LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend - ตอนที่ 19.1
หลายวันต่อมา
“…นี่ก็จะเข้าเดือนห้าเดี๋ยวมีสอบกลางภาคแล้ว เธอไม่ค่อยได้เรียนช่วงมอต้นคิดว่าจะทำข้อสอบผ่านรึเปล่า”
“อืม…คิดว่านะ”
ขากลับจากโรงเรียน ยูมะกับยุยยังคงเดินกลับด้วยกันเหมือนที่ผ่านมา
“มีวิชาที่ไม่ถนัดมั้ย ถึงชั้นกับนาโกะจะไม่ได้มีผลการเรียนติดระดับท้อปแต่คิดว่าถ้าช่วยติวให้ก็น่าจะสอบผ่านนะ..”
“อ๊ะ..อืม…คิดว่ามีวิชาประวัติศาสตร์น่ะ”
“งั้นสนใจติวรอบหน้าด้วยกันมั้ย”
ยูมะกล่าวจบ ยุยพยักหน้าให้กับคำชวนนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย
ตอนชวนก็แอบกลัวเหมือนกันว่าเธอจะรังเกียจและปฏิเสธ พอผลออกมาว่าเธอตอบรับ ยูมะเลยโล่งอก
จะว่าไปที่น่าห่วงมากกว่าเรื่องสอบ คงเป็นโรคสื่อสารไม่เก่งแล้วล่ะ ไม่รู้ช่วงนี้เหมือนอาการเธอจะแย่ลง
พอคุยกับนาโกะและอาสึกะก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร แต่พอคุยกับเราทีไรเธอหน้าแดงไม่สบตาทุกที เล่นเอานึกถึงสมัยอดีตตอนพบกันช่วงแรกเลย
แต่ก็นะ ถ้าให้เดาสาเหตุ มันก็ไม่ยากหรอก จู่ๆยุยไม่สบตา อาการโรคแย่ลงมันก็มีแค่เรื่องเดียวนั่นแหละ
(เรื่องเมื่อคืนวันที่ค้างบ้านเราแหงๆ)
วันนั้น วันที่ยุยมาค้างบ้านเรา เธอเมาแล้วเราดันไปทำท่าจะจูบยุย
ถึงตอนนั้น ยุยจะเป็นคนบอกเองว่า อยากจูบก็จูบได้นะ แต่นั่นไม่ได้มาจากใจจริงของเธอ มันเป็นเพราะเมา
แล้วตั้งแต่วันนั้น ยุยก็ไม่กล้าคุยแล้วสบตากับเราอีกเลย ฉะนั้น สาเหตุมันก็ต้องมีแค่อย่างเดียวคือเราจะไปจูบเธอนั่นเอง
ถึงเจ้าตัวจะบอกว่าเมาจนจำอะไรไม่ได้ ก็ไม่แน่ว่าจะต้องพูดความจริง เธอกลับไปนอนบ้านแล้วอาจจะนึกออกก็ได้
สำหรับยุยแล้ว ยูมะคือเพื่อนสนิท เป็นพี่ชายคนสำคัญ แต่สุดท้ายเราดันไปทรยศความคาดหวังเธอ
อ้ากกกก พอคิดถึงตรงนี้แล้วก็เกิดคำถามกับตัวเองว่า กุทำอะไรลงไปว้า
แต่ว่า จะให้บอกยุยว่า ต้องขอโทษด้วยนะที่ตอนนั้นชั้นคิดจะจูบเธอ ก็ไม่มีความกล้าพอจะสารภาพ ก็เลยเกิดอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบตอนนี้
