Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี - ตอนที่ 90 คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้ากำลังคิดอะไร
- Home
- Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี
- ตอนที่ 90 คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้ากำลังคิดอะไร
“ยินดีต้อนรับกลับขอรับ ดัชเชส”
พ่อบ้านผู้ซื่อสัตย์ออกมาต้อนรับดัชเชสเอเฟรนีเป็นคนแรกเมื่อกลับถึงคฤหาสน์ แทนที่จะแสดงความเสียใจเรื่องบุตรชาย พ่อบ้านผู้เริ่มมีผมขาวขึ้นแซมกลับแสดงความห่วงใยต่อผู้เป็นนายที่ต้องเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไกลเป็นอันดับแรก
“ข้าสั่งสาวใช้ไว้แล้วขอรับ ดัชเชส เชิญอาบน้ำก่อนเถิด”
“…”
แม้พ่อบ้านจะกล่าวเช่นนั้น ดัชเชสเอเฟรนีก็ยังปิดปากเงียบ แววตายังคงดูเหม่อลอย นางเพียงแต่เดินไปตามที่สาวใช้ช่วยประคองจนถึงห้องเท่านั้น ดัชเชสเอเฟรนีมิได้สนใจสถานการณ์รอบตัวแม้แต่น้อย นางจึงไม่รู้ว่าดยุกเอเฟรนีผู้เป็นสามีและประมุขของตระกูลไม่อยู่บ้าน และอนุภรรยาที่นางเกลียดแสนเกลียดกำลังมองนางด้วยสายตาประหลาด กล่าวอีกนัยหนึ่งคือดัชเชสเอเฟรนีไม่มีอารมณ์จะไปสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวในตอนนี้
“คุณพี่”
การเสนอหน้าตอนนี้เป็นเรื่องที่ไม่ฉลาด แต่แจนยูเอรีก็เลือกที่จะหาความบันเทิงให้ตัวเอง แจนยูเอรีเรียกดัชเชสเอเฟรนีด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่แฝงไว้ด้วยความเศร้าใจ
“กลับมาแล้วหรือคะ”
“…”
ในตอนนั้นเอง ดัชเชสเอเฟรนีก็หันไปมองแจนยูเอรี แววตาแห้งแล้งไร้ชีวิตชีวาของดัชเชสทำให้แจนยูเอรีอดสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจไม่ได้ แต่แจนยูเอรีก็ไม่ยอมจำนนยังคงพูดต่อไป
“คงเหนื่อยแย่เลยนะคะ คุณพี่”
ช่างเป็นการกระทำที่โง่เขลา ดัชเชสเอเฟรนีเพียงแต่จ้องไปที่แจนยูเอรีเงียบๆ ในขณะที่แจนยูเอรียังคงพูดไม่หยุด
“ขอแสดงความเสียใจกับเรื่องของท่านชายด้วยนะคะ”
“…เสียใจ” ดัชเชสเอเฟรนีพึมพำอย่างเย็นชา “เจ้าบอกว่าเสียใจรึ”
“ใช่แล้วค่ะ คุณพี่”
“ทำไม?” ดัชเชสเอเฟรนีแสดงความรู้สึกออกมาเป็นครั้งแรก นางยิ้มอย่างคลางแคลงใจพลางเอ่ยถาม “นี่เป็นเรื่องที่ดีกับเจ้าจะตายไป เจคอบลูกเจ้าชนะแล้ว”
“…”
“มิใช่รึ”
“คุณพี่ ไยจึงกล่าว…”
แจนยูเอรีพูดเสียงค่อยด้วยสีหน้างุนงง ดัชเชสเอเฟรนีเดินเนิบช้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย แจนยูเอรีทำอะไรไม่ถูก ไม่น่าเชื่อว่าความน่าเกรงขามนี้จะแผ่ออกมาจากร่างของคนที่คล้ายกับตายไปแล้วเมื่อครู่
สีหน้าของดัชเชสเอเฟรนียังคงเยือกเย็นไม่เปลี่ยน “คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้ากำลังคิดอะไร”
“ท่านกำลังเข้าใจผิ…”
แต่ดัชเชสเอเฟรนีไม่ปล่อยให้แจนยูเอรีได้พูดจนจบ นางกระชากผมของอีกฝ่ายจนฝ่ายนั้นกรีดร้องเสียงแหลม
“กรี๊ดดดด!”
“ออกไปจากบ้านข้าเดี๋ยวนี้ ไป!”
“โอ๊ย คุณพี่! ทำไมมาทำกับข้าแบบนี้!”
