[LN] ใครกันที่เป็นคนตัดสินว่าผมมีเลิฟคอมเมดี้ในชีวิตจริงไม่ได้ - ตอนที่ 34
ห้องสมุดเมืองเคียวโกคุ เป็นสถานที่ที่มีบรรยากาศทันสมัยและตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของเมือง ซึ่งในวันหยุดจะคลาคล่ำไปด้วยนักเรียนที่มาศึกษาด้วยตนเองและประชาชนทั่วไป
ถึงจะพูดว่านักเรียน แต่ก็ไม่มีนักเรียนที่มาจากโรงเรียนมัธยมปลายของเรา เคียวโกคุนิชิ หรือที่รู้จักกันในชื่อเคียวนิชิเลย เนื่องจากอยู่ไกลเกินไป แถมห้องสมุดประจำจังหวัดที่เพิ่งเปิดใหม่หน้าสถานีก็มีความสวยงามและกว้างขวางกว่า คนก็เลยมักจะไปที่นั่นกันมากกว่า
เป็นสถานที่ที่นอกจากโอกาสพบเจอคนรู้จักจะต่ำแล้ว หากสมัครสมาชิกยังสามารถขอยืมใช้ห้องประชุมขนาดเล็กที่มีโปรเจกเตอร์และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ได้ด้วย ผมจึงใช้มันเป็นสถานที่นัดพบในวันหยุดเป็นบางครั้ง
แต่เหตุผลสำคัญอีกข้อหนึ่งก็เพื่อรองรับกับเอกสารจำนวนมากในวันนี้
“—เอ้าฮึบ เท่านี้ทั้งหมดก็น่าจะพร้อมแล้ว”
ผมปิดประตูด้านหลัง และวาง ‘นิตยสารประชาสัมพันธ์เขตเมืองเคียวโกคุ’ ที่หนีบไว้ใต้วงแขนลงบนโต๊ะ
จากนั้นก็หยิบมันขึ้นมาและพลิกดูทีละหน้า
“อยู่ไหนกันหว่า… อ๊ะ อันนี้ ๆ”
ผมเปิดหน้าที่เป็นเนื้อหา และโชว์ให้ปีศาจน้ำตาล อุเอโนะฮาระที่กำลังกินขนมอยู่เห็น
“…‘รายงานกิจกรรมทำความสะอาดพื้นที่ฝั่งตะวันตก’ เหรอ”
“ใช่แล้ว ๆ วันนี้เราจะมาสรุปหารือกันในเรื่องนี้”
อุเอโนะฮาระดูดนมสตรอว์เบอร์รี่และพูดว่า “อา”
“พอจะเข้าใจแล้ว ก็คือคราวนี้นายจะเก็บข้อมูลด้วยการเข้าร่วม ‘จิตอาสาทำความสะอาดชุมชนท้องถิ่น’ ใช่ไหม”
“โอ้ สมแล้วที่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเลื่องชื่อ จมูกไวกับอีเวนต์เลิฟคอมเมดี้ดีเลยนี่”
“ฉันไม่ค่อยรู้รายละเอียดหรอก รู้แค่ว่ามันเป็นอีเวนต์ที่กำลังจะมาถึงเท่านั้น”
—อีเวนต์ที่ต้องเข้าร่วมทั้งโรงเรียนซึ่งจัดในช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี
นั่นก็คือ ‘จิตอาสาทำความสะอาดชุมชนท้องถิ่น’
วัตถุประสงค์ของมันก็ตามชื่อ นั่นคือการมีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่นด้วยการเก็บขยะรอบ ๆ พื้นที่เคียวนิชิ (เคียวโกคุตะวันตก) เป็นกิจกรรมประจำปีที่นักเรียนทุกคนต้องมีส่วนร่วม ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงบ่ายของวันธรรมดา (จันทร์ถึงศุกร์)
“รู้สึกว่าเราต้องลดเวลาเรียนลงด้วยสินะ ทั้งที่เป็นช่วงฤดูฝนแท้ ๆ”
“เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงเดียวที่ตารางเรียนค่อนข้างว่างน่ะ แล้วก็ถึงเขาจะประกาศไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นเป็นการช่วยเหลือชุมชนท้องถิ่น แต่ความตั้งใจจริงดูเหมือนจะเป็นการทำให้ผู้อยู่อาศัยในชุมชนพอใจมากกว่า ก็เราไปสร้างความเดือดร้อนไว้หลาย ๆ อย่างนี่นะ แบบเสียงจากกิจกรรมชมรมหรือการจราจรแออัดช่วงงานเทศกาลโรงเรียนเงี้ย เพราะงั้นก็เลยต้องทนกับฝนแล้วก็สิ่งสกปรกหน่อยละนะ”
“ฉันคิดว่าเบื้องหลังมันน่าจะดำมืดกว่านั้นนะ”
“เหตุผลที่เคียวนิชิเป็นโรงเรียนเทศกาลได้ก็เพราะสั่งสมเบื้องหลังดำมืดนั้นไว้ ทั้งการหาผู้สนับสนุนและการบิดเบือนความเห็นสาธารณะ ถ้าเกิดไม่มีสิ่งเหล่านี้เลิฟคอมเมดี้ก็เกิดขึ้นมาไม่ได้หรอกนะ”
“ความเข้าใจเรื่องเลิฟคอมเมดี้ของฉันมันชักแย่ลงเรื่อย ๆ แล้ว…”
อุเอโนะฮาระแปะมือลงบนหน้าผากแล้วก็ถอนหายใจ
เฮ้อ นี่ไม่ได้มีความใฝ่รู้เลยสินะ รีบไปอ่านไลท์โนเวลที่แนะนำมาซะ
“แต่อีเวนต์มันก็มีแค่การเก็บขยะนี่ แล้วงี้จะไปเชื่อมโยงกับไอ้ ‘แผนการ’ นั่นได้ยังไงละ”
อุเอโนะฮาระถามพร้อมกับหยิบขนมโมนากะชิ้นจิ๋วเข้าปาก ความเร็วการบริโภคนั่นมันอะไรกันฟะ นี่กินไปกี่ชิ้นแล้ว ดีนะที่ซื้อแพ็คสุดคุ้มคละรสมา
“ถ้าเกิดเป็นอีเวนต์ทำความสะอาดธรรมดาก็คงใช่ แต่ที่เคียวนิชินั้นไม่เหมือนกันหรอกนะ นั่นเพราะสภานักเรียนเป็นผู้นำของกิจกรรมนี้ มันจึงกลายเป็นการต่อสู้ระหว่างห้องที่จะตัดสินผู้แพ้-ชนะตามจำนวนขยะที่เก็บได้”
เนื่องจากเป็นโรงเรียนเทศกาล โรงเรียนมัธยมปลายของเราจึงต้องการจะเพิ่มความตื่นเต้นให้กับทุกอีเวนต์ที่เขาจัดด้วย ‘จิตอาสาทำความสะอาดชุมชนท้องถิ่น’ นี้เองก็เป็นหนึ่งในนั้น
“ในแต่ละห้องจะต้องเลือกโซนที่ต้องการรับผิดชอบ จากนั้นก็แข่งกันเพื่อดูว่าจะเก็บขยะได้เท่าไหร่ภายในเวลาที่กำหนด ดูเหมือนว่าจะมีการแจกรางวัลเล็ก ๆ น้อยให้กับห้องที่ได้อันดับสูง ๆ ด้วย มันจึงให้ความรู้สึกเหมือนเป็นงานโรงเรียนหรือกีฬาสีขนาดย่อม ๆ ทำให้ในแต่ละปีคึกคักมาก”
ในเทอมแรกจะไม่มีอีเวนต์แข่งขันระหว่างห้องอื่น ๆ เลย จึงเป็นช่วงที่เหมาะสำหรับการพักหายใจ
“นอกจากนี้ไม่ต้องให้บอกก็คงรู้นะ ว่างานโรงเรียนกับกีฬาสีเป็นอีเวนต์ที่สำคัญสำหรับเลิฟคอมเมดี้มาก ไหน ๆ ก็เป็นอีเวนต์แบบเดียวกันอยู่แล้ว คงไม่มีเหตุผลที่จะไม่เอามันมาใช้”
“หืม… หมายความว่านายต้องการจะใช้มันเป็นอีเวนต์ฝึกฝนก่อนของจริงงั้นเหรอ”
“ใช่ ๆ”
ผมพยักหน้าและนึกถึงเนื้ออีเวนต์
“ในระหว่างที่คนในห้องกำลังร่วมมือกันต่อสู้เพื่อชัยชนะ มิตรภาพระหว่าง ‘ตัวละครเพื่อนสนิท’ ก็จะถูกก่อขึ้น และความสัมพันธ์ระหว่าง ‘นางเอก’ ก็จะรุดหน้าพรวด ๆ! นี่แหละเส้นทางแห่งเลิฟคอมเมดี้!”
