[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก - ตอนที่ 30 Chapter 2 เจ้าชายทมิฬ Part 1
Chapter 2 เจ้าชายทมิฬ
Part 1
ห้องบัลลังก์ที่มีเพดานโค้งและพื้นหินออก——พรมแดงยื่นเป็นเส้นตรงผ่านตรงกลางห้องทางด้านซ้ายและขวา เสาเรียงรายไปที่บัลลังก์ และขุนนางมากมายเข้าแถวเพื่อเติบเต็มช่องว่าง นอกจากนี้ยังมีใบหน้าที่คุ้นเคยในหมู่พวกเขาคือเจ้าชายแซทโทเบล
ผู้ที่นั่งบนบัลลังก์ยังเด็กมากจนยากที่จะเชื่อว่าเขาอายุมากกว่าหกสิบปี และถัดจากเขาคืออธิการบดีกิลล์
ห้องบัลลังก์เต็มไปด้วยบรรยากาศที่หนักหน่วงจนทำให้คนธรรมดาต้องเป็นลม แต่ฮิโระเดินไปข้างหน้าบนพรมโดยไม่กลัว แกว่งชายเสื้อแบล็คคามิเลีย
“…เขาเป็นทายาทของจักรพรรดิองค์ที่สองจริงๆน่ะเหรอ?”
“ยังดูเด็กอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ถึงกระนั้น นั่นมันแบล็คคามิเลีย?”
“โอ่ว———–ชายหนุ่มคนนั้นมีสไตล์ของราชันจริงๆ?”
“ไม่มีความกดดันและไม่มีข้อบ่งชี้ว่าถูกครอบงำ ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้เขามั่นใจได้ขนาดนั้น เขาเป็นคนหยาบคาย หรือไม่รู้มารยาทกันแน่?”
เสียงกระซิบมากมายในหมู่ขุนนาง
ฮิโระหยุดห่างจักรพรรดิไม่ไกลและคุกเข่าลงแตะหน้าอกซ้ายด้วยมือขวา การเคลื่อนไหวนั้นไร้ที่ติทำให้ขอบชายเสื้อปลิวไสว
“――เริ่มได้”
จักรพรรดิกล่าวเช่นนั้นขณะมองลงมาที่ฮิโระด้วยดวงตาที่เหมือนกับหยก อธิการบดีก้าวไปข้างหน้าอย่างเคร่งขรึมและกางแผ่นกระดาษ
“เจ้าชายลำดับที่หนึ่งแซทโทเบล เจ้าชายลำดับที่สามบลูทาร์ โทษของพวกท่านได้ถูกตัดสินแล้ว ก้าวออกมาข้างหน้า.”
ร่างใหญ่ๆของเจ้าชายแซทโทเบลคุกเข่าทางด้านขวาของฮิโระและโค้งคำนับ ตามมาด้วยเจ้าชายคนลำดับที่สามบลูทาร์ ชายที่มีหัวโล้นและดวงตาชั่วร้ายคุกเข่าทางด้านซ้ายของฮิโระ
“เจ้าชายลำดับที่สามบลูทาร์ไม่มีความผิด.”
โอ้วววว เสียงร้องของขุนนางที่สนับสนุนเจ้าชายลำดับที่สามดังขึ้น
“ต่อไปเจ้าชายลำดับที่หนึ่งแซทโทเบล เนื่องจากประสบความสำเร็จในการนำทัพไปต่อสู้กับเฟลเซ็น แต่ว่าก็มีความผิด โทษคือถูกกักบริเวณอยู่ในบ้านเป็นเวลาสามเดือน.”
มีการถอนหายใจด้วยความโล่งอกของขุนนางที่สนับสนุนเจ้าชายแซทโทเบลที่ได้รับโทษสถานเบา
แม้แต่ฝ่ายตรงข้ามเจ้าชายบลูทาร์ก็ไม่บ่น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะโทษของบลูทาร์ก็ไม่มีเลย มีเพียงเสียงขุนนางพึมพำไม่ทราบฝ่าย
“น่าขันยิ่งนัก หมอนั่นพยายามฆ่าน้องสาวตัวเองเลยนะ!”