น่าแปลกที่ไม่มีใครห้าม ในบ้านนี้ไม่มีใครอยู่ข้างแจนยูเอรี ในวันแบบนี้เหล่าข้ารับใช้ที่ปฏิบัติอย่างเป็นกลางมาโดยตลอดก็กลายมาเป็นพวกของดัชเชสเอเฟรนี เพราะทุกคนต่างรู้ว่าแท้จริงแล้วแจนยูเอรีแสนจะยินดีที่คุณชายของพวกเขาจากไป
“เอาสายเลือดสกปรกของเจ้าออกไปจากบ้านของข้า!”
“กรี๊ด นางบ้านี่คิดจะฆ่าข้า!”
แจนยูเอรีที่กำลังตกใจก็กระชากผมของดัชเชสเอเฟรนีบ้าง ข้ารับใช้เห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปแยกทั้งคู่ออกจากกัน แจนยูเอรีปล่อยผมของดัชเชสโดยง่าย ตรงกันข้าม ดัชเชสเอเฟรนีกลับไม่ยอมปล่อย ช่างน่าแปลก คนที่ดูคล้ายคนใกล้ตายเช่นนี้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนมากมาย จนกระทั่งผมของแจนยูเอรีหลุดออกมากระจุกหนึ่ง ข้ารับใช้จึงแยกทั้งสองคนออกจากกันได้ ดัชเชสเอเฟรนีจ้องแจนยูเอรีด้วยแววตามุ่งร้าย คราวนี้แจนยูเอรีเองก็จ้องกลับอย่างไม่ยอมแพ้
“เจ้า”
“…”
“คงคิดว่าเมื่อลูกข้าตายไปแล้วทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นอย่างที่เจ้าหวังสินะ คิดว่าลูกชายที่มีเลือดของเจ้าอยู่ครึ่งหนึ่งจะได้เป็นผู้สืบตระกูลรึ?”
พูดจบ ดัชเชสเอเฟรนีก็หัวเราะด้วยสีหน้าน่าสยดสยอง ไม่มีใครเคยเห็นสีหน้าเช่นนี้ของนางมาก่อน
“มันจะเป็นไปตามที่เจ้าคิดหรือ คนที่สืบสายเลือดของตระกูลเอเฟรนีคือข้า มิใช่ชายผู้นั้น ท่าทางเจ้าจะเข้าใจอะไรผิดไปไกล หากข้ารับบุตรบุญธรรมและแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้สืบทอด สายเลือดชั้นต่ำของเจ้าก็จะเป็นแค่บุตรนอกกฎหมายตลอดไป รู้บ้างหรือไม่”
“เจ้าพูดเช่นนั้นได้อย่างไร…!”
แจนยูเอรีตื่นตระหนกกับการพูดอย่างไม่อ้อมค้อมของดัชเชสเอเฟรนีและตกใจกับข้อสันนิษฐานอันน่าขนลุกนั้น น่าเสียดายที่เรื่องที่ดัชเชสเอเฟรนีกล่าวมาเป็นเรื่องจริง หากดัชเชสเอเฟรนีรับบุตรบุญธรรมจริงๆ เขาก็จะกลายเป็นประมุขตระกูลคนต่อไป แจนยูเอรีถลึงตาอย่างมีโทสะเขม้นมองดัชเชสเอเฟรนีที่เข้าห้องไปอย่างเหนื่อยล้า
“เรียกเลดี้เปโตรนิยามาที”
แจนยูเอรีได้ยินสิ่งที่ดัชเชสเอเฟรนีสั่งพ่อบ้านก่อนเข้าห้องอย่างชัดเจน
ครั้นได้ยินว่าดัชเชสเอเฟรนีกลับมาถึงแล้วและเรียกหานาง เปโตรนิยาก็เดินทางมาที่คฤหาสน์ดยุกเอเฟรนีทันที เปโตรนิยาในชุดเดรสสีดำถูกกาลเทศะเคาะประตูคฤหาสน์ จากนั้นพ่อบ้านก็ออกมาต้อนรับนางดังเช่นทุกครั้ง
“เลดี้เปโตรนิยา ไม่พบกันนานนะขอรับ”
“ค่ะ นานแล้วจริงๆ”
“ดัชเชสกำลังรออยู่ขอรับ เชิญด้านใน…”
ระหว่างทาง เปโตรนิยาเอ่ยถามพ่อบ้านอย่างระมัดระวัง
“ดัชเชสมาถึงเมื่อไรหรือคะ”
“เพิ่งมาถึงได้ไม่นานขอรับ เลดี้”
“ไม่ทราบว่าดัชเชสดีขึ้นบ้างหรือไม่…”
