[LN] ใครกันที่เป็นคนตัดสินว่าผมมีเลิฟคอมเมดี้ในชีวิตจริงไม่ได้ - ตอนที่ 5
เช้าต่อมาหลังจากทำสัญญากับอุเอโนะฮาระ
ผมเปิดประตูห้องเรียนและเดินเข้าไปข้างใน เหลืออีก 20 นาทีก่อนที่ระฆังจะดังแต่ผู้คนก็เริ่มมารวมตัวกันแล้ว
…และตรงนั้นผมก็ได้พบกับบุคคลหายากที่ไม่น่ามาอยู่ในช่วงเวลานี้
“รุณหวัด โทคิวะ”
“โอ๊ะ รุณหวัด หัวหน้าห้อง”
ผมทักทายออกไปแบบลวกๆ ส่วนเขาก็ตอบกลับมาเอื่อยๆ และชิลๆ
“วันนี้มาเช้าจังนะ แล้วซ้อมตอนเช้าล่ะ”
ชมรมบาสเกตบอลที่โทคิวะอยู่นั้น ต่อให้เอาชมรมกีฬาอื่นไปเทียบก็ยังนับว่ามีตารางการซ้อมที่หนักหน่วง โดยปกติแล้วถ้าระฆังไม่ใกล้ดังพวกเขาก็จะซ้อมต่อไปเรื่อยๆ เลยทีเดียว
“อ๋อ ตอนเช้าน่ะเหรอ เราใช้โรงยิมไม่ได้เพราะเขากำลังเรียกนักเรียนมาประชุมใหญ่กันอยู่น่ะ”
หลังจากพูดไปแบบนั้น โทคิวะก็เริ่มเขมือบข้าวกล่องที่ทานไปแล้วครึ่งหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะของเขาต่อ ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่ข้าวกล่องธรรมดา แต่เป็นข้าวกล่องชุดพิเศษที่เขาเตรียมเอาไว้สำหรับเสริมกระเพาะหลังจากซ้อมตอนเช้าโดยเฉพาะ
“เพราะงั้นเราเลยแค่วิ่งเหยาะไปนิดๆ น่ะ ถึงลงท้ายจะต้องฝึกทดแทนเป็นสองเท่าก็เถอะ…”
“ห้า… ห้า… ห้า…”
โทคิวะหัวเราะออกมาแบบแห้งๆ ร่างกายที่ได้รับการบ่มเพาะมาอย่างดีดูจะเหี่ยวเฉา ผมชักจะสงสารแล้ว
“ฮะๆ เหนื่อยหน่อยละนะ งั้นเหรอ วันนี้มีเขามีประชุมใหญ่กันสินะ”
ก็นะ ถึงจะพูดไปราวกับเพิ่งนึกออก แต่ความจริงผมรู้อยู่แล้วล่ะ เอาตั้งแต่แรก ที่เมื่อวานดาดฟ้าไม่ได้ล็อกมันก็เพราะพวกเขากำลังย้ายของออกมาจากโกดังดาดฟ้าไปประชุมนั่นแหละ
โทคิวะหยุดทานข้าวกล่อง จากนั้นก็ซดน้ำขนาด 2 ลิตรลงท้องอย่างส่งเสียงดัง อื้ม การกระทำสมกับเป็นตัวละครนักกีฬาดีมาก
“ฮ่า~ จู่ๆ ก็เรียกนักเรียนมาประชุมใหญ่แบบนี้เขามีความหมายอะไรหรือเปล่านะ”
อืม… โทคิวะส่งเสียง ออกมาด้วยท่าทางหนักใจ
นั่นสิ ผมว่าน่าสนใจจริงๆ นั่นแหละ จะจัดอำนาจชมรมแต่ละชมรมเพื่อเอาไปจัดสรรงบประมาณ ประเมินรายการค่าใช้จ่ายนอกบัญชี ดูภาพรวมในอดีตเพื่อหาเรื่องตัดงบที่ไร้ประโยชน์ …ของแบบนี้จะให้พูดออกไปก็ดูสุ่มเสี่ยงไปหน่อยนั่นแหละ
ตอนนี้พวกเรายังเป็นเพียง “เพื่อนร่วมชั้นที่นั่งข้างโต๊ะ” ถ้าเกิดผมเลือกทางผิดพลาดมันอาจจะไปทำลายความสัมพันธ์ของพวกเราในอนาคตได้
หากอิงจากข้อมูลส่วนตัวที่ผมศึกษามา การโต้แย้งกันแบบเล็กๆ มีโอกาสน้อยถึง 20% เท่านั้นที่เขาจะรู้สึกแย่ แต่ถึงอย่างนั้นเพื่อความปลอดภัยผมก็ควรจะตอบกลับไปแบบธรรมดา
