อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1813 นักปราชญ์โบราณโม่หลิงออกโรง
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1813 นักปราชญ์โบราณโม่หลิงออกโรง
“คุณ…”
อำมาตย์เฉินหลิงงุนงงจนพูดไม่ออก
จางเซวียนก็ยืนอึ้งอยู่กับที่ รู้สึกเหมือนมีอสูรสวรรค์นับล้านตัววิ่งพล่านอยู่ในสมองของเขาพร้อมๆกัน เกิดเป็นฝุ่นฟุ้งตลบที่บดบังความคิดของเขาไปจนหมด
น้ำเต้าลูกนั้นคือน้ำเต้าตงฉู่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยอยู่ในจุดตันเถียนของเขา หลังจากที่เขามอบหินอุกกาบาตให้มัน อีกฝ่ายก็ยอมย้ายไปอยู่ในแหวนเก็บสมบัติ และแทบจะไม่ยอมเคลื่อนไหวไปไหนเลย แล้วทำไมจู่ๆถึงกระโจนออกมาร่วมวงแบบนี้
แถมยัง…กลืนกินหยดเลือดมังกรไปด้วย!
นั่นคือหัวใจของการปลดฉนวนของหอกสวรรค์กระดูกมังกร! ถ้าปราศจากหยดเลือด หอกสวรรค์กระดูกมังกรก็ไม่มีทางได้พละกำลังที่แท้จริงของมันกลับคืนมา ลำพังประสิทธิภาพการต่อสู้ของไอ้โหดไม่เพียงพอให้เขาหลบหนีออกจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยแน่ ในกรณีเลวร้ายที่สุด อาจต้องตายที่นี่ก็ได้!
“เลือดของผม…เลือดมังกรของผม…”
หอกสวรรค์กระดูกมังกรที่หัวใจสลายอ้าปากค้างด้วยความพรั่นพรึงเมื่อเห็นภาพนั้น น้ำตาไหลเป็นทางออกจากดวงตาแดงช้ำของมัน
นั่นคือกุญแจที่จะทำให้มันกลับคืนสู่ความแข็งแกร่งสูงสุด แต่กลับถูกน้ำเต้าลูกหนึ่งกลืนกินไปเสียแล้ว
บ้าบอ! น้ำเต้าไม่มีปากสักหน่อย จะกลืนกินอะไรแบบนั้นได้อย่างไร?
“เอิ๊กกก!”
หลังจากกลืนหยดเลือดมังกรลงไป น้ำเต้าตงฉู่ก็เรอเสียงดังสนั่น ขณะพุ่งกลับไปหาจางเซวียนพร้อมกับส่ายก้นอย่างพออกพอใจ
ในที่สุดอำมาตย์เฉินหลิงก็ได้สติ ความบ้าคลั่งของเขาครอบงำความมีเหตุมีผลจนหมดสิ้น เขาพุ่งเข้าใส่จางเซวียนอย่างโกรธเกรี้ยวขณะปล่อยพลังจากฝ่ามือที่แผ่ออกไปโดยรอบ
“เอาเลือดมังกรของผมคืนมา!”
เห็นภาพนั้น จางเซวียนแทบลมจับ
ด้วยพละกำลังของเขาในเวลานี้ การต้องสู้กับนักปราชญ์โบราณขั้น 3 การฟื้นคืนชีพของสายเลือดก็เท่ากับฆ่าตัวตายดีๆนี่เอง เขาไม่มีความคิดสักนิดที่จะพุ่งเข้าไปฉกฉวยเลือดมังกร
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเฝ้าดูการสู้รบอย่างเงียบๆ โดยถ้าสถานการณ์พลิกผัน ก็จะได้หันหลังกลับและหลบหนีได้ทันเวลา แต่ใครจะไปคิดว่าเจ้าน้ำเต้านั่นจะขโมยเลือดมังกรและกลับมาหาเขา นำพาความโกรธเกรี้ยวของอำมาตย์เฉินหลิงมาใส่เขาด้วย!
แก ไอ้สารเลว! ฉันไปทำอะไรให้ แกถึงทำแบบนี้?
ฉันยอมให้แกอยู่ในจุดตันเถียนและบ่มเพาะแกก็ด้วยความปรารถนาดี แถมยังมอบหินอุกกาบาตให้แกด้วย แล้วแกตอบแทนฉันแบบนี้หรือ?
