อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1705 งูเขียวไม้สวรรค์
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1705 งูเขียวไม้สวรรค์
“เร็วเข้า! เราต้องรีบเล่นงานมันให้ได้เดี๋ยวนี้!”
รู้ดีว่าจะต้องตกที่นั่งลำบากแน่หากสหายของเสือเมฆวิญญาณทองคำมาช่วย หวูชางผิงขับเคลื่อนพลังปราณเต็มพิกัด ตาข่ายเปลวเพลิงยิ่งลุกโพลงหนักขึ้นเรื่อยๆ
ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดของดงอสูร เขามีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับอสูรหลากหลายสายพันธุ์ เสียงเรียกเมื่อครู่นี้แหลมและชัดเจน เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ากำลังร้องเรียกมิตรสหาย ลำพังแค่เสือเมฆวิญญาณทองตัวเดียวพวกเขาก็ปวดหัวพอแล้ว หากมีอีกตัวเข้ามาตอนนี้คงตายแน่!
รู้ดีว่าพวกเขากำลังตกอยู่ในอันตราย สีหน้าของทุกคนร้อนรนเคร่งเครียด พวกเขารีบขับเคลื่อนพลังปราณเพื่อเสริมกำลังให้กับตาข่ายเปลวเพลิงนั้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ไม่น่าเชื่อว่าเสือเมฆวิญญาณทองคำ, 1 ใน 5 ผู้ยิ่งใหญ่ของผืนป่าแห่งนี้จะมาถูกจับโดยมนุษย์กลุ่มหนึ่ง น่าอับอายเหลือเกินสำหรับผู้ที่มีตำแหน่งสูงส่งอย่างคุณ!”
เสียงเย้ยหยันดังขึ้นจากกลางอากาศขณะร่างผอมบางพุ่งออกมาจากถ้ำ
อสูรร่างเรียวยาวตัวนี้มีลักษณะคล้ายอสูรมังกรบาดาลของจางเซวียน แต่ตัวใหญ่กว่ามาก สายเลือดก็บริสุทธิ์กว่ามากด้วย เหมือนกันกับเสือเมฆวิญญาณทอง มันมีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสาน โลกจารึก
“นี่มันงูเขียวไม้สวรรค์นี่!” หวูชางผิงหน้าซีด เขาสั่งการโดยไม่ลังเล “ถอย!”
ทันทีที่คำสั่งนั้นถูกส่งออกไป ตาข่ายเปลวเพลิงที่โอบล้อมเสือเมฆวิญญาณทองก็แหลกสลายไปทันที จากนั้นเขาก็หันหลังกลับแล้วเผ่นหนีไป
สมกับเป็นผู้ที่มีชีวิตมาหลายศตวรรษ เขารู้ว่าควรให้ความสำคัญกับอะไร ทันทีที่รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ก็พร้อมจะละทิ้ง ต่อให้จะล้ำค่าขนาดไหนก็ตาม
แค่เสือเมฆวิญญาณทองตัวเดียวก็เกือบทำให้พวกเขาจนมุมแล้ว หากมีงูเขียวไม้สวรรค์เข้ามาร่วมวง คงเป็นคู่ต่อสู้ที่เกินกำลังของพวกเขาแน่
“ฮะ?”
หวูชางผิงหนีไปได้ครู่หนึ่งขณะที่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่คนอื่นๆในกลุ่มไม่ได้ตัดสินใจเด็ดขาดแบบเขา ต่างคนต่างยืนอึ้งก่อนที่จะพากันวิ่งหนี
จากปฏิกิริยาของคนเหล่านี้ ก็บ่งบอกชัดเจนว่านอกจากหวูชางผิงแล้ว ไม่มีใครเป็นนักฝึกอสูรเลย เมื่อมีอสูรของพวกเขาต่อสู้เคียงข้าง นักฝึกอสูรที่แท้จริงจะมีพละกำลังในการต่อสู้เพิ่มสูงขึ้นอีกมาก แต่ถึงอย่างนั้น การจะทำให้อสูรสักตัวยอมจำนนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ความผิดพลาดแม้เพียงนิดเดียวอาจทำให้เกิดการตอบโต้กลับของอสูร ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับอสูรที่จะต้องประเมินสถานการณ์ให้ดี และรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรหลบหนี
อันที่จริง มีคำกล่าวที่รู้กันทั่วไปในดงอสูรว่า “ก้าวแรกของการเรียนรู้การฝึกอสูรก็คือรู้ว่าจะหนีอย่างไร!”
