[LN] ใครกันที่เป็นคนตัดสินว่าผมมีเลิฟคอมเมดี้ในชีวิตจริงไม่ได้ - ตอนที่ 13
“ดูเหมือนว่าฉันจะประเมินเธอต่ำไปนะ”
บริเวณทางเข้าอาคารเรียนทิศเหนือ
ผมส่งเสียงกระซิบอยู่ตรงจุดที่ประตูหลักมองไม่เห็น
บริเวณโดยรอบนี้ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดอย่างสมบูรณ์ และใกล้ประตูโรงเรียนก็เต็มไปด้วยนักเรียนที่กลับมาจากการทำกิจกรรมชมรม
“…อะไรของนาย”
อุเอโนะฮาระซึ่งกำลังพิงกำแพงประตูโรงเรียนและกอดอกอยู่ได้กะพริบตามองมาหาผม
“ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะทำได้ถึงขนาดนี้”
หลังจากเหตุการณ์ของรุ่นพี่ฮิโนะฮารุ ผมก็ได้ไปเก็บข้อมูลด้วยการสอบถามกับคนอื่นต่อด้วยหัวข้ออื่นๆ แต่เมื่อผมลองให้อุเอโนะฮาระได้ทำดูครั้งเดียว ปรากฏว่าข้อมูลที่เธอได้มามันกลับมากกว่าผมถึง 3 เท่าตัว
ไม่เพียงแต่สามารถชี้นำการสนทนาได้อย่างแม่นยำเท่านั้น แต่เธอยังมีไหวพริบสูงขนาดที่ทำความเข้าใจความรู้สึกกับอารมณ์ของคนอื่นได้อย่างละเอียดอ่อนด้วย นอกจากนี้ต่อให้เจอเรื่องไม่คาดคิดเธอก็ไม่ร้อนรนเลย กลับกันเธอยังใช้มันเป็นตัวดึงข้อมูลออกมาได้มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
พอลองคิดดูดีๆ แค่เจอกันครั้งแรกเธอก็เล่นอุบายใส่ผมแล้ว ซึ่งมันก็ไม่แปลกเพราะว่าความสามารถพื้นฐานกับความเร็วในการคิดของเธอนั้นสูงกว่าผมมาก อย่างกับเธอเป็นพวกตัวเอกเทพซ่าอย่างไรอย่างนั้น ผมขอยอมรับเลย คุณอุเอโนะฮาระ
“เชอะ ไม่ต้องมาทำหน้าไม่รู้ร้อนเลยนะ อุตส่าห์คิดไว้ว่าการหาข้อมูลเป็นความสามารถเฉพาะของฉันแท้ๆ”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ฉันก็แค่ทำตามนากาซากะเฉยๆ น่ะ”
อุเอโนะฮาระบ่นพร้อมกับม้วนผมเล่น
“อย่าถ่อมตัวสิฟะ มันน่าหงุดหงิดนะ ไม่ว่าจะมองยังไงเธอก็เก็บข้อมูลกับคนได้ดีกว่าฉันชัดๆ เอาซะอยากจะฝากทุกอย่างไว้กับเธอเลย”
เป็นอย่างนั้นจะได้แบ่งภาระงานไปได้ด้วย แถมยังรู้สึกปลอดภัยกว่าเพราะไม่ต้องกังวลว่าจะทำพลาดครั้งใหญ่แบบของผม
“…ต่อไปเป็นประเภทสุดท้ายแล้ว”
“…คราวนี้คืออะไรล่ะ”
อุเอโนะฮาระยกหลังออกมาจากกำแพง และก้าวเข้ามาหาผมครึ่งก้าว
“อย่างสุดท้าย ‘สังเกตพฤติกรรม’ มันจะแตกต่างจากการสอบถามโดยตรงที่ดึงข้อมูลออกมาจากการสนทนา เป็นวิธีการอ่านแนวโน้มพฤติกรรมและความรู้สึกจากท่าทางและการเคลื่อนไหว”
“การสังเกต…ไม่จริงน่า อย่าบอกนะว่าคราวนี้นายคิดจะไปแอบถ่ายจริงๆ”
“ยัยโง่! ขืนทำแบบนั้นก็นับว่าเป็นการก่ออาชญากรรมสิฟะ ไม่ว่าจะมองยังไงเลิฟคอมเมดี้ที่เกิดจากการแอบถ่ายทั้งวันทั้งคืนมันก็ไม่ถูกต้องชัดๆ คิดอย่างมีเหตุผลหน่อยได้ไหม มีเหตุผล”
“จะเรียกนายว่ามีสามัญสำนึกดี หรือไม่มีดีนะ…”
ผมเมินเสียงขุ่นเคืองของอุเอโนะฮาระและอธิบายต่อ ดูเหมือนผมจะเคยชินกับแพทเทิร์นนี้ไปแล้ว
“ตอนที่เฝ้าสังเกตอยู่ ให้ดีเธอควรจดบันทึกลงไปทุกอย่างลงไปไม่ใช่ตามความรู้สึก แล้วก็อย่าลืมนับจำนวนครั้งการทำซ้ำไว้ด้วยล่ะ”
“จำนวนครั้ง?”