ถ้อยคำหยาบคายมากมายผุดเข้ามาในหัวของจางเซวียน แต่ร่างของเขาก็ไม่หยุดนิ่ง เขารีบแยกตัวออกห่างจากน้ำเต้าตงฉู่เพื่อหลีกเลี่ยงความโกรธเกรี้ยวของอำมาตย์เฉินหลิง แต่ยังไม่ทันจะได้ไปไหน น้ำเต้าตรงฉู่ก็ผลุบกลับเข้าไปอยู่ในจุดตันเถียนของเขาและหาที่พักได้อย่างสบายใจ
“คุณ…” จางเซวียนหัวแทบระเบิดด้วยความคลุ้มคลั่ง
แต่ถึงอย่างไร ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาจะทะเลาะกับน้ำเต้าตงฉู่ จางเซวียนรีบเปิดใช้งานสายเลือดตระกูลจางเพื่อถ่วงเวลาให้ช้าลง ในขณะเดียวกัน ก็สำแดงศิลปะการเคลื่อนไหวเทียบฟ้าและพุ่งเข้าใส่ด้วยความว่องไวอย่างน่าทึ่ง เข้าไปอยู่ข้างไอ้โหดได้ภายในเวลาเพียงอึดใจ
ไม้ตายอย่างเดียวที่เขาไว้วางใจจะใช้รับมือกับอำมาตย์เฉินหลิงได้ก็คือหมอนี่
“ตายซะ!” เห็นน้ำเต้าที่ขโมยเลือดมังกรหายวับเข้าไปในร่างของจางเซวียน อำมาตย์เฉินหลิงรู้ทันทีว่าน้ำเต้าเป็นทรัพย์สมบัติชิ้นหนึ่งของอีกฝ่าย ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยโทสะ จากนั้นก็กดมือทั้งสองข้างลงอย่างแรง
พริบตาต่อมา บรรยากาศโดยรอบก็เหมือนจะถูกสูบจนเหือดแห้งไปหมด จางเซวียนรู้สึกว่าร่างแข็งทื่อของเขากำลังลอยละลิ่วเข้าหาอำมาตย์เฉินหลิง ราวกับกำลังเสนอตัวเป็นบรรณาการให้อีกฝ่าย
“นายท่าน!”
เห็นภาพนั้น ไอ้โหดไม่อาจเสียเวลาพัวพันกับ 2 นักปราชญ์โบราณอีก แขนอีกข้างหนึ่งของมันโผล่ออกมาจากหนังสือเทียบฟ้า ตรงเข้ายึดไหล่ของจางเซวียนไว้เพื่อยับยั้งไม่ให้เขาลอยเข้าหาอำมาตย์เฉินหลิง
ในเวลาเดียวกัน แขนอีกข้างก็เปิดหนังสือเทียบฟ้า ลากเอาโครงกระดูกที่ยังไม่สมบูรณ์แบบออกมาจากข้างใน
แม้ไอ้โหดจะถูกผูกมัดไว้ด้วยการทำสัญญาจิตวิญญาณกับจางเซวียน แต่ถ้าจางเซวียนตาย มันก็ต้องตายเช่นกัน ดังนั้นจึงต้องช่วยชีวิตเขาไว้ให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม
ฟิ้ววววว!
ทันทีที่โครงกระดูกปรากฏ พลังจิตวิญญาณก็พุ่งออกมา เกิดเป็นพายุเฮอริเคนขึ้นในห้อง โครงกระดูกนั้นยกมือขึ้นและผลักแรงกดดันหนักหน่วงเข้าใส่อำมาตย์เฉินหลิง
การออกมาจากหนังสือเทียบฟ้าทำให้ประสิทธิภาพการต่อสู้ของไอ้โหดเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก ทันทีที่มันปะทะกับการโจมตีของอำมาตย์เฉินหลิง อีกฝ่ายก็ถูกสอยกระเด็นไปไกล บางที ถ้าอำมาตย์เฉินหลิงยังไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาอาจไม่หวาดกลัวพละกำลังของไอ้โหดมากนัก แต่เมื่ออยู่ในสภาพนี้…ก็ไม่มีทางรับมือไหว
เห็นไอ้โหดยับยั้งอำมาตย์เฉินหลิงได้ จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาหันไปเพ่งสมาธิใส่จุดตันเถียนและตวาด “แกตกลงกับฉันแล้วไม่ใช่หรือว่าจะไม่เข้าไปอยู่ในจุดตันเถียน?”
