LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend - ตอนที่ 22.6
Zuttomo 22-6
หลังจากนั้นสักพัก ยูมะอาสาช่วยทำกับข้าวเย็น ระหว่างนั้น ยุยเดินลงมาที่ห้องรับแขก
“โอ้ มาละเหรอ ครั้งนี้อาบน้ำซะนานเชียว เฮ้ ไหวมั้้ย หน้าเธอแดงมากเลย นี่ไข้กลับรึเปล่านิ”
ยูมะกล่าวจบ ยื่นมือไปแตะหน้าผากยุย
ยุยร้อง “ว้าย” เสียงหลง กระโดดสะดุ้งโหยงถอยห่างจากยูมะ
“….ยุย?”
“ช..ชั้นสบายดี..แค่มีอะไรนิดนึง”
ระหว่างที่พูด ยุยไม่ได้สบตากับยูมะเลย
“…ยูมะ”
“หือ”
“…เปล่า ไม่มีอะไร”
ยุยทำท่าเหมือนจะกล่าวอะไรบางอย่างแต่ก็เปลี่ยนใจ ส่วนยูมะเอียงคอทำหน้างง
สงสัยเธอจะอายเพราะครอบครัวเธอมาเห็นเรานอนด้วยกันล่ะมั้ง
จะว่าไป เมื่อก่อนก็เคยมีฉากใกล้เคียงกันคือ ผมกับยุยจู๋จี๋กันแล้วเนเน่เปิดเข้ามาเห็นนั่นแหละ
ยูมะคิดจบแค่นหัวเราะออกมา ส่วนยุยจู่ๆดึงแขนเสื้อยูมะ
“ยุย?”
“…”
ยุยเงยหน้ามองยูมะ แต่ว่าเธอก็ยังไม่พูดอะไร เพราะว่ารู้สึกได้ถึงสายตาจากแม่ที่มองเธอ
“มีอะไรรึเปล่านิ”
“..เปล่า ไม่มี”
แล้วยุยก็ปล่อยแขนเสื้อ
ระหว่างนั้น คุณแม่ยุยที่มองเห็นสภาพลูกสาวได้แต่หัวเราะแห้งๆ
หลังจากนั้นก็เป็นช่วงเวลาทานข้าวเย็นด้วยกัน สี่คนแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร มีเพียงเสียงเคี้ยวข้าว
เมื่อทานเสร็จแล้ว ยูมะขอตัวกลับบ้าน ส่วนยุยเดินออกมาส่งยูมะที่หน้าประตูทางออก
“ไม่ต้องเดินมาส่งก็ได้นะ เดี๋ยวไข้ขึ้นอีกรอบขึ้นมาจะแย่เอานะครับ”
“ม..ไม่ต้องห่วง ชั้นหายไข้สนิทแล้วจริงๆ”
ดูแล้วตอนนี้สีหน้าเธอก็แจ่มใส คงหายสนิทจริง พรุ่งนี้เธอคงสามารถไปโรงเรียนได้ตามปกติละ
“..มีอะไรในใจรึเปล่า”
“เอ๋? ทำไมถึงคิดอย่างนั้น”
“เอ่อ คือว่าระหว่างกินข้าวเธอเคี้ยวอย่างเดียวเลย ท่าทางเธอก็ดุเหมือนมีอะไรที่อยากพูดด้วย”
“..อืม จริงๆก็มีแหละ แต่เหตุผลที่มีเป็นเพราะว่าชั้นดีใจสุดๆเลยน่ะสิ”
“งั้นเหรอ ก็ไม่เข้าใจเท่าไรนะ แต่ถ้าดีใจผมก็ดีใจด้วยนะ”
หลังจากยูมะกล่าวจบ สีหน้ายุยดูเขินอายมาก เอาวะ ดูแล้วคงอายจนมีความสุขล่ะมั้ง ถึงไม่รู้ว่าอายเรื่องไรก็เถอะ
ยูมะเปิดประตูบ้าน เดินออกมาข้างนอก เวลาตอนนี้พระอาทิตย์ตกเรียบร้อย เป็นช่วงเวลากลางคืน มีสายลมพัดอ่อนๆจนรู้สึกเย็นสบายดี
ยุยสวมรองเท้าแตะเดินตามยูมะออกมาด้วย
“วันนี้ขอบคุณนะ”
“สาเหตุแต่แรกมันเป็นเพราะผมเอง ไม่ต้องขอบคุณหรอก ดูแล้วพรุ่งนี้น่าจะไปโรงเรียนไหวเนอะ”
“คิดว่าไม่มีปัญหานะ”
“ถ้างั้นพรุ่งนี้เช้าผมารับตามปกตินะ”
“อืม ชั้นจะรอนะ”
“โอเค ดูแลสุขภาพด้วย”
ยุยฟังจบ เธอทำท่าเหมือนจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน แต่ว่าสุดท้าย เธอเปลี่ยนใจ เดินมาจับแขนเสื้อยูมะ
“ยุย?”
