“ขอแนะนำตัวอีกรอบ นี่คือ ‘เพื่อนสมัยเด็ก’ ของฉัน อุเอโนะฮาระ อายาโนะ หลังจากนี้ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวยัยนี่ด้วย”
“ก็ไม่ได้อยากจะเป็นเท่าไหร่หรอก”
“นะ เนี่ยแหละน้าซึนเดเระ~!”
เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดแท้ๆ แต่กลับไม่ให้ความร่วมมือตั้งแต่แรกเลยเนี่ยนะ!
—งานเชียร์ส่งนักกีฬาได้จบไปแล้ว
และตอนนี้ผมกับอุเอโนะฮาระก็กำลังเข้าร่วม ‘อีเวนต์ฉลองจบงาน’ กับเหล่า ‘ตัวละครหลัก’ ที่ร้านอาหารท่ามกลางธรรมชาติใกล้โรงเรียน
ในวันก่อน ‘อีเวนต์เพื่อนสมัยเด็ก อุเอโนะฮาระ อายาโนะ’ ได้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
โดยเฉพาะเหล่าตัวละครหลักนั้นต่างก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดี ดังนั้นผมจึงอาศัยจังหวะนี้ชักชวนอุเอโนะฮาระเข้ามาร่วมกับกลุ่ม และแนะนำตัวกันใหม่
“ยะ อย่างไรก็ตาม พวกเราก็ได้สร้างความกังวลกับปัญหาเอาไว้มากมาย ดังนั้นหากทุกคนยอมเข้าใจผมจะขอขอบคุณครับ”
“ปัญหาทุกอย่างมันเกิดจากเจ้าโรนินโง่นี่แหละ”
“ฮึ่มๆๆๆ!”
เข้าใจแล้ว เธอยังโกรธอยู่สินะ!? นี่เธอโกรธเพราะฉันไปหยิบ‘ข้อมูลประกอบการสร้างเซตติ้ง อุเอโนะฮาระ อายาโนะ’ มาใช้โดยพลการใช่ไหม!
“น่าๆๆ ก็ตอนนั้นหัวหน้าห้องถึงกับจนตรอกเลยนี่ จากมุมมองของอายาโนะจังก็ต้องเป็นห่วงนั่นแหละ เพราะงั้นจะทำอะไรโอเวอร์ไปหน่อยก็ช่วยไม่ได้หรอก”
โทคิวะยิ้มแบบเกลี้ยกล่อม
จากนั้นอุเอโนะฮาระก็ได้เงียบและก้มหัวให้กับโทคิวะ
“…โทคิวะคุง ต้องขอโทษด้วยนะที่ฉันทำให้นายกังวล นายช่วยฉันไว้หลายอย่างเลยใช่ไหม ขอบคุณมากๆ เลยนะ”
เหวอ เปลี่ยนคาร์แรกเตอร์อีกแล้วเหรอเนี่ย…
“เอาน่าๆๆ ไม่เป็นไรๆ ฉันเองก็มีเพื่อนสมัยเด็กเหมือนกัน เพราะงั้นฉันรู้ดีว่าเธอรู้สึกยังไง!”
