[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก - ตอนที่ 45 Volume 2 Chapter 5 แผนการของเทพแห่งสงคราม Part 2
- Home
- [LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก
- ตอนที่ 45 Volume 2 Chapter 5 แผนการของเทพแห่งสงคราม Part 2
Part 2
“ชั้นอยากให้นายฆ่านายพลไคโลและผู้ติดตามของเขาที่จะขึ้นนำทัพแนวหน้าในวันพรุ่งนี้ รายละเอียดระบุไว้ในกระดาษหมดแล้วรวมถึงเหล่าคนที่นายต้องฆ่า.”
“…..นี่เจ้าบ้าไปแล้วเรอะ.”
“ถ้าเป็นไปได้ อยากจะให้นายกวาดล้างหน่วยแนวหน้าทั้งหมด ในระหว่างนี้ชั้นต้องการให้พวกมันทั้งหมดตายไม่มีใครเหลือรอดเลยสักคน.”
“ข้าขอถามหน่อยได้ไหมว่าทำไม?”
“นายพลไคโลก่ออาชญากรรมสงครามากเกินไป นั่นแหละเหตุผล”
“…..อย่างที่ไล่เผาหมู่บ้างใกล้เคียงนี่น่ะเหรอ”
“รู้เรื่องนั้นด้วยเหรอ?”
ในรายงานของนายพลไคโลมีรายละเอียดเกี่ยวกับการปล้นหมู่บ้านใกล้เคียงและแม้แต่ชื่อกองกำลังที่พวกเขาไปกวาดเอารางวัลมา ดังนั้นเพื่อกำจัดพวกไร้สมองที่ละเมิดวินัยทางการทหารอย่างร้ายแรงของมหาจักรวรรดิ ฮิโระจึงสร้างกองกำลังแนวหน้าขึ้นมาด้วยทหารของพวกมันที่ไปฆ่าพวกชาวบ้านบริสุทธิ์และปล้นทรัพย์สินของพวกเขาให้พวกมันได้รับกรรมในสิ่งที่พวกมันได้กระทำ
“ข้าเป็นถึงผู้บัญชาการของกองทัพปลดแอค ก็รู้นี่ ข้อมูลข้ามีเยอะจะตายไป”
“ถ้าอย่างงั้นก็คุยกันง่ายหน่อย สำหรับชั้น――.”
ฮิโระยิ้ม แต่ดวงตาไม่ได้ยิ้มตาม ฮิโระพึมพำกับตัวเองด้วยความรู้สึกผิดที่กัดกินจิตใจเขา
“ชั้นน่ะไม่ให้อภัยใครก็ตามที่มันไปทำร้ายผู้บริสุทธิ์ไม่เกี่ยวข้องกับสงคราม”
ความเงียบปกคลุมสักครู่ ถอนหายใจออกมา กาด้าหยิบขวดเหล้ายกซดอีกรอบ
“ข้าคิดว่าเจ้าควรห่วงตัวเองดีกว่า เรื่องนี้ควรปล่อยให้คนอื่นจัดการ.”
“ถ้าทำได้ก็ทำไปแล้วล่ะ แต่กลัวว่าจะมีปัญหาถ้าชั้นเป็นคนลงมือทำด้วยตัวเอง.”