“เอาเถอะน่า อะไรจะเกิดก็ช่วยไม่ได้หรอก ที่สำคัญกว่านายรีบกินข้าวกล่องให้หมดเถอะ”
โทคิวะตอบ “รับทราบ” ด้วยน้ำเสียงชิลๆ และเริ่มทานข้าวกล่องอีกครั้ง
—นี่คือเพื่อนร่วมชั้นและเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะด้านซ้ายของผม โทคิวะ เออิจิ
ปี 1 ห้อง 4 เลขที่ 18 สังกัดชมรมบาสเกตบอล เกิดวันที่ 9 กรกฎาคม เรียน ม.ต้น ที่โรงเรียนเอกชนชิโนนามิในเมืองเคียวโกคุ
สูง 175 ซม. ผมสั้นสีดำ มีรูปร่างบึกบึนตามแบบฉบับชมรมกีฬา เป็นนักกีฬาที่มีใบหน้าได้รูป หรือจะบอกกว้างๆ ว่าเป็น “หนุ่มหล่อ” ก็ว่าได้ เขาเป็นคนที่มีนิสัยใจดี ไม่มีหน้ามีหลัง เรียนไม่ค่อยเก่ง และพูดคุยด้วยง่าย จัดได้ว่าเป็นประเภทที่ถูกชื่นชอบโดยธรรมชาติ
และถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนไม่ถูกกับเรื่องการเรียน แต่เขาก็ยังนับว่ามีศักยภาพสูง นั่นก็เพราะว่าเขาสามารถสอบเข้าโรงเรียน ม.ปลาย ชั้นนำแห่งหนึ่งของจังหวัด—โรงเรียนเตรียมสอบ “เคียวโกคุนิชิ” แห่งนี้ได้
นอกจากจะมีนิสัยแบบนั้นแล้ว ภายในชมรมบาสเกตบอลเขาก็ยังเป็นที่ชื่นชมค่อนข้างมาก เรียกได้ว่าเป็นหนุ่มกีฬาที่เป็นศูนย์กลางของห้องก็ว่าได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากว่าเขาไม่ใช่คนที่กระตือรือร้นกับการเป็นผู้นำ ดังนั้นหากจะถามว่าเขาเป็นศูนย์กลางด้านไหนก็คงต้องบอกว่าเป็นในด้านของมาสคอตมากกว่า
ความนิยมในหมู่สาวๆ ของเขาก็ค่อนข้างสูงและเคยคบกับผู้หญิงอยู่หลายคน แต่จากที่เห็นคือเขาไม่ได้คบกับใครนานและจบด้วยการเลิกรากัน ส่วนข้อมูลสำหรับสาเหตุนั้นยังไม่มี จำเป็นต้องจะต้องสืบสวนเพิ่มเติมมากกว่านี้ ปัจจุบันโสด
ผลการจัดแรงก์: รูปลักษณ์ภายนอก B ความสามารถพื้นฐาน B นิสัย A พฤติกรรม A ทักษะพูดคุย A
ผลประเมินความเหมาะสมกับเลิฟคอมเมดี้ในปัจจุบัน: A เป็นตัวเต็งตำแหน่งตัวละคร “เพื่อนสนิท”
จบข้อความที่ตัดมาจากบันทึกมิตรภาพ
ผมทบทวนข้อมูลพื้นฐานแบบนั้นอยู่ในหัวพร้อมๆ กับคิดวิธีโต้ตอบกับเขาไปด้วย
โทคิวะเป็นคนที่เหมาะสมกับสำหรับตำแหน่งตัวละครเพื่อนสนิทมาก เขามีคุณสมบัติหลายอย่างที่จำเป็นสำหรับตำแหน่งอย่าง ทำให้ที่ที่ตัวเองอยู่มีชีวิตชีวา คอยสนับสนุนพระเอกในช่วงสำคัญ และใช้การพูดคุยด้วยกำปั้นเป็นบางครั้ง
นอกจากนี้เขายังเป็นเด็กหนุ่ม ม.ปลาย ที่ใสซื่อรักความถูกต้อง ด้วยเหตุนี้เขาจึงเหมาะเป็นอย่างมากสำหรับการทำให้เกิดฉากลามกนิดๆ หรือฉากเซอร์วิส
