[LN] ใครกันที่เป็นคนตัดสินว่าผมมีเลิฟคอมเมดี้ในชีวิตจริงไม่ได้ - ตอนที่ 12
“เอาละ อย่างต่อไปก็คือการ ‘เก็บข้อมูลตัวต่อตัว’ ”
หลังจากตระเวนเก็บข้อมูลเสร็จ ผมก็ได้เดินมายังอาคารเรียนศิลปะซึ่งอยู่ข้างๆ ลานจอดรถจักรยานต่อ
ตัวอาคารเรียนของเคียวนิชินั้นจะมีโครงสร้างเป็นแบบตัวอักษร ‘工’ โดยที่อาคารเรียนทางใต้กับอาคารเรียนทางเหนือจะเชื่อมต่อกัน ทางทิศใต้จะเป็นอาคารของนักเรียนชั้นปีที่ 1 กับนักเรียนชั้นปีที่ 2 รวมไปถึงห้องเรียนพิเศษ เช่น ห้องวิทยาศาสตร์ และห้องคหกรรม ส่วนตรงทางเหนือจะเป็นอาคารเรียนของนักเรียนชั้นปีที่ 3 ห้องพยาบาล และห้องสมุด
ในส่วนของห้องเรียนศิลปกรรม เช่น ห้องดนตรี และห้องศิลปะนั้นจะถูกรวมเข้าไว้ที่อาคารศิลป์และตั้งอยู่แยกกับอาคารเรียนหลัก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างห้องประชุมสภานักเรียนจึงถูกมัดรวมเอาไว้ที่นี่ด้วย
ในตอนนี้พวกเรากำลังซุ่มอยู่ใกล้ๆ ห้องสภานักเรียนและมองไปที่ทางเข้า
“การลาดตระเวนที่เราทำไปก่อนหน้านี้มันเป็นการเก็บข้อมูลในแบบวงกว้าง ไม่เหมาะกับการค้นหาข้อมูลแบบจำเพาะ ถ้าเกิดเธออยากจะได้สิ่งที่เป็นรูปธรรมมากกว่านี้ เธอก็ต้องใช้มาตรการเชิงรุกให้มากยิ่งขึ้น”
“ก็เลย…ต้องไปเอาข้อมูลมาจากคนโดยตรง?”
“ใช่แล้ว นั่นแหละคือการเก็บข้อมูลตัวต่อตัว”
รอบนี้ผมพยายามรักษาระยะห่างเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดแปลกๆ
“ในรอบนี้ เราต้องใช้เทคนิคการสนทนาเพื่อดึงข้อมูลออกมาให้ได้แบบเป็นธรรมชาติ ในบางครั้งเราอาจจะต้องดึงข้อมูลออกมาด้วยการใช้คำถามนำ ดังนั้นมันจึงถือเป็นเทคนิคเก็บข้อมูลที่ต้องใช้ทักษะอย่างมหาศาล”
ในบรรดาทักษะของตัวเอกเลิฟคอมเมดี้ที่ผมฝึกมาจนถึงตอนนี้ สิ่งที่ต้องใช้เวลาเรียนรู้มากที่สุดก็คือเทคนิคการพูด มันต้องใช้ทักษะทั้งการด้นสดหรือตามน้ำให้เข้ากับสถานการณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เข้ากับผมซึ่งปรับตัวไม่เก่งเลย
ผมจะต้องเดาทั้งแนวโน้มของการสนทนา และประเมินนิสัยของเป้าหมายไปพร้อมกัน ซึ่งผมอยู่แค่ในระดับพอไปวัดไปวา กลับกันถ้าคนที่สนทนาเป็นคนที่เพิ่งเคยเจอหรือไม่มีข้อมูลผมก็จะรู้สึกไม่สบายใจเลย
“ทำให้ดูเลยคงจะดีกว่า รอบนี้ฉันว่าจะไปรีดข้อมูลเกี่ยวกับกุญแจบนชั้นดาดฟ้ากับรุ่นพี่บางคนน่ะ”
“กุญแจดาดฟ้า? อ๋อ พอมาลองคิดดูแล้วปกติตรงนั้นมันล็อกอยู่นี่นะ”