ระหว่างที่เดินขากลับเลยเกิดบรรยากาศที่ไม่ค่อยดีนัก ขากลับเลยไม่ได้เดินจูงมือกัน
กระนั้น..แม้จะไม่จับมือ แต่ยุยยังจับแขนเสื้อยูมะอยู่
แน่นอนว่าหากเธอรังเกียจจริง เธอคงไม่เข้ามาใกล้อยู่แล้ว แต่พอยุยทำแบบนี้ ภาษากายมันก็ยังบอกชัดว่า “ชั้นไม่อยากห่างจากเธอ” ชั้นมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอมากกว่านี้”
แต่ว่า ยิ่งเห็นยุยในสภาพแบบนี้ ความรู้สึกผิดยิ่งเกาะหัวใจยูมะหนักกว่าเก่า
สุดท้ายทั้งคู่ก็เดินมาถึงหน้าบ้านยุย
“จ..เจอกันพรุ่งนี้นะ”
ขณะที่ยุยกำลังจะเข้าบ้าน ยูมะตัดสินใจคว้าแขนเสื้อเธอ
“เอ๋?ย..ยูมะ”
“…ชั้นมีเรื่องต้องบอกเธอ”
….ยูมะคิดว่าขืนปล่อยบรรยากาศกลืนไม่เข้าคายไม่ออกดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ไม่เป็นผลดีต่อการดำเนินชีวิตแน่ มันเป็นปัญหาที่ตัวเขาต้องเผชิญหน้าเพื่อแก้ไขมัน ยูมะจึงตัดสินใจจะขอโทษยุยและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันที่ยุยนอนค้างให้ฟัง
ทางด้านยุยที่ฟังคำพูดยูมะจบก็ตัวแข็งทื่อไปแล้ว เพราะว่าสีหน้ายูมะจริงจังมาก ตอนนี้เธอหน้าแดงถึงใบหู สีหน้าแววตายุยผสมปนเประหว่างความคาดหวังและกังวลขณะจ้องหน้ายูมะ
“เอ่อ..ยูมะ..มีเรื่องจะคุยเหรอ”
“เรื่องที่เธอไปค้างบ้านชั้นวันนั้นน่ะคือว่า…”
“เอ๋..อืม”
“คือว่า…ชั้นขอโทษนะ”
ยุยเบิกตากว้างตกใจที่จู่ๆยูมะก้มหัวให้
“เอ๋? เอ๋? ขอโทษ? เรื่องอะไรเหรอ”
“วันนั้นเธอเข้าใจผิดดื่มเหล้าเนเน่ จำได้มั้ย”
“จำได้สิ แล้วทำไมเหรอ”
“เอ่อ…คือว่า..จะบอกว่ามีก็มี จะว่าไม่มีก็ไม่มีแหละ”
พอเห็นท่าทางของยุย ยูมะคิดว่าสรุปเธอเมาจริงและจำอะไรไม่ได้จริงๆนี่หว่า นี่เขาคิดเองเออเองซะงั้น แต่ว่าจะให้โกหกต่อไป มันก็รู้สึกผิดบาปในใจ
ไหนๆเรื่องมันมาถึงตรงนี้ก็ต้องสารภาพความจริงให้เธอฟังแล้วล่ะ
“….ชั้นคิดจะ…จูบเธอ”
“………..?”
“จ..จูบ..เอ๋? จูบที่ว่าหมายถึง …ยูมะจะจูบชั้นเหรอ…เอ๋…”
“คิดจะจูบแต่ยังไม่ได้จูบนะ แค่ริมฝีปากเกือบชนกันนิดเดียวเท่านั้น อ้าวเฮ้ย ยุย?”
“……….”
