[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก - ตอนที่ 15 Chapter 4 เทพธิดาแห่งสงคราม Part 2
Part 2
ป้อมเบิร์กที่ถูกล้อมด้วยถิ่นทุรกันดาร หมู่บ้านที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างออกไปโดยใช้เวลาหนึ่งวัน และสองวันหากขี่ม้าเป็นเมืองชายแดนลิงซ์
แม้ว่าจะกล่าวกันว่าเป็นแนวหน้าทางใต้แต่สองประเทศของราชอาณาจักรลิชไทน์ซึ่งใช้ระบบทาสและทหาจักรวรรดิแกรนท์ไม่ได้มีการปะทะกันหลายปีแล้ว และอาจกล่าวได้ว่าความสัมพันธ์นั้นค่อนข้างดี ดังนั้น แม้ว่าป้อมปราการเบิร์กจะได้รับการดูแลอย่างดี แต่ก็ถึงขนาดนั้นและมันไม่เหมาะกับศึกระยะยาว
บนเนินเขาเล็กๆที่ห่างไกลจากป้อมปราการดังกล่าว กองทัพลิชไทน์ประจำการอยู่ที่นั่น มีบรรยากาศสบายๆในอากาศที่ทำให้ยากที่จะเชื่อว่าเป็นช่วงสงคราม แม้ว่ายามบางคนจะยืนอยู่ แต่ส่วนใหญ่ก็นั่งอยู่บนพื้นและสนุกไปกับการเล่นเสียมากกว่า
ฝ่ายตรงข้ามมีเพียงสามพันคน และกองทัพของแกรนท์ก็ถูกจำกัดอยู่ในป้อมปราการที่เปราะบางซึ่งจะพังทลายลงหากถูกโจมตี บางทีมันอาจเป็นเรื่องธรรมดาที่อีกฝ่ายจะคิดว่าชนะแล้ว
ม้าตัวหนึ่งควบม้าผ่านก๊งเหล้า คนบนม้ามีผ้าสีแดงพันรอบแขนซึ่งเป็นหลักฐานของผู้ส่งสาร
ผู้ส่งสารกระโดดลงจากม้าหน้าเต็นท์เพื่อเข้าหาผู้บัญชาการการและรีบไปที่ทางเข้า
“ให้ชั้นผ่านไปเร็วเข้า นี่เป็นเหตุฉุกเฉิน!”
“ไม่ แม้จะเป็นคนคุ้นเคย แต่ก็ยังได้รับการตรวจสอบร่างกายก่อน”
ทหารสองคนยืนอยู่ตรงหน้าผู้ส่งสาร ผู้ส่งสารพูดประมาณ “ไม่มีเวลามาคุยเรื่องไร้สาระแล้ว เกิดเหตุร้ายแรงขึ้น”
ทหารสองคนที่เฝ้ามองต่างสับสนกับคำพูดของผู้ส่งสาร
“เข้าใจอยู่หรอก แต่อย่าบอกพวกเขาล่ะว่าชั้นผ่อนปรนให้.”
ทหารยามยักไหล่และหันตัวไปด้านข้าง ผู้ส่งสารกระโดดเข้าไปในเต็นท์ทันที
มีคนหลายคนอยู่ด้านใน ทุกคนมองผู้ส่งสารอย่างสงสัย โดยปกติเขาจะถูกไล่ออกไป แต่อาจเป็นเพราะเขารีบ ผู้ส่งสารจึงอ้าปากอย่างไม่อาย
“กองกำลังสามพันนายถูกกวาดล้าง แม้ว่าจะพยายามอย่างหนัก แต่ก็ถูกทำลายล้างจนสิ้น!”
สถานที่นั้นเต็มไปด้วยข้อมูลที่ผู้ส่งสารนำมา
“หุบปาก”
เสียงตะโกนดังก้อง ด้วยเสียงนั้นเพียงเสียงเดียวก็ทำให้สถานที่สงบนิ่ง
เรย์ฮิลล์ เลแมร์ ลิชไทน์ เขาเป็นทายาทและลำดับต่อไปของตระกูลลิชไทน์
“เกิดอะไรขึ้นกับอาวุธภูติที่พี่ชายโง่เง่าของข้าครอบครองกัน?”
เขากังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับอาวุธภูติมากกว่า ไม่มีภูติในราชอาณาจักรลิชไทน์ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถหาหินภูติได้ ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะซื้อนั้นด้วยเงินจำนวนมหาศาล
“บางทีอาจจะไปอยู่ในมือของเจ้าหญิงลำดับที่หก.”
“แบบนั้นแย่แล้วไงไอ้บ้าเอ้ย.”
แม้ว่าจะฝึกฝนร่างกายมาอย่างดีแต่สมองมีปมด้อย แต่เรย์ฮิลล์ก็ไม่คาดหวังว่าน้องชายตัวน้อยจะแพ้ด้วยการนำทัพทหารสามพันนาย ตามข้อมูลที่นำมาให้เขาเจ้าหญิงลำดับที่หกสามารถจัดการศัตรูที่มากกว่าหลายพันคน เป็นไปได้ไหมว่าโดนกับดัก
เรย์ฮิลล์จ้องมองแหล่งที่มาของผู้สงสาร
“นี่อะไรน่ะ มีอะไรจะพูดกับข้างั้นเหรอ?”
“ก็เห็นบอกว่าสามพันคนมันเพียงพอที่จะจับตัวเธอได้ ซึ่งมันมีทหารเพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้นที่ปกป้องเธอ!”
“แต่ว่านี่ไม่ได้รายงานข้อมูลเท็จให้นะครับ?”
เจตนาฆ่าพุ่งออกมาอย่างชัดเจน เรย์ฮิลล์ถอยห่างจากแรงกดดันตรงหน้า
“ไม่ ไม่ได้จะพูดแบบนั้น มันต้องมีอะไรผิดพลาด…”
“ก็บอกไปแล้วว่าอย่าประเมินดาบภูติวิญญาณแปลกไปและยังไม่ได้รับการจัดการที่ดี แต่จักรพรรดิเพลิงก็สามารถสังหารศัตรูได้หลายพันตัว.”
“จะหมายความว่าเธอเชี่ยวชาญมันแล้วเหรอ”
เรย์ฮิลล์ถาม และชายสวมหมวกกับส่ายหัว
“ไม่คิดว่าเป็นแบบนั้นครับ แต่มีบางอย่างที่ต้องกังวล”
ชายสวมฮู้ดคิดถึงสถานการณ์และเรย์ฮิลล์ก็นั่งลงบนเก้าอี้ของเขา แผนการคือการจับตัวเจ้าหญิงลำดับที่หกและส่งมอบให้กับเขา หลังจากนั้นสิ่งที่พวกเขาต้องทำคือรักษาความปลอดภัยของทาสในดินแดนของมาร์เกรฟกรินด้า
(นี่ข้าควรจะรับดีลนี้ดีไหม?)
เขารู้จักชายสวมฮู้ดคนนี้มานานและได้แลกเปลี่ยนจดหมายกันสองสามฉบับ เมื่อไม่นานมานี้เขาส่งจดหมายมาว่า “ถ้าจับเจ้าหญิงลำดับที่หกได้ จะให้เหรียญทองแกรนท์จำนวนหนึ่งร้อยเหรียญและอาวุธภูติสองชิ้นเป็นรางวัล” แน่นอนว่าเขาปฏิเสธเพราะเขาไม่ไว้วางใจ
อย่างไรก็ตาม หลังจากคำขอซ้ำแล้วซ้ำเล่าและจ่ายเงินล่วงหน้าสำหรับอาวุธภูติหนึ่งชื้น เรย์ฮิลล์ก็เกลี้ยกล่อมให้พ่อที่ไม่ค่อยเต็มใจรวบรวมกองทัพ
(เหนือสิ่งอื่นใดมันน่าดึงดูดใจที่จะบอกว่ากองทัพจักรวรรดิที่สี่จะไม่เคลื่อนไหว.)
นอกจากนี้ยังเขียนขึ้นเพื่อระบุว่าไม่ว่าพวกเขาจะอาละวาดในดินแดนของมาร์เกรฟกรินด้ามากแค่ไหน มหาจักรวรรดิแกรนท์ จะไม่ตอบโต้อาณาจักรลิชไทน์
(ถ้าเราต้องถอยในตอนนี้ มันจะทำให้ฝั่งเราดูไม่ค่อยดีเสียด้วย.)
