Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี - ตอนที่ 9 สัญญาแลกเปลี่ยน
“ใช่”
“เสด็จมาหาหม่อมฉันถึงนี่ ข่าวลือนั่นคงเป็นเรื่องจริงสินะเพคะ”
“ใช่”
เขาไม่ยักจะปฏิเสธ ไม่รู้เขาคิดว่านั่นเป็นสิ่งดีงามหรืออย่างไรถึงได้มั่นอกมั่นใจเช่นนี้ แน่นอนว่าการคัดเลือกจักรพรรดินีไม่ได้มาจากความประสงค์ของเขาโดยแท้จริง เพราะฉะนั้นการที่เขาจะรักใครคนอื่นที่ไม่ใช่จักรพรรดินีก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
คิดๆ ดูแล้ว ชายคนนี้ก็น่าสงสารอยู่เหมือนกัน เพราะเขามีตำแหน่งเป็นถึงจักรพรรดิ เขาจึงไม่สามารถอยู่กินกับคนที่เขารักอย่างออกหน้าออกตาได้ แต่แน่นอนว่าในสายตาของจักรพรรดินีคงไม่มีใครเหมือนขยะไปมากกว่าเขาอีกแล้ว
“ดังนั้น เหตุผลที่เสด็จมาหาหม่อมฉันคือจะทรงมากำชับว่าอย่าแตะต้องผู้หญิงคนนั้นตามอำเภอใจ ถูกต้องหรือไม่เพคะ”
“ถูกต้อง เจ้านี่ฉลาดทีเดียว”
นางไม่เคยถูกชมแล้วรู้สึกหงุดหงิดเช่นนี้มาก่อน แพทริเซียเพิ่งตระหนักได้เป็นครั้งแรกในชีวิตว่าคำชมสามารถเป็นอาวุธที่ร้ายกาจกว่าคำด่าได้
“หม่อมฉันไม่ประสงค์ความรัก ความเสน่หาจากพระองค์หรอกเพคะ ส่วนผู้หญิงคนนั้น ถ้าไม่มีเรื่องเหลืออดจริงๆ หม่อมฉันก็จะไม่แตะต้อง”
“ดี”
“เช่นนั้นแล้ว…”
แพทริเซียตัดสินใจที่จะสร้างข้อต่อรอง
“พระองค์จะพระราชทานสิ่งใดให้หม่อมฉันหรือเพคะ”
“…หา?”
สีหน้าของเขายับย่นขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่านางจะถามในเรื่องที่เขาไม่คาดคิด ทว่า สีหน้าของแพทริเซียไม่มีความเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย นางพูดต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“หม่อมฉันสนองความปรารถนาของพระองค์แล้ว หม่อมฉันก็ควรได้สิ่งตอบแทนมิใช่หรือเพคะ หม่อมฉันได้สละสิ่งสำคัญในฐานะจักรพรรดินีไปถึงสองสิ่ง หนึ่งคือพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ และสองคือการลงโทษอนุภรรยาของพระองค์ หม่อมฉันช่วยพระองค์คลายปัญหาถึงสองข้อ พระองค์ก็ควรจะพระราชทานสิ่งที่สมน้ำสมเนื้อแก่หม่อมฉันเพคะ”
“นี่เจ้ากำลังต่อรองกับเราหรือ”
“พระองค์จะไม่เสียอะไรเพคะ มันไม่ใช่ข้อเรียกร้องที่เกินตัวถึงเพียงนั้น”
“…”
แพทริเซียพูดออกมาอย่างแข็งกร้าว ลูซิโอจ้องอีกฝ่ายเขม็ง ไม่นานเขาก็เอ่ยปากพูด
“ก็ได้ ลองว่ามา”
“หม่อมฉันขอสองประการเพคะ ประการแรก จักรพรรดิองค์ต่อไปจะต้องเป็นบุตรของหม่อมฉัน”
“…ข้อสอง?”