ตัวละครสมองกล้ามโดยธรรมชาตินั้นเป็นสิ่งที่เพิ่มไปเพียงคนเดียวก็สามารถเติมความนุ่มลึกให้กับเรื่องราว กล่าวอีกอย่างก็คือน้ำซุปดาชิ [1] ผมค่อนข้างชอบตัวละครฮาๆ แบบนี้มาก—ขอพูดอย่างภาคภูมิใจเลยตรงนี้ว่าถ้าเทียบสเปกกันแล้วผมด้อยขาดอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตาม เขาคนนี้ก็นับว่าเป็นคนสำคัญที่ยังไงผมก็ต้องนำไปใส่ไว้ใน “แผนการ” โดยไม่ล้มเหลวให้ได้ ผมต้องรีบเพิ่มค่าความชอบและลดระยะห่างของเราทั้งคู่ให้มากยิ่งขึ้น
ในขณะที่กำลังว้าวุ่นกับการหาหัวข้อคุยกับโทคิวะ ผมก็ได้ยินเสียงที่เหนื่อยอ่อนดังมาจากเหนือศีรษะ
“โย่”
คนนี้เองก็เป็นอีกหนึ่งในบุคคลหายากที่ไม่น่ามาอยู่ตอนช่วงเวลานี้
“โย่ โทริซาวะ เพิ่งกลับมาจากซ้อมวงเงั้นเหรอ”
ผมทักโทริซาวะที่กำลังจะเดินผ่านและกล่าวถึงเรื่องนั้น จากแนวโน้มที่ผ่านมา มีโอกาสสูงถึง 60% ที่เขาจะตอบสนองเกี่ยวกับเรื่องวงดนตรี
“อา… ฉันเพิ่งมาตอนรุ่งสางน่ะ แทนที่จะกลับบ้าน นอนที่โรงเรียนเอาเลยง่ายกว่า”
โทริซาวะหยุดเดินและตอบกลับด้วยการมองมาทางผม เคสกีตาร์โทรมๆ บนหลังของเขากำลังส่งเสียงเอ๊ยดอ๊าด
เยี่ยม! ความพยายามในการพูดคุยประสบความสำเร็จแล้ว
—เขาคนนี้ก็คือเพื่อนร่วมชั้นอีกคนหนึ่งของผม โทริซาวะ คาเครุ
เลขที่ 20 สังกัดชมรมดนตรีเบา เกิดวันที่ 16 ตุลาคม เรียน ม.ต้น ที่โรงเรียนเอกชนทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเคียวโกคุ
สูง 180 ซม. ผมดัดยาวธรรมชาติ แขนขาเรียวยาวเหมือนกับนายแบบ มีดวงตาเซื่องซึมและเสียงทุ้มต่ำทรงเสน่ห์ ถูกจัดอยู่ในประเภท “หนุ่มหล่อนักดนตรี” ในเวลาส่วนตัวบางครั้งเขาจะใส่แว่นแต่ก็เป็นเพียงแว่นแฟชั่นเท่านั้น ส่วนสายตาของเขาอยู่ที่ 2.0
ทั้งชีวิตของเขาทุ่มเทให้กับงานดนตรี ซึ่งนอกจากทำกิจกรรมในชมรมแล้ว เขาก็ยังออกไปเล่นดนตรีร็อกตามรอบๆโรงเรียนและไลฟ์สดทางอินเทอร์เน็ตด้วย จะร้องเพลงหรือเล่นกีตาร์ก็ทำได้ แถมดูเหมือนว่าเขาเพิ่งจะแต่งเพลงไปเองด้วย แม้ว่ามองเผินๆ เขาจะดูเหมือนกับผู้ชายสบายๆ ขี้เล่น แต่ความเป็นจริงแล้วเขาเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมและเงียบขรึม ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยได้เรียนเท่าไหร่ แต่ผลการเรียนของเขาก็ยังอยู่ใน 20 อันดับแรก
ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าความนิยมในหมู่สาวๆ ของเขานั้นสูงมาก มีคนมากหลายเข้ามาหาเขาอย่างล้นหลาม แต่เขาก็ปฏิเสธคนพวกนั้นออกไปโดยไม่มีลังเล มีข้อมูลบ่งชี้ว่าเป็นเพราะเขามีแฟนที่โรงเรียนอื่นอยู่แล้ว แต่นั่นก็เป็นเพียงข่าวลือที่ต้องการสืบสวนเพิ่มเติมเท่านั้น แต่อย่างน้อยๆ ก็ยืนยันได้ว่าไม่ใช่สาวที่อยู่ในโรงเรียนละแวกนี้