ครั้นพูดออกไปแล้ว เปโตรนิยาถึงสำนึกได้ว่านั่นเป็นเรื่องที่ไม่ควรถาม สภาพจิตใจของดัชเชสเอเฟรนีจะดีได้อย่างไร นางเพิ่งเสียบุตรชายเพียงคนเดียวไปทั้งคน แต่ถึงกระนั้นพ่อบ้านก็ตอบคำถามของเปโตรนิยาอย่างสงบนิ่ง ไม่แสดงอาการใดๆ
“ไม่ค่อยดีขอรับ”
“นั่น…สินะคะ”
“หากเลดี้เป็นกำลังให้ดัชเชสได้ข้าจะดีใจอย่างมากเลยขอรับ”
“ว่าแต่ดูเหมือนดยุกเอเฟรนีจะไม่อยู่นะคะ ไม่เห็นเลย”
“ท่านเข้าวังด้วยเรื่องงานน่ะขอรับ”
“…”
ภรรยาหลวงเพิ่งจะสูญเสียทายาทหนึ่งเดียวไปและกลับมาจากต่างบ้านต่างเมือง แต่เขากลับเข้าวังไปทำงาน…เปโตรนิยาหัวเราะเยาะในใจ นี่เขาไม่รู้สถานะของตัวเองหรืออย่างไร หรือเขาติดอยู่กับความเคยชิน? ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เขาก็กำลังทำพลาดอย่างร้ายแรง
“ดัชเชส เปโตรนิยาเองค่ะ”
“เลดี้หรือ” เปโตรนิยาได้ยินน้ำเสียงไร้เรี่ยวแรงตอบรับจากด้านใน “เข้ามาเถิด”
เปโตรนิยาเปิดประตูเข้าไป ดัชเชสเอเฟรนีอยู่ในชุดสะอาดสะอ้านราวกับเพิ่งอาบน้ำเสร็จแต่ก็ไม่อาจปกปิดสีหน้าหม่นหมองอ่อนแรงได้ อีกฝ่ายคงทุกข์ใจไม่น้อย
“ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ ดัชเชส ท่านดูเป็นทุกข์มากทีเดียว” เปโตรนิยาเอ่ยถามสารทุกข์สุกดิบ
“เสียลูกชายคนเดียวไปทั้งคนนี่คะ” ดัชเชสเอเฟรนีตอบเสียงเรียบและเชิญเปโตรนิยานั่ง “นั่งก่อนสิคะ”
“ขอบคุณค่ะ ดัชเชส”
เปโตรนิยานั่งลงและเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างที่นางไม่อยู่
“ดัชเชสมอบหมายให้ข้าดูแลตระกูล แต่ข้าก็เป็นคนนอก จึงพยายามจะเข้ามาก้าวก่ายให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พ่อบ้านเป็นผู้รับผิดชอบงานส่วนใหญ่ ส่วนข้าคอยให้ความช่วยเหลือในเรื่องที่สำคัญเท่านั้นค่ะ”
“ด้วยเหตุนั้นข้าถึงได้ไหว้วานเลดี้ ต่อให้เลดี้ทำได้ไม่ดี แต่ก็ดีกว่าให้อนุภรรยาทำ”
ดัชเชสกล่าวอย่างเยาะหยัน ก่อนจะเอ่ยถาม “เลดี้สบายดีไหมคะ”
“ข้าสบายดีค่ะ แต่รอบตัวก็มีเรื่องวุ่นวายอยู่บ้าง”
“อย่างไรหรือคะ”
“พระจักรพรรดินีถูกลอบปลงพระชนม์ค่ะ” เปโตรนิยาตอบตามตรง “เราจับเป็นนักฆ่าได้ ตอนนี้กำลังสอบสวนเพื่อให้รับสารภาพ”
“เช่นนั้นยังจับผู้ต้องสงสัยไม่ได้หรือ”
“มาร์เชอเนสเอธิลเลอร์ถูกคุมขังอยู่ค่ะ”
“ผู้หญิงคนนั้นน่ะหรือ”
ดัชเชสเอเฟรนีถามพลางขมวดคิ้ว ตามหลักการแล้วโรสมอนด์เป็นบุตรีบุญธรรมของตระกูลเอเฟรนีจึงนับว่าเป็นบุตรีบุญธรรมของดัชเชสเอเฟรนีด้วย แต่เห็นได้ชัดว่าดัชเชสเอเฟรนีมิได้สนใจข่าวคราวของบุตรีบุญธรรมแม้แต่น้อย ว่ากันตามจริงแล้วนางก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะต้องสนใจบุตรสาวที่สามีรับเข้าตระกูลด้วยเหตุผลทางการเมือง
เปโตรนิยาอธิบายต่อ “พระจักรพรรดิทรงได้ยินนางพูดเรื่องสังหารพระจักรพรรดินีค่ะ ด้วยเหตุนั้นนางจึงถูกสั่งจำคุกทันที เพราะนี่มิใช่แค่การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทั้งยังมิใช่ความผิดครั้งแรก”