ตระกูลนิกเคิลของนายพลไคโลเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ทางใต้ หากฮิโระฆ่าหัวหน้าตระกูลคนปัจจุบันด้วยตัวเอง ก็มีความเสี่ยงที่ขุนนางทางใต้ทั้งหมดจะเป็นปฏิปักษ์กับเขา ฮิโระไม่อยากสร้างปัญหาที่ไม่จำเป็นขึ้นมา
“มันเป็นอุปสรรคงั้นเหรอที่ถ้าเจ้าลงโทษเขาและปล่อยให้เขามีชีวิตรอดเจ้าฆ่าด้วยมือตัวเอง? ดังนั้นเจ้าก็เลยจะปล่อยให้หมอนั่นตายในสนามรบ————เฮ้อ เจ้าจะโยนความผิดทั้งหมดให้นายพลไคโลใช่ไหม”
“อืมก็ประมาณนั้น”
สิ่งที่กาด้าพูดนั้นไม่ผิด แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด
สิ่งแรกที่ต้องทำคือนายพลไคโลแบกรับความผิดทั้งหมดสำหรับความล้มเหลวในการทำสงคราม ตำแหน่งของตระกูลนิกเคิลทางตอนใต้จะตกอยู่ในอันตรายเนื่องจากสูญเสียผู้นำ จากนั้นฮิโระสามารถยื่นมือเข้าช่วยเหลือและใช้พวกเขาเป็นหุ่นเชิด
“เพราะงั้นช่วยร่วมมือกับชั้นหน่อยได้ไหม?”
“…ก็ได้ ข้าจะทำให้แน่ใจว่าพวกนั้นจะต้องหัวหลุดออกจากบ่า”
ทันทีที่กาด้าบอกว่าพร้อมแล้ว เขาก็โยนขวดให้ฮิโระ
“ที่หลังเวลาขอร้องใคร เอาของดีๆมาให้เขากินสิฟะ”
กาด้านอนลงโดยโอบแขนของตัวเอง การสนทนาจบลงแล้ว ขณะที่ฮิโระกำลังจะออกจากเต็นท์ กาด้านึกอะไรบางอย่างออกและหันมาคุยกับเขา
“ข้าพยายามจะหลับโดยไม่คิดอะไร แต่เจ้าไม่มัดข้าไว้จะดีเหรอ?”
“เอาน่านอนพักรักษาตัวเองไปเถอะเก็บแรงไว้ให้พร้อมกับงานในวันพรุ่งนี้ อย่าคิดมาก.”
“ถ้างั้นก็ตามนั้น”
ฮิโระออกไปข้างนอกและบอกทหารที่่เฝ้า
“อย่าเข้าไปข้างในจนกว่าชั้นจะมาในตอนเช้า”
“ครับท่าน!”
ฮิโระกลับเต็นท์ของเขาระหว่างทางทหารราบเกราะเบาก็วิ่งเข้ามาหาเขา เขาทักทายฮิโระและคุกเข่าลง ลมหายใจหอบโรยริน
“พวกเราจับตัวหน่วยแทรกซึมฝ่ายศัตรูหมดแล้วครับท่าน”
“เข้าใจแล้วถ้างั้นช่วยพาตัวพวกมันมาที่เต็นท์ที”
“ฮ่ะ”
หลังจากมองทหารคนนั้นจากไป ฮิโระก็หยุดเดินและเงยหน้าขึ้น ดวงดาวส่องแสงบนท้องฟ้ายามค่ำคืนราวกับอัญมณี แสงจันทร์
“งดงามจริงๆ”
ฮิโระหายใจออกมาและยิ้มเล็กน้อย
“สิ่งนี้ไม่เคยเปลี่ยนไปแม้ว่าจะผ่านมาพันปีแล้ว”
หญิงสาวคนนั้นเคยพูดอย่างหลงใหลเกี่ยวกับท้องฟ้ายามค่ำคืน
――ท่ามกลางความสับสน ความฝันได้ก่อกำเนิดและความเป็นจริงที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสัน
เธอเป็นคนฉลาด เธอเป็นเทพธิดาที่คิดถึงผู้คนรอบข้างกายอยู่เสมอ
――แต่โลกที่เต็มไปด้วยการหลอกลวง และเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ไม่รู้ความจริงของโลกใบนี้
เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่เธอรักมากตอนนี้เป็นเผ่าที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในโลก ในบรรดาห้าเผ่าพันธุ์ ได้แก่ เผ่ามนุษย์ เผ่าหูยาว เผ่าคนแคระ เผ่าซลอร์ตต้า เผ่ามนูษย์สัตว์
นอกจากนี้ยังมีเผ่าพันธุ์ป่าเถื่อนอีกสามเผ่าพันธุ์ ในอเลเทีย มันถูกขนานนามว่า บาบาเรี่ยน สงครามที่เธอคร่ำครวญหวังให้มันจบดูท่าจะไม่สิ้นสุด
“มีราชันโง่เขลามากมายในโลกแห่งนี้ และสวรรค์เองก็คงอยู่ไม่เฉยหรอกใช่ไหม”
นั่นเป็นเหตุผลว่าแม้ตอนนี้มันจะเป็นประกายแสงเล็กๆ แต่เมื่อมันเปล่งประกายมันจะถูกส่งไปยังสรวงสวรรค์และ “เจ้าหญิงแห่งเปลวเพลิง” จะเป็นดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างชี้นำผู้คน ฮิโระยื่นมือไปบนท้องฟ้า ไม่นานดวงจันทร์ยามค่ำคืนก็ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหนาทึบ
“จนกว่าจะถึงวันนั้น จะคอยปกป้องจนไม่มีใครหาเธอเจอ”
ฮิโระในตอนนี้ยังมีพลังไม่มากพอที่จะทำเช่นนั้น เขาไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ด้วยกลยุทธ์ทางการทหาร เมื่อพันปีที่แล้วห้านายพลแห่งความมืดและกองทัพอีกาดำ
เขารายล้อมไปด้วยผู้มากพรสวรรค์ เขาสามารถฝ่าฟันความยากลำบากเหล่านั้นไปได้ อำนาจในตอนนั้นของตัวเขาที่แทบจะเอื้อมมือไปถึงสวรรค์ กลืนกินโลกใบนี้
“ชั้นจะต้องทำมันอีกครั้ง”
เวลาแห่งสวรรค์ สมดุลแห่งโลก ความสามัคคีของผู้คน ทุกอย่างขาดหายไป เมื่อเธอมีมันทั้งหมดแล้วเธอจะยิ่งใหญ่กว่าใคร
เช่นเดียวกับดวงจันทร์ที่เต็มดวงส่องแสงสว่างเฉิดฉายไปทั่วค่ำคืนที่มืดมิด มันปกคลุมสวรรค์เฉกเช่นเดียวกับดวงดารา เธอจะเป็นผู้ปกครองโลกใบนี้ ฮิโระหันไปมองยังเต็นท์ของลิซ
“ไม่นานหรอกในอนาคตนี้ แต่ตอนนี้ต้องสลัดความสัมพันธ์อันไม่จำเป็นทิ้งไป.”
ฮิโระหันหลังกลับชายเสื้อคลุมสีดำสยายในยามค่ำคืน เขากลับไปที่เต็นท์ซึ่งมีลมหนาวๆพัดผ่านราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังคำรามอยู่ด้านนอก
เมื่อรู้สึกได้ว่าอุณหภูมิลดลง ฮิโระจึงสวมฮู้ดและหวังว่าอากาศจะดีขึ้นเล็กน้อย จากนั้นชายคนหนึ่งก็เข้ามา เขาสวมชุดเกราะที่คล้ายกับชุดเกราะของกองทัพจักรวรรดิที่สี่แต่แตกต่างออกไปเล็กน้อยมันเป็นการเลียนแบบอย่างประณีต ถ้าเป็นตอนกลางวัน ใครๆก็คงสังเกตเห็นถึงความแปลกประหลาด แต่ตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะมองความแตกต่าง
“แกเป็นหน่วยข่าวกรองของราชอาณาจักรลิชไทน์ใช่ไหม?”