ก่อนหน้านี้ เขามอบหินอุกกาบาตให้น้ำเต้าตงฉู่เพื่อแลกเปลี่ยนกับเงื่อนไขที่อีกฝ่ายจะไม่เข้าไปอยู่ในจุดตันเถียนของเขาอีก ซึ่งมันก็รับปาก ใครจะไปคิดว่าหมอนี่จะมาผิดสัญญาในช่วงเวลาคับขันแบบนี้?
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังยั่วโทสะอำมาตย์เฉินหลิงและทำให้อีกฝ่ายหันมาเล่นงานเขาด้วย!
นี่มันบ้าบออะไร?
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเปิดใช้งานสายเลือดตระกูลจางอย่างรวดเร็วและหลบไปอยู่กับไอ้โหด คงต้องเสียชีวิตแน่
“เรื่องแค่นี้จิ๊บจ๊อยน่ะ ผมก็แค่มาพักผ่อนสักระยะ” น้ำเต้าตงฉู่ส่ายก้นอย่างสบายใจ ทำท่าไม่รู้สึกรู้สากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
จางเซวียนกัดฟันกรอดและกำลังจะเอ่ยคำผรุสวาทน้ำเต้าตงฉู่ ก็พอดีกับที่รู้สึกเย็นเยือกขึ้นมาด้านหลัง รู้ดีว่าอันตรายถึงตัวแล้ว เขาจึงรีบเปิดใช้งานสายเลือดตระกูลจางอีกครั้งและพุ่งออกไป
บึ้มมม! บึ้มมมมม!
ทันทีที่เขาก็ออกจากจุดที่เคยยืนอยู่ มิติตรงนั้นก็พังทลายทันที เกิดเป็นความว่างเปล่าขนาดใหญ่ คลื่นความสั่นสะเทือนจากการพังทลายอย่างปุบปับของมิติกระแทกเข้าใส่แผ่นหลังของจางเซวียน ทำให้ต้องกระอักเลือดออกมา
จางเซวียนรีบหันกลับไป และเห็นนักปราชญ์โบราณทั้งสองคนที่รับมือกับไอ้โหดก่อนหน้านี้ยืนอยู่ไม่ห่างจากเขานัก พวกนั้นอาจยังพอรับมือกับไอ้โหดไหว แต่ถ้าไม่อาจจัดการได้แม้แต่นักรบขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึก ก็คงไร้ค่าเต็มทีในสายตาของอำมาตย์เฉินหลิง
“การควบคุมกฎเกณฑ์ของเวลา? เขาคือเจ้ามนุษย์ชั่วร้ายคนนั้นจริงๆ ฉีกมันให้เป็นชิ้นๆ!”
เมื่อเห็นการโจมตีไม่เป็นผล นักปราชญ์โบราณคนหนึ่งขมวดคิ้วก่อนจะเงื้อมือขึ้นอีกครั้ง ส่วนนักปราชญ์โบราณอีกคนก็ปล่อยพลังจากหมัดเพื่อร่วมมือกับสหายของเขา
ยังไม่ทันที่พลังจากหมัดและฝ่ามือจะพุ่งเข้าใส่ มิติโดยรอบก็บิดเบี้ยวโดยตรงเข้าหาจางเซวียน ราวกับเขากำลังยืนอยู่ใจกลางพายุใหญ่ ไม่อาจหนีไปไหนได้ ต่อให้อยากหนีก็ตาม
รู้ดีว่าไอ้โหดกำลังวุ่นวายกับการรับมืออำมาตย์เฉินหลิง จางเซวียนสะบัดข้อมือและพูดเสียงลอดไรฟัน “คุณคิดว่าผมไม่รอดแน่ใช่ไหม?”
ฟึ่บ!
ศพนักปราชญ์โบราณ 2 ศพปรากฏต่อหน้าเขา ขวางพละกำลังจากฝ่ามือและหมัดนั้นไว้
เมื่อครั้งที่อยู่ที่วิหารแห่งขงจื๊อ ตอนที่อำมาตย์เฉินหย่งสู้รบกับนักปราชญ์โบราณจำนวนมากพร้อมกันในคราวเดียว จางเซวียนได้นำศพของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณจำนวนหนึ่งติดตัวมาด้วย เขายังไม่อาจหลอมพวกมันเป็นหุ่นโลหะไร้วิญญาณได้เพราะ 2-3 วันที่ผ่านมานี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่พวกมันก็ยังคงใช้เป็นโล่ได้ชั่วคราว
พลั่ก! พลั่ก!
