ทุกวันหลังจากนั้นผมก็ได้ใช้เวลาไปกับการเก็บข้อมูลจากบนโต๊ะ
ผมได้ตรวจสอบข้อมูลทุกอย่าง…ไม่ว่าจะเป็นจากในห้องเรียนตัวเอง จากห้องเรียนอื่น กลุ่มแชทต่างๆ แอคเคาน์รอง รวมไปถึงแอคเคาน์ลับทั้งหมด และหากเจออะไรที่บ่งบอกว่าพวกเขาได้ออกไปข้างนอกหรือไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง ผมก็จะเข้าไปตรวจดูความสัมพันธ์ของพวกเขาว่าเป็นกิจกรรมแบบกลุ่มหรือเปล่า จากนั้นก็ขยายขอบเขตการตรวจสอบไปยังสมาชิกในกลุ่ม ว่าพวกเขาได้คอมเมนต์อะไรที่เกี่ยวข้องไหม และเพื่อความชัวร์ ผมก็ได้ก็ได้กลับไปย้อนดูข้อมูลจากช่วงเมษาที่ผ่านมาด้วย
นอกจากนี้ ผมยังเช็กรูปภาพและวิดีโอจากฟีดข่าวตามโซเชียล ในขณะที่จัดระเบียบข้อมูลอื่นที่เชื่อมโยงไปพร้อมกัน
พอทำแบบนั้นไปเรื่อยๆ—ในที่สุดคืนสุดท้ายของโกลเด้นวีคก็ได้มาเยือน
ผมนั่งอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ในห้องของตัวเอง พร้อมกับขยี้เปลือกตาอ่านข้อมูลที่รวบรวมมาจนเสร็จ
“นี่เป็นข้อมูลที่รวบรวมมาได้ไม่ผิดแน่ แต่ว่า…”
นี่มันเรื่องบ้าอะไรน่ะ…
ไม่ว่าจะดูยังไงก็เหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนความเป็นจริงว่าข้อมูลที่รวมรวมมาเหล่านี้มีความน่าเชื่อถือและแม่นยำเลย
ในขณะที่ผมกำลังกุมหัวจากสถานการณ์ที่วุ่นวายกว่าเก่า โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็ได้สั่น
ก่อนหน้านี้ผมโทรไปหาอุเอโนะฮาระแล้วเธอไม่รับ ดังนั้นมันจึงน่าจะเป็นการโทรกลับ
“…ไง”
『โทษที พอดีว่าฉันกำลังกินข้าวอยู่น่ะ เป็นยังไงบ้างล่ะ』
เสียงของอุเอโนะฮาระซึ่งผมไม่ได้ยินมานานยังคงดูเฉยชาเหมือนเดิม
ผมจับเมาส์ด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง และอัปโหลดข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมมาได้
“ฉันเพิ่งจะอัปโหลดข้อมูลทั้งหมดลงไปน่ะ ลองเข้าไปดูก่อนได้หรือเปล่า”
『อืม เข้าใจแล้ว…อ๊ะ แป๊บนึงนะ』
เสียงวางโทรศัพท์ดังก้อง จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงรองเท้าแตะกำลังเดินมาจากทางเดิน
『—อายาโนะ ถ้าเกิดลูกจะคุยโทรศัพท์ก็ช่วยไปซักผ้าก่อนได้ไหม จากนั้นจะโทรคุยเท่าไหร่ก็ได้นะ』
『ก็บอกไว้ก่อนไงเล่า หนวกหูน่า』
『นี่ นั่นไม่ใช่แฟนของลูกจริงๆ เหรอ』
『ดื้อไปแล้ว หนูเบื่อที่ต้องมาปฏิเสธทุกรอบแล้วนะ ปล่อยหนูไว้เงียบๆ ได้แล้ว』
『จ้าๆ เดี๋ยวแม่จะไปอ่านธีลิสแล้ว ช่วยคุยเงียบๆ หน่อยนะ』
มีเสียงคุยแบบนั้นเล็ดลอดออกมา
…นั่นเสียงคุณแม่เหรอ ช่างเป็นเสียงบทสนทนาเลิฟคอมเมดี้อันน่าอิจฉา…
หลังจากผมได้ยินเสียงประตูปิด อุเอโนะฮาระก็ได้พูดด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าปกติ
『งั้น ให้ฉันเข้าไปที่บันทึกมิตรภาพเลยไหม』
“อา ฉันสร้างหน้าใหม่เอาไว้แล้ว เข้าไปดูจากตรงนั้นได้เลย”
ผมรอเงียบๆ จนกระทั่งอุเอโนะฮาระอ่านจบ
『…ขอถามอีกที ข้อมูลพวกนี้เป็นความจริงใช่ไหม』
“ใช่ น่าเสียดายที่มันเป็นความจริงละนะ”