ตอนอยู่ในห้องเรียนเขามักจะอยู่ตัวคนเดียว แต่แทนที่จะเป็นหมาป่าเดียวดายไม่ชอบเข้าฝูง เขาดูเหมือนจะเป็นคนที่ไปอยู่กับกลุ่มไหนก็ได้ เขาเป็นคนรักอิสระที่ไม่ว่าดีเลวยังไงก็จะเดินไปตามทางของตัวเอง
ผลการจัดแรงก์: รูปลักษณ์ภายนอก B ความสามารถพื้นฐาน A นิสัย B พฤติกรรม B ทักษะพูดคุย B
ผลประเมินความเหมาะสมกับเลิฟคอมเมดี้ในปัจจุบัน: B เป็นตัวเต็งตำแหน่งตัวละคร “หนุ่มหล่อมากความสามารถ”
จบข้อความที่ตัดมาจากบันทึกมิตรภาพ
โทริซาวะนั้นจัดได้ว่าเป็นตัวละครมากความสามารถที่ช่วยแก้ปมของเนื้อเรื่อง ในบางครั้งเขาก็เป็นคนที่ให้คำใบ้กับตัวเอกหรือพูดจาคมๆ แบบเหมือนเข้าใจเรื่องราวทุกอย่าง
จริงอยู่ที่ในห้องเรียนเขาจะร่อนเร่ไปเรื่อยไม่มีกลุ่ม แต่เมื่อเปิดเรียนไปได้สัก 2 สัปดาห์ คำแนะนำที่ตรงจุดของเขาก็มีอิทธิพลมากพอจะทำให้ทุกคนเงี่ยหูฟัง
เขานั้นมีนิสัยสุดเท่จนสามารถทำให้เด็กผู้ชายตะโกนออกมาว่า “สุดยอด! ขอกอดที!” ได้
ตำแหน่งหนุ่มหล่อมากความสามารถนี้ผมขอมอบให้กับเขา
ด้วยเหตุผลทั้งหมดดังกล่าวเขาจึงได้ถูกเลือกให้มาอยู่ในแผนการของผม แต่เนื่องจากเขาเป็นคนที่รักอิสระเกินไปผมเลยไม่รู้ว่าจะเปิดใจของเขายังไงดี เอาเป็นว่าผมต้องผูกมิตรกับเขาให้แน่นๆ เพื่อเก็บข้อมูลให้ได้มากกว่านี้
—จะว่าไปแล้ว หายากเหมือนกันนะที่ทั้งสองคนจะมารวมตัวกันทั้งที่ระฆังยังไม่ดังแบบนี้
ทั้งคู่นั้นเป็นคนที่ชอบมาเข้าเรียนตอนช่วงนาทีสุดท้าย หนำซ้ำเลิกเรียนปุ๊บก็หายจ๋อมไปกับกิจกรรมนอกห้องเรียนตลอดจนผมไม่มีโอกาสได้เพิ่มค่าความชอบ
ผมกำลังคิดว่าจะจัด “อีเวนต์” บางอย่างในอนาคตอันใกล้ ต้องใช้โอกาสนี้ในการตั้งตัวให้ได้!
ว่าแต่ จะใช้วิธีพื้นๆ อย่างการพูดคุยเรื่องกิจกรรมชมรมดี หรือว่าควรจะขยายขอบเขตไปยังเรื่องงานอดิเรกกับเรื่องส่วนตัวดี…
อืม… เอาไงดีนะ
“เอ๊ะ? ทำไมวันนี้เออิจิมาเช้าล่ะ”
ในขณะที่ผมยังลังเล เสียงของเด็กผู้หญิงหยาบคายก็ได้ดังมาจากด้านหลัง ยัยนี่ก็มาด้วยเหรอฟะ
ชิ! ผมเดาะลิ้นอยู่ในใจและหันเฉพาะตาไปทางต้นเสียง
“โอ้ อายูมิ รุณหวัด”
เสียงนี้มาจากโทคิวะ ปลายเสียงที่ถูกทักเดินเข้ามาพร้อมกับขมวดคิ้ว
“นี่มันคนหายากนี่นา~ แล้วกิจกรรมชมรมล่ะ อย่าบอกนะว่าเปลี่ยนลุคไปคนขี้เกียจแล้ว อย่างฮา!”
“อื๋ม? อาเอ็นอ่านอั้นอ้ายไอเอ้า”
“เดี๋ยว! อย่ามาพูดตอนกินข้าวอยู่สิยะ ข้าวนายมันบินไปทั่วหมดแล้วนะ!”
