“วันนี้ชั้นอยากจะพาเธอไปที่อื่นบ้าง สนใจมั้ย”
“เอ๊ะ”
วันรุ่งขึ้นตอนกลางวัน ตอนนี้ผมอยู่หน้าบ้านยุย
ปกติถ้าไปที่ประจำ สีหน้าเธอจะดี พร้อมจะออกเที่ยว แต่พอเปลี่ยนที่ สีหน้าเธอออกการกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ไปร้านเน็ตเจ้าประจำแล้วเหรอ”
“ถูกต้อง”
“…ร้านเน็ตที่เดิมไม่ได้เหรอ? ไปที่อื่นแล้ว..ชั้นกลัว”
ยุยมีสีหน้ากังวล ตัวสั่นน้อยๆ ปกติถ้าเห็นสภาพนี้ก็อยากจะโอ๋เธอ แต่ไอเดียยูมะคือจะรักษาโรคสื่อสารไม่เก่งให้ได้ ฉะนั้นครั้งนี้เขาต้องหักห้ามใจ
“เธอเชื่อใจชั้นใช่มั้ยว่าชั้นอยากจะเป็นกำลังให้เธอ และพยายามที่่จะรักษาโรคสื่อสารไม่เก่งของเธอด้วย”
“…อืม”
“โอเค ทีนี้ คิดว่าเราต้องใช้เวลาอีกประมาณสักเท่าไรดีถึงจะรักษาได้”
“อืม ยังไม่รู้เลย”
ตั้งแต่ที่พบหน้าครั้งแรก เขาก็ครุ่นคิดมาตลอด
(ตั้งแต่ตอนนั้น อาการก็ไม่ดีขึ้นแบบที่คาดการณ์ไว้เลย)
เอาจริงๆ ถ้ามองอีกมุม ยุยเริ่มพูดได้มากขึ้น มาได้ถึงจุดนี้ก็ก้าวหน้ามากแล้ว
แต่ว่ามันก็ยังไม่ถึงจุดที่เขาพอใจ
คือกับตัวเขาเอง ไม่มีปัญฆาหรอก แต่เขาเกรงตอนยุยไปเจอคนอื่นช่วงที่เขาไม่อยู่นี่แหละ
เรื่องสีผมของเธอเป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ให้คนปากหมาล้อ ฉะนั้นอย่างน้อย ขอแค่เธอมั่นใจตัวเองมากกว่านี้เวลาเจอคนปากหมาก้ยังดี
“เมื่อก่อนชั้นก็เป็นโรคสื่อสารไม่เก่ง เรื่องนี้ชั้นยังไม่เคยบอกนายสินะ”
“เอ๋..เรื่องจริงเหรอ”
“จริงสิ เป็นเหมือนนายนี่แหละ ในระหว่างที่เล่นเกม ชั้นก็คิดเสมอว่าอยากเป็นเพื่อนกับนาย”
“…แฮะแฮะแฮะ”
ยุยมีสีหน้าขวยเขิน หัวเราะอายๆ
“ดีใจจังเลย ไม่นึกว่ายูมะจะเป็นเหมือนกับชั้น”
“อืม ก็..นะ”
“แต่ว่านี่พูดจริงเหรอที่ว่าเคยเป็นโรคสื่้อสารไม่เก่ง ตอนพบยูมะครั้งแรกชั้นไม่เห็นแววว่าจะเคยเป็นแบบนี้มาก่อน กลับกัน ชั้นคิดว่ายูมะมีสกิลมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศด้วยซ้ำ”
“เรื่องนี้ชั้นเก็บไว้เงียบๆ มีเนเน่นี่แหละที่รู้ความจริง และเป็นคนคอยช่วยเหลือเรื่องโรคของชั้น เนเน่แกมนุษยสัมพันธ์ระดับโหดอยู่แล้ว เมื่อวานเจอเนเน่แล้วใช่มั้ยล่ะ
“อืม”
“นั่นล่ะ ชั้นคิดว่าถ้าเป็นไปได้อยากให้นายเจอหน้าเนเน่แล้วสนิทกัน คิดว่าไงล่ะ”