สำหรับที่เคียวนิชิ ดาดฟ้าของอาคารเรียนเหนือและใต้จะถูกปิดเอาไว้ทั้งสองแห่ง และการจะไปตรงทางเข้าได้ก็จำเป็นต้องใช้บันไดหนีไฟ แต่หากอยากเข้าไปข้างในก็จำเป็นต้องปลดล็อกประตู
“แต่ทำไมถึงเป็นสภานักเรียนล่ะ ตามปกติแล้วกุญแจมักจะอยู่ในห้องพักครูนิ”
“ตามข้อมูลแล้ว ดูเหมือนว่าห้องเก็บของบนชั้นดาดฟ้าจะอยู่ภายในอำนาจสภานักเรียน ด้วยเหตุผลนี้ก็เลยดูเหมือนว่าสภานักเรียนจะเป็นคนเก็บกุญแจเอาไว้เอง”
ระหว่าง ‘อีเวนต์สารภาพรัก’ ผมได้แอบเข้าไปในช่วงเวลาที่ประตูถูกปลดล็อก นั่นเป็นเพราะสภานักเรียนได้ทำการขนย้ายข้าวของจากตรงนั้น นั่นคือข้อมูลที่ผมได้รับ
และอีกอย่าง หากมีเหตุผลที่ดีพอเราก็สามารถไปขอยืมกุญแจมาจากห้องพักครูได้ แต่เนื่องจากไม่มีทางที่นักเรียนทั่วไปจะมีเหตุผลเช่นนั้น มันจึงถือว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับ
“ตรงชั้นดาดฟ้าน่ะถือเป็นหนึ่งใน ‘จุดอีเวนต์วัยรุ่น’ ที่ดีที่สุดของโรงเรียน ดังนั้นฉันจึงอยากจะเข้าถึงมันมาก อย่างน้อยๆ ฉันก็อยากจะรู้เรื่องการจัดการกุญแจเอาไว้”
“…ข้อมูลแบบนั้นมันจะหาได้ง่ายๆ เหรอ”
อุเอโนะฮาระบ่นอุบด้วยความสงสัย
“ฉันมีแผนคร่าวๆ เอาไว้แล้วละนะ…อ๊ะ เดี๋ยวนะ มีการขยับด้วย”
ผมสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในห้องผ่านกระจกฝ้าตรงประตู
และเมื่อตรวจดูนาฬิกา ผมก็พบว่ามันถึงเวลาเดินตรวจการล็อคกุญแจประตูพอดี
“ว่าแต่เป็นรุ่นพี่คนไหนล่ะ ใช่คนที่อยู่ในบันทึกมิตรภาพของนายนั่นหรือเปล่า”
“ใช่แล้ว เป็นนักเรียนปี 2 ที่รับหน้าที่ฝ่ายธุรการทั่วไปและตรวจสอบบัญชีพร้อมกันน่ะ แต่นั่นก็เป็นแค่ข้อมูลพื้นฐาน อันที่จริงแล้วการหาข้อมูลของเขาให้ได้ก็เป็นจุดประสงค์รองด้วย”
“…ใช่หนึ่งในตัวเลือกตัวละครหลักของนายไหม”
“โอ๊ะ เฉียบดีนี่ ใช่แล้วล่ะ”
ผมตอบพร้อมกับพยักหน้า
“ ‘นางเอกรุ่นพี่’ เป็นบทบาทที่มีความสำคัญในเลิฟคอมเมดี้ทุกเรื่อง ถึงตอนนี้แค่เก็บข้อมูลนักเรียนชั้นปีเดียวก็งานล้นเต็มมือ แต่ฉันก็ยังไม่ลืมที่จะหาข่าวลือ โดยเป้าหมายก็คือสาวสวยที่มีความดังอยู่ในระดับแนวหน้าแม้แต่ในหมู่นักเรียนชั้นปี 2 ด้วยกัน”
“เฮ้อ แล้วเขาเป็นคนยังไงล่ะ”
“เป็นคนที่มีบรรยากาศแบบพี่สาวใจดีน่ะ ส่วนภาพลักษณ์จะดูก้ำกึ่งหน่อยๆ ระหว่างสวยกับน่ารัก นอกจากนี้ร่างกายของเขาก็ยังดูนุ่มนิ่มเหมือนมาชเมลโลว์จนอยากจะเข้าไปให้โอ๋ด้วย”
“อื้ม ขยะแขยงไปทั้งสามัญสำนึกเลยนี่”
“ไม่มีใครไม่อยากโดนตัวละครที่อายุมากกว่าโอ๋หรอก!”