“เป็นเพราะเขาถือครองมิย็อลล์นีร์เหรอ?”
“เขาควรถูกลดลำดับการสืบทอดบัลลังก์และริบอำนาจจากกองทัพจักรวรรดิที่หนึ่ง.”
ท่ามกลางความไม่พอใจที่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ อธิการบดีกิลล์พูดต่อ
“หุบปาก ! พวกแกอยู่หน้าฝ่าบาทยังทำตัวหยาบคายแบบนี้ได้อีกเรอะ!”
ความเงียบปกคลุมทั่วบริเวณ แต่ความเกลียดชังและความโกรธที่สะสมไม่สามารถลบล้างได้
(เฮ้อ….คิดอะไรกันอยู่เนี่ยแบบนี้จะสร้างความบาดหมางมากขึ้นไปอีกนะ)
โทษของเจ้าชายทั้งสองนั้นไม่สมเหตุสมผล ไม่น่าแปลกใจที่เหล่าขุนนางต่างๆไม่พอใจ แต่ว่าจะสามารถกำจัดประกายไฟแห่งความเกลียดชังที่ถูกจุดขึ้นมาแล้วได้ในภายหลังจริงเหรอ
“ต่อมา ท่านฮิโระ จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายทหารชั้นสามสำหรับความสำเร็จของท่านในสงครามกับราชอาณาจักรลิชไทน์.”
ฮิโระคิดว่ามันเหมาะสม แต่คำพูดของอธิการบดีไม่ได้มีแค่นั้น
“นอกจากนี้ ตามพินัยกรรมของจักรพรรดิองค์แรก ได้รับการยอมรับให้เป็นเจ้าชายลำดับที่สี่แห่งราชวงศ์แกรนท์ และจะเป็นเจ้าชายลำดับที่ห้าในการชิงบัลลังก์ครั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความสำเร็จของท่านในอนาคต ว่าท่านทำผลงานได้มากน้อยเพียงใดในการเลื่อนตำแหน่งขึ้นครองบัลลังก์”
ฮิโระเกือบจะเงยหน้ากับคำตัดสินที่ไม่เคยมีมาก่อน เป็นเพราะเขาคิดว่าเขาจะได้รับเป็นหนึ่งในราชวงศ์และได้รับดินแดนเล็กๆน้อยๆ
ทั่วทั้งห้องต่างเงียบไม่มีใครพูด
ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง อธิการบดีก็ดึงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา กระดาษสีขาวที่ส่องแสงออกมา
“กระผมได้รับหลักฐานพิสูจน์จากมิโกะแห่งวิหารราชันภูติแล้วว่าเขาเป็นทายาทของจักรพรรดิองค์ที่สอง ตัวจริง เสียงจริง และยิ่งไปกว่านั้นแบล็คคามิเลียยังยอมให้เขาสวมใส่.”
สายตาของขุนนางต่างจับจ้องไปยังจดหมายของมิโกะวิหารราชันภูติกับตัวฮิโระ
“ท่านฮิโระ ต่อจากนี้ไปท่านจะเป็นที่รู้จักกันในนามของ ฮิโระ ชวาร์ตช ฟอน แกรนท์.”