『มันมากไปไหม ฉันไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมากได้ขนาดนี้』
“ก็นั่นนะสิ…”
ผมถอนหายใจดัง “เฮ้อ”
ผมได้เตรียมใจเอาไว้แล้วว่าอาจจะไม่มีข้อมูลออกมาก็ได้… แต่ในความเป็นจริงข้อมูลที่เกี่ยวกับคุณคิโยซาโตะมันกลับผุดขึ้นมาจากทุกหนทุกแห่งอย่างตรงกันข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้อมูลอันมากมายเกี่ยวกับคนที่เขาออกไปเที่ยวด้วยในช่วงวันหยุดยาวนี้
“มี 3 กลุ่มอยู่ในห้อง 4 (ห้องของผม) นอกจากนี้ยังมีเพื่อนจากในชมรมและห้องอื่นอีก หากวัดจากความถี่ เป็นไปได้ว่าเขาจะออกไปเที่ยวกับคนอื่นทุกวัน”
นอกจากนี้ ทั้งลักษณะของคนที่ติดต่อด้วยกับเนื้อหาของกิจกรรมที่เข้าร่วมมันก็ไม่มีจุดร่วมกันเลย บางวันก็ไปร้องคาราโอเกะกับพวกชอบเที่ยว บางวันก็ไปจัดปาร์ตี้น้ำชากับคนเงียบๆ ‘ค่าเลิฟคอมเมดี้’ ของคนที่เกี่ยวข้องปนเปกันมั่วซั่ว
“อย่างกับว่าเขากำลังติดต่อกับคนแบบสุ่มๆ อย่างไรอย่างนั้น จุดร่วมเดียวที่ฉันแทบจะหาไม่เจอก็คือมีคนจากห้องเรียนเรามากกว่าเท่านั้น และสัดส่วนของผู้ชายก็มีมากกว่าเล็กน้อย”
แต่มันก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่จะคนที่เขาติดต่อด้วยส่วนมากจะเป็นเพื่อนร่วมชั้น ถึงแม้จะมีผู้ชายมากกว่า แต่ความแตกต่างก็จะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 10%
『อย่างนี้นี่เอง ชายหญิงสุ่มสินะ…』
แม้แต่คำพูดของอุเอโนะฮาระก็ยังขาดช่วง หลังจากนั้นเราก็ไม่มีคำพูดอะไรเพิ่มเติม
ตึ้ง ผมซุกหน้าผากลงไปกับโต๊ะ
“ทั้งที่คิดว่าหากระบุกลุ่มที่เขาออกไปเที่ยวด้วยได้ก็จะเจาะลึกเข้าไปในนั้นแท้ๆ… แต่เป้าหมายที่ต้องตรวจสอบมันเยอะเกินไปแล้ว…”
ถึงจะมีข้อมูลทั้งหมดนี้ แต่ผมก็ยังไม่สามารถจำกัดวงให้แคบลงได้ว่ากลุ่มใดเป็นกลุ่มที่เขาออกไปเที่ยวด้วยในวันซ้อมเชียร์ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นกลุ่มที่ออกไปด้วยกันในช่วงโกลเด้นวีค หรือเป็นกลุ่มอื่นที่มาติดต่อกับเขา
ถ้าหากต้องมาหาข้อมูลเป็นรายบุคคล จำนวนที่ต้องสืบมันก็จะมีมากจนน่าตกใจ
แต่ถึงจะบอกไปแบบนั้น
“…มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะหยุดการหาข้อมูลได้”
คิดว่าผมจะยอมแพ้แล้วเหรอ
ยังหรอก ยังมีสิ่งที่ผมสามารถทำได้อยู่
“เมื่อโรงเรียนเปิดอีกรอบ นั่นก็หมายความว่าเราสามารถใช้การเก็บข้อมูลภาคสนามได้ โดยในระหว่างที่กำลังสืบข้อมูลของแต่ละกลุ่ม เราก็ต้องเก็บข้อมูลจากคุณคิโยซาโตะ…ไม่สิ ต้องห้ามทิ้งโทคิวะด้วย นอกจากนี้ยังมีการเก็บข้อมูลรายวัน… แถมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก เพราะงั้นต้องตามติดโซเชียลต่อไป… บัดซบ มีทรัพยากรไม่พอสินะ…”
คิดสิ คิดเข้าสิ… มันต้องมีความคิดเห็นที่ดีกว่านี้อยู่สิ
มันต้องมีทางไหนที่ประหยัดเวลาเพิ่มได้มากกว่านี้อีกแน่ๆ
เราต้องเก็บข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ถ้าไม่อย่างนั้น—
