้ว เขาล้มลงกับพื้น ไวน์ซึ่งกำลังมองด้วยความโกรธ หันไปมองเจ้าหญิงลำดับที่หก เธอกำลังเดินจากไปอีกด้านหนึ่งของกำแพงเหล็ก
“รอก่อนสิ เจ้าไม่สนเหรอว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหมอนี่!?”
เขารีบคว้าผมของดิออสและมองไปทางเธอ แต่ตอนนี้ลิซนั้นหายเข้าไปหลังหน้าผาแล้ว
“ฮะฮะ ดูท่าจะไม่ง่ายสำหรับแกนะไอ๊กร๊วก รีบๆฆ่าชั้นซะสิ ไม่มีทางที่นายหญิงจะยอมเป็นทาสของแกหรอก.”
“…งั้นเหรอ งั้นเหรอ ถ้าอย่างงั้นข้าจะบดขยี้และเอาตัวนางมาให้ได้.”
เขากระแทกหน้าของดิออสลงกับพื้นและเหยียบด้วยส้นเท้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความบ้าคลั่ง เขายังคงกระทืบดิออสอย่างไร้ความปราณี ซึ่งแม้จะไม่คร่ำครวญแล้วก็ยังคงระบายความหงุดหงิดต่อไป
“เหอะ ไว้แกนั่งดูเจ้าหญิงของแกมีมลทินในชีวิตหลังความตายได้เลย.”
เมื่อดิออสหยุดขยับ ไวน์ก็ฟันคอของดิออสและโยนไปที่เท้าของเขา
“เอาหัวมันไปโชว์ โชว์ให้พวกนั้นเห็น.”
โดยไม่เหลือบมองหัวของดิออส ไวน์ยกดาบเปื้อนเลือดขึ้นและตะโกนเสียงดังในสนามรบ
“ทุกหน่วยบุกเต็มกำลัง!”
*****
“พวกเราจะล้างแค้นให้กับพวกเขา ปกป้องเจ้าหญิงไว้ต่อให้แลกด้วยชีวิตก็ตาม!”
ทริสตะโกนด้วยความโกรธ ทหารราบเกราะหนักต่างตั้งโล่อย่างเงียบๆ พลธนูยิงถล่มศัตรูไม่หยุด พวกเขาต่างทำหน้าที่ของตัวเองแม้ไม่มีคนสั่งการก็ตาม ทางด้านหลังมีร่างของลิซที่คว่ำหน้าลง
เปลือกตาของเธอแดง บวม และเจ็บปวด ไม่มีวี่แววของหญิงสาวที่เปี่ยมไปด้วยพลังอีกแล้ว
(…ฮิโระ)
เธอนึกถึงชายหนุ่มที่มีใบหน้าอันอ่อนโยนที่สุด เธอไม่รู้ว่าการปรากฏตัวของเขาช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเดินทางของเธอมากมายเพียงใด ตอนนี้เธอทำได้แต่นึกถึงเขา
ชายหนุ่มผู้มีจิตใจอ่อนโยนไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้เห็นตลอดการเดินทาง เมื่อเธอต้องแยกจากกับเขา เธอรู้สึกทรมาน จนอยากให้เขากลับมาหา
(…ฉันอยากจะขอโทษนายจริงๆ.)
ฉันไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกต่อไปแล้ว เธอทนไม่ไหวกับความคิดที่ว่าจะต้องมีคนตายเพื่อเธออีกสักกี่คนเพื่อผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไป ทหารคนสนิทที่มีอยู่น้อยนิดก็จากไปแล้วหนึ่ง
(ฮิโระ ฉันเหนื่อยเหลือเกิน)
เธอนั่งกอดเข่าและฝังหน้าตัวเองไว้ภายใต้อ้อมเข่านั้น หญิงสาวที่ร้องไห้จนน้ำตาแห้งเหือดขณะที่เธอหลับ จิตใจของเธอก็ดิ่งลงเหวจนไม่ได้ยินเสียงในสนามรบด้วยซ้ำ
ดังนั้นเธอจึงไม่สังเกตเห็น
――สถานการณ์ของสงครามเปลี่ยนไปแล้ว
แสงแดดส่องประกายลงมาบนพื้นที่ทุรกันดารอย่างเต็มที่ และท่ามกลางฝุ่นที่ปะปนกับความร้อนนั้นเลือดของคนตายในสนามรบและทะเลเลือดที่สาดไปทั่วทั้งนภาได้เกิดขึ้น
มันตกลงมาจากฟากฟ้าและเปิดระยะห่างระหว่างทั้งสองให้หยุดทำสงคราม
ผมสีดำและเงางามเหมือนกับแล็กเกอร์กำลังร่ายรำอยู่ท่ามกลางสายลม ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาและเปล่งแสงสีดำลุกโชนอย่างชัดเจน เด็กชายที่สวมเสื้อผ้าราวกับรวบรวมความมืดมิดทั้งโลกไว้ด้วยตัวคนเดียว
“…..”
ชายหนุ่มที่ฟาดฟันดาบสีขาวเงินในมือเบาๆ สายลมอ่อนๆพัดผ่านศัตรูผิวสีน้ำตาล ครู่ต่อมาก็เกิดทะเลเลือดขึ้นใจกลางสนามรบฝ่ายศัตรู หัวนับร้อยปลิวละล่องในสายลม
ใช้เวลาไม่นานก็กุมอาณาเขตฝ่ายศัตรูได้ ทหารของศัตรูต่างชุ่มไปด้วยเลือดต่างแสดงสีหน้าสงสัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ภาพตรงหน้ามันคืออะไร
พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงเกิดปรากฏการณ์ฝนเลือดและทะเลเลือด ราวกับว่าเวลาในสนามรบถูกหยุดลง ยกเว้นเพียงชายหนุ่มคนนั้นที่ก้าวเดินมาอย่างช้าๆในสนามรบ ชายหนุ่มคนนั้นตวัดดาบไปด้านข้างโดยไม่สนใจสิ่งใด และหัวของศัตรูจำนวนมากก็ลอยละล่องทันทีที่เขาตวัดดาบ
คมดาบสีขาวเงินเฉือนกะโหลกศีรษะของทหารศัตรูสองคน ก่อนที่เลือดจะกระเซ็นเขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและเด็ดหัวศัตรูอีกคน ทุกครั้งที่เขาย่างก้าวจะมีหัวของศัตรูหลุดออกมาเรื่อยๆ
ชายหนุ่มคนนั้นย้ายดาบขาวเงินมาทางมือซ้ายและหยิบหอกที่ตกลงกับพื้นขว้างมันแบบสุ่มๆ มันเจาะทะลุคอห่านศัตรูสี่คนได้อย่างง่ายดายเหมือนยิงธนูใส่ลูกแอปเปิ้ล นอกจากนี้ยังแทงดาบในมือซ้ายผ่านลำคอศัตรูที่มึนงงฟันคอศัตรูรอบด้านราวกับแค่สะบัดดาบก็ทำให้คนตายได้
หลังจากมาไกลถึงขนาดนี้ ทหารศัตรูตะโกนดังก้อง มันดังมากเสียจนร่างของชายหนุ่มสั่นสะเทือน
“ไอ้เด็กนั่นมันอะไรกัน!”
“ไวมากกกก!”
คมดาบสีขาวเงินส่องแสงเฉือนผ่านอากาศ และลำตัวของหทารฝั่งศัตรูก็ขาดดิ้นจนกระแทกกับพื้นพร้อมเสียงตะโกนก้อง
“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!”
“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!”
เขาหยิบหอกที่อยู่ในสนามรบและขว้างมันจนทะลุอกของศัตรูแทงดาบในมือซ้ายเข้าไปในอกศัตรูเมื่อดึงออกก็สะบัดดาบสังหารศัตรูอีกสองคน เขากระโดดจากพื้นขึ้นไปบนผืนนภา
ด้วยเสียงดังสนั่น หอกหลายด้ามถูกแทงไปยังสถานที่ๆเขาเคยอยู่ก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มตีลังกากลับตัวในอากาศและร่ายรำผ่านดงศัตรู
“ฮ๊ากกกกกกกกห์!”