ทันทีที่อธิการบดีปรบมือสองครั้งสาวใช้หลายคนปรากฏตัวขึ้นและกางธงขนาดใหญ่ ธงสีดำที่มีมังกรถือดาบสีน้ำเงิน
“ท่านได้รับอนุญาตให้ใช้ธงสัญลักษณ์ของจักรพรรดิองค์ที่สอง จงรับใช้เพื่อเป็นเกียรติแด่บรรพบุรุษของท่าน”
สิ่งของส่วนใหญ่ที่เป็นของเขาถูกส่งคืนกลับมาหมด ฮิโระได้แต่ยิ้ม
(ตาแก่เจ้าเล่ห์นี่…)
หากเจ้าชายถูกลิดรอนสิทธิในการสืบราชบัลลังก์หรือลดระดับขุนนางที่สนับสนุนเจ้าชายลำดับที่หนึ่งและสามอาจจะเกิดสงครามกลางเมือง อย่างไรก็ตามการลงโทษสถานเบา ที่ไม่คาดคิดทำให้เหล่าขุนนางไม่พอใจ นอกจากนี้ยังมีการถือกำเนิดของเจ้าชายองค์ใหม่ทำให้พวกเขาต้องสับสนไปตามๆกัน
สองทางเลือกที่เข้าไปในหัวของขุนนางในตอนนี้คือ สนับสนุนเจ้าชายคนใหม่ หรือ ควรรอดูสถานการณ์
เพราะเจ้าชายคนใหม่เป็นทายาทของ “เทพเจ้าแห่งสงคราม” หากพวกเขาเข้ากับฝ่ายนี้ พวกเขาจะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนจำนวนมาก
(ก็ดีคิดจะโยนภาระมาให้ทางนี้สินะ…)
ในเรื่องนี้ขุนนางที่ไม่มีฝ่ายที่ไม่พอใจกับการลงโทษในครั้งนี้จะสามารถเข้าหาฮิโระได้อย่างง่ายดายและเอาชนะเหล่าขุนนางทรงอำนาจทั้งหลายและควบคุมกลายเป็นสามขั้วอำนาจขนาดใหญ่ นั่นจะทำให้พวกเขาคิดแต่จะเอาชนะกัน โดยไม่มีการก่อกบฏเกิดขึ้น
(แต่ว่านี่ก็เป็นโอกาสดีสำหรับชั้น)
ในอนาคตคนทุกประเภทจะเข้ามาประจบประแจงเขาอยู่แล้ว
(ถ้างั้นทางฝั่งนี้เองก็จะขอใช้เป็นหมากตัวหนึ่งเหมือนกัน.)
ฮิโระยิ้มมุมปากด้วยความขบขัน
“ถ้างั้นมาจัดงานเลี้ยงฉลองกันต่อ ลอร์ดและขุนนางทุกท่านได้โปรดเพลิดเพลินอย่างเต็มที่”
หลังจากพูดเช่นนั้นอธิการบดีก็ออกจากห้องบัลลังก์พร้อมจักรพรรดิ
เจ้าชายลำดับที่หนึ่งและเจ้าชายลำดับที่สามก็ออกจากห้องบัลลังก์โดยมีข้ารับใช้ตามไป ในทางกลับกันเหล่าเมดและพ่อบ้านก็เข้ามาเพื่อเตรียมงานเลี้ยงฉลอง
จากนั้นออร่าก็เข้าหาฮิโระที่อยู่ตัวคนเดียว
“เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อนเหรอคะ…?”
ออร่ามองราวกับสำรวจ
“เอ๋ หมายความว่าไงเหรอ?”
“…ทุกคนคงจะประหม่าเมื่ออยู่หน้าพระพักตร์จักรพรรดิขนาดขุนนางผู้ทรงอำนาจยังไม่สามารถเดินได้อย่างใจเย็นเช่นเดียวกับท่านหรอกนะคะ แต่ว่าวิธีการเดินและการเข้าเฝ้าเหมือนกับท่านคุ้นเคยมันอย่างดี.”
“ไม่หรอก จริงๆก็ประหม่านะ รู้ไหม? บางทีอาจจะเป็นเพราะผ้าปิดตานี่ ทำให้เธอไม่เห็นสีหน้าของชั้น.”
“ถ้าจะยืนกรานแบบนั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ”
บางทีเธอคนนี้ที่ฉลาดมากๆอาจจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของฮิโระแล้วก็ได้ ฮิโระถอนหายใจและลดเสียงต่ำ
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าจู่ๆคนในอดีตโผล่มาในอนาคตกันล่ะ?”