“เป็นเช่นนั้นนี่เอง”
“ไม่ตกใจเลยหรือคะ”
“ข้าไม่สนใจนางหรอกค่ะ เลดี้ ที่นางได้เข้ามาเป็นสมาชิกของตระกูลล้วนเป็นความประสงค์ของสามีเพียงฝ่ายเดียว มาร์เชอเนสเอธิลเลอร์ไม่เคยมาแนะนำตัวกับข้าผู้เป็นมารดาบุญธรรม ข้าคิดว่านางไม่ได้ต้องการความสัมพันธ์แบบแม่ลูกทั่วไปหรอกค่ะ”
“…”
เมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง เปโตรนิยาก็ปิดปากเงียบอย่างคนไม่มีอะไรจะกล่าว ดัชเชสเอเฟรนีเห็นดังนั้นก็ไม่พูดถึงอีก
“ช่วงที่ผ่านมาในเมืองหลวงมีข่าวคราวอื่นใดอีกหรือไม่คะ” ดัชเชสเอเฟรนีเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“…”
ทันใดนั้นเปโตรนิยาก็ลังเลว่าตนควรทำตามแผนเลยหรือไม่ อีกฝ่ายเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่เพิ่งสูญเสียบุตรชาย การเอ่ยถึงข่าวลือที่บอกว่าบุตรชายที่เพิ่งตายไปเกิดมาเพราะมารดาถูกขืนใจออกจะโหดร้ายและผิดหลักมนุษยธรรมเกินไป ทว่า…
‘จะให้เรื่องยืดเยื้อต่อไปไม่ได้’
เปโตรนิยาตั้งใจแน่วแน่และเอ่ยปาก “มีข่าวลือไร้ศีลธรรมอยู่เรื่องหนึ่งค่ะ”
“ข่าวลือไร้ศีลธรรมหรือ”
“…”
เปโตรนิยาลังเลอีกครั้ง ทว่า หาใช่การยั้งใจด้วยรู้สึกผิดบาปแต่กระทำไปเพื่อสร้างความสงสัยให้อีกฝ่ายมากยิ่งขึ้น และดัชเชสเอเฟรนีก็เอ่ยถามอย่างอดรนทนไม่ไหวอย่างที่คาด
“สรุปแล้วเป็นเรื่องอันใดหรือคะ เลดี้”
“ข้าไม่แน่ใจว่า…ควรบอกเรื่องนี้ให้ดัชเชสทราบหรือไม่”
“เป็นเรื่องเกี่ยวกับข้า…หรือจะเกี่ยวกับลูกข้า?”
“จะกล่าวเช่นนั้นก็…”
“บอกมาเถอะค่ะ เลดี้ หากเป็นเรื่องนั้นข้าก็ยิ่งต้องรู้มิใช่หรือ”
เปโตรนิยาเห็นดัชเชสเอเฟรนีเร่งเร้านางก็ทำทีเป็นใคร่ครวญก่อนจะเอ่ยปาก
“แต่เรื่องนี้ไม่น่าฟังเอาเสียเลย…”
“แล้วมันเป็นเรื่องอันใดกัน”
“ดยุกเอเฟรนีแต่งงานกับดัชเชสในฐานะบุตรของบารอนใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ”
“คนเขาพูดกันถึงเรื่องนั้นค่ะ”
“เพราะมันเป็นเรื่องแปลกประหลาดน่ะสิคะ”
“ดัชเชสแต่งงานกับใต้เท้าด้วยความรัก จริงไหมคะ”
ได้ยินคำถามนั้น คิ้วของดัชเชสเอเฟรนีก็ยกขึ้นข้างหนึ่งอย่างฉงน
“จู่ๆ ไฉนจึงถามเช่นนั้นคะ” ดัชเชสถาม
“ดัชเชส” เปโตรนิยาถอนหายใจเบาๆ และพูดต่อ “ข้าเองก็ไม่รู้ว่าข่าวลือพิสดารนี้เริ่มมาจากที่ใด แต่ตอนนี้ผู้คนลือกันไปทั่วแล้วว่าใต้เท้าขืนใจท่านจนตั้งครรภ์จึงต้องแต่งงานกันอย่างเลี่ยงมิได้ค่ะ”
“…อะไรนะคะ”
“ข้าเองก็ได้ยินมาเช่นนั้น…”
“ใครเป็นคนปล่อยข่าวเช่นนั้น…เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ”
ดัชเชสพึมพำ ร่างกายสั่นเทาอย่างน่าสงสาร ขณะที่เปโตรนิยาก็สนับสนุนคำพูดของนาง
“ค่ะ ย่อมเป็นไปไม่ได้แน่นอน หากว่า…” เสียงของเปโตรนิยาทุ้มต่ำลงเล็กน้อย “…ดัชเชสแต่งงานกับใต้เท้าด้วยความรักจริงๆ”