“ฉันไม่คิดว่าการเก็บขยะจะทำให้นายไปได้ไกลขนาดนั้นหรอก”
“และยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามีโอกาสโชคดีที่ ‘นางเอกหลัก’ คุณคิโยซาโตะจะสะดุดล้มกองขยะจนเกิดโมเมนต์ลามกตอนที่เข้าไปช่วยพยุงด้วย หรือไม่ก็อาจจะโชคดีเจอตอนที่เธอลื่นแอ่งน้ำก็ได้!”
“ไม่เกิดขึ้นหรอก แล้วก็สิ่งที่อยู่ในหัวของนายนี่มันเลวที่สุด”
“เอาเถอะ มันคงไม่มีสตอร์กเตอร์ที่เห็นนางเอกเป็นไอดอลโผล่มาเหมือนเลิฟคอมเมดี้บางเรื่อง…”
“อ๊ะ ถ้าเกิดเป็นบทนั้นโคเฮย์ก็รับหน้าที่ไปแล้วไง”
“ฉันเป็น ‘ตัวเอก’ เฟ้ย ไม่ใช่สตอร์กเกอร์!”
เรากำลังสืบแบบถูกต้องตามขอบเขตของกฎหมายอยู่นะเฟ้ย!
ผมรู้สึกหงุดหงิดกับสีหน้าเมินเฉยของอุเอโนะฮาระที่กำลังดื่มน้ำผลไม้ แต่ผมก็สงบสติอารมณ์ลงและคิดว่านี่เป็นเพียงเหตุการณ์ปกติเท่านั้น นี่เราชินกับการตอบโต้แบบนี้แล้วสินะ
“อะแฮ่ม เอาเป็นว่าเพื่อให้การแข่งขันตื่นเต้นที่สุดเราจะต้องคว้าที่หนึ่งมาให้ได้ สำหรับอีเวนต์นี้ ปัจจัยชี้ขาดที่จะตัดสินผลแพ้-ชนะอยู่ตรงจำนวนขยะที่เก็บได้ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เราจะหาโซนที่มีขยะมาก ๆ ได้หรือเปล่ายังไงละ”
เห็นได้ชัดว่าปริมาณขยะของโซนที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการทำความสะอาด เช่น หอศิลปะ กับโซนที่มีที่ว่างอยู่เยอะ เช่น สวนสาธารณะและปลายแม่น้ำนั้นจะแตกต่างกัน ดังนั้นถ้าเกิดจะเลือกก็ต้องเลือกสถานที่หลัง
และถ้าเกิดอิงจากปีที่ผ่านมา โซนแม่น้ำนั้นจะเป็นที่นิยมมากที่สุดและมักจะเป็นผู้ชนะเสมอ กลับกัน โซนตะวันตกที่ดูไม่ได้ดีหรือแย่นั้นจะไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไหร่และมักถูกมองว่าเป็นของเหลือ
“อ๋อ เข้าใจแล้ว เพราะงั้นนายก็เลยใช้สิ่งนี้เพื่อรวบรวมข้อมูลล่วงหน้าสินะ”
ปุปุ เธอตบกองนิตยสารประชาสัมพันธ์ท้องถิ่นที่กองเป็นภูเขา
เก่งมาก ยังเป็น ‘ผู้สมรู้ร่วมคิด’ ที่ยอดเยี่ยมเหมือนเคยเลยนะเนี่ย เข้าใจอะไรง่ายแบบนี้ได้ก็ช่วยได้เยอะ
“เนื่องจากรายงานกิจกรรมทำความสะอาดของสมาคมชุมชนนั้นเป็นข้อมูลที่ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด ดังนั้นเราจึงจะคำนวณ ‘ค่าขยะ’ โดยอิงจากปริมาณขยะที่เมืองเก็บได้จากเว็บไซต์ทางการของเมืองเพื่อดูว่าโซนไหนดีที่สุด”