ด้วยดวงตาที่หรี่ลงเล็กน้อย ออร่าหยุดชั่วครู่ก่อนจะเลือกตอบ
“…นั่นเป็นสมมุติฐานเหรอคะ?”
“ใช่สมมุติฐานเธอคิดว่าเกิดอะไรขึ้นล่ะออร่า?”
“ตัวอย่างเช่น ถ้า [วีรบุรุษเมื่อพ้นปีที่แล้ว] ปรากฏตัวในวันนี้ หลายคนคงคิดว่าเขาเป็นอุปสรรคแน่นอนค่ะ”
“ใช่ไหมล่ะ.”
ฮิโระที่เห็นด้วยกับออร่าที่ยังพูดต่อไป
“ประชาชนจะยินดีปรีดาที่วีรบุรุษกลับมา แต่สำหรับเหล่าผู้มีอำนาจไม่มีอะไรมากกว่าความน่ารำคาญ การปรากฏตัวของบุคคลอันตรายเช่นนี้จะถูกบดขยี้ให้สิ้นซาก เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งนั้น มันสมเหตุสมผลที่จะซ่อนพลังที่แท้จริงของท่านเอาไว้ และปิดบังตัวตนที่แท้จริง และเรียกตัวเองว่าทายาทของเทพแห่งสงครามใช่ไหมคะ”
“ใช่เลยแบบนั้นแหละ…”
“ถ้างั้นท่านควรบอกว่าคนส่วนใหญ่จะไม่เชื่อว่าท่านเป็นพระเจ้ามากกว่าค่ะ”
“นั่นสินะ.”
“แต่ว่าท่านก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ควรเตรียมพร้อมสำหรับทุกสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อจะดีกว่าค่ะ.”
“ใช่อย่างที่เธอพูดเลย”
ในขณะที่ฮิโระคิดอย่างมุ่งมั่น ออร่าจ้องเขม็ง
“มันคือสมมุติฐานไม่ใช่เหรอคะ ไม่เห็นต้องทำสีหน้าจริงจังแบบนั้นเลยนี่”
“……นะนะนั่นสินะ ฮ่าฮ่าฮ่า.”
ออร่ายิ้มให้ฮิโระที่กำลังเกาหัวเพื่อกลบเกลื่อน (TN:กลบไม่มิดล่ะ ตั้งแต่ที่เอ็งบอกว่าสมมุติฐานอะ)
นี่คือช่วงเวลาที่วงดนตรีได้บรรเลงเพลง การแสดงของนักดนตรีที่แสดงในห้องโถง เมื่อฮิโระมองไปรอบๆก็พบว่าเตรียมการเสร็จแล้วและเหล่าเมดกับพ่อบ้านก็ยืนข้างกำแพง
ถัดไปคือทางเข้าห้องโถงขุนนางจำนวนมากเข้ามา
ฮิโระมองฉากตรงหน้าและหายใจเข้าลึกๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า
(นี่คือสมรภูมิ ชั้นต้องค้นหาคนที่ไว้วางใจได้และใครที่ไว้ใจไม่ได้)
เพื่ออนาคตมันจะดีกว่าที่เขาจะติดต่อตระกูลโครนด้วย
(ถึงกระนั้นรอให้ฝ่ายนั้นเป็นฝ่ายมาทักเองดีกว่า.)