ซีรีส์อยากโดนโอ๋นับว่าเป็นซี่รีส์ที่ร้อนแรงในช่วงนี้เลยนะ! อ้อ แล้วถึงจะอายุน้อยแต่ถ้าดูแก่กว่าก็ไม่เป็นไร เพราะมันมีแม้กระทั่งคำที่เรียกว่าคุณแม่โลลิ
“เอาเถอะ ตอนนี้ก็ยังอยู่ในขึ้นตอนการตรวจสอบนั่นแหละ ยังไงสิ่งที่อยู่ข้างในมันก็สำคัญกว่าภายนอก ไม่ต้องห่วงไป ฉันไม่ปล่อยให้ความรู้สึกส่วนตัวเข้ามารบกวนจนกว่าจะคะแนนของใครบางคนอย่างเป็นกลางหรอก”
“อื้ม คราวนี้ทั้งไร้สาระทั้งน่าขยะแขยงเลยล่ะ”
“นี่เธอก็แค่อยากพูดคำว่าน่าขยะแขยงเท่านั้นใช่ไหม!?”
ขณะที่กำลังทะเลาะกันตามปกติ ประตูด้านข้างก็ได้เปิดออกด้วยเสียงดังแอ้ด นักเรียนหญิงคนหนึ่งได้ปรากฏตัวออกมาจากที่ตรงนั้น
ผมดำยาวจนถึงหลัง ลักษณะดูเป็นผู้ใหญ่และมีระเบียบ นอกจากนี้สีของเนคไทยังเป็นสีแดงซึ่งหมายถึงนักเรียนชั้นปีที่ 2
อื้ม ไม่ผิดแน่ เป้าหมายล่ะ
“เอ้า ฉันจะไปแล้วนะ ถ้าอยู่ตรงนี้น่าจะไม่โดนเห็นหรอก เพราะงั้นอยู่ดูเงียบๆ เข้าไว้ล่ะ”
ผมสูดหายใจเข้าเล็กน้อย และเริ่มเดินพร้อมกับเหลือบมองอุเอโนะฮาระที่นิ่งเงียบ
ผมค่อยๆ เดินไปยังห้องสภานักเรียนขณะที่มองนู่นนี่ไปเรื่อย ราวกับกำลังมองหาอะไรรอบๆ
เป้าหมายได้สังเกตเห็นและทักเรียกผม
“—มีธุระอะไรกับห้องประชุมสภานักเรียนเหรอจ๊ะ น้องปี 1”
เสียงแหบที่เข้ากันได้ดี
เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงของเธอแบบนี้ น้ำเสียงนั้นชัดกว่าที่ผมคิดเอาไว้
“เอ๊ะ คือว่า…”
ผมแสร้งทำเป็นนักเรียนใหม่ที่สับสนเมื่อถูกรุ่นพี่ทัก และตอบกลับไปอย่างเหนียมอาย
“ขอโทษนะครับ คือว่ารุ่นพี่ฮิโนะฮารุอยู่ที่ห้องสภานักเรียนนี้หรือเปล่าครับ”
ผมถามโดยแสร้งทำเป็นไม่รู้
แน่นอนว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของผมก็คือรุ่นพี่ ฮิโนะฮารุ ซาจิ คนนั้น
“อ๊า” ตาที่หย่อนยานของรุ่นพี่เปิดกว้างขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม สีหน้าของเธอทำให้นึกถึงพี่สาวที่มีบรรยากาศสบายๆ
“ฮิโนะฮารุคือฉันเอง มีอะไรให้ช่วยเหรอจ๊ะ”
“เอ๊ะ งั้นเหรอครับ คือว่าที่จริงแล้ว…”
ผมหยิบเอกสารที่เตรียมเอาไว้ล่วงหน้า
“นี่ครับ รายชื่อของตัวแทนห้องเรียนเรา พอผมถามคุณครู เขาก็บอกว่ารุ่นพี่เป็นคนรับเก็บ และให้เอามาส่งกับรุ่นพี่โดยตรงน่ะครับ”
ด้วยเหตุนี้ผมจึงยื่นเอกสารให้กับรุ่นพี่ ผมใช้งานของหัวหน้าห้องเป็นข้ออ้างเพื่อสร้างโอกาสให้เข้าไปพูดคุยกับเธอได้
อนึ่ง ข้อมูลที่รุ่นพี่ฮิโนะฮารุเป็นคนรับผิดชอบเรื่องคณะกรรมการนั้นเป็นความจริง แต่ตรงส่วนที่ให้ส่งมอบกับเธอโดยตรงมันเป็นเรื่องหลอกลวง แต่อย่างไรก็ดี ข้อมูลมันก็ถูกส่งถึงมือรุ่นพี่อยู่ดี เพราะงั้นจึงไม่เป็นไร