ชายคนนั้นไม่ตอบคำถามของฮิโระ แต่ทหารที่อยู่ข้างๆพยักหน้า เขาวางข้อศอกลงบนเก้าอี้และนั่งเท้าคาง ฮิโระสังเกตชายคนนั้นอย่างละเอียด สิ่งที่เขาอ่านออกคือความกล้าในการเผชิญกับความตาย ซึ่งดูชำนาญการมอง
“เท่าที่ดูแล้วคงภักดีต่อราชอาณาจักรลิชไทน์มากเลยสินะ?”
ฮิโระหยิบกระเป๋าจากกองบนโต๊ะทำงานของเขา เขาชูกระเป๋าใบหนึ่งขึ้นมาและแสดงให้ชายคนนั้นดู
“ในนี้มีเหรียญทองแกรนท์ สามารถใช้ชีวิตอยู่อย่างฟุ่มเฟือยได้เป็นเวลาสองปี.”
“…หมายความว่าไง?”
“ไม่ต้องห่วง ไม่ได้พยายามจะติดสินบนหรอกนะ แค่ต้องการตอบแทนในความภักดีของแกก็เท่านั้น”
ฮิโระขว้างถุงเงินโดนหน้าอกชายคนนั้น เหรียญจำนวนมากกระจายอยู่ตรงหน้า
“สามารถเอามันกลับไปได้และกลับไปรายงานนายพลของแกว่า ชั้นนับถือในหัวใจของเขา.”
รอยยิ้มของเขาขยายขึ้น ฮิโระลุกขึ้นจากเก้าอี้ เข้าหาสายลับและวางมือบนไหล่เขา
“นั่นไม่ได้หมายความว่าแกควรจะไปหรอกนะ และถ้าตอบใช่ ชั้นจะให้ข้อมูลบางอย่างแก่แกด้วย ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากกับการตรวจสอบตำแหน่งของกองทัพจักรวรรดิที่สี่ จะบอกทุกอย่างที่แกอยากรู้ให้เอง.”
“…วางแผนอะไรกันแน่?”
“จะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ ทำตามที่ใจแกปรารถนาเถอะ”
ฮิโระนั่งลงและลดเสียงต่ำลง
“พวกเราจะเปิดฉากจู่โจมกลางดึกเข้าหาพวกแก นั่นคือเหตุผลที่พวกเราเตรียมทหารอูฐหนึ่งพันห้าร้อยคนอยู่ด้านนอก นอกจากนี้กองทัพจักรวรรดิเหนื่อยกว่าที่พวกแกคิด ดังนั้นหากโจมตีในกลางคืน พวกเขาจะสู้ไม่ไหว นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเราหยุดพักเพื่อให้ดูเหมือนว่าอยู่ภายใต้การคุ้มกันอันเข้มงวด.”
ต่อหน้าสายลับที่ตกตะลึง ฮิโระหยิบเหรียญทองแกรนท์ทีละเหรียญและใส่มันเข้ากระเป๋า
“เมื่อกลับไปรายงาน อย่าได้บอกว่าชั้นเป็นคนบอก มิฉะนั้นจะทำให้แกโดนสงสัยได้ อ่า ถ้าต้องการสามารถเดินตรวจสอบค่ายได้ตามสบายเลย ด้วยวิธีนี้แกก็จะวางใจได้ว่าสิ่งที่ชั้นพูดนั้นเป็นความจริง.”
ยัดถุงเงินใส่กระเป๋าของสายลับฮิโระก็นั่งลงบนเก้าอี้ของเขา
“ปล่อยเขาไป”
ทหารต่างตกใจเมื่อได้ยินคำสั่งให้ปล่อยตัว
“แน่ใจเหรอครับท่าน? พวกเราควรฆ่าเขา…”
“ก็ไม่รังเกียจหรอกที่จะทำแบบนั้น แต่อย่าคิดว่าแม้ชั้นจะไม่เห็นแล้วพวกแกจะทำอะไรตามใจชอบได้ เพราะงั้นพาเขาออกไป”
“…..ครับท่าน”
ทหารคนนั้นก้มศีรษะพูดว่า “ตามข้ามา” และพาสายลับออกไป
ฮิโระนั่งเข้าไปในเก้าอี้และรอให้สายลับคนต่อไปเข้ามา
“คิดอะไรอยู่กันแน่?”