ถ้าชั้นไปติดต่อฝ่ายนั้นก่อน มันอาจจะเกิดข่าวลือแปลกๆ
หากมีข่าวลือว่าทายาทของจักรพรรดิองค์ที่สองสนับสนุนโดยตระกูลโครน ก็คงเป็นสาเหตุที่เขาจะเสียพันธมิตร
(อืม เดาว่าพวกนั้นคงไม่อยู่ในงานเลี้ยงนี้หรอก)
ฝ่ายเจ้าชายแซทโทเบลไม่สามารถเข้าร่วมงานได้เพราะโดนกักบริเวณ นอกจากนี้ ถึงเวลาที่เขาจะต้องลงมือแล้วไม่ใช่มายืนแข็งทื่อ มิฉะนั้นได้โดนชิงไปหมดแน่
(แต่ชั้นแน่ใจว่าเจ้าชายลำดับที่สามบลูทาร์และขุนนางฝ่ายตะวันตกต้องมางาน)
ขณะที่เขาคิดไตร่ตรองแขนเสื้อก็ถูกดึง
“ฮิโระ ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“หืมมมม?”
ฮิโระหยุดคิดและหันไปมองออร่า
“ถ้าพวกเราอยู่ด้วยกันนานกว่านี้จะถูกสงสัย ถึงเวลาที่ดิฉันต้องขอตัวค่ะ”
แน่นอนว่าเธอเป็นคนของกองทัพจักรวรรดที่สาม ถ้าเธออยู่กับฮิโระซึ่งกลายเป็นเจ้าชายลำดับที่สี่ จะเกิดทฤษฏีมากมาย
เธออาจถูกสงสัยว่าจะเปลี่ยนฝ่าย นี่เป็นโอกาสดีสำหรับฝ่ายที่เกลียดชังจะมารับตำแหน่งแทนเธอ พวกเขาจะกล่าวหาใส่ร้ายเธอ
“นั่นคงจะดีกว่า ชั้นไม่อยากทำให้เธอต้องมาตกอับด้วย เพราะงั้นรีบไปเถอะ.”
“…อืม ไว้เจอกันนะคะ.”
ฮิโระมองออร่าที่กำลังจากไปด้วยความเสียใจ
(เจ้าชายลำดับที่สามบลูทาร์ถูกหลอกล่อด้วยคำพูดได้ง่ายจากบริวารของเขา อาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นคนที่จัดการได้ง่าย นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าฝ่ายของเขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว)
เมื่อเขาเห็นเจ้าชายลำดับที่สามบลูทาร์ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าชายคนนี้น่าสงสัย
นั่นเป็นข้อได้เปรียบสำหรับฮิโระ นี่เป็นเพราะถ้าคำพูดของฮิโระสามารถหลอกลวงเจ้าชายลำดับที่สามได้ ฮิโระก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการ หากมีอุปสรรคอะไรก็คงเป็นพวกขุนนางมากอำนาจ
(แล้วจะเข้าหาเขายังไงดีล่ะเนี่ย?)
เมื่อพันปีที่แล้วเขาเป็นฝ่ายที่หนีงานเลี้ยงซะส่วนใหญ่ เขาอยู่แนวหน้าเสมอและกลับไปที่ปราสาทไม่กี่ครั้ง ค่าใช้จ่ายในการที่เขาหนีงานเลี้ยงนั้นสูงลิ่ว ดังนั้นเขาเลยเลือกทิ้งทุกอย่างไว้ที่นี่และกลับโลก
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่มีที่ให้หนีอีกแล้ว แม้ว่าเขาจะทำผิดพลาดเพราะขาดประสบการณ์เข้าสังคมก็เถอะ
(ทำตัวเองนี่หว่าช่วยไม่ได้ ตอนนี้ต้องทำมันให้สำเร็จ.)
หลังจากตั้งสติเขาคว้าแก้วน้ำที่บริกรนำมาและมุ่งหน้าไปยังโต๊ะยาวที่มีอาหารหรูหรา
เมื่อเห็นแบบนี้ ขุนนางหลายคนก็เข้ามาหาฮิโระ ทุกคนสวมเครื่องประดับงดงามและเสื้อผ้าแฟนตาซี
(…ดูเหมือนพวกนี้ต้องการจะอวดอ้างสรรพคุณตัวเองนะ.)