โอ๊ะ รุ่นพี่เอียงหัวด้วยใบหน้างุนงง
“อันที่จริงไม่ต้องเอามาส่งโดยตรงก็ได้นะ… เธอไปได้ยินมาจากไหนเหรอจ้ะ”
อุ๊… ดันไปจี้ตรงส่วนนั้นซะได้
“อะ…เอ่อ จากห้องพักครูครับ”
“ครูคนไหนจ๊ะ”
“…เอ่อ ขอโทษครับ ผมจำชื่อคุณครูไม่ได้”
“อ๊ะ เข้าใจแล้ว เธอเพิ่งเข้าเรียนใหม่สินะ”
โทษจ้าๆ รุ่นพี่ยิ้มอย่างนุ่มนวลอีกครั้ง
ฟู่ เป็นปฏิกิริยาที่คาดไม่ถึงเลยแฮะ เราเลี่ยงคำถามได้ดีพอหรือเปล่านะ… จะว่าไปแล้วเธอเป็นคนที่ใส่ใจรายละเอียดยิ่งกว่าที่คิดไว้
“อื้ม งั้นเดี๋ยวฉันรับไว้เองนะ ขอบคุณมากที่เอามาส่งให้นะคะ”
“…อ๊ะ ครับ ขอความกรุณาด้วยครับ”
“นี่ก็เย็นมากแล้ว กลับบ้านกลับช่องระวังตัวด้วยนะจ๊ะ”
“อ๊ะ รุ่นพี่”
ผมยั้งรุ่นพี่ฮิโนะฮารุที่กำลังจะจากไป
นี่แหละจุดเริ่มต้นที่แท้จริง มาตั้งสมาธิกัน
“รุ่นพี่กำลังจะไปเดินตรวจรอบโรงเรียนเหรอครับ”
“ใช่แล้ว… มีธุระอะไรงั้นเหรอจ๊ะ”
รุ่นพี่หันมามองหน้าผมแล้วก็ตอบ
“เอ่อ มันอาจจะดูต่างกันคนละเรื่องไปหน่อย แต่ผมมีเรื่องที่ติดใจอยู่น่ะครับ…”
ผมถอนหายใจและเริ่มพูดออกมา
“ที่โรงเรียนเรา… ดาดฟ้าขึ้นไปไม่ได้ใช่ไหมครับ”
“ดาดฟ้า? ใช่แล้วจ้ะ มันถูกล็อกเอาไว้เพราะไม่มีรั้วกั้นแล้วก็อันตรายน่ะ”
“ใช่จริงด้วยสินะครับ คือว่าที่จริงแล้วเมื่อกี้นี้ผมเห็นเงาที่เหมือนกับร่างของคน…”
“เอ๊ะ? จริงเหรอจ๊ะ”
รุ่นพี่ฮิโนะฮารุดูประหลาดใจและหันร่างกลับมาทั้งตัว
…เยี่ยม งับเบ็ดแล้ว
“แต่ก็แค่แป๊บเดียวนะครับ ผมก็เลยไม่รู้ว่ามีใครอยู่ที่นั่นจริงๆ ไหม…”
“อาคารเรียนไหน”
“อาคารเรียนใต้น่ะครับ ตอนเดินอยู่ตรงทางเชื่อมผมเหลือบไปเห็นเข้า”
ความจริงแล้วเงาที่เห็นนั้นเป็นแค่การบลัฟ นี่เป็นย่างก้าวแรกเท่านั้นสำหรับหัวข้อที่ผมจะพูดต่อในอนาคต
อืม… รุ่นพี่เอามือข้างหนึ่งประคองแขนไว้และทำหน้าครุ่นคิด ในขณะนั้นมวลของหน้าอกที่อยู่ข้างใต้เครื่องแบบหนาๆ ก็ได้เพิ่มพูนขึ้น
หือ? ปริมาณแบบนี้… บางทีแล้วมันอาจจะมากกว่าของคุณคิโยซาโตะด้วยซ้ำ
อึก นี่มันไม่ใช่เวลาจะมากลืนน้ำลายนะ ใจเย็นเข้าไว้หนุ่มน้อย โฟกัสกับเรื่องตรงหน้านี้เข้าไว้ แต่เดี๋ยวเราค่อยจดบันทึกมันเข้าไปทีหลัง
ผมพูดต่อด้วยใบหน้าแบบนักเรียนดีเด่นคนหนึ่ง
“ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นคนน่าสงสัยก็ได้นะครับ ผมควรจะไปบอกคุณครูเอาไว้ไหม”
“…อ๊ะ ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวตอนเดินตรวจห้องเรียนฉันไปเช็กดูเองจ้ะ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องก็ได้”
“คนที่เกี่ยวข้อง?”