คนที่พูดอะไรอย่าง “เลวร้ายสุดๆ” แต่ไม่ได้ดูรังเกียจจากใจจริงคนนี้เป็นคนที่ไม่เข้ากับแผนการของผมมากที่สุด “ผู้ไม่มีความเหมาะสม”
—คัตสึนุมะ อายูมิ
เลขที่ 8 ชมรมกลับบ้าน เกิดวันที่ 2 ธันวาคม เรียน ม.ต้น ที่โรงเรียนเดียวและห้องเดียวกับโทคิวะ
จุดเด่นของเธอก็คือผมดัดสีบลอนด์ยาวปานกลาง ดวงตาเล็กเรียวสีอัลมอนด์ และใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มจนเข้มอันเป็นคุณลักษณะเฉพาะของสาวแกล
เธอใช้ประโยชน์จากกฎที่ผ่อนผันของโรงเรียนนี้เต็มที่ในการแต่งหน้า ถึงมองแวบแรกเธอจะดูสวยแบบดุๆ แต่อันที่จริงใบหน้าสดของเธอก็อาจจะไม่ดีเด่เท่าไหร่
ในส่วนของ “การจัดอันดับสาวงามปี 1 ของเคียวนิชิ” เธอนั้นจัดอยู่ในอันดับที่ 19 ส่วนของอุเอโนะฮาระอยู่ที่ 7 อย่างไรก็ตาม อันดับนี่ก็ได้รวมการแต่งหน้าไปแล้วอะนะ
ในส่วนของนิสัย เธอนั้นเป็นคนที่ตรงไปตรงมาและแข็งทื่อไม่สนโลก คำพูดและท่าทางก็ขาดความสง่า สามารถพ่นมุกลามกออกมาจากปากได้อย่างไม่แคร์สื่อให้เทียบกับสาวแกลคนอื่นแล้วเธอดูเป็นแยงกี้ตามชนบทมากกว่า
ตอนคาบพละชอบโดดเพราะบ่นว่าน่ารำคาญ พอถึงคาบอื่นๆ ก็เอาแต่แอบเล่นโทรศัพท์ไม่ก็คุยกับเพื่อนที่อยู่ใกล้ๆ เป็นประเภทไม่มีความกระตือรือร้น
ทันทีที่เริ่มเข้าเรียนเธอก็ได้สร้างกลุ่มที่มีเด็กผู้หญิงประเภทเดียวกันขึ้นมา แถมตอนนี้ก็มีสาวล่าแต้มผู้ชายเพิ่มเข้ามาในกลุ่มด้วยจนกลายเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดของห้องไปแล้ว เธอนั้นมักจะทำตัวเหมือนกับเป็นผู้นำของกลุ่ม ใจกว้างกับเพื่อนฝูงตัวเองแต่เป็นศัตรูกับคนอื่น นอกจากนี้ดูเหมือนว่าเธอจะแบ่งแยกมิตร-ศัตรูออกจากกันอย่างเห็นได้ชัดด้วย
ผลการจัดแรงก์: รูปลักษณ์ภายนอก C ความสามารถพื้นฐาน E นิสัย E พฤติกรรม E ทักษะพูดคุย E
ผลประเมินความเหมาะสมกับเลิฟคอมเมดี้ในปัจจุบัน: E เป็นคนที่อยู่ในลิสต์รายชื่อแรกของ “ผู้ไม่มีความเหมาะสม”
จบข้อความที่ตัดมาจากบันทึกมิตรภาพ
คัตสึนุมะนั้นถือว่าเป็นผู้นำของกลุ่มต่อต้านเลิฟคอมเมดี้ในห้องเรียนของเราทำให้ขัดแย้งกันอยู่บ่อยครั้ง จะเรียกว่านิสัยไม่เข้ากันตั้งแต่รากก็ว่าได้ เนื่องจากนโยบายของเธอคือกลุ่มของฉันอยู่บนจุดสูงสุด ดังนั้นผมก็เลยถูกเธอเข้ามาโจมตีอยู่บ่อยๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โทคิวะเป็นคนที่มาจากโรงเรียนเดียวกับเธอ และดูเหมือนว่าเธอต้องการจะเก็บเขามาไว้ในกลุ่มตัวเอง ดังนั้นเมื่อผมเริ่มสนทนากับเขาแบบนี้ โอกาสที่ถูกรบกวนจะมีสูงถึง 70% เลยทีเดียว
ถ้าเกิดเป็นแค่แกลธรรมดา ขอเพียงปฏิบัติกับเธอแบบราชินีก็คงพอ อย่างไรก็ตาม เธอนั้นไม่มีคุณสมบัติด้านบวกอย่างที่จริงแล้วเป็นมิตรกับโอตาคุเลย ดังนั้นเธอจึงเป็นได้แค่ตัวละครที่น่ารำคาญเท่านั้น
“ไง คัตสึนุมะ จะว่าไปวันนี้เธอมาตั้งแต่เช้าเลยนะ”
ผมแสดงความกระตือรือร้นในการเข้าไปคุยกับเธออย่างเต็มที่ ก็แค่ก็อปท่าทางผู้ชายคูลๆ มาใช้แท้ๆ แต่ผมกลับถูกมองแรงซะอย่างนั้น
“หา? ไม่ได้มีธุระอะไรกับนากาโอกะสักหน่อย”
คัตสึนุมะทำหน้ารังเกียจอย่างกับมองเห็น G [2] มั่นใจได้เลยว่าเธอจะต้องจำชื่อผมได้แต่จงใจเรียกผิดเพื่อบอกว่าผมไม่ได้อยู่ในสายตาของฉันแน่ๆ น่าเศร้าชะมัด
“นากาซากะต่างหาก นากาซากะ อย่างน้อยชื่อของหัวหน้าห้องตัวเองก็จำให้ได้หน่อยสิ”
“อี๋~ อย่าถือวิสาสะมาคุยกับฉันเชียวนะ คลื่นไส้”
เห็นมะ? ปฏิกิริยาแบบนั้นมันแข็งกร้าวแบบ 100% ชัดๆ ไม่ใช่อะไรอย่างซึนเดเระเลยสักนิด
“เอาน่าๆ ทั้งสองคน เอ้า อายูมิ ฉันยกไข่ม้วนให้นะ ของโปรดเธอใช่ไหม”
ขณะที่ผมกำลังเป๋เพราะถูกโจมตีทางคำพูดโดยตรง โทคิวะก็ได้ยกไข่ม้วนไปให้เธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“เดี๋ยว นั่นมันกินไปแล้วนี่เออิจิ! ไม่เอาหรอกย่ะ!”