ยุยน้ำตาคลอเบ้า รีบวิ่งเข้าบ้านตัวเอง ส่วนยูมะยื่นมือจะคว้าเธอแต่ไม่ทันจั่วลมแทน
(ชิบหายจริงด้วย…)
ทำเด็กผู้หญิงเสียน้ำตา ทำยุยร้องไห้อีกแล้ว รู้สึกผิดจนแทบอยากตายเลย
ยูมะเดินกลับแมนชั่นตัวเองด้วยสภาพโซซัดโซเซ
***
ส่วนทางด้านยุย หลังจากวิ่งเข้าบ้านมา เธอสับฝีเท้าเต็มตีนขึ้นห้อง หัวใจเธอเต้นตึกตักรัวๆ
(จ..จูบเหรอ…ตอนนั้น..ยูมะคิดจะจูบชั้นจริงๆรึ…)
ยุยยกมือขึ้นมาแตะแก้มตัวเอง รู้สึกได้ว่าหน้าร้อนผ่าว
เอาจริงๆสาเหตุที่ยุยไม่กล้าคุยกับยูมะตรงๆ เป็นเพราะยุยพยายามจะทำให้ยูมะคิดว่าเธอเป็นผุ้หญิง แต่ยังนึกไม่ออกว่าจะทำยังไงดี
แถมตอนปรึกษาอาสึกะ ยังบอกว่า ยูมะชอบเธอจนไม่กล้าเผชิญหน้าด้วย
ตั้งแต่วันนั้น สิ่งที่เธอคิดคือ (อย่าบอกนะว่า ยูมะอาจจะชอบชั้นจริงๆ) ด้วยความเขินในเรื่องนี้ เธอจึงเขินไม่กล้าสบตายูมะ
แต่ตอนนี้กลายเป็นว่า สิ่งที่คิดกับความจริงมันต่างกัน ความจริงคือ ยูมะคิดจะจูบเธอ เรื่องนี้แหละที่ทำให้เธอเขินจัดจนไม่กล้าเผชิญหน้ายูมะไหวแม้แต่วินาทีเดียว
ยุยรีบถอดรองเท้า วิ่งกลับเข้าห้องตัวเองอย่างไว และวันนี้พ่อแม่เธอไม่อยู่บ้านจึงไม่รู้ว่ายุยกำลังลนลานสุดๆ
ทันทีที่ถึงห้องตัวเอง ยุยล้มตัวนอนบนเตียง เอาหน้าซุกหมอนข้าง
ยุยรู้นิสัยยูมะดีว่าเขาเป็นคนที่มีความเป็นสุภาพบุรุษมากๆ ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยฉวยโอกาสตอนเธอขาดความระมัดระวังตัวแม้แต่ครั้งเดียว
ทว่า… ครั้งนี้ เขาเป็นคนสารภาพเองว่าอยากจะจูบ นั่นหมายความว่า…
(ยูมะคิดจะจูบ และคนที่ยูมะจะจูบคือชั้นเอง นั่นแปลว่า..)
แก้มยุยตอนนี้ร้อนผ่าว หัวใจเธอเต้นแรงจัดจนรู้สึกเจ็บหน้าอก จนต้องรีบหายใจเข้าลึก
(ยูมะ…อยากจะจูบ..ชั้น)
เพียงแค่คิดถึงตรงนี้ก็เขินจัด หน้าซุกกับหมอนข้าง ส่วนขาทั้งสองข้างเธอสลับยกขึ้นลงตบเตียง
อย่างน้อย ตอนนี้ก็ยืนยันแล้วว่า ยูมะมองเห็นชั้นเป็นผุ้หญิงแถมเป็นคนที่อยากจะจูบด้วย
…จากที่เดิมที่แค่คิดว่า เขาอาจจะชอบชั้น กลายเป็นเริ่มคิดว่า หรือเขาจะชอบชั้นจริงๆแล้วสินะ
ยุยเองก็ยังเป็นเด็กวัยรุ่น
ความรู้สึกที่อยากจะจูบกับคนที่ชอบ เธอเข้าใจดี เพราะในฝันเธอยังเคยเป็นมาก่อน
แม้ว่าใบหน้าเธอจะยังจมอยู่กับหมอนข้าง แต่จินตนการเธอไม่หยุดตามไปด้วย
เธอกำลังคิดว่า ตอนนี้ยูมะกำลังจ้องหน้าเธอนิ่งๆ ค่อยๆใช้มือลูบหัวเธออย่างอ่อนโยน