เราอาจจะล้มเหลวอีกครั้ง
『โหลๆ นากาซากะ นี่ยังฟังอยู่หรือเปล่า』
“…อ๊ะ ว่ายังไงนะ”
ผมกลับมารู้สึกตัวด้วยคำเรียกนั้น
เสียงของอุเอโนะฮาระที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์ค่อนข้างกระวนกระวาย
『นี่… เราลองกลับไปที่จุดเริ่มต้นกันดูไหม บางทีแล้วเราอาจจะต้องตรวจสอบอย่างใกล้ชิดก็ได้นะ』
“…หมายถึงยังไงนะ”
『การเคลื่อนไหวของเมย์มันดูแปลกจริงๆ นั่นแหละ จู่ๆ ก็เข้าหากลุ่มอื่นที่ไม่เคยติดต่อ แต่นายคิดว่าจะมองเห็นความจริงได้จากแค่การคิดเท่านั้นจริงๆ ดิ ยังไงซะเราก็ไม่มีทางเข้าใจการกระทำของคนอื่นได้อย่างสมบูรณ์แบบหรอกใช่ไหมล่ะ』
“…”
เป็นข้อโต้แย้งที่ถูกต้อง
แต่นั่นมันก็ไม่ใช่เหตุผลที่ผมจะยอมแพ้ได้
ผมแน่ใจว่ามันต้องมีบางอย่างที่ผมสามารถทำได้ และบางอย่างที่ผมยังไม่ได้ทำอยู่แน่ๆ
『แค่คิดเฉยๆ มันมีข้อจำกัดอยู่แล้ว เพราะงั้นอย่าเพิ่งตรวจสอบอะไรซี้ซั้วแล้วหันไปใช้วิธีที่ตรงกว่านี้—』
คำพูดแบบสบายๆ ได้ทำให้เลือดขึ้นไปที่หัวของผมแบบไม่รู้ตัว
“ก็การหาข้อมูลมันเป็นสิ่งเดียวที่ฉันทำได้นี่! ใครมันจะไปทำอะไรก็เก่งเหมือนกับเธอได้เล่า”
บางทีแล้วคำพูดของผมมันอาจจะรุนแรงเกินคาด ด้วยเหตุนี้อุเอโนะฮาระจึงได้กลั้นหายใจและเงียบหายไป
เมื่อรู้สึกตัวผมก็สงบลง
โวยกับอุเอโนะฮาระไปแล้วมันจะได้อะไรกันนะ ตัวฉัน…
“โทษที… ฉํนเสียงดังไปหน่อย”
“…ไม่หรอก”
ทันใดนั้นคำพูดก็ได้ถูกตัดจบ
พวกเราต่างเงียบกันไปอยู่ครู่หนึ่ง มีเพียงเสียงอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้นที่ยังดังก้องอยู่
『…นี่ นากาซากะ』
หลังจากที่ได้ยินเสียงหวีผม อุเอโนะฮาระก็ได้ส่งเสียงกระซิบเรียกผม
จากนั้นก็เงียบไปอีกสักพักราวกับกำลังเลือกว่าจะพูดอะไร เสร็จแล้วอุเอโนะฮาระก็ได้เปิดปากออกอย่างเงียบงัน
『ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว นายดูหดหู่และหงุดหงิดแปลกๆ นะ… หรือว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในอดีตใช่ไหม』
“…อึก”
หัวใจของผมถูกบีบแน่นเพราะจู่ๆ ก็ถูกจี้
『ขอบอกไว้ก่อนว่าฉันไม่มีปัญหาเรื่องที่นายอยากสร้างเลิฟคอมเมดี้หรอก แต่ฉันคิดว่ามันผิดปกติที่นายหมกมุ่นอยู่แต่กับการหาข้อมูลซึ่งควรเป็นแค่วิธีการน่ะ』
“…”
『นอกจากนี้แล้ว… ทั้งเรื่องวิธีการหาข้อมูลก็ดี วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลก็ดี เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้อยู่ในระดับที่แค่เล่นๆ เลย』
อุเอโนะฮาระพูดทวนคำพูดราวกับจะเฟ้นหารายละเอียด
『อย่างแรกเลย… ถ้าเกิดนากาซากะเป็นเพียงนักเรียน ม.ปลาย A อย่างที่ได้พูดเอาไว้ ฉันแน่ใจเลยว่านายคงมาไม่ได้ไกลขนาดนี้ นายคงไม่ได้คิดแม้แต่จะลองด้วยซ้ำ』
“…”
『คงมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้นายมาได้ไกลขนาดนี้…มันคงเป็นแบบนั้นใช่ไหม』
ผมไม่สามารถตอบอะไรได้และจมลงไปสู่ความเงียบ