สถานการณ์ที่คาดไม่ถึงมากมายอาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างกระบวนการฝึกอสูร นักฝึกอสูรที่ไม่รู้จักหนีเอาตัวรอดคงจะต้องตายไปหลายร้อยครั้งกว่าจะได้สำเร็จวรยุทธขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่
“คุณไม่คิดว่ามันออกจะไม่เหมาะสมอยู่สักหน่อยหรือที่จะหนีไปแบบนั้น หลังจากที่พยายามวางยาและลักพาตัวหนึ่งในพวกเรา?” เสียงเย็นเยียบดังขึ้นจากพื้นดิน
ครืนนนน!
ยังไม่ทันที่สมาชิกคนอื่นๆในกลุ่มจะไปได้ไกล พื้นดินก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรงราวกับเกิดแผ่นดินไหว จากนั้น ร่างใหญ่โตก็โผล่พรวดขึ้นมา มันมีศีรษะของสิงโต มีเขาของกวาง ดวงตาของเสือ จมูกของกวางมูส เกล็ดของมังกร และหางของวัว…
มันคืออสูรนรกลวงตา!
ไม่เหมือนกับอสูรเพลิงนรกของจางเซวียน มันมีองค์ประกอบของดิน ด้วยการสะบัดกรงเล็บเพียงเล็กน้อย กำแพงดินสีเหลืองก็โผล่พรวดขึ้นจากพื้นดินและโอบล้อมฝูงชนที่กำลังหาทางหนี กีดขวางเส้นทางของพวกเขาเอาไว้
สมาชิกที่เหลือในกลุ่มต่างไม่คิดว่าจะมีอสูรอีกตัวหนึ่งปรากฏ ในตอนนั้นเองที่พวกเขาเพิ่งรู้ว่าทำไมหวูชางผิงถึงหนีไปอย่างรวดเร็วขนาดนั้น ทิ้งพวกเขาไว้โดยไม่สนใจแม้แต่น้อย
ต่างคนต่างมีสีหน้าไม่สู้ดีขณะที่รู้ตัวว่าติดกับเสียแล้ว
“เล่นงาน!”
สมาชิกคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มตอนนี้ซึ่งเป็นผู้อาวุโสที่มีวรยุทธชั่วกัลปาวสานขั้นกลางเงื้อดาบขึ้นและจ้วงแทงเข้าไปที่กำแพงดินสีเหลือง
ครืนนนน!
กำแพงดินสีเหลืองนั้นพังทลายด้วยพละกำลังมหาศาลของดาบ และยังไม่ทันที่ฝูงชนจะได้ยินดีกับชัยชนะ กำแพงดินสีเหลืองนั้นก็กลับคืนสู่สภาพเดิมด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง ในชั่วพริบตา พวกเขาก็ติดกับอีกครั้ง
“ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ ผมจะไม่มีวันฟังหวูชางผิงเลย มันเรื่องอะไรที่ผมต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงที่นี่?”
ต่างคนต่างเจ็บปวดหัวใจ
ก็เหมือนกับนักรบกลุ่มอื่นๆที่ตระเวนไปทั่วมิติลี้ลับ พวกเขาเพิ่งมารวมตัวกันที่นี่
หวูชางผิงเรียกรวมพลพวกเขาและบอกว่ามีวิธีเดียวที่จะเข้าสู่วิหารแห่งขงจื๊อได้ ทั้งยังให้ความมั่นใจว่าตัวเขาเองมีของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ และเรื่องนี้ถูกวางแผนมาอย่างรัดกุมแล้ว หลังจากใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วน ทุกคนก็รู้สึกว่าคำพูดของหวูชางผิงฟังขึ้น จึงยินดีเข้าร่วมกลุ่ม
ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาจะมาลงเอยด้วยการเผชิญหน้ากับอสูรขั้นชั่วกัลปาวสาน โลกจารึกพร้อมกันถึง 3 ตัว ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีใครคาดคิดว่าหวูชางผิงจะเปิดหนีไปก่อนเพื่อน
เขาคงไปไหนไม่ได้ไกลหรอก…
ตรงกันข้ามกับสีหน้าร้อนรนที่อยู่รอบตัว จางเซวียนชำเลืองมองไปยังทิศทางที่หวูชางผิงหนีไปและได้แต่ส่ายหน้า
เขาต้องยอมรับว่าชายชราคนนั้นตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดที่เปิดหนีทันทีที่รู้สึกตัวว่ามีบางอย่างไม่เข้าท่า แต่โชคร้ายที่เรื่องนี้ไม่ใช่สถานการณ์ที่เขาจะเอาตัวรอดได้
ราวกลับจะตอบสนองการคาดการณ์ของจางเซวียน เสียงหนึ่งดังก้องมาจากภายในถ้ำ
ฟิ้วววว!