นั่นคือความประทับใจแรกพบ จากนั้นขุนนางระดับสูงก็โผล่ออกมาจากกลุ่ม
“ฝ่าบาทฮิโระ ชวาร์ตช ยินดีที่ได้พบกับท่าน”
“อ่าขอบคุณครับ”
“กระผม――.”
หลังจากจับมือกันการแนะนำตัวอันยาวนานที่เหมือนร่ายสุนทรพจน์
“――ถ้างั้นก็ขอจากเพียงตรงนี้ ขอแสดงความนับถือ.”
สรุปง่่ายๆเขาคือขุนนางที่มีอาณาเขตทางฝั่งตะวันตก ขุนนางฝั่งตะวันตกสนับสนุนเจ้าชายบลูทาร์ แม้ว่าครั้งนี้จะไม่มีการสอบถามใดๆ แต่ในอนาคตน่าจะมีปัญหา
ดังนั้น ตอนนี้เขาต้องทำความรู้จักกับขุนนางมากหน้าหลายตาให้ครบก่อน
“เอาล่ะ จำหน้าและชื่อได้แล้ว”
ในฐานะคนที่ไม่น่าไว้วางใจ เก็บไว้ในคอลเลคชั่นในหัวของฮิโระ จากจุดนั้นขุนนางมากมายก็เข้าหามากขึ้น เขารายล้อมไปด้วยขุนนางมากมาย เช่นผู้ที่แนะนำลูกสาวให้เป็นคู่ครอง ผู้ที่แนะนำลูกชายให้มาเป็นลูกน้องของเขา
จนกระทั่งครึ่งชั่วโมงต่อมาเขาก็สามารถหนีจากสถานการณ์ได้
ฮิโระพยายามที่จะไม่แสดงความเหนื่อยล้า จึงนั่งลงบนโซฟาใกล้กำแพง
(โดนรุมมากกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย…)
เขาดื่มน้ำไปหนึ่งแก้วและมองไปทั่วทั้งห้อง มีขุนนางจำนวนมากมาสอดแนมสถานการณ์ ดูเหมือนว่าจะต้องทักทายอีกเยอะ
(แต่อีกครั้ง ขุนนางใหญ่ๆอย่างตระกูลหลักโครนไม่ได้มาเข้าร่วม.)
เขาไม่แปลกใจเพราะเป็นไปตามที่คิด ถึงกระนั้นก็น่าผิดหวังเช่นกัน เขาเตรียมตัวมาหลายอย่าง นอกจากนี้ขุนนางที่พบมากที่สุดคือขุนนางตะวันออก
(ดูเหมือนว่าจะสูญเสียสายสัมพันธ์หลังจากหัวหน้าตระกูลเคลไฮนต์เสียชีวิต.)
สิ่งที่เขารู้สึกได้จากเหล่าขุนนางตะวันออกคือไม่พอใจต่อคนรักษาการหัวหน้าตระกูลดัชเชสเคลไฮนต์ ในทางกลับกันมีหลายคนเข้าร่วมกับดัชเชส และทั้งสองก็แบ่งออกเป็นสองฝั่ง
(นั่นคือจุดที่ตระกูลโครนซึ่งสนับสนุนเจ้าชายลำดับที่หนึ่งใช้ประโยชน์)
กล่าวกันว่าตระกูลโครนอยู่ในเงื้อมมือเพื่อยึดครองขุนนางฝ่ายตะวันออก ตระกูลเคลไฮนต์ซึ่งเสียหัวหน้าตระกูลไปแแล้วมีแนวโน้มที่จะถูกยีดโดยตระกูลโครนในอนาคตอันใกล้
ถ้าชั้นทำเพียงแต่นั่งมองแซทโทเบลจะได้ขึ้นครองบัลลังก์
(…เอาล่ะทำยังไงดี.)
เงาตกลงมาเหนือศีรษะของเขาฮิโระที่กำลังคิดไตร่ตรองอยู่
“ขอโทษนะ ไม่ทราบว่าฉันขอนั่งข้างๆคุณได้ไหม?”
โดนแน่ฮิโระ