…อุเอโนะฮาระคอยอยู่กับผมและให้ผมยืมมือมาโดยตลอด
แต่สมมติว่าผมบอกทุกอย่างในตอนนั้นไปทั้งหมด
ถ้าเป็นแบบนั้นอุเอโนะฮาระจะยังคง…ปฏิบัติกับผมเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า
“…ไม่มีอะไรอย่างนั้นหรอก ก็แค่มันเป็นสิ่งเดียวที่ฉันสามารถทำได้น่ะ ที่ฉันพยายามอย่างเต็มที่ก็เพราะมันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชี่ยวชาญเท่านั้น มันก็มีแค่นั้น”
『…เข้าใจแล้ว』
อุเอโนะฮาระตอบกลับมาเพียงสั้นๆ อย่างไร้อารมณ์
ตอนนี้ผมไม่รู้เลยว่าเธอกำลังคิดอะไร ผมไม่มีทางเข้าใจเลย
『เอาเถอะ… ก็ใช่ว่าฉันจะสนอดีตอะไรของนายนักหรอก ก็ถ้านากาซากะเริ่มพูดถึงอดีตที่มันหนักๆ ฉันก็นอนไม่หลับกันพอดีสิ』
จากนั้นอุเอโนะฮาระก็ได้กลับมาด่าผมด้วยน้ำเสียงไม่แยแสตามปกติ ดูเหมือนว่าเธอไม่คิดจะพูดถึงเรื่องนี้ต่อ
ร่างกายของผมซึ่งเคยตึงเครียดได้กลับมาผ่อนคลายแบบไม่รู้ตัว แต่ผมกลับรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองได้หนักอึ้งขึ้นแทน
“…สำหรับเลิฟคอมเมดี้ พาร์ตเล่าอดีตจะมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับการทำให้เรื่องราวดูน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น ถ้าเกิดอีเวนต์ดราม่าๆ แบบนี้ไม่ได้ถูกแสดงออกมาอย่างถูกต้องจะไปมีประโยชน์อะไร”
『เข้าใจแล้วๆ เอาเป็นว่านายไม่ต้องไปหาข้อมูลเกินจำเป็นหรอกนะ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ฉันจะรับหน้าที่เก็บข้อมูลภาคสนามให้เอง ส่วนนากาซากะไปเก็บข้อมูลจากหน้าโต๊ะเป็นหลักก็พอ』
…เอ๊ะ
“นี่เธอจะช่วยฉันเหรอ…”
『หา มาถามตอนนี้อะนะ ทั้งที่ทำอะไรหลายๆ อย่างมาด้วยกันตลอดแท้ๆ』
เมื่อเห็นอุเอโนะฮาระพยายามจะช่วยผมด้วยตัวเอง ความรู้สึกผิดมันก็ผุดขึ้นมา
“ไม่… ฉันจะสร้างภาระให้เธอมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว”
『นี่ มันเป็นไปไม่ได้ที่นายจะทำได้ทุกอย่างหรอกนะ นากาซากะ ถ้าเกิดนายคิดจะทำต่อ การแบ่งงานตั้งแต่ต้นมันดูจะสมเหตุสมผลและมีประสิทธิภาพมากกว่าอยู่แล้ว หรือนายไม่คิดอย่างนั้น』
ผมกัดฟัน เมื่อสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่มีอยู่ในภาษาหยาบคายตามปกติของเธอ
“…งั้นตอนนี้เธอเดินเก็บข้อมูลรายวันไปก่อน ถ้ามีเวลาเหลือฉันจะเข้าไปช่วยเธออีกแรง เอาแบบนั้นได้ไหม”
『อืม เข้าใจแล้ว』
“ขอโทษนะ… ฉันติดหนี้เธอแล้ว”
『อา พอเถอะ ไอ้ความรู้สึกจริงจังแบบนั้นมันไม่เหมาะกับนายหรอก แถมกลับกันมันยังน่าขยะแขยงอีก』
“…ก็เพราะแบบนี้ไงเล่าเธอถึงได้เป็นแค่มือสมัครเล่น! ไปหัดเรียนรู้คำว่าแก๊ปโมเอะแล้วก็มาเริ่มใหม่ซะ!”
ผมบังคับตัวเองให้กลับสู่ความเคยชิน จากนั้นก็ตบแก้มตัวเองเพื่อพยุงสติอารมณ์
—ใช่แล้ว
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะการกระทำครึ่งๆ กลางๆ ของเรา
อุเอโนะฮาระจึงต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่ไม่จำเป็น
MANGA DISCUSSION