เมื่อเขาโบกสะบัดแขนสองถึงสามครั้งเป็นรูปไม้กางเขน เส้นสีขาวจำนวนหนึ่งถูกวาดขึ้นในอากาศ และศัตรูในบริเวณใกล้เคียงก็ตายทันที ชายหนุ่มคนนั้นบุกทะลวงเข้าไปราวกับบดขยี้หนอนแมลง
สนามรบเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ และทริสเองก็พูดไม่ออก ทริสไม่ใช่คนเดียวที่เงียบจนถึงตอนนี้ แต่กองทหารของลิซนั้นเงียบกันหมด
บรรยากาศแปลกๆปกคลุมไปทั่วสนามรบ เลือดจำนวนมากที่เกาะเป็นกลุ่มก้อนซึมผ่านผ้า แนวหน้าของศัตรูล่มสลายอย่างสมบูรณ์แบบ และอยากที่จะรวมตัวกันใหม่
ใบหน้าของศัตรูล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความกลัวอันท่วมท้น และสีหน้าของพวกเขาอยากจะหนีไปจากสถานการณ์ตรงหน้า อย่างไรก็ตามพวกเขาถูกสั่งให้บุกเต็มกำลัง หากพวกเขาถอยก็จะโดนพันธมิตรจากด้านหลังผลักไสไล่ส่ง
สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้คือตกเป็นเหยื่อของขุมนรกแห่งนี้
“ใช่เจ้าหนูนั่นจริงๆน่ะเหรอ?”
ทริสเอียงคอมองดูไปยังชายหนุ่มคนนั้นที่กำลังทลายแนวหน้าของศัตรูด้วยตัวคนเดียวด้วยดาบสีเขาเงินในมือข้างหนึ่ง แม้จะมองจากระยะนี้บรรยากาศมันต่างไปเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง
ราวกับว่าเขาเปลี่ยนไปราวกับว่าเขาถูกครอบงำโดยบางสิ่งบางอย่าง
“แล้วดาบนั่นมันอะไรกันน่ะ?”
ไม่ว่าจะสังหารศัตรูมากมายขนาดไหน ดาบของเขาก็ไม่มีวันถูกแต่งแต้มไปด้วยเลือด ดาบสีขาวเงินที่งดงามส่องประกาย มันยังคงส่องแสงสดใสตลอดการรบ
แน่นอนทริสไม่รู้เลย
ที่จริงแล้ว—————-มันคือสิ่งที่ถูกเรียกว่าดาบแห่งวีรบุรุษ
ดาบของราชันที่กอบกู้ประเทศที่กำลังล่มสลายและพิชิตประเทศรอบข้าง หลังจากผ่านไปหนึ่งพันปี ดาบในตำนานที่ถูกฝังอยู่ในประวัติศาสตร์อันยาวนาน ต้องบอกว่ามันเป็นดาบที่สูญหายไป
เฮอร์ธ เรย์ ชวาร์ตซ์ ฟอน แกรนท์ จักรพรรดิลำดับที่สองของมหาจักรวรรดิแกรนท์
ในตำนานของเขาถูกกล่าวไว้ว่า มีดาบเล่มหนึ่งที่ควบคุมได้ทั้งสรวงสวรรค์ โลกมนุษย์ และโลกแห่งความตาย เป็นดาบไร้พ่ายที่หากใครได้ถือครองจะกุมชัยชนะอย่างแน่นอน
ไม่มีใครที่นี่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในสมัยนั้น
แต่ถ้าพวกเขาอยู่ที่นี่ พวกเขาคงถูกครอบงำไปด้วยอารมณ์ ดาบที่มีสีขาวบริสุทธิ์และด้ามของดาบราวกับถูกปกคลุมไปด้วยหิมะไม่มีคราบเลือดเลยแม้แต่นิดเดียว และคมดาบที่มีความเด่นเป็นประกายราวกับดวงดาวบนท้องนภา
เมื่อชายหนุ่มชุดดำได้ครอบครองมันไว้ในมือมันก็เปรียบเสมือนดวงดาราที่อยู่บนท้องนภายามค่ำคืน
ดาบภูติจักรพรรดิทั้งห้า ว่ากันว่าเป็นดาบเล่มสุดท้ายและงดงามที่สุดในประวัติศาสตร์————
――จักรพรรดิสวรรค์
มันเป็นช่วงเวลาอีกครั้งที่เขาได้ปรากฏตัวที่โลกแห่งนี้
“ศัตรูกำลังถอยทัพ?”