โทคิวะโบกไม้โบกมืออย่างถ่อมตัว
“แตงค์นะ …นายจะยังชวนฉันไปดูงานแข่งอยู่ใช่ไหม”
“ยะ อยู่แล้วๆ”
โทคิวะพยักหน้าอย่างมีความสุข
อ๋อ นี่เธอพยายามเอาเรื่องราวในอดีตมาใช้อย่างชาญฉลาดอยู่สินะ เพราะงั้นพลังในการสื่อสารของเธอมันถึงได้อย่างกับสัตว์ประหลาดแบบนี้
“เมย์เองก็ด้วย…หลังจากนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ”
“ฮะๆ ไม่ต้องพิธีรีตองขนาดนั้นหรอก”
คุณคิโยซาโตะยิ้มพร้อมกับโบกไม้โบกมือ
สิ่งนี้ก็เป็นการคำนวณพลาดที่มีความสุขเหมือนกัน เพราะจากการที่อุเอโนะฮาระไปสืบรายคนมา ก็เป็นที่ชัดเจนว่าพฤติกรรมล่าสุดของคุณคิโยซาโตะก็คือ เขา ‘พยายามจะขยายวงเพื่อนเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่’ นั่นเอง
จากข้อมูลที่อุเอโนะฮาระรวบรวมมาได้บอกเอาไว้ ว่าเธอไม่ได้ไปเที่ยวกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ และพูดคุยกับพวกเขาอย่างเท่าเทียมกันทั้งหมด
นอกจากนี้เธอยังมาเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองจบงานครั้งนี้ด้วย ผมรู้สึกโล่งใจที่เธอไม่ได้ถูกรายล้อมไปด้วยกลุ่มอื่นแต่อย่างใด
อีกเรื่องหนึ่ง นัดที่คุณคิโยซาโตะว่าไว้ตอนซ้อมเชียร์ ปรากฏว่ามันเป็นปาร์ตี้มื้อค่ำของคัตสึนุมะนั่นเอง
ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะมาขอให้โทคิวะมาชวนเธออีกทอด และเหตุผลที่ทั้งสองคนจากไปพร้อมๆ กันก็เพื่อไปเข้าร่วมงานนั้น
ดูเหมือนคัตสึนุมะจะกำชับไว้ไม่ให้บุคคลภายนอก (หรือไม่ก็อาจจะเป็นผม) รู้เรื่องงานปาร์ตี้และเข้ามาขัดจังหวะ และนั่นก็เป็นผลให้พวกเชาจากไปดื้อๆ ทั้งอย่างนั้น
ปรากฏว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย ผมมันงี่เง่าเองที่ไปตื่นตระหนกจนกลายเป็นดูตลก
แม้ว่าจะยังอธิบายการกระทำของเธอตรงใต้ต้นซากุระไม่ได้… แต่ผมก็ได้เรียนรู้แล้วว่าไม่ควรเร่งรีบและค่อยไล่สืบไปทีละขั้น
“จะว่าไปฉันไม่คิดเลยนะว่าทั้งสองคนจะเป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน… นากาซากะคุงไม่เห็นจะต้องปิดบังเลยนี่นา”
บู่ คุณคิโยซาโตะทำแก้มพองอย่างดูไม่พอใจ
โอ้ รีแอคชั่นแบบเลิฟคอมเมดี้โผล่ออกมาอีกแล้ว น่ารั—เฮ้ย เดี๋ยว ไม่ใช่แล้ว
“ขะ ขอโทษนะ เพราะเหตุผลบางอย่าง ฉันก็เลยหาเวลาพูดไม่ได้เลยน่ะ…”
“เรื่องโรนินก็เหมือนกันนะ ฉันหวังว่าเธอจะบอกมาเร็วกว่านี้แท้ๆ พวกเราไม่ปฏิบัติตัวกับนายต่างจากเดิมหรอกนะรู้ไหม”
“เรื่องนั้น…ต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
เมื่อได้ยินคุณคิโยซาโตะพูดกับผมอย่างเป็นธรรมชาติ ผมก็ได้รู้สึกผิดมาก
“ใช่แล้วหัวหน้าห้อง ยังไงซะหัวหน้าห้องก็ยังเป็นหัวหน้าห้องอยู่วันยังค่ำ! อีกอย่างพวกเราก็อายุเท่ากันด้วยใช่ไหม”
“อะ อื้ม ฉันเกิดเดือนมีนาน่ะ เพราะงั้นมันก็คงเป็นงั้น…มั้งนะ”
“งั้นนายก็อายุมากกว่าเมย์จังแค่เดือนเดียวเองใช่ไหม ฉันที่เกิดเดือนกรกฏายังอายุห่างจากเมย์จังมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะงั้นไม่ต้องกังวลไปหรอก!”
โทคิวะพูดอย่างตรงไปตรงมาพร้อมกับยิ้มอย่างเป็นมิตร
เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามที่จะยอมรับผมให้ได้ แม้ว่าจะยกทฤษฎีแปลกๆ เข้ามาสนับสนุน ในอกของผมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่น
ผมคิดว่าความแตกต่างเรื่องปีการศึกษาจะทำให้พวกเขารู้สึกต่อต้านมากกว่านี้ ดังนั้นผมจึงได้เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้แล้ว… แต่ดูเหมือนว่าผมจะคิดมากเกินไป อย่างน้อยในตัวละครหลักก็ไม่มีใครที่ดูเหมือนจะสนใจเรื่องนี้เลย
“ทุกคน…ขอบคุณมากจริงๆ”
“ก็เพราะโคเฮย์ไม่ได้มีองค์ประกอบความเป็นรุ่นพี่อยู่ตั้งแต่แรกแล้วน่ะสิ ทั้งโง่เง่า ใจป๊อด ขาดสามัญสำนึก แถมยังไร้ประโยชน์ จะมองยังไงก็ไม่มีทางดูแก่กว่าเลยใช่ไหมล่ะ”
“อ่านบรรยากาศหน่อยได้ไหม”
นี่รบกวนฉันมาทั้งวันแล้วนะ!