ตอนแรกยูมะงงว่าเกิดไรขึ้น พอหันมาดุยุยที่จับแขนเสื้อ จากท่าทีของเธอเหมือนว่า การที่เธอคว้าแขนเสื้อ เป็นสิ่งที่แว่บขึ้นมาในหัวจากสัญชาตญาณโดยไม่รู้ตัว พอคว้าแขนเสื้อแล้วโดนจับได้ สีหน้าเธอดูเหมือนทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้ปล่อยมือ
“เป็นอะไรรึเปล่า”
“เอ้่อ..คือว่า…คือ”
ยุยพูดตะกุกตะกักขณะเงยหน้ามองยูมะ
“…คือว่า…อยากให้ลูบหัว…อีกสักรอบ”
“…”
คราวนี้เป็นฝ่ายยูมะทึ่อึ้งแทน ปากพะงาบๆเหมือนจะกล่าวอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก้ไม่ได้พูดอะไร ทำตามที่ยุยขอแต่โดยดี
ยูมะใช้มือเสยผมหน้าผากของยุยเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆใช้ฝ่ามือลูบหัวอย่างอ่อนโยน
“ลูบอีก..”
เจอเสียงอ้อนหวานๆของยุย ในฐานะผู้ชายเล่นเอาแทบทนไม่ได้ ตอนนี้ยูมะรู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจเต้นตรงกลางอก
ยุยผ่อนคลาย ทุกครั้งที่ยูมะกลับมาลูบหัวตรงแถวหน้าผาก เธอจะหลับตาพริ้ม พร้อมรอยยิ้มชวนหลงไหล
เห็นสภาพแบบนี้ บอกตรงๆว่ายูมะต้องอดใจเอาเรื่องที่ไม่ให้ตัวเองกอดเธอ
หลังจากลูบหัวเธอไปได้พักใหญ่ ยูมะหยุดลูบเธอ พร้อมถามว่า
“เป็นไงบ้าง อิ่มอกอิ่มใจมัั้ย”
“อืม ขอบคุณนะ”
ยุยตอบด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี รู้เลนว่ามีความสุขมากผ่านทางน้ำเสียง
เอาจริง แค่ยูมะได้ลูบหัว ยังรู้สึกมีความสุขไม่ต่างกันเลย ถ้าลูบไปมากกว่านี้อีกเกรงว่าจะอดใจไม่อยู่ เพราะตอนนี้ก็แทบจะถึงขีดจำกัดความอยากกอดเต็มแก่ละ
“ง..ไว้มีโอกาสค่อยต่อคราวหน้าละกัน ผมไปก่อนละเจอกันพรุ่งนี้”
“อืม บายๆ”
ยุยโบกมือ ส่วนยูมะเร่งฝีเท้าเดินออกจากบ้านยุย
ทันทีที่ถึงบ้านตัวเอง ยูมะรีบวิ่งเข้าห้องตัวเอง
(วันนี้เธอขี้อ้อนสุดๆเกินเบอร์มากๆ)
เคยบอกไปแล้วว่าให้ระมัดระวังเวลาอยู่กับเพศตรงข้าม แต่เตือนยังไงเธอก็ไม่เคยทำตามที่เขาบอกเลย
แต่ใจหนึ่งยูมะคิดว่า ที่เธอทำตัวขี้อ้อนขนาดนี้เพราะเธอเชื่อใจในตัวผมก็เป็นได้
ถึงตอนนี้ตอนที่ลูบเธอ ก็ไม่ได้เห็นว่ายุยจะมีอาการรังเกียจเดียดฉันท์ตัวผมนะ คิดแล้วมันก็ดีใจมากๆเลย แถมตอนร่ำลายังได้ลูบจัดเต็มอีกรอบด้วย
สถานการณ์ฺเดินมาถึงจุดนี้ ผมว่ามันก็คาดหวังได้หลายอย่างนะ
แต่นั่นแหละั จะมองโลกในแง่ดีก็ไม่อยากเสี่ยง บางทีที่เธออ้อนและทำตัวแบบนี้อาจจะเป็นเพราะเธออยากจะตอบแทนบุญคุณ และด้วยนิสัยพื้นฐานของเธอเป็นคนแบบนี้อยู่แล้วก็ได้
ยูมะเองก็ตั้งปณิธานไว้แล้วว่า จนกว่าจะมั่นใจว่า ยุยชอบเขาจริง เขาจะไม่เป็นฝ่ายสารภาพรักก่อน
แต่ว่า..ให้ตายสิ สถานการณ์ที่เป็นตอนนี้ ไม่ตาบอด มันก็ต้องมองได้ว่าเธอชอบเราแล้วนะ
ยูมะใช้มือแตะหน้าอกตัวเอง สูดลมหายใจเข้าลึก
ถ้าเป็นตอนนี้ อาจจะสารภาพรักสำเร็จ อาจจะเปลี่ยนยุยเป็นคนรักของผมก็ได้ แต่ใจหนึ่งก็กลัวว่าสารภาพรักผิดวิธี ไอ้ที่หวังไว้อาจจะหมาเลยก็ได้