“…”
ยุยยังคงเงียบ สีหน้ากังวลไม่ตอบ ก้มหน้าหลบตา
“..จะดีเหรอ? พี่สาวของยูมะ ไม่คิดว่าสีผมชั้นแปลกเหรอ”
“ไม่คิดแน่ เรื่องนั้นลืมไปได้เลย ถ้ากังวลเรื่องนั้น เลิกคิดได้เลยครับ”
ยูมะตอบกลับด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด ยุยเงยหน้าสบตาขึ้น
“ไม่เป็นไรจริๆงนะ”
“เออน่า ไม่เป็นหรอก จริงๆชั้นรายงานสถานการณ์ของชั้นกับนายให้เนเน่ฟังแล้ว เธอเป็นคนบอกเองเลยว่า “ยังไงยุมะก็ต้องพาเธอมาให้ได้นะ” แต่แน่นอนว่าชั้นไม่อยากฝืนใจเธอมากไปกว่านี้ ถ้าเธอไม่อยากไปจริงๆ ก็จะล้มเลิกความคิดนี้ละ”
“ไป..สิ”
“ถึงแม้ว่ายุยจะตัวสั่นตอนตอบ แต่คำตอบก็ชัดเจนว่าไป
“ถ้ายูมะพูดด้วยความมั่นใจขนาดนั้น ชั้น..จะเชื่อใจยูมะ”
ความรู้สึกที่ว่ายุยเชื่อใจเขาขนาดนี้ ทำให้ยูมะรู้สึกดีใจปนเขิน รู้สึกได้ว่าแก้มเขาต้องแดงแน่
“งั้นเราไปกันเถอะ”
***
สถานทีที่จะไปคือ ข้างๆสถานีรถไฟ ห่างออกมาเล็กน้อย เดินมาขึ้นรถโดยสารประจำทางประมาณสิบนาที
“เอ๋…”
“ฮะฮะ คิดแล้วว่านายจะต้องตกใจ นี่แหละที่ๆชั้นอยากพานายมา คือ ร้านเสริมสวย”
ห่างออกมาจากสถานีรถไฟย่านธุรกิจใจกลางเมืองเล็กน้อย มีสถานเสริมความงามชื่อ เวิร์ลเบรคเกอร์ ตั้งอยู่
ชื่อร้านเสริมสวยเหมือนชื่อท่าไม้ตายตัวละครในเกมเลย
ป้ายร้านมีรูปวาดเหล่านักรบสาวถืออาวุธอยู่ข้างๆชื่อร้าน เชื่อว่าใครมาเห็นป้ายครั้งแรกต้องสะดุดตาและคิดในใจแน่ว่ามาผิดร้านรึเปล่า
ตรงทางเข้าร้าน มีป้ายเขียนว่า “เรียนเชิญท่านที่ต้องการเปลี่ยนตัวเอง ต้อง ณ.เวลานี้ ที่นี่เท่านั้น” ข้างๆป้ายมีรูปนักรบสาวในสภาพโชกเลือด แต่ยังพร้อมฮีดสู้เขียนติดไว้
ยุยเงยหน้ามองทั้งป้ายร้านและป้ายทางเข้า
“….ที่นี่ใช่ร้านเสริมสวยเหรอ”
“ใช่แล้ว ที่นี่แหละ ไม่ต้องทำหน้ากังวลขนาดนั้นก็ได้”
“ตรงป้ายเห็นเขียนด้วยว่า ป้ายนี้เช่ามานี่นา”
“ฝีมือของเนเน่ ลงทุนไปเช่าป้ายและออกแบบมาเพื่อเราสองคนนี่แหละ”
“ห๊ะ ยูมะ แค่เรื่องเท่านี้เอง พี่เค้า ใช้เงินไปเท่าไรนิ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ก็ถ้าเนเน่มีกำลังทรัพย์ขนาดเป็นเจ้าของกิจการระดับเช่าที่ย่านธุรกิจได้ เรื่องเท่านี้คงไม่กระเทือนหรอก”