“ใช่แล้ว ตามปกติคนที่อยู่ในสภานักเรียนจะเข้าไปตรงนั้นได้หมดน่ะ”
แจ๋ว ข่าวลือเป็นความจริงสินะ!
ผมกำหมัดในใจและเหลือไปมองอุเอโนะฮาระแวบหนึ่ง เห็นปะ นี่แหละตัวอย่าง
จะว่าไปแล้ว เธอยอมบอกเราค่อนข้างง่ายเลยนะ… อยากรู้จังว่าจะไปต่อได้ไหม
“เอ๊ะ เหรอครับ? ตามปกติกุญแจมันไม่ได้อยู่ที่ห้องพักครูเหรอครับ”
“ตรงดาดฟ้ามันมีห้องเก็บของของสภานักเรียนอยู่น่ะ มีไว้เก็บพวกเอกสารกับอุปกรณ์เก่า เพราะงั้นเราก็เลยเหลือกุญแจสำรอง 1 ดอกเอาไว้กับห้องสภานักเรียนน่ะ”
“โฮ่ แบบนี้แสดงว่าใครก็ตามที่สังกัดกับสภานักเรียนก็ใช้ได้หมดสินะครับ”
“ใช่แล้ว แต่มันก็ต้องเปิดตู้เซฟนะ ดังนั้นจะต้องได้รับอนุญาตจากผู้รับผิดชอบก่อน…”
ของสำคัญอย่างกุญแจก็ต้องเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัย เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลดี
ว่าแต่แบบนี้ดูจะเอามาง่ายว่าในห้องพักครูอีกนะเนี่ย เทียบกับคุณครูแล้วนักเรียนน่ะหลอกง่าย—อะแฮ่ม เข้าใจอะไรง่ายกว่า เมื่อกี้ผมแค่คิดเฉยๆ น่ะ
เรื่องกุญแจคงพอได้แล้วมั้ง… แต่ในขณะที่ผมกำลังจะจบการสนทนานั้น
จู่ๆ รุ่นพี่ฮิโนะฮารุก็ทำท่าทางแปลกๆ และจ้องเข้ามาที่ดวงตาผม
“—นี่ ทำไมเธอถึงสนใจรายละเอียดนักล่ะ”
ตึกตัก หัวใจของผมเต้นรัว
แย่แล้วสิ
หรือว่าเราจะซักไซ้มากไปหน่อย
“เอ่อ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรพิเศษหรอกครับ คือผมก็แค่สงสัยเฉยๆ”
“แค่สงสัย? แต่จากที่เห็น คำถามของเธอมันเจาะจงเกินกว่าจะแค่สงสัยเฉยๆ ไม่ใช่เหรอ”
รุ่นพี่ยังคงทำหน้าไม่ไว้วางใจ
บ๊ะ…แย่แล้ว! Emergency! ถ้าเกิดเป็นแบบนี้ได้เป็นแบบตอนอุเอโนะฮาระแน่!
ผมรีบใช้มาตรการรับมือฉุกเฉินที่เตรียมเอาไว้ล่วงหน้าก่อนที่จะเข้ามุม
“คือว่า! จะ…จริงๆ แล้วผมกำลังสนใจสภานักเรียนอยู่น่ะครับ!”