“อืม วิธีการนั่นก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอก แต่มันดูจริงจังเกินไปแล้วก็น่าขยะแขยงน่ะ”
“ยังหาเรื่องด่ากันได้เหมือนเคยเลยน้า ‘แม่ซึนเดเระ’~”
“ไอ้หน้าที่เหมือนกับจะเถียงชนะได้ด้วยคำคำเดียวนั่นมันน่าหงุดหงิดชะมัด”
อุเอโนะฮาระขมวดคิ้วแบบแหยง ๆ และดูดนมสตรอว์เบอร์รี่ที่เหมือนจะซื้อมาจากตู้กดอัตโนมัติ ไอ้ขนมวากาชิกับนมสตรอว์เบอรี่นี่ แค่คิดว่าเอามากินรวมกันแล้วมันก็…
“งั้นก็มาเริ่มกันเลยนะ ฉันส่งชีตข้อมูลไปให้แล้ว ป้อนตัวเลขเข้าไปในโทรศัพท์โลด”
“วิธีนี้มันก็ดูดีอยู่หรอก… แต่ปัญหาแรกก็คือนายจะเลือกโซนที่ตัวเองต้องการได้ยังไงละ”
“หืม นี่เธอกำลังพูดถึงการแย่งพื้นที่กับห้องอื่นงั้นเหรอ”
เนื่องจากมันเป็นระบบส่งคำขอ จึงมีความเป็นไปได้ที่จะมีการเลือกโซนที่ต้องการซ้ำ ในกรณีนั้นจะต้องใช้ฉลากตัดสินผลแพ้-ชนะ หากแพ้ก็ต้องหล่นไปเลือกตัวเลือกที่ 2 หรือ 3
“จะให้ไปควบคุมฉลากของสภานักเรียนก็คงเป็นไปไม่ได้ด้วยสิ… ฉันเลยคิดว่าจะรวบรวมข้อมูลของโซนที่ห้องอื่นเลือกล่วงหน้าแล้วก็เลือกสถานที่ที่ไม่ทับซ้อนกันน่ะ”
นี่ก็เป็นอีกเหตุผลเราต้องตรวจสอบปริมาณขยะ อย่าหลงกลเพราะว่าข้อมูลอันคลุมเครือเชียวละ เพราะถ้ายืนยันตามตัวเลขจริง ๆ เราอาจจะเจอโซนลับที่ซ่อนอยู่
อุเอโนะฮาระเงียบไปสักครู่ราวกับกำลังใช้ความคิด จากนั้นเธอก็เปิดปากพูด
“ที่ฉันกังวลมากกว่าก็คือคนในห้อง 4 จะเอาด้วยหรือเปล่าน่ะ เพราะเราจะต้องขอความเห็นของห้องก่อนที่จะส่งคำขอใช่ไหมละ”
“อืม… มีเหตุผลนั้นด้วยสินะ”
เป็นข้อกังวลที่มีมูลเหตุด้วย
“ถึงอย่างนั้นคนในห้องส่วนใหญ่ก็ดูจะยอมรับการตัดสินใจของฉันอยู่ ต่อให้เกิดกรณีที่เลวร้ายที่สุดมันก็น่าจะผ่านไปได้ด้วยการโหวตเสียงข้างมากน่ะ”
เมื่อพิจารณาจาก ‘อีเวนต์เพื่อนสมัยเด็กอุเอโนะฮาระ’ เมื่อวันนั้น และแบบสำรวจความประทับใจที่มีต่อผม ทำให้ผมเชื่อว่าอย่างน้อยคนส่วนใหญ่ก็น่าจะเห็นด้วยกับผม
“…งั้นเหรอ”
อุเอโนะฮาระตอบทั้งที่ยังดูกังวล
หรือว่าจะยังมีปัญหาอื่นอยู่อีกนะ… ใช่แล้ว
“เธอคงกำลังกังวลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของก๊วนคัตสึนุมะอยู่สินะ”
ก๊วนคัตสึนุมะที่นำด้วยคัตสึนุมะ อายูมิที่มีค่าเลิฟคอมเมดี้ E เป็นแกนหลัก