“จำนวนครั้งที่ทำแบบซ้ำๆ อย่างเช่นสัมผัสหู หรือไขว่ห้างกี่ครั้ง อย่าลืมจดเอาไว้ด้วย”
“…จะทำไปเพื่อ?”
“เนื่องจากการเคลื่อนไหวซ้ำๆ เป็นการกระทำแบบไม่รู้ตัว มันจึงมักจะเกี่ยวข้องกับความรู้สึกและอารมณ์ของบุคคลนั้น”
อย่างเช่น ถ้าเกิดประหม่าก็จะไชว่ห้าง เราสามารถวัดระดับความประหม่าได้ทางอ้อมโดยดูจำนวนครั้งที่พวกเขาทำแบบนั้น
“แต่เอาจริงๆ แล้วมันก็ยังมีปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้องอีกเยอะ เพราะงั้นมันจึงไม่ง่ายขนาดนั้น”
“อืม…แล้วนายคิดจะไปตามใครล่ะ”
“คราวนี้ที่เล็งไว้ก็คือคุณคิโยซาโตะ อีกเดี๋ยวชมรมก็จะเลิกแล้ว ฉันจะไปที่รถเมล์แล้วก็เดินเข้าไปทักเขา เสร็จแล้วก็ชวนเขาคุยด้วยเรื่องเล็กๆ ส่วนเธอก็แสร้งทำเป็นคนแปลกหน้าแล้วก็จดบันทึกท่าทางของเขาไปซะ”
ตามที่คิดเอาไว้ แทนที่จะให้อุเอโนะฮาระเข้าไปคุยกับคุณคิโยซาโตะ สู้ผมเข้าไปคุยกับเขาเองเลยดีกว่า ยังไงถ้าไม่ใช่คนที่เคยเจอกันครั้งแรกผมก็มีข้อมูลอยู่แล้ว ไม่มีทางที่ผมจะทำพลาดจนต้องอับอายเหมือนกับตอนรุ่นพี่แน่ๆ
อุเอโนะฮาระพยักหน้าแล้วก็เปิดปาก
“ว่าแต่นายได้ตั้งเป้าเอาไว้ไหมว่าต้องจดบันทึกกี่ครั้ง”
“นั่นสินะ… งั้นมาตั้งเป้าหมายไว้ที่ 50 ครั้งกันเถอะ”
“เดี๋ยวนะ 50 ครั้ง… นั่นมันมากเกินไปไหม”
“เธอทำได้อยู่แล้ว ฉันเชื่อใจเธอนะ”
“…โดนเชื่อใจกับเรื่องแบบนี้มันลำบากใจนะ”
ผมยิ้มให้กับอุเอโนะฮาระที่พูดด้วยใบหน้าเหนื่อยหน่ายใจ แต่เธอตอบกลับมาหาผมว่า “ขยะแขยง” นี่เธอใช้คำว่าขยะแขยงจนติดปากไปแล้วใช่ไหมนั่น
“จริงด้วย ก่อนที่เราจะเริ่ม… เอ้านี่ ชุดปลอมตัว”
ระหว่างพูด ผมก็ส่งแว่นตา วิก แล้วก็เนกไทสีแดงสำหรับชั้นปี 2 ให้กับอุเอโนะฮาระ
“บอกตามตรง ฉันอยากให้เธอเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าธรรมดาหรือแม้แต่ชุดโรงเรียนอื่นด้วยซ้ำ…แต่ยังไงอุเอโนะฮาระกับคุณคิโยซาโตะก็ไม่ได้รู้จักกันอยู่แล้ว เพราะงั้นคงไม่เป็นไรหรอก”
“เดี๋ยวๆๆ รอก่อน นั่นนายพูดเรื่องอะไรน่ะ ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ”
อุเอโนะฮาระโบกมือปฏิเสธด้วยใบหน้านิ่งๆ
ทำไมกันล่ะ แค่คิดซะว่าเหมือนกับคอสเพลย์เล่นๆ ก็ได้นิ
“เอ๊ะ นี่นายจะให้ฉันใส่พวกนี้จริงๆ น่ะนะ บ้ารึเปล่ายะ”
“เผื่อไว้ๆ ถ้าเกิดเขารู้ว่ากำลังโดนเธอตามสืบอยู่ ฉันก็รับรองความปลอดภัยเธอไม่ได้นะ”
“…ก็จริงของนาย”
“รู้อะไรไหม ของแบบนี้มันจะแปลกก็ต่อเมื่อเธอมองว่ามันแปลกเท่านั้น ถ้าเกิดเธอคิดว่ามันเป็นอุปกรณ์ป้องกันตัวซะก็หมดเรื่องแล้ว”