จากนั้น นกงามสง่าตัวหนึ่งที่ถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิงก็บินออกมาจากในถ้ำด้วยความเร็วเกินกว่าจะจินตนาการได้ มันพุ่งเข้าใส่หวูชางผิงเพื่อเล่นงานเขา
ยังไม่ทันที่กรงเล็บของนกจะเข้าถึงตัว เปลวเพลิงก็พวยพุ่งออกมา สร้างประกายไฟสกัดกั้นหนทางหนีของหวูชางผิงเอาไว้
“นกฟีนิกซ์ไฟสวรรค์?” หวูชางผิงหน้าซีดขณะตัวสั่นไม่หยุด
เขาคิดว่าอสูรที่อยู่ในถ้ำนี้มีแต่เสือเมฆวิญญาณทองเท่านั้น และเขาก็เตรียมตัวมาเพื่อการนี้ แต่ใครจะไปคิดว่าอสูรที่ตามเสือเมฆวิญญาณทองออกมาจะมีทั้งงูเขียวไม้สวรรค์ อสูรนรกลวงตา อีกทั้งยังมีนกฟีนิกซ์ไฟสวรรค์ด้วย ยังไม่ทันจะรู้ตัว พวกเขาก็เผชิญหน้ากับอสูรในตำนานถึง 4 ตัวแล้ว!
แถมแต่ละตัวก็มีพละกำลังที่เหนือชั้นกว่าเขาเสียอีก
เขาจะรับมือกับอะไรแบบนี้ได้อย่างไร?
ฟึ่บ!
หวูชางผิงเปิดการโจมตีโดยไม่ลังเล โดยหวังว่าจะยืดเวลาออกไปได้สักระยะ แต่นั่นไม่มีความหมายสำหรับนกฟีนิกซ์ไฟสวรรค์ที่แสนจะรวดเร็ว ความเหลื่อมล้ำในพละกำลังระหว่างพวกเขาไม่ใช่สิ่งที่หวูชางผิงจะเอื้อมถึง
ไม่ช้า เขาก็ถูกลูกไฟโอบล้อมไว้โดยรอบ ทำให้ต้องล้มลงหมอบอยู่กับพื้น
ตอนนี้ ทั้งกลุ่มที่เหลือซึ่งมีสมาชิก 8 คนถูกล้อมไว้หมดแล้ว ความสิ้นหวังและความหวาดกลัวฉายชัดในดวงตาของพวกเขาขณะที่จ้องมองเหล่าอสูรที่อยู่ตรงหน้าอย่างพรั่นพรึง
เมื่อเห็นสหายของมันเล่นงานเหล่ามนุษย์น่ารำคาญที่บังอาจเข้ามาวุ่นวายได้แล้ว เสือเมฆวิญญาณทองชำเลืองมองงูเขียวไม้สวรรค์และคำราม “คุณจะเยาะเย้ยฉันเท่าไหร่ก็ได้ตามใจเลยนะ แต่ตอนนี้ รีบปลดปล่อยฉนวนที่อยู่บนตัวฉันก่อน!”