การโจมตีทั้ง 2 รอบนั้นเข้าปะทะศพนักปราชญ์โบราณแทน ส่งผลให้นักปราชญ์โบราณทั้งสองกระเด็นไป
ถึงจางเซวียนจะเอาตัวรอดได้ในคราวนี้ แต่ก็รู้ดีว่านี่ไม่ใช่วิธีแก้ไขระยะยาว ไม่ช้าไม่นาน โล่จะต้องหมดประสิทธิภาพ และถึงตอนนั้นเขาคงย่ำแย่ ด้วยเหตุนี้ จางเซวียนจึงเตรียมจะนำหน้าหนังสือสีทองหน้าสุดท้ายออกมาเพื่อสังหารนักปราชญ์โบราณให้ได้อย่างน้อย 1 ตัว ก็พอดีกับที่ได้ยินเสียงลมหอบใหญ่พัดวู่หวิวอยู่ด้านหลัง จากนั้นรังสีเย็นเยือกก็ห่อหุ้มร่างของเขาไว้ราวกับบ่วงที่รัดแน่นและฉุดตัวเขาออกจากหอนอนของอำมาตย์เฉินหลิง
“ท่านประธาน เร็วเข้า รีบไปเถอะ!”
เขาคือนักปราชญ์โบราณโม่หลิง
นักปราชญ์โบราณโม่หลิงรู้สึกได้ถึงบางอย่างผิดปกติ จึงถอดจิตออกจากกายเนื้อแล้วรีบมาสมทบ
“แกคิดจะไปไหน?”
นักปราชญ์โบราณทั้งสองที่อยู่ในหอนอนของอำมาตย์เฉินหลิงจะปล่อยให้จางเซวียนหลุดรอดไปง่ายๆได้อย่างไร? พวกเขาไล่ตามไปทันที
นักปราชญ์โบราณโม่หลิงตอบโต้ด้วยพละกำลังจากฝ่ามือ
การปะทะกันระหว่างทั้งสองฝ่ายทำให้เกิดคลื่นความสั่นสะเทือนอันทรงพลังที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งหอนอน ฉีกกระชากและทำลายตึกรามบ้านช่องหลายหลัง ฝุ่นตลบไปทั่ว บดบังทัศนวิสัยของพวกเขา
หลังจากผลักดันสองนักปราชญ์โบราณไปได้แล้ว นักปราชญ์โบราณโม่หลิงก็ใช้จังหวะนี้คว้าตัวจางเซวียนไว้และหนีออกจากหอนอน
เพราะเป็นนักรบที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือด เขาจึงแข็งแกร่งกว่านักปราชญ์โบราณสองคนนั้นมาก ตราบใดที่อำมาตย์เฉินหลิงยังไม่เคลื่อนไหว ก็ไม่มีทางที่ทั้งคู่จะยับยั้งเขาไว้ได้
หลังจากพาจางเซวียนออกมาพ้นหอนอน นักปราชญ์โบราณโม่หลิงรีบสั่งการ “ท่านประธาน ผมเปิดใช้งานค่ายกลด้านนอกเอาไว้แล้ว ตอนนี้คุณจะยังคงปลอดภัย แต่รีบหนีไปจะดีกว่า ผมจะสกัดกั้นเจ้าสองตัวนั้นไว้ให้…”
“หอกสวรรค์กระดูกมังกรกับไอ้โหดยังอยู่ข้างใน” จางเซวียนตอบอย่างร้อนใจ ถ้าผมหนีไปตอนนี้ พวกมันจะไปไหนไม่ได้”
หอกสวรรค์กระดูกมังกรได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่ไอ้โหดก็ถูกอำมาตย์เฉินหลิงกับค่ายกลกักตัวไว้ ในเมื่อพวกมันอยู่ในวังของอำมาตย์เฉินหลิง สถานการณ์จะเลวร้ายลงทันทีหากมีกำลังเสริม ถ้าเขาหนีไป ทั้งไอ้โหดและหอกสวรรค์กระดูกมังกรต้องแย่แน่!
อีกอย่าง ทั้งคู่ก็เป็นไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา เขาไม่อาจเสียพวกมันไปได้!