หนึ่งในทหารเกราะหนักพึมพำเช่นนั้น การเปลี่ยนแปลงของสนามรบที่เห็นได้ชัด เกิดการสังหารหมู่อยู่เพียงฝ่ายเดียว บางทีข่าวอาจจะยังไม่ถึงนายพลของฝ่ายศัตรู
ในขณะที่จับตาดูฮิโระ กองทัพลิชไทน์ก็ค่อยๆถอยทัพ ชายหนุ่มที่เห็นเช่นนั้นก็หมดความสนใจและหันหลังกลับ
ตอนนั้นเองสีหน้าของทริสเปลี่ยนไปและตะโกนก้อง
“ไอ้หนู ข้างหลังแกกกกกก”
ห่าฝนธนูตรงมากมาจากฝั่งศัตรูที่ถอยกลับ เสียงของเขาส่งไปไม่ถึงชายหนุ่มคนนั้นหรือเขาไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ ไม่ แม้ว่าเขาจะได้ยิน แต่ฮิโระที่ไร้ซึ่งโล่ก็ไม่มีทางป้องกันได้
เมื่อคิดว่าทุกอย่างจบลงแล้วทริสก็หลับตาลง ครั้งต่อไปที่ลืมตาตื่นขึ้นทริสไม่สามารถแยกแยะความเป็นจริงกับภาพลวงตาได้เลย เพราะลูกธนูเหล่านั้นยิงไม่โดนชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย
ทริสที่เห็นเหตุการณ์ก็ตกใจเป็นอย่างยิ่ง มองเข้าไปในดวงตาของชายหนุ่มและก็ต้องอ้าปากค้าง
“เนตรภูติสวรรค์งั้นเหรอ…”
หลังจากโล่งใจครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ออกวิ่ง
“อะไรนะ?”
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะตั้งคำถามเพราะเขากำลังมุ่งหน้ามาหาทริสและคนอื่นๆอย่างสุดกำลัง ใบหน้าของเขาไม่ใช่สีหน้าไร้อารมณ์อีกต่อไป แต่เป็นใบหน้าอันอ่อนโยนแบบเดียวกันตอนที่พบกัน
“ทริสซังงงงงงงงงงงงง!”
“โอ้วววว มีอะไรรึไอ้หนู?”
ทริสตกใจที่เห็นฮิโระพุ่งเข้ากอดเขา แต่ทริสรั้งเขาไว้
“ลิซ ลิซอยู่ไหนครับ เธอปลอดภัยดีไหมครับ!”
“ใจเย็นไอ้หนู เจ้าหญิงกำลังพักผ่อนอยู่ด้านหลัง แกนั่นแหละที่น่าเป็นห่วงกว่าเป็นอะไรมากไหม?”
อาจกล่าวได้ว่ากังวลโดยเปล่าประโยชน์เพราะเขาดูแข็งแรงดี แต่ทริสอดไม่ได้ที่จะถาม แต่ชายหนุ่มคนนั้นก็มองไปรอบๆก่อนจะพูด
“อืมจะว่าไงดี สบายดีล่ะ ถ้างั้นขอไปหาลิซก่อนนะ!”
“ไม่เดี๋ยวก่อนไอ้หนู เธอกำลัง――.”
เขาพยายามยื่นมือออกไป แต่ชายหนุ่มก็วิ่งไปทางด้านหลังแล้ว
ฮิโระอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ความร้อนจำนวนมากมารวมกันที่หน้าผาแห่งความตายนี่ มีทหารกี่นายที่จบชีวิต ระวังอย่าไปซ้ำศพพวกเขา เขาจึงเดินต่อไปที่ด้านหลัง
“อ๊ะ ลิซ――…”
เมื่อเขาเจอหญิงสาวที่ตามหาก็เกือบจะยิ้มออกมา แต่รอยยิ้มก็กลายเป็นความเศร้าทันที เพราะหญิงสาวผมแดงเพลิงกำลังนั่งรายล้อมไปด้วยศพ บรรยากาศของเธอดูเหมือนจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ มันทำให้เขารู้สึกหนักใจเล็กน้อย
“…..”