“ได้สิ ได้! ผมจะช่วยคุณ!” หลังจากหัวเราะอยู่เนิ่นนาน งูเขียวไม้สวรรค์ก็หันหน้าเข้าไปในถ้ำและพูดว่า “พี่ดำนรก ผมอยากขอความช่วยเหลือคุณหน่อย…”
“ได้ ขอเวลาผมสักครู่ จะออกไปเดี๋ยวนี้…”
อีกเสียงหนึ่งดังมาจากในถ้ำ ทุกคนมองหน้ากัน และเห็นร่างหนึ่งคลานช้าๆออกมาจากถ้ำนั้น
การเคลื่อนไหวของมันเชื่องช้ามาก ใช้เวลาถึง 8 นาทีเต็มจากตอนที่ร่างของมันปรากฏขึ้นและกว่าจะพาตัวเองออกจากถ้ำได้ มันคือเต่าขนาดมหึมา
“เสือเมฆวิญญาณทอง งูเขียวไม้สวรรค์ เต่าดำนรก นกฟีนิกซ์ไฟสวรรค์ และอสูรนรกลวงตา…นี่คือ 5 ธาตุของอสูรสวรรค์หรือ?” หวูชางผิงหน้าซีดเมื่อคิดอะไรขึ้นได้ “ผมน่าจะคิดได้เสียก่อนหน้านี้นะ!”
ตำนานกล่าวไว้ว่าปรมาจารย์ขงเกรงว่ามิติที่อยู่ในวิหารแห่งขงจื๊อจะไม่เสถียร จึงได้จับอสูรผู้ทรงทั้ง 5 ตัวไว้เป็นตัวแทนของทั้ง 5 ธาตุ เพื่อเสริมกำลังให้มิติมั่นคงขึ้น ลงท้าย พวกมันก็เป็นที่รู้จักกันในชื่อ 5 ผู้ยิ่งใหญ่ของผืนป่าแห่งนี้สำหรับอสูรตัวอื่นๆที่อยู่ในมิติลี้ลับ
ตอนที่เขาได้ยินเรื่อง 5 ผู้ยิ่งใหญ่ ก็คิดเอาว่าพวกมันคงกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ เพราะถึงอย่างไรอสูรผู้ทรงพลังก็มักหวงอาณาเขตของพวกมันมาก และไม่อาจยอมทนให้อสูรตัวอื่นเข้ามาวุ่นวายได้ โดยเฉพาะอสูรที่มีพละกำลังพอๆกับมัน แต่นึกไม่ถึงเลยว่าพวกมันจะมาอยู่ด้วยกันภายในถ้ำของเสือเมฆวิญญาณทอง
เต่าดำนรกคลานขึ้นไปบนร่างของเสือเมฆวิญญาณทองอย่างช้าๆและเปิดปากขนาดมหึมาของมัน
ฟิ้วววว!
น้ำพุ่งเข้าใส่ตาข่ายเพลิงนั้น ดับมันได้ในชั่วพริบตา ร่างของเสือเมฆวิญญาณทองขยายใหญ่ขึ้นอย่างกะทันหันขณะที่กระแสดาบฉีระเบิดออกจากจุดชีพจรของมัน
ด้วยการโจมตีของกระแสดาบฉีอันคมกริบ เส้นด้ายที่ตึงเขม็งอยู่ทุกนิ้วก็แหลกสลายลงไปกองกับพื้น
แม้จะเป็นของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่การถูกไฟเผาแล้วถูกน้ำราดอย่างกะทันหันก็ทำให้โครงสร้างภายในของมันเสียหายไปหมด เมื่อมันอยู่ในสภาพบอบบาง กระแสดาบฉีของเสือเมฆวิญญาณทองก็สามารถทำลายมันได้อย่างง่ายดาย
“พวกนี้ตั้งใจมาเล่นงานคุณ คุณจะจัดการกับพวกเขาอย่างไร?” งูเขียวไม้สวรรค์ตั้งคำถาม
“พวกเราจะรับมือกับเขา แต่ยังมีมนุษย์อีกคนหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในบริเวณนี้ จับตัวเขามาก่อนเถอะ แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อ!”
เสือเมฆวิญญาณทองก้มหน้าและดมฟุดฟิดก่อนจะตวาด “สหายที่ซ่อนอยู่ตรงนั้นน่ะ ฉันขอชื่นชมคุณที่สามารถสกัดกั้นมิติได้อย่างน่าทึ่ง แต่นั่นไม่เพียงพอที่จะซ่อนตัวจากฉันหรอกนะ!”
ขณะที่พูดคำนั้น มันก็ชำเลืองมาทางจุดที่จางเซวียนซ่อนตัวอยู่ เจตนาสังหารสั่นสะท้านอยู่ในดวงตาทั้งคู่ของมัน