ในขณะที่พวกเรากำลังพูดคุยกันตามปกติ ผมสังเกตเห็นว่าทุกคนรอบตัวเรากำลังมองมาด้วยใบหน้าอบอุ่นอย่างประหลาด
เอ๊ะ อะไรกันเนี่ย? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“ทั้งคู่เป็นเพื่อนที่ดีกันจังน้า~ ให้ความรู้สึกเหมือนว่าเป็นเพื่อนกันมาตลอดเลยล่ะ”
“เอ๊ะ? ฮะ? เป็นงั้นเหรอ?”
โทคิวะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
อุเอโนะฮาระหรี่ตาแล้วก็ทำท่าโบกไม้โบกมือ
“ไม่ๆ ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย”
“อ๊ะ เขินอยู่เหรอจ๊ะ อายาโนะ”
คราวนี้คุณคิโยซาโตะก็ได้เข้าร่วมด้วย พร้อมกับใบหน้าที่ดูราวจะเข้ากับเสียง “นิชิชิชิ”
“ไม่ ฉันพูดเรื่องจริงนะ”
“แหม~ ขี้อายจังเลยน้า นั่นเองก็เป็นวิธีปกปิดความเขินด้วยสินะจ๊ะ~”
“…อึก”
อ๊ะ นั่นเธอกำลังมองมาด้วยสายตาแบบ ‘อยากจะปฏิเสธ แต่เซตติ้งซึนเดเระมันดันเข้ามาขัดขวางก็เลยพูดอะไรไม่ได้มาก เพราะงั้นฉันอยากจะเจื๋อนนากาซากะทิ้งมันซะเดี๋ยวนี้’ นี่นา!
“…เอาเป็นว่าเรื่องหยอกล้อเอาไว้เท่านี้เถอะ”
ในขณะที่ผมกำลังสั่นหงึกๆ โทริซาวะที่เฝ้ามองการพูดคุยนั้นด้วยรอยยิ้มก็ได้พูดออกมา
น่าแปลกที่โทริซาวะเป็นคนที่พอใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้มากที่สุด
แต่แทนที่เขาจะชอบเลิฟคอมเมดี้เกี่ยวกับเพื่อนสมัยเด็ก ดูเหมือนว่าเขาจะชอบท่าทางตลกๆ ของผมมากกว่า
ตามปกติมาตรฐานของเขาก็เป็นเรื่องที่เข้าใจยากอยู่แล้ว แต่เอาเป็นว่าตอนนี้เขามาเข้าร่วมกิจกรรมแล้วก็คงโอเคแหละนะ
แปะ! ผมปรบมือและพูดออกมาด้วยเสียงร่าเริง
“เอ้า วันนี้ฉันจะเป็นคนเลี้ยงให้เอง ทุกคนกินอะไรก็ได้ตาที่ชอบเลย!”
สุดท้ายผมก็ต้องจ่ายค่าปรับที่ค้างเอาไว้ก่อนหน้านี้ แถมวันนี้ยังเป็นงานใหญ่ด้วย
“หัวหน้าห้องบอกว่าจะเลี้ยงด้วยล่ะ! เพรางั้นเรามาสั่งแกงกะหรี่ซี่โครงเนื้อชิ้นใหญ่กันเถอะ!”