นี่ก็ผ่านมานานแล้วตั้งแต่ที่ผมเข้าโรงเรียนนี้ แต่ผมก็ยังไม่ได้สร้างความสัมพันธ์อันดีกับพวกเขา และการตกเป็นตัวตั้งตัวตีความเกลียดชังของคัตสึนุมะมันก็เป็นเรื่องที่ลำบากมาก
ผมพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเขาทุกครั้งเท่าที่ทำได้ และผมก็ไม่เคยถูกเขามารบกวนอีกเลยนับจาก ‘อีเวนต์’ หลังล่าสุด ถึงยังนั้นก็ยังนับว่ามีปัจจัยเสี่ยง
ฉันพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าทุกครั้งที่ทำได้ ฉันไม่ได้ถูกคุกคามหรือแทรกแซงตั้งแต่เหตุการณ์ที่แล้ว แต่ความจริงที่ว่ามันเป็นปัจจัยเสี่ยงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“เรื่องคุณคัตสึนุมะคงไม่… อื้อ อาจจะมีเรื่องนั้นด้วย”
อุเอโนะฮาระปฏิเสธด้วยเหตุผลบางอย่าง จากนั้นเธอแก้คำพูดแล้วก็พยักหน้าใหม่
หืม
“ก็มีโอกาสที่คัตสึนุมะจะต่อต้านอยู่จริง ๆ นั่นแหละ เพราะงั้นเราคงต้องจับตาดูเขาอยางใกล้ชิด”
“อืม…”
“ถึงก๊วนของเขาจะเป็นก๊วนที่ใหญ่ที่สุด แต่ก็มีเพียง 10 คนเท่านั้น ฉันคิดว่าคงไม่เป็นไรหรอกต่อให้ก๊วนของเขาจะมีความเห็นไปในทิศตรงข้าม”
เอาจริงถ้าเกิดทุกคนเห็นด้วยมันคงจะดีมาก แต่ในทางปฏิบัติจริงแล้วมันเป็นขั้นตอนที่ค่อนข้างยาก
อุเอโนะฮาระไม่ตอบและเอามือปิดปาก
“…ไม่รู้ด้วยสิว่าการกระทำร่วมกันขนาดไหนถึงจะทำให้เขาตอบสนอง ยังไม่รู้ว่าเขามีอิทธิพลมากแค่ไหน เราไม่คิดว่ามันมีประโยชน์อะไรที่จะทำลายสถานการณ์…”
เธอบ่นงึมงำ ๆ แล้วก็พยักหน้าอยู่คนเดียว
อา เป็นโหมดใช้สมองจริง ๆ ด้วย เธอคิดอะไรอยู่กันนะ แต่ต่อให้เราถามไปเธอก็คงจะบอกแค่ข้อสรุปเท่านั้นละนะ… ถ้าเกิดเธอไม่ได้พูดอะไรผิดก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง…
แต่ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่ต้องกังวลอยู่สินะ ระวังไว้ก็น่าจะดีแฮะ
“เอาเถอะ ยังไงซะก็ยังมีเวลาเหลือก่อนกำหนดส่งสถานที่อยู่ เอาเป็นว่าฉันจะใส่ข้อมูลของคาบโฮมรูมไว้ในการประชุมครั้งถัดไปละกัน เธอคิดว่าไง”
“โอเค เอาแบบนั้นก็ดีเหมือนกัน”
หงึก เธอพยักหน้าเห็นด้วยอย่างชัดเจน
เยี่ยม ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปแล้ว
“เอาละ มาเริ่มงานกันเถอะ เรามีเวลาขอยืมห้องประชุมอยู่ รีบทำกันเร็ว ๆ เถอะ”
“อ๊ะ ก่อนหน้านั้นฉันไปซื้อขนมเพิ่มที่ร้านสะดวกซื้อก่อนนะ”
“แม้แต่แพ็คสุดคุ้มก็ยังเอาไม่อยู่เรอะ…!”