“พี่เขายังดูสาวแท้ๆแต่เป็นเจ้าของกิจการแล้วเหรอ”
“ใช่แล้ว ถึงบางจุดพี่เขาอาจจะดูแปลกๆบ้างก็เถอะแต่รับประกันว่าพี่เนเน่เป็นคนดีแน่นอน ไม่ต้องกังวล”
“อืม”
ยูมะส่งรอยยิ้มให้เพื่อให้ยุยลดความกังวล
(กูก็พูดไปงั้นแหละ ข้างในใจนี่อย่างร้อนรุ่มเลย ขอร้องเนเนน่ก็จริงแต่ไม่นึกว่าพี่เขาจะเล่นใหญ่ไฟกระพริบขนาดนี้)
ยูมะนึกถึงเรื่องในอดีตที่ผ่านมา หัวเราะขื่นๆ มีอะไรมากมายเกิดขึ้นและเนเน่ก็ช่วยเขาไว้จริงๆ
ยูมะสูดลมหายใจเข้าลึก เปิดประจูกระจกเข้าไปในร้าน
“ขอรบกวนด้วยครับ”
ภายนอกกับภายในร้านคือคนละเรื่องเลย ข้างนอกแฟนตาซีแต่ข้างในนี่คือร้านเสริมสวยตกแต่งคล้ายเน็ตคาเฟ่ มีที่ว่างพอสมควร
ยุยเดินตามหลังยูมะเงียบๆ มองซ้ายขวาอย่างระแวงเพราะไม่เคยชินกับการมาที่แบบนี้
“เนเน่ มาแล้วครับ”
“เคจ้า กำลังไป”
ยูมะส่งเสียงทัก มีเสียงแจ่มใสตอบกลับมา
ข้างในร้านมีเสียงเหมือนโลหะกระทบกันแกร๊งๆด้วย สักพัก มีคนโผล่มาในสภาพนักรบสาวแต่งชุดคอสเพลย์ใส่เกราะแบบฟุลอาเมอร์ แถม ใส่หน้ากากคาบูโตะด้วย
“ห๊ะ”
ยุยตัวแข็งทื่อไปแล้ว ส่วนยูมะยกสองมือปิดตาเบือนหน้าหนีไม่กล้าสบตากับคนสวมชุดตรงๆ
ชุดเกราะฟูลอาเมอร์ราวกับหลุดมาจากมังงะหรืออนิเมะพวกเซ็นไตที่ออกมารักษาความสงบสุขจากปีศาจร้าย
ที่หน้ามีหน้ากากคาบูโตะฟูลเฟสสวมอยู่ มือหนึ่งถือดาบใหญ่ขนาดเท่าตัวคนจริงมาด้วย
นี่คือตัวละครชื่อ บาริโอเต้ เป็นตัวละครอนิเมะที่เนเน่ชื่นชอบมาก
“ฮะฮะฮะฮะ ข้ารออยู่นานแล้ว สงครามจากชาติก่อนที่สู้กันมาตลอด ขอให้มันจบลงที่ตรงนี้แหละ”
“เอ๊..เอ๋”
เนเน่โพสแอ๊คท่าในขณะที่พูดไปด้วย ส่วนยุยที่เห็นเน่เน่ในสภาพนี้ตกใจจนไม่ขยับตัว
“..ทำอะไรของพี่เนี่ย”
“เอ๋..?ได้ยินว่าเป็นคนที่มีอาการเครียดจัดเวลาพบปะคนอื่น ชั้นก็เลยจัดชุดใหญ่ให้น้องเขาไม่เครียดเพื่อน้องชายที่อุตส่าขอร้องไง
“ขอร้องอะใช่ แต่เล่นขนาดนี้ก็เวอร์ไป”
“ง่า สายตายูคุงเย็นชาเหลือเกิน”
“อย่างน้อยถอดหน้ากากคาบูโตะออกก็ยังดีครับ ยุยเขากลัวจะแย่แล้วมั้ง”
“จ้า”
**
จบCH5-1
ตอนหน้ามาลุ้นกันนะครับ ว่าเนเน่จะป่วนยุยกับยูมะขนาดไหน
ถ้ารอได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า kurakon
MANGA DISCUSSION