“อ๊ะ แต่ฉันคิดว่ามีจานมาบาลานซ์อย่างชุดซุปด้วยก็ดีนะ”
“ฉันขออะราบิอาต้าก็พอแล้ว”
“ช็อคโกบานาน่าพาร์เฟ่ต์ ชิฟฟ่อนฟักทอง ถาดไอศกรีมแสนสนุก”
“คร้าบๆ พอเท่านี้ โดยเฉพาะคนสุดท้ายนี่ช่วยพอได้แล้ว”
ผมลุกขึ้นเพื่อไปสั่งออร์เดอร์
หลังจากเดินตามทางเดินไม้ไปเรื่อยๆ ผมก็ได้หันกลับไปมองเหล่า ‘ตัวละครหลัก’ ที่กำลังสนุกสนานอยู่บนที่นั่งของพวกเขาจากระยะไกล
—ยังหรอก ชีวิตจริงของเรามันยังห่างไกลจากคำว่าเลิฟคอมเมดี้
ในแง่ของความเป็นเลิฟคอมเมดี้ ความคืบหน้ามันยังแทบไม่ผ่านข้อกำหนดเบื้องต้นด้วยซ้ำ แถมการพัฒนาแบบเลิฟคอมเมดี้ก็ยังดูไม่มีความเป็นเลิฟคอมเมดี้เลยสักนิด
ทว่าการที่พัฒนาการเลิฟคอมเมดี้ไม่ได้เป็นไปอย่างสะดวกสบายมันก็เป็นเรื่องธรรมดา
ดังนั้นผมจึงต้องพยายามให้ถึงที่สุด
เพราะนั่นมันคือสิ่งจำเป็นที่จะทำให้เลิฟคอมเมดี้เกิดขึ้นในชีวิตจริงแห่งนี้
นอกจากนี้—
ผมจะไม่มีวันล้มเหลวง่ายๆ อีกแล้ว
“—โคเฮย์ ยืนนิ่งอยู่แบบนั้นเป็นอะไรน่ะ”
เพราะว่าตอนนี้ผมมี ‘ผู้สมรู้ร่วมคิด’ ที่จะเดินไปด้วยกัน
“…ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็แค่ย้ำเตือนความตั้งใจของตัวเองเฉยๆ น่ะ”
“อ๊ะ งั้นเองเหรอ”
อุเอโนะฮาระตอบกลับมาสั้นๆ ด้วยเสียงเรียบๆ ตามปกติ
“จะว่าไปฉันชักเริ่มสงสัยแล้วสิ… นี่เธอเปลี่ยนไปเรียกชื่อจริงของฉันแล้วใช่หรือเปล่า”
“ทำไมล่ะ จะเรียกอะไรมันก็ไม่เห็นจะสำคัญเลยนี่”
“ฟังนะยัยบ้า สำหรับเลิฟคอมเมดี้ การเปลี่ยนชื่อเรียกตัวเอกแค่อย่างเดียวมันก็นับว่ามีความสำคัญมากเพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงค่าความชอบของพวกเขาเลยนะ อย่างในแนวฮาเร็ม…”
“รู้แล้วจ้าๆ ขยะแขยงๆ”
ให้ตายสิ อุเอโนะฮาระบ่นพร้อมกับยกมือขึ้นทั้งสองข้างและหันหลังให้กับผม
ชิ มือสมัครเล่นก็งี้…
ไม่สิ เดี๋ยวก่อน
“…ถ้าเกิดจะเรียกแบบไหนก็ไม่สำคัญละก็ ทำไมมันถึงเป็นตอนนี้ล่ะ”
อุเอโนะฮาระไม่ตอบคำถามของผม
จากนั้นเธอก็หันแค่ครึ่งร่างเข้ามาหา
“—อย่าเข้าใจผิดไปเชียวนะ อีตาบ้าตัวพ่อ”
พูดเสร็จเธอก็ยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
—โว้ย แล้วมันคือยังไงกันล่ะฟะ
ผ่านไปแป๊บเดียว สีหน้าของอุเอโนะฮาระก็ได้กลับมาเป็นปกติอย่างเดิม และเดินกลับไปหาทุกคนอย่างเงียบงัน
ผมถอนหายใจและเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง
ผมแน่ใจว่าต่อจากนี้มันจะต้องมีทั้งความสนุก ความตื่นเต้น ความเศร้า และความขัดแย้งแน่ๆ
แต่เมื่อถึงตอนสุดท้ายมันก็จะแฮปปี้เอนดิ้ง
ทุกวันจะดำเนินไปแบบนั้น
ผมจะเดินไปต่อทั้งแบบนั้น
—เลิฟคอมเมดี้ของผมมันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
MANGA DISCUSSION