หลังจากตัดสินใจแล้ว เรย์ฮิลล์ก็หันไปหาชายสวมผ้าคลุม
“เจ้าหญิงลำดับที่หกไม่ใช้พลังของดาบภูติจักรพรรดิเพลิงจริงๆเหรอ?”
“ใช่ เธอไม่ได้ใช้ ชั้นค่อนข้างมั่นใจ.”
ชายในฮู้ดพยักหน้าเรย์ฮิลล์ยืนยัน
“ดังนั้นกองทัพจักรวรรดิที่สี่เองก็จะไม่เคลื่อนไหวเช่นกันใช่ไหม?”
“นี่ไม่เชื่อมั่นกับคำพูดของชั้นเหรอ?”
ชายสวมผ้าคลุมหัวเราะลั่น เรย์ฮิลล์ถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด
“แน่นอน ไม่เพียงแต่เราจะเสียทหารสามพันนาย แต่เรายังเสียอาวุธภูติด้วย!”
“ถ้างั้นชั้นมีอะไรจะบอก.”
ชายสวมผ้าคลุมยักไหล่หยิบอาวุธจากด้านหลังเสื้อคลุมของเขาและวางไว้บนโต๊ะ มันเป็นอาวุธภูติที่ประดับไปด้วยทองคำและเงิน
“ถ้าจับเจ้าหญิงลำดับที่หกได้ จะเพิ่มให้อีกหนึ่งอัน และจะให้เหรียญทองเพิ่มอีกสองร้อยเหรียญ.”
เรย์ฮิลล์แข็งทื่อกับรางวัลที่ดูไร้เหตุผลเกินไป จากนั้นมือของชายสวมผ้าคลุมก็ยื่นมาข้างหน้า
“นอกจากนั้นรับสิ่งนี้ไปด้วยสิ”
ชายสวมผ้าคลุมนำลูกแก้วลูกหนึ่งมาอยู่ในมือ
“มันคืออะไร?”
“ดื่มมันเข้าไป มันเป็นพลังแห่งปาฏิหารย์ที่จะช่วยปลดล็อคพลังภูติและอาวุธภูติให้.”
ไม่เคยได้ยินเรื่องราวแบบนี้มาก่อน เรย์ฮิลล์เอียงคอด้วยความสงสัยขณะรับลูกบอลทรงกลมข้างเม็ดถั่ว
“ไม่ใช่ยาพิษใช่ไหม?”
ชายสวมผ้าคลุมหัวเราะเยาะเมื่อมองเขาอย่างสงสัย
“คิดซะว่ามันเป็นยาก็แล้วกัน ถ้าไม่ไว้ใจกันก็เชิญทิ้งมันไปได้เลย”
เรย์ฮิลล์มองไปที่อาวุธภูติบนโต๊ะแล้วยกขอบปากขึ้น
“ข้าจะเชื่อเจ้า.”
เขาโยนลูกบอลที่เหมือนกับเม็ดถั่วเข้าไปในท้อง จากนั้นก็มองมาที่ร่างกายของตัวเอง
“‘มันได้ผลจริงๆเหรอ?”
“มันใช้เวลาประมาณสามวันก่อนที่มันจะแสดงผล.”
“หืมงั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นข้าควรจะบุกป้อมเบิร์กในสามวันให้หลังเหรอ?”
“ใช่ ตอนนั้นแหละดีเลย.”
ชายสวมชุดคลุมพยักหน้าและลุกขึ้น
“ถ้างั้นชั้นขอตัวก่อน”
ก่อนที่จะออกจากเต็นท์ชายสวมผ้าคลุมหันกลับมาหนึ่งครั้ง
“ถ้าทำให้ข้าผิดหวัง คงรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไร?”
เมื่อเรย์ฮิลล์จ้องมองไปที่ดางเข้าก็อ้าปากค้าง
ป.ล.วันนี้รู้สึกเฟลนิดหน่อยทะเลาะกับคนในครอบครัวเพราะเรื่องสมัคงงาน เลยไม่มีอารมณ์จะแปลเท่าไรครับ