เขาปีนขึ้นไปบนโขดหิน เซอร์เบอรัสที่นั่งอยู่ข้างๆลิซหันมามองฮิโระ เขาลูบหัวเซอร์เบอรัสและวางมือไว้บนไหล่ของลิซ
“ลิซ…”
หญิงสาวยังคงนิ่งเฉยไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าถูกแตะตัว
“ลิซ ได้สติสักที!”
ฮิโระตะโกนเสียงดังและเขย่าไหล่ของเธอ
“…..”
“หือ?”
เมื่อมองไปที่ลิซที่ในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นมา ฮิโระก็ต้องตกใจ ดวงตาที่ไร้ซึ่งเป้าหมายและร้องไห้จนแก้วตาแดงแจ๋
(อ่าาา ใครทำให้เธอต้องทุกข์ทรมานแบบนี้กัน?)
เขาค่อยๆเอาแขนโอบเธอและสวมกอด เขาหาคำพูดที่จะพูดกับเธอไม่ได้เลย
“ลิซ ชั้นขอโทษ.”
ฮิโระไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงขอโทษ ไม่ว่าจะเพราะคิดคำพูดอะไรไม่ออก หรือตัวเธอที่กำลังได้สติ เธอคว้าแขนของฮิโระและดึงหน้าของเธอออกจากอกของเขา
“…ฮิโระ?”
“อืม ก็รู้อยู่หรอกนะว่าจะโกรธชั้น แต่ชั้นกลับมาแล้ว”
เมื่อฮิโระพยักหน้าด้วยท่าทางเขินอาย มือของลิซก็แตะแก้มเขา แม้ว่าอากาศจะร้อนชื้นเหมือนฤดูร้อน แต่มือของเธอก็หนาวจับใจ
“ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
“เพราะตอนนี้ชั้นรู้แล้วไงว่าชั้นทำอะไรให้เธอได้บ้าง”
ฮิโระจับมือของลิซและบีบมือเธอเบาๆเพื่อให้มันอุ่นขึ้น ดวงตาของเธอเริ่มมีประกาย แต่เพราะเมื่อตระหนักถึงความเป็นจริง ดวงตาของลิซก็เริ่มมีน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง
“ดิออสตายแล้วล่ะ…”
“…อืม”
“เขาเป็นเหมือนพี่ชายของฉันมากกว่าพี่ชายแท้ๆซะอีก ฉันคิดเสมอเลยว่าเขานี่แหละพี่ชายแท้ๆของฉัน”
“อืม.”
“แต่ว่า ฉันก็ปกป้องเขาไว้ไม่ได้.”
“…..”
“เขาบอกกับฉันว่าจงทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง”
เสียงของเธอสั่นเครือและดวงตาก็เริ่มมีน้ำตามากขึ้น
“ฉันน่ะ ฮึกฮือออออออออออออออออ――.”
เธอเอาหน้าไปซุกในอกของฮิโระและเริ่มร้องไห้ เขาโอบกอดเธอไว้แม้ว่าเธอจะเป็นถึงผู้ถือดาบภูติ แต่เธอก็ยังเป็นเพียงหญิงสาวที่อายุสิบห้าปี
คนที่เธอรักเหมือนครอบครัวถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา มันคงเป็นความจริงที่ปวดร้าว
(อ่าาา…เธอคนนี้ดูเหมือนนายเลยนะ.)
แม้ว่าจะไม่ได้มีสีผมเดียวกันหรือใบหน้าเหมือนกัน แต่หัวใจของเธอและเขาเหมือนกันทุกประการ เขาขึ้นไปอยู่บนบัลลังก์ตั้งแต่อายุยังน้อยด้วยความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้เพราะตำแหน่งอันสูงส่ง
สิ่งที่เขาทำได้คือการมองประเทศที่กำลังล่มจมไปอย่างช้าๆ
(นั่นเป็นเหตุผลที่นายพาชั้นกลับมาใช่ไหม?)