“ชั้นชอบเธอ” คำสั้นๆแต่มีความหมายลึกซึ้ง จะพุดได้ต้องใช้ความกล้า แถมยังต้องมานั่งคิดต่ออีกว่า สารภาพตอนนี้ จะเป็นช่วงเวลาที่ดีพอมั้ย โอ้ย กลุ้มโว้ย
(นี่ยังไม่รวมว่า ไปพูดขอลูกสาวเขาต่อหน้าพ่อเธอ ยังพูดได้ง่อยๆโง่ๆดูไม่เท่เลย)
ยูมะคิดจบด้วยแง่ลบ สุดท้ายได้แต่หัวเราะแห้งๆกับตัวเอง
***
ทางด้านยุย เมื่อกลับถึงห้องตัวเอง เธอซุกหน้ากับหมอนข้าง
เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ คิดแล้วมันชวนอายมากๆทว่ามันก็เป็นวันที่มีความสุขสุดๆด้วย
คิดแล้วอยากจะอ้อนเขา อยากจะให้เขาลูบหัวมากกว่านี้อีกจัง
เพียงแค่คิดเท่านี้ยุยก็ใจเต้นตึกตัก สูดกลิ่นหมอน เหมือนได้กลิ่นยูมะยังคงเหลือด้วย แค่นี้ก็ทำเธอตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ
ระหว่างซบหมอน ในหัวเธอนึกถึงคำพูดที่แอบฟังมาว่า
(ยูมะคุง เธอจะทนุถนอมยุยใช่มั้ย)
(ใช่ครับ ผมจะทนุถนอมเธอครับ)
ว้ายยยยยยย
ยุยซบหน้าลงกับหมอนแรงกว่าเดิม พร้อมฟาดขาซ้ายขวาไปมา
รู้เลยว่าตอนนี้เธอยิ้มแก้มปริดีใจมากจนเจ็บแก้มละ แต่เป็นความเจ็บที่ยินดีมากๆ
(ทำไงต่อดีน้า ชั้นชอบยูมะมากแต่ก็ไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของเราจะพัฒนาได้มากกว่านี้ แต่ว่า ตอนนี้กลายเป็นว่าเราทั้งคู่ใจตรงกันแล้ว)
คำว่าชอบยูมะ ลอยอยู่ในหัวยุยเต็มไปหมด
ก่อนหน้านี้เธอเองทำได้แค่คิดว่า อยากจะเป็นคนรัก อยากจะอยู่ด้วยกันตลอดไป
แต่ว่าพอรู้แล้วว่าเธอกับเขาใจตรงกัน แค่นี้มันเริ่มไม่พอแล้ว
ความปรารถนาของเธอคืออยากจะอ้อนเขาให้มากกว่านี้ อยากสัมผัสและถูกสัมผัสให้มากกว่านี้ อยากแสดงความรัก อยากไปเดทกันบ่อยกว่านี้….แล้วก็อยากจะจูบเขาจัง
ความรู้สึกอยากได้และความปรารถนาในตัวยูมะก่อตัวในใจเธอจนหยุดไม่อยู่
ยุยเอื้อมมือไปหยิบมือถือตัวเองพิมพ์ว่า
“ชั้นชอบเธอนะ เรามาคบเป็นแฟนกัน”
เธอพิมพ์แล้วก็กดลบ พิมพ์แล้วก็กดลบทำซ้ำไปมากับมือถือเธออยู่อย่างนั้น
ใจจริงเธออยากจะกดส่ง แต่ก็ไม่มีความกล้าพอที่จะทำ แต่ว่าแค่ได้พิมพ์แล้วลบอยู่อย่างนี้ก้ทำเธอใจเต้นแรงด้วยความสุขมากๆแล้ว
(ถ้าส่งข้อความนี้ไป ชั้นกับยูมะจะเป็นคนรักกัน)
แค่คิดเท่านี้เธอก็ดีใจมีความสุขละ
ทว่าหลังจากพิมพ์แล้วลบซ้ำไปมา เธอก็เริ่มใจเย็นก่อนจะฝืนหัวเราะ สุดท้ายแทนที่จะส่งคำสารภาพรัก เธอเลือกจะส่งคำว่า “ราตรีสวัสดิ์”ไปให้ยูมะแทน และไม่นาน ยูมะก็ส่งข้อความราตรีสวัสดิ๋กลับมาหาเธอ
ก็นะ ..ในตอนนี้ เพียงแค่พิมพ์ข้อความ เธอก็สุขและดีใจมากพอละ ยุยวางมือถือลงก่อนจะนอนหลับไป
จบch 22
*****
หมายเหตุจากผุ้แปล
อ่านกันเพลินๆฟินๆกันไประหว่างรอดูบอลในวันหยุดนะครับผม ช่วงนี้งานเริ่มหนักเลยมีเวลาแปลได้บ้าง ถ้างานหนักหายยาวอย่าแปลกใจนะครับผม ยังไงคนที่เข้าไปอ่านในเพจ kurakon ก็ฝากกดให้คะแนนด้วยนะค้าบ
ถ้ารอตอนใหม่ได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า kurakon