ส่วนเธอก็ค่อยๆเงยหน้าหลับตาเผยอริมฝีปากเล็กน้อย จากนั้นริมฝีปากอ่อนนุ่มของยูมะก็ประทับลงกับริมฝีปากยุย รับรู้ถึงความอ่อนโยนของยูมะผ่านริมฝีปากของตัวเอง แม้ว่าจะเขินแต่ก็ใจเต้นตึกตักด้วยความสุข เพราะยูมะคือคนที่ชอบที่สุด รักมากๆ แค่ครั้งเดียว ยังไม่พอ อยากจะเบิ้ลอีกรอบ
(ตายแล้ว…นี่ชั้นคิดอะไรอยู่เนี่ย)
สุดท้ายยุยระเบิดตัวเอง รับความเขินจากจินตจนาการอีโรติคไม่ไหว นอนนิ่งกอดหมอนข้างจ้องเพดาน
**
จบCH19 (จบเล่ม 2 กำหนดการเล่ม 3 ออกเดือน 12 รอถึงตอนนั้นไว้เจอกันอีกทีนะครับ)
ก็แปลจบไปแล้วนะครับกับโครงการแปลนิยาย LN zuttomo
โปรเจ็คถัดไปก็แปล
Netoge no Yome ga Ninki Idol datta ~Cool-kei no kanojo wa genjitsu demo yome no tsumori de iru~
ネトゲの嫁が人気アイドルだった ~クール系の彼女は現実でも嫁のつもりでいる~
หรือรินกะ ยันเดเระนั่นเอง แต่เป็นฉบับนิยายนะครับ
อันนี้ก็มาบอกเล่า90กันหน่อยนะครับ ใครที่อ่านจบทั้งสองเล่มก็ลองเล่าให้ฟัง ป้ายยาหน่อยว่า ทำไมถึงควรอ่านเรื่องนี้ เผื่ออนาคตมันได้ลิขสิทธิ์จากไทย ผมจะดีใจมาก
ถ้าสำหรับผม เรื่องนี้ดีตรงปมตัวละครไม่ดราม่านาน วัดกันที่ความหวาน เรื่องนี้ไม่เป็นสองรองใคร มีครบทุกรสชาติ ดราม่า หวาน ฮา(ข้อนี้สำคัญ ถ้าอ่านแล้วเครียด ถึงหวานก็ไม่แปลครับ เปลืองสมอง)
และข้อดีของเรื่องนี้อีกข้อที่สำคัญมากคือมาตรฐานงานเขียนไม่ตก กลับกัน เล่มสองผมว่าเขียนตัดเนื้อหาส่วนยืดออกไปพอควรเลย สนุกกว่าเล่มแรกด้วยซ้ำ คือถ้าทนอ่านช่วงปูความสัมพันธ์ช่วงเล่ม1ได้ ผมการันตีว่า เรื่องนี้อ่านแล้วไม่เสียดายเวลาแน่นอน
กลับกัน อาเรียพูดภาษารัสเซียเล่ม 2 นี่ถ้าใครเสพหวานและฮา จะเกิดความอีหยังวะได้เลย มันก็สนุกนะ แต่รู้สึกดรอปกว่าเล่ม1แน่ ซึ่งไอ้ฟีลนี้ รินกะจะเป็นเหมือนกันเลย
ฉะนั้น ถ้าใครอ่านเรื่องนี้ผ่านช่วงแรกของเล่ม1ได้ ผมว่าเล่ม2อ่านแล้วสนุกกว่าเล่ม1ด้วยซ้ำ
มีการพัฒนาการของตัวละครค่อนข้างสูงและเป็นธรรมชาติ (ไอ้เรื่องนี้แหละที่เดี๋ยวไปดูของรินกะ แม่งจะเกิดความอีหยังวะในเล่ม2เลย แต่ถามว่าสนุกมั้ย ก็ไหลเรื่อยๆนะ)
ไว้เดือนสิบสองออกเล่มสามเมื่อไรเจอกันนะครับ แต่ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ได้ลิขสิทธิ์ในไทยก่อนจะดีมาก อยากให้นิยายนี้แพร่กระจายเยอะๆ55