ฮิโระลูบหัวลิซเขารู้ว่าทำไมถึงกลับมายังโลกแห่งนี้ มันอาจจะผิดก็ได้ แต่สำหรับฮิโระเขาพอจะเข้าใจ
ทริสและทหารราบเกราะหนักต่างมองดูด้วยความเจ็บปวดที่เห็นเจ้าหญิงร้องไห้อย่างเงียบๆ ทหารหลายคนต่างร้องไห้เช่นเดียวกัน
ท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ ทริสที่ไม่เคยหลั่งน้ำตาเลย แต่ตัวสั่นไปด้วยความโกรธและมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก
ดิออส ฟอน มิคาเอล ชายหนุ่มที่จะอายุยี่สิบแปดปีในปีนี้
เขาเคยเป็นอดีตทหารรับร้อง ได้รับบาดเจ็บสาหัสและตระเวนไปทั่วมหาจักรวรรดิ ซึ่งทริสได้รับเขามาดูแลและรับเขามาฝึก ทำให้เขาประสบความสำเร็จเติบโตในฐานะทหารและได้รับการยอมรับให้เป็นผู้ติดตามของทริส
ถ้าลิซเป็นเหมือนลูกสาวของเขา ดิออสก็เปรียบเสมือนลูกชายของเขา ราวกับทลายความทรงจำในอดีต ทริสกระแทกหน้าอกอย่างรุนแรง ปล่อยให้เสียงดังๆหลุดออกมาจากชุดเกราะทำลายความเงียบและคุกเข่าลง
“ฝ่าบาท เซเลีย เอสทรีย่า เอลิซาเบธ ฟอน แกรนท์!”
ทุกคนต่างหันไปมอง
“ไม่มีเวลาที่พวกเราจะเศร้าเสียใจอีกต่อไป ดิออสไม่ได้ปรารถนาถึงสิ่งนั้นนะครับ พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า มาหาวิธีส่งดวงวิญญาณของเขาเถอะครับ!”
ฮิโระตอบสนองต่อคำพูดเหล่านั้น
“ถ้างั้นชั้นมีไอเดีย.”
“ว่าไงนะ?”
“ศัตรูมีประมาณสองพันคน และแม้ว่าเราจะผ่านพ้นมันมาได้ แต่หมู่บ้านโดยรอบได้รับความเสียหายแน่นอน ลิซไม่ชอบให้ผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม?”
“ฮิโระ?”
ลิซเผลอหลุดเสียงออกมาด้วยความหวาดกลัว ไม่่นาแปลกใจเลยเพราะสำหรับเขา ฮิโระเป็นเหมือนหนุ่มน้อยธรรมดาคนหนึ่ง ฮิโระยิ้มอย่างขมขื่นและเล่าเรื่องต่อ
“ถ้างั้นพวกเราจะไม่เรียกมันว่าการทำลายล้าง แต่เราต้องลดจำนวนศัตรูให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้พวกมันทำอะไรได้เหมือนโจรอีกต่อไป.”
“แต่ว่าพวกเราเหลือทหารเพียงยี่สิบนาย เราจะเอาชนะคนสองพันคนได้ยังไง? กำลังจะขอให้พวกเราฆ่าศัตรูหนึ่งร้อยคน ในอัตรานี้เหรอ?”
“พวกเราไม่ทำแบบนั้นหรอก พวกเราเองก็เหนื่อยมากใช่ไหมล่ะ.”
ฮิโระยิ้มออกมาขณะที่เขาชูนิ้วชึ้ขึ้นขณะที่นั่งลงบนก้อนหิน
“มันเป็นกลยุทธ์ง่ายๆที่แม้แต่เด็กยังคิดได้เลยล่ะ”
ชายที่ครั้งหนึ่งถูกขนานนามว่า “เทพเจ้าแห่งสงคราม” ได้กลับมาแล้ว