คนที่ปรากฏตัวขึ้นมาโดยไร้ซึ่งเสียงคือพลทหารชั้นสองดริกส์
ฮิโระมองด้วยความสงสัยเริ่มไม่แน่ใจว่าความสามารถในการซ่อนตัวของเขาเหมือนไม่ใช่ที่ปรึกษาทั่วไปและกลมกลืนกับที่มุมเต็นท์
นอกเหนือจากนี้ เขาภักดีจนเกินไป เขาทำสิ่งที่ฮิโระพูดโดยไม่สงสัย ความจริงที่ฮิโระเป็นทายาทของจักรพรรดิองค์ที่สองนั้นก็ดูจะเป็นข้อแก้ตัวที่มากเกินไป
อย่างไรก็ตาม ฮิโระตอบกลับโดยพยายามมไม่ให้รู้ว่าฮิโระสงสัยในตัวเขา
“มันยากเกินไปที่จะติดสินบนสายลับคนนั้น ดังนั้นก็เลยน่าละอายที่จะฆ่าเขา.”
“กระผมไม่คิดว่านั่นเป็นปัญหาในการฆ่าเขาเลยนะครับ พวกเรายังมีเหลืออีกตั้งสามคน”
“การลดจำนวนลงไม่ใช่สิ่งที่ดี ถ้ามาร์ควิสรังกิลล์เชื่อรายงานของพวกเขา ยิ่งมากเท่าไรมันก็น่าสนุกใช่ไหมล่ะ”
“ฟุมุ แต่ท่านจะทำอย่างไรให้พวกเขาเชื่อท่านเหรอครับ? มาร์ควิสรังกิลล์อาจจะเห็นเป็นโอกาสและบุกโจมตีก็ได้.”
“เรื่องนั้นเตรียมการไว้พร้อมแล้ว และต้องการให้พวกเขาเป็นฝ่ายบุกเข้ามา ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำคือฝากคำพูดเดียวๆกันให้กับเหล่าสายลับ อ่านั่นสินะ แต่————–จะมีผู้เสียสละเพียงหนึ่งเดียวที่ได้ข้อมูลไม่ตรงกับคนอื่น———ถ้าป้อนข้อมูลเดียวกันหมดอาจจะเจอจุดจบเดียวกันหมดเลยก็ได้”
มีการหยุดคิดชั่วครู่ ดริกส์ดูเหมือนจะมั่นใจ
“ดังนั้น เลยพยายามสร้างความสงสัยให้แก่มาร์ควิสรังกิลล์เหรอครับ?”
“หากมีความคลาดเคลื่อนในรายงานคนที่รายงานผิดก็จะพยายามยืนยันในสิ่งที่เขาพูดอย่างแน่นอน”
ฮิโระลูบผ้าปิดตาและมองไปที่ดริกส์
“แล้วถ้าเป็นนายจะคิดยังไงถ้ามีสามคนมีรายงานเช่นเดียวกันกับอีกคนที่ต่างออกไป?”
“…ก็สงสัยว่าเขาคนนั้นคงจะถูกฝ่ายศัตรูซื้อตัวไป.”
“และตรงนั้นแหละคือสิ่งสำคัญที่สุด”
ฮิโระหันไปหาถุงเงินเล็กๆสามถุงบนโต๊ะทำงานของเขา
“แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพบเหรียญทองในกระเป๋าของสปายเหล่านั้นกันล่ะ?”
“ถ้าเป็นผม จะตัดคอพวกมันทิ้งทันที แต่มีบางครั้งที่ต้องซ่อนสิ่งต่างๆเหนือสิ่งอื่นใด จะทำอย่างไรถ้าพวกเขาไปตัวเปล่า? พวกเขาสามารถโยนทิ้งระหว่างที่กลับค่ายไปก็ได้นะครับ.”