คัตสึนุมะเปลี่ยนทีท่าและหัวเราะร่าทันที
…บรรยากาศต่างกันเกินไปไหม ชิ! เลือกปฏิบัติกับคนที่ชอบและไม่ชอบต่างกันเกินไปแล้ว
ดูเหมือนว่าคัตสึนุมะตั้งใจจะพูดคุยกับโทคิวะต่อ เธอก็เลยจงใจเอาตัวเข้ามาแทรกกลางระหว่างผมกับโทคิวะไว้จนร่างกายของผมจึงไม่มีที่ว่างให้สอดแทรกเข้าไปได้
ว่าแล้วยัยนี่ต้องเป็นตัวปัญหา
“อรุณสวัสดิ์จ้า~!”
เสียงคล้ายระฆังที่ก้องกังวานจากด้างหลังได้ดึงดูดความสนใจของผม
—อา ไม่ต้องหันกลับไปมองเลย
จากความเป็นไปได้ทั้งหมด มันต้องเป็น “เธอคนนั้น” แน่ๆ
“โอ๊ะ เมย์จังอรุณสวัสดิ์! วันนี้ก็ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยน้า~!”
โทคิวะดูสดใสและพูดด้วยน้ำเสียงที่สูงกว่าปกติ
แต่กๆ เสียงรองเท้าสำหรับใส่ในคารกำลังค่อยๆ ใกล้เข้ามาทางพวกเรา
“อรุณสวัสดิ์โทคิวะคุง ต่อให้ชมฉันไปก็ไม่มีอะไรจะให้หรอกนะรู้ไหม”
เธอไม่ได้เขินอายกับคำชมของโทคิวะและตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงยิ้มแย้มแจ่มใส
“อายูมิเองก็อรุณสวัสดิ์จ้ะ วันนี้มาเร็วกว่าปกตินิดหน่อยสินะ”
“…แค่ออกมาพร้อมกับพ่อแม่น่ะ”
คัตสึนุมะตอบแบบอึกอักพร้อมกับเบือนหน้าหนี
เธอคนนั้นร้อง อ๊ะ จากนั้นก็เอามือมาป้องปาก
“ขอโทษๆ นี่ฉันเข้ามาขัดจังหวะใช่ไหม ทั้งสองคนนี่สนิทกันจังเลยนะ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอก… อ๊ะ ฮิบิกิ~ ครีมทามือนั่นฉันลองแล้วนะ มัน—”
เมื่อเห็นว่าสมาชิกในกลุ่มของเธอมาโรงเรียนแล้ว คัตสึนุมะก็รีบจากไป
“โอ๊ะ โทริซาวะคุงอยู่ด้วยแบบนี้หายากจังเลย เพิ่งซ้อมวงมาเหรอ ขยันขันแข็งทุกวันเลยนะ”
“เปล่าหรอก แล้วเธอล่ะทำไมถึงมาตั้งแต่เช้า”
“ฮ่าๆๆ ก็มาเรียนตามปกตินั่นแหละ ฉันไม่ได้มีซ้อมตอนเช้าอะไรกับเขาหรอก”
“เหรอ”
หลังจากหาวตอบ โทริซาวะก็เดินไปที่โต๊ะของตัวเองด้วยใบหน้าไม่ใส่ใจ
เธอยักไหล่แล้วก็ยิ้มแบบแห้งๆ
“งั้นเหรอ เขาคงจะง่วงสินะ… ถ้างั้นปล่อยให้เขาพักผ่อนไปคงจะดีกว่าเนอะ”
“นี่ๆ เมย์จัง มาคุยกับฉันหน่อยสิ!”