เมื่อได้ยินคำพูดกะทันหันของผม รุ่นพี่ฮิโนะฮารุก็กะพริบตาปริบด้วยใบหน้าอันว่างเปล่า
โธ่เว้ย ก็เพราะมันจะมีผลระยะยาวก็เลยไม่ค่อยอยากจะใช้วิธีนี้ไง แต่ก็ไม่มีทางเลือกแล้ว!
“เพราะแบบนี้ผมก็เลยอยากจะรู้อะไรไว้หลายๆ อย่างน่ะครับ ขออภัยที่ทำตัวเสียมารยาทไปนะครับ”
“…อะไรกัน เป็นงั้นเองเหรอเนี่ย ทำไมไม่บอกกันตั้งแต่แรกล่ะ”
ฟู่ว รุ่นพี่ลดการ์ดและหัวเราะเบาๆ อีกครั้ง
เอ่อ… รอดแล้วใช่ปะ
“งั้นเหรอ… นี่เธอสนใจสภานักเรียนนี่เอง นักเรียนปี 1 รอบนี้ดูจะไม่ค่อยสนใจเรา ฉันก็เลยคาดหวังไว้ต่ำเพราะนึกกว่าจะไม่มีใครมาเยี่ยมซะแล้ว… อื้ม เธอนี่มุ่งมั่นใช้ได้เลยนะ”
“ฮะๆๆ”
คือเอ่อ
ดูท่าเธอจะอารมณ์ดีแล้วสินะ ดูเหมือนว่าเราจะหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดไปได้แล้ว
—ต้องรีบถอยไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
“หลังจากเดินตรวจเสร็จฉันพอมีเวลาอยู่ มาคุยให้ละเอียดกันเถอะนะ ช่วยรอฉันสักหน่อยได้ไหมจ๊ะ”
“อ๊ะ คือว่า… ไม่ดีกว่าครับ ผมยังไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น…”
“น่าๆ ไม่ต้องอายไปหรอกนะ เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้ฟังทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้นเอง!”
จู่ๆ รุ่นพี่ก็ตื่นเต้นและโน้มตัวมาข้างหน้า จนผมสะดุ้งถอยไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว
ดะ…ดื้อดึงกว่าที่คิดไปแล้ว นี่เธอเป็นประเภทที่ดูอ่อนโยนแต่ข้างในก้าวร้าวใช่ไหม ว่าแล้วว่าภาพลักษณ์ภายนอกมันใช้ตัดสินอะไรไม่ได้!
“อ๊ะ หรือฉันควรตั้งเธอเป็นสมาชิกชั่วคราวดีล่ะ งานสภานักเรียนครั้งหน้ายังอยู่ระหว่างการวางแผนอยู่นะ ถ้าเกิดเธอเข้ามาดูโดยตรงฉันคิดว่าจะต้องเข้าใจมากขึ้นแน่ๆ เลยนะ”
“เอ๊ะ คือว่าตรงนั้น…”
“ติดกิจกรรมชมรมอะไรอยู่ไหม? เรียนพิเศษหรือเตรียมสอบอยู่ไหม? แล้วก็ก่อนอื่นช่วยบอกชื่อของเธอมาหน่อยได้ไหม?”
เดี๋ยวๆ นี่มันจะเร็วไปแล้ว!
แบบนี้จะทำตัวผิดธรรมชาตินิดหน่อยก็ช่างหัวมันแล้ว ต้องบังคับให้ยุติการสนทนานี้ให้ได้…!
“กะ…ก็อย่างที่บอกนั่นแหละครับ! ตอนนี้ผมก็แค่กำลังคิด”
“ไม่ได้ๆๆ แทนที่จะแค่คิดก็ต้องลงมือทำด้วยสิ ถ้าเกิดจะกังวลสู้เอาเวลามาเขียนหนังสือกับวอร์มเส้นเสียงดีกว่านะ อุตส่าห์มาถึงเคียวนิชิทั้งที จะปล่อยให้เวลาเสียไปเปล่าๆ โดยไม่ทำสิ่งที่ทำได้แค่เฉพาะที่นี่ทำไมกันล่ะ”
ความกระตือรือร้นสุดขั้วนั่นมันอะไร๊!? ไม่ได้ใกล้เคียงกับรูปลักษณ์ภายนอกเลยด้วยซ้ำ!