อุเอโนะฮาระกลืนคำที่กำลังจะพูดกลับไปด้วยใบหน้านิ่งๆ เธอมองกลับไปกลับมาระหว่างอุปกรณ์ปลอมตัวกับผมอยู่สองสามครั้ง
จากนั้นเธอก็ถอนหายใจออกราวกับว่ายอมแพ้ให้กับทุกสิ่งทุกอย่าง
“เฮ้อออ เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้วก็ได้ หันไปทางนั้นซะ”
จากนั้นเธอก็ฉกอุปกรณ์ปลอมตัวไปจากมือของผม และหายไปหลังตู้รองเท้า
จะว่าไป ขอแค่มีเหตุผลเพียงพออุเอโนะฮาระก็ดูจะยอมฟังหมดเลยนี่นา เธอเป็นคนสบาย—ไม่สิ จริงจังยิ่งกว่าที่คิดเอาไว้
ในระหว่างที่ผมกำลังคิดเรื่องนั้นอยู่ อุเอโนะฮาระที่ได้เปลี่ยนคลาสเป็นสาวแว่นผมบ๊อบเสร็จแล้วก็กลับมาอย่างรวดเร็ว เพื่อบรรยากาศ เธอได้ทำการปรับเปลี่ยนการแต่งตัวจากเซอร์ๆ ให้เรียบร้อยกว่าเดิมและถอดสร้อยที่ใส่อยู่ตรงรอบๆ คอ
นอกจากนี้ ถ้าเกิดตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่างแล้ว ก็ต้องปรับเปลี่ยนเพื่อประสิทธิภาพ ผู้สมรู้ร่วมคิดคนนี้ช่างสุดยอดจริงๆ
“…เป็นไงบ้าง มีผมที่ยื่นออกมาบ้างไหม”
อุเอโนะฮาระถามขณะใช้มือทั้งสองข้างปรับตำแหน่งแว่น
“อะ…อื้ม ใช้ได้แล้ว—”
จะว่ายังไงดี… ความรู้สึกเหมือนกับเป็น JK ก่อนและหลังการแปลงโฉมเลย
อย่างกับได้มองดูเพื่อนสมัยเด็กที่จู่ๆ ก็พลิกกลับมาน่ารักขึ้นหลังจากได้เรียนรู้การแต่งตัวอย่างไรอย่างนั้น…
“โธ่เว้ย ทำไมเธอถึงไม่ใช่เพื่อนสมัยเด็กของฉันกันนะ…!”
“เหวอ นั่นมันน่าขยะแขยงจริงๆ แล้วนะ ขยะแขยงที่สุดเท่าที่ได้ยินมาทั้งวันเลย”
อุเอโนะฮาระบ่นอย่างขยะแขยงหลังจากถอยห่างออกไปประมาณ 3 ก้าว
“เฮ้ยหล่อน! นั่นหล่อนคิดจะดูถูกเพื่อนสมัยเด็กจริงๆ ใช่ไหม นั่นเป็นตัวละครที่เข้าใจตัวเอกมากที่สุด แล้วก็มีความสัมพันธ์ด้วยกันมาอย่างยาวนานจนเปรียบเสมือนกับเป็นคนในครอบครัวเลยนะ! เป็นตำแหน่งที่พิเศษแล้วก็ไม่เหมือนใครเลยนะ! รู้ไหมว่าตลอดชีวิตนี้ฉันอยากจะให้เขาทำข้าวกล่องมาให้แล้วก็พูดว่า ‘ก็แค่ทำมาเยอะเกินไป’ มากขนาดไหนกันน่ะหา!?”
“ไม่ล่ะ ที่ฉันปฏิเสธก็คือปฏิกิริยาของนากาซากะต่างหาก ฉันไม่ได้ปฏิเสธเรื่องเพื่อนสมัยเด็กหรอก”
ซู้ด หลังจากส่งเสียงสูดอากาศเข้าไป ผมก็หันกลับไปมองประตูโรงเรียนอีกครั้ง
—และไม่กี่นาทีต่อจากนั้น
ผมก็เห็นกลุ่มคนที่เหมือนกับกำลังถือไม้เทนนิสและกระเป๋าแร็กเกตกำลังเดินมาทางนี้
ตรงหน้าที่จอดรถจักรยาน มีร่างของคนคนหนึ่งโบกไม้โบกมืออย่างร่าเริงแล้วก็แยกตัวออกมา
มันต้องเป็นคุณคิโยซาโตะไม่ผิดแน่
“เยี่ยม เราไปกันเถอะ ฝากด้วยล่ะคู่หู”
“จะคิดซะว่าก้าวขาไปข้างแล้วก็ต้องไปให้สุดละกัน…”
เราไล่ตามคุณคิโยซาโตะไปด้วยความเร็วแบบไม่ผิดสังเกต