“หืม? มันก็ได้อยู่หรอก แต่โทคิวะคุงไม่ต้องรีบกินข้าวให้เสร็จเหรอ อีกไม่เท่าไหร่ระฆังก็จะดังแล้วนะ”
“อ๊ะ อืม… ถ้างั้นฉันจะรีบกินมันเดี๋ยวนี้แหละ!”
“อ๊ะ แต่การรีบกินมันไม่ดีต่อสุขภาพนะ! เธอเป็นตัวเต็งคนต่อไปของชมรมบาสเกตบอล ดังนั้นต้องดูแลตัวเองให้ดีๆ สิ”
“จ-ใจดีอะไรอย่างนี้! งั้นเดี๋ยวฉันจะค่อยๆ เคี้ยวทีละคำเลย!”
ว่าเสร็จโทคิวะก็เริ่มค่อยๆ ทานข้าวกล่อง
—เธอคนนี้เป็นคนที่นั่งอยู่โต๊ะทางขวาของผม
เส้นผมสีดำเรียบ รอยยิ้มเปล่งประกายดุจดั่งนางฟ้า มีเครื่องหมายการค้าเป็นไฝที่อยู่ใต้ตาขวา
ในบรรดาผู้คนที่ผมได้พบเจอมาทั้งหมด—เธอคนนี้เป็นผู้ที่มีความเป็นนางเอกเลิฟคอมเมดี้โดยธรรมชาติมากที่สุด
ผมปรับลมหายใจ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองเธอ
ดวงตากลมโตสดใสกระพริบปริบหนึ่งครั้ง ก่อนจะค่อยๆ เปิดปากพูด
“…อรุณสวัสดิ์ นากาซากะคุง”
“…อรุณสวัสดิ์ คุณคิโยซาโตะ”
คิโยซาโตะ เมย์
เดิมทีแล้วเธอคือเป้าหมายของอีเวนต์สารภาพรัก
นอกจากนี้ยังเป็นบุคคลสำคัญที่สุดในของแผนการ(โปรเจกต์) ของผม
—นางเอกหลักนั่นเอง
“นากาซากะคุงนี่ตื่นเช้าตลอดเลยเนอะ มารถไฟได้ตลอดแบบนี้น่าประทับใจจังนะ”
หลังจากนั่งลงบนที่นั่งของตัวเองแล้ว เธอก็เหลือบมองมาหาผม
การเอ่ยชมเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ในชีวิตจริงคงจะถูกมองว่ามีอะไรแอบแฝง แต่สำหรับเธอที่มองแล้วรู้สึกว่า “อ๊ะ นี่มันตัวละครสองมิติชัดๆ” นั้นมันไม่ได้ดูปลอมเลย
ผมจงใจหัวเราะเพื่อสร้างความประทับใจ
“ฮะๆ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เพราะตื่นเช้าตลอดก็เลยเคยชินกับการมาเร็วแล้วน่ะ”
“เห… ส่วนฉันนี่อ่อนแอในตอนเช้าน่ะ ถ้าเกิดเปิดประตูออกมาแล้วอยู่ในห้องเรียนเลยก็ดีสิ!”
“ถ้าเกิดเป็นงั้นย้ายไปที่ห้องอื่นไม่ดีกว่าเหรอ”
“อ๊ะ จริงด้วย! ถ้างั้นเปลี่ยนเป็นประตูห้องคุณพ่อก็ใช้ได้แล้ว!”
“แล้วนี่จะให้คุณพ่อมาโรงเรียนทุกเช้าด้วยรึไงนั่น”
“อื้ม นั่นสินะ เฮ้อ… โลกนี้นี่ไม่ค่อยใจดีเลยเนอะ”
คุณคิโยซาโตะพูดพร้อมๆ กับค่อยๆ เปลี่ยนการแสดงทางสีหน้าไปเรื่อยๆ
ในคำพูดนั้นไม่มีการสะดุดเลย ราวกับว่าเธอพูดสิ่งที่ต้องการออกมาตามธรรมชาติจริงๆ
“…อ๊ะ ใช่แล้ว ฉันเอานิยายบางเล่มที่เคยแนะนำไว้ก่อนหน้านี้มาให้แล้วนะ พอดีว่าเมื่อวาน…ฉันลืมให้เธอไปน่ะ”
“เอ๊ะ จริงดิ!? ขอบคุณนะ ฉันกำลังตั้งตารออยู่เลย!”
“…เอ้า นี่จ้ะ! อ๊ะ ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้อ่านนิยายนักสืบ แต่เรื่องพวกนี้น่าสนใจแน่นอน เพราะงั้นลองอ่านดูหน่อยนะ!”