“เพราะแบบนั้นชั้นเลยทำให้พวกเขาหมกมุ่นเกี่ยวกับชีวิตของตนเอง คนที่พร้อมจะตายน่ะจะรู้สึกปลอดภัยเมื่อรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผู้คนทั่วโลกต่างคิดกันเป็นเรื่องปกติ การให้เหรียญทองกับพวกเขาจะทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพราะพวกเขาสามารถการันตีการมีชีวิตที่มั่นคง แถมเงินนั่นก็ไม่ใช่น้อยๆที่จะซ่อนและโยนทิ้งโดยไม่เสียดายหรอกนะ ดังนั้นพวกเขาก็ต้องพกติดตัวไปแน่นอน”
“เช่นเดียวกับสิ่งที่ตรงข้ามสินะครับ…”
“ถูกต้องแล้ว ผลลัพธ์ก็เหมือนกันไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม นอกจากนี้ ราชอาณาจักรลิชไทน์เองก็ใกล้ล่มสลาย แม้ว่าจะเอาชนะเราได้ แต่ก็ไม่มีความแน่นอนในอนาคตของพวกเขา ด้วยเหตุนี้พวกเขาไม่มีเหตุผลให้ต้องทิ้งเหรียญทอง เพราะนั่นคือหลักประกันในการใช้ชีวิตอย่างมั่นคง.”
“เข้าใจแล้วครับ…”
เขาอาจจะถามคำถาม แต่เขาจะไม่ปฏิเสธคำถามเหล่านั้น เขาได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากฮิโระและเก็บมันไว้ในสมองของเขา อาจกล่าวได้ว่าเป็นคนที่หมกมุ่นในการงานสุดๆ แต่นั่นดูเหมือนจะไม่ใช่เหตุผลเดียว
ฮิโระพึมพำกับดริกส์ที่กำลังก้มหน้าลงด้วยความไม่สบายใจ
“นายทหารชั้นสองดริกส์”
“มีอะไรหรือครับ?”
”――ช่วยพาคนถัดไปหามาชั้นได้ไหม?”
ไม่มีเวลาหรือหลักฐานมาจะตรวจสอบเขาที่นี่ ฮิโระคงต้องปล่อยให้เขามีอิสระจนกว่าจะถึงเวลา
“ครับท่าน”
“แล้วก็ช่วยขอให้ใครสักคนพาสวิฟเดรคมาให้ชั้นได้ไหม?”
“แน่นอนครับ”
ดริกส์กล่าวทักทายก่อนออกไป
(เดาว่าคงจะทำงานให้กับใครสักคน ไม่มีปัญหาตอนนี้ชั้นจะปล่อยเขาไปก่อน.)
ฮิโระถอนหายใจและวางตัวบนพนักพิง ขวัญกำลังใจของฝ่ายตรงข้ามถึงจุดต่ำสุด ในตอนกลางวัน ตอนนี้ต้องมีทหารที่หลบหนี ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือสร้างความกดดันให้ศัตรูที่ลังเลและลดจำนวนให้ได้มากที่สุด
สงครามจะจบลงเมื่อนายพลไคโลและผู้ติดตามของเขาถูกจัดการทิ้งทั้งหมดในการต่อสู้วันพรุ่งนี้
“ใช่ ชั้นเองก็ต้องส่งข้อความให้พวกเขาด้วย”
พวกเขาน่าจะอยู่ที่นี่แล้ว นี่คือแผนการที่เขาคิดไว้นานแล้วตั้งแต่มาที่นี่ ในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะได้เฉิดฉาย
“วาระสุดท้ายของพวกแก มาถึงแล้ว”
เขาลูบผ้าปิดตา ฮิโระมองไปที่ทางเข้าเต็นท์