“ยิ่งเธอเป็นนักเรียนใหม่ก็ยิ่งต้องแสดงความกระตือรือร้นนะ สัตว์กินพืชไม่เป็นที่นิยมของนักเรียนหญิงหรอกรู้ไหม?”
“อุ๊…!”
กระตือรือร้นสิเฟ้ย! นี่กำลังกระตือรือร้นสุดขีดไปเลยนะ! เพื่อที่จะสร้างเลิฟคอมเมดี้ในชีวิตจริงให้เป็นจริงกันเลยนะ!
รุ่นพี่เหลือบดูนาฬิกาข้อมือตรงซ้ายมือ จากนั้นก็ถอนหายใจและพูดต่อ
“เห็นไหม นี่เราเสียเวลาทำแบบนี้กันไปเยอะแล้วนะ จากนี้เราจะได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้นแล้วใช่ไหม อย่าปล่อยให้เวลาเสียไปอย่างสูญเปล่ากันเลยนะ เนอะ?”
อ๊าโว้ยย! นี่จะเล่นกวนประสาทกันทุกคำเลยรึไงกันฟะ!
—ขอพูดอะไรสักคำหน่อยเถอะ และในขณะที่ผมกำลังจะเตรียมตัวอ้าปาก—
“—หัวหน้าห้อง คุณครูบอกให้นายรีบกลับไปเร็วๆ ได้แล้วนะ”
เสียงเรียบที่คุ้นๆ ก็ได้ดังมาจากด้านหลัง
ผมรู้สึกตัวและหันกลับมา
ที่ตรงนั้นมี ‘ผู้สมรู้ร่วมคิด’—อุเอโนะฮาระยืนอยู่ด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ตามปกติ
“เขาชักสงสัยแล้วนะว่าทำไมแค่ส่งรายชื่อเฉยๆ นายถึงได้ใช้เวลานานนัก นี่เธอยังเหลืองานพิมพ์เอกสารอยู่อีกไม่ใช่เหรอคะ”
อุเอโนะฮาระพูดถึง ‘ฉาก’ ในจินตนาการที่ไม่มีอยู่จริงออกมาได้อย่างง่ายดาย
นี่มันเรือกู้ชีพชัดๆ
ผมตัดสินใจรีบขึ้นไปหามันอย่างรวดเร็ว
“…ขอโทษนะครับ อันที่จริงแล้วผมยังมีงานอื่นอยู่อีกน่ะครับ”
“อะ…งั้นเหรอ โธ่ ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะ”
รุ่นพี่ทำหน้าราวกับรู้สึกตัวแล้ว พร้อมกับยิ้มต่อและก้าวถอยหลัง
ผมกลืนคำว่าไม่เห็นจะมีเวลาให้พูดเลยลงไป ก่อนจะก้าวออกจากสถานที่ด้วยการวิ่งเหยาะๆ
“อ๊ะ น้องปี 1! อย่างน้อยก็ช่วยบอกชื่อของเธอมาให้หน่อยสิ!”
“ขอโทษครับ แล้วเจอกันใหม่!”
ผมตะโกนขัดคำพูดของรุ่นพี่ แล้วไปเดินเข้าแถวข้างอุเอโนะฮาระซึ่งยืนอยู่ตรงหัวมุมทางเดิน
จากนั้นเราก็รีบเดินไปให้พ้นจากตรงนั้นไวๆ หลังจากผ่านพ้นสาตาผมก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
“…โทษทีนะ ฉันรอดแล้ว”
“ทั้งหมดก็เป็นเพราะนายไม่ยอมหยุดและล้วงลึกเกินไปนั่นแหละ”
อุเอโนะฮาระบ่นด้วยใบหน้าแบบหน่ายจิตหน่ายใจ
ตอนนี้ผมรู้สึกว่าท่าทางปกติแบบนี้เป็นสิ่งที่น่าพึ่งพิง…
“ถ้าเกิดเป็นแบบนี้ตลอด เธออาจจะได้รับการประเมินให้เป็นนางเอกแรงก์ S ก็ได้”
“…ดูเหมือนว่าตอนนี้เราควรจะมุ่งเน้นไปที่การเก็บข้อมูลเท่านั้นสินะ อื้ม”
ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญมาก ข้อมูลคือชีวิต