“โอ้ สมแล้วที่เป็นห้องสมุดมนุษย์! ฉันไว้ใจเธอนะ!”
“เอาอีกแล้ว ฉันเป็นคนปกตินะ คนปกติ อ๊ะ ค่ายืม 300 เยน!”
“มาจากร้าน TSUT〇YA เรอะ!” [3]
ฉาด ผมตีหน้าผากตัวเอง
เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของผม คุณคิโยซาโตะก็เอามือป้องปากแล้วก็หัวเราะ
“ปฏิกิริยาของนากาซากะคุงนี่เวอร์จังเลยนะ …จริงด้วย! ทำไมเราไม่มาตั้งกลุ่มเล่นตลกมันไซ [4] กันล่ะ แบบเมโอโตะมันไซเป็นไง”
“หือ? น-นี่เธอรู้ความหมายของมันอยู่ใช่ปะ”
“ก็ต้องรู้สิ มันหมายถึงสามี-ภรรยามาจับคู่กันเล่นตลกใช่ไหมล่ะ”
“อ-อื้ม”
“คุณคะ เราหย่ากัน!”
“เป็นการจับคู่ที่จบเร็วมาก!?”
ช่างเป็นบทสนทนาที่เต็มไปด้วยความคอมเมดี้จริงๆ
มันเป็นพลังการพูดตามธรรมชาติที่ไม่ได้มาจากการฝึกฝนเหมือนอย่างผม
…อา สนุกจังเลย
นี่แหละการแลกเปลี่ยนแบบเลิฟคอมเมดี้ในแบบที่ผมอยากได้
—กิ้งก่อง กิ้งก่อง
อย่างไรก็ตาม เสียงอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ดึงผมกลับมาสู่ชีวิตประจำวันตามปกติอย่างไร้ความปราณี
“อ๊ะ! ระฆังดังแล้ว เดี๋ยวฉันออกไปซื้อเครื่องดื่มมาก่อนแปบนึงนะ!”
ก่อนลุกขึ้นยืน เธอได้โบกมือให้ผมเบาๆ ด้วยรอยยิ้มอันแสนคุ้นเคย กลิ่นหอมของดอกซากุระได้ปลิวว่อนไปตามที่เธอขยับจนมาจี้โพรงจมูกของผม
ระหว่างที่คุณคิโยซาโตะเดินไปยังโถงทางเดิน เธอได้เอ่ยคำทักทายเป็นมิตรง่ายๆ ให้กับเพื่อนร่วมห้องคนอื่น เช่น “อานายามะคุง เดี๋ยวหลังจากนี้ขอยืมมังงะเล่มต่อไปหน่อยนะ” “อิซูมิ ยางสนนั่นใช้แล้วหวดดีจนฉันต้องซื้อมาไว้ในห้องชมรมเลยล่ะ!” “วันนี้ก็ยังดูดีเหมือนเดิมเลยนะอิเดะคุง”
“เด็กคนนั้นเป็นนางฟ้าจริงๆ ใช่ไหม… ทั้งน่ารัก มีพลัง แล้วก็ยังใจดี…”
“…อา ต้องใช่แน่ๆ”
ผมแสดงความเห็นด้วยกับโทคิวะที่มีสีหน้าชวนเคลิ้ม
—เธอเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับแผนการของผม
ถึงเมื่อวานนี้จะล้มเหลวก็ตาม… แต่ผมก็จะไม่ยอมแพ้เพราะว่าเรื่องนั้น
ด้วยความมุ่งมั่นอีกครั้ง ผมได้หยิบสมาร์ตโฟนออกมาและส่งข้อความไปยังผู้ติดต่อที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาใหม่ของผม
—ผู้สมรู้ร่วมคิด
**ศัพท์ในตอน**
[1] ซุปดาชิ เป็นซุปที่เป็นหัวใจหลักของอาหารญี่ปุ่น มักนิยมใส่ในอาหารญี่ปุ่นหลายๆ เมนูเพื่อช่วยเพิ่มรสชาติของอาหารให้กลมกล่อม
[2] G ย่อมาจาก Gokiburi ที่แปลว่าแมลงสาบ
[3] TSUT〇YA หมายถึงร้าน TSUTAYA ซึ่งเป็นร้านเช่าวิดีโอและร้านหนังสือรายใหญ่แห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
[4] มันไซ เป็นรายการตลกญี่ปุ่นที่ประกอบด้วยตัวชงมุก(โบเกะ) และตัวตบมุก(สึกโคมิ) โดยการดำเนินรายการจะให้โบเกะพูดหรือทำอะไรบ้าๆ จากนั้นสึกโกเมะก็จะมาตบมุกด้วยวิธีต่างๆ เช่น ตะโกนตบมุก เอาพัดกระดาษฟาด ฯลฯ