“ประการที่สอง…หม่อมฉันขอไม่ให้พระองค์มีทายาทกับอนุภรรยาผู้นั้น”
แพทริเซียไม่ปรารถนาสิ่งอื่นใด วิธีแก้แค้นที่ดีที่สุดที่นางต้องการคือหลังจากที่จักรพรรดิเสด็จสวรรคต นางจะกลายเป็นพระพันปี และได้คอยเฝ้าดูบุตรชายของตนขึ้นเป็นจักรพรรดิ เพราะถึงอย่างไรอนุภรรยาผู้นั้นก็จะได้ชูคอแค่ตอนที่จักรพรรดิยังมีชีวิตอยู่ หากสิ้นจักรพรรดิแล้ว จะจัดการอย่างไรก็ย่อมได้
และการที่นางขอไม่ให้เขามีลูกกับโรสมอนด์นั้น…คือศักดิ์ศรีสุดท้ายที่แพทริเซียอยากรักษาไว้ อีกทั้งนี่ยังเป็นสิ่งที่เกี่ยวพันถึงสวัสดิภาพของตัวนางอีกด้วย หากโรสมอนด์ให้กำเนิดพระราชโอรสก่อนนาง นั่นจะเป็นภัยต่อสวัสดิภาพของนางอย่างใหญ่หลวง
“จะทรงให้สัญญาได้ไหมเพคะ”
“เฮ้อ ก็ได้”
มุมปากด้านหนึ่งของเขาเชิดขึ้นก่อนที่ร่างสูงจะกระทืบเท้าเพื่อยันตัวลุกขึ้น แพทริเซียค่อยๆ ลุกขึ้นตาม สีหน้าของนางยังคงไร้อารมณ์เช่นเดิม แต่สีหน้าของอีกฝ่ายเจือด้วยโทสะเล็กน้อย
ลูซิโอเดินออกจากห้องไปโดยไม่เอ่ยคำลา เมื่อนั้นแพทริเซียจึงค่อยถอนหายใจและทรุดตัวลงนั่ง
อย่างน้อยในตอนนี้ได้เท่านี้ก็พอแล้ว
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่แพทริเซียลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียงที่นอนคนเดียว นางก็ส่งจดหมายไปถึงราฟาเอลาเรื่องขอให้อีกฝ่ายมาเป็นอัศวินราชองครักษ์ของนาง ตามจริงแล้วในตอนนี้คนที่นางไว้ใจได้ก็มีแค่ราฟาเอลาเท่านั้น อีกทั้งการจะให้คนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามาเป็นองครักษ์ก็อันตรายเกินไป เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต
ราฟาเอลาตอบรับข้อเสนออย่างเต็มใจ แน่นอนว่าหากสิ้นมาร์ควิสบริงสโตนแล้ว นางจำต้องกลับตระกูลเพื่อสืบทอดตำแหน่งประมุขของตระกูล แต่ตอนนี้มาร์ควิสบริงสโตนยังไม่ได้อายุมากถึงเพียงนั้น อย่างน้อยเขาก็น่าจะมีชีวิตอยู่จนถึงตอนที่แพทริเซียให้กำเนิดพระราชโอรสได้
หลังจากที่ราฟาเอลาตัดสินใจแล้ว ในวันรุ่งขึ้นนางก็เข้าวังทันที
ตอนนี้ราฟาเอลาอยู่ในชุดเกราะแทนชุดเดรส แต่นางยังคงยังงดงามไม่เปลี่ยน ราฟาเอลาจ้องมองสหายซึ่งตอนนี้ไม่ใช่เลดี้แพทริเซีย แต่เป็นจักรพรรดินีแพทริเซียแล้ว ไม่นานนางก็ได้สติและรีบทำความเคารพแพทริเซียในฐานะอัศวิน
“หม่อมฉัน ราฟาเอลา บริงสโตน ถวายบังคมองค์จันทรา”
“เดม[1]ราฟาเอลา ลุกขึ้นเถิด”
แพทริเซียรู้สึกแปลกๆ ที่ต้องพูดกับสหายเช่นนี้ แต่นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
ที่แห่งนี้คือพระราชวัง มีกฎข้อห้ามต่างๆ มากมาย ทำให้ไม่สามารถทำอะไรได้ดั่งใจนึก แพทริเซียพยายามลดระยะห่างระหว่างนางกับสหายให้มากที่สุดโดยการเข้าไปประคองให้ราฟาเอลาลุกขึ้น อีกฝ่ายยิ้มและพูดกับนาง
“พอได้เป็นจักรพรรดินีแล้วทรงพระสิริโฉมงดงามขึ้นมากเพคะ”
“พูดอะไรแบบนั้น ข้าฟังแล้วเขิน นั่งก่อนสิ”
หลังจากมีร์ยายกชามาให้ทั้งคู่และออกจากห้องไป ราฟาเอลาจึงพูดแบบธรรมดาได้ นางทำหน้าโล่งอกราวกับอดกลั้นเอาไว้นาน
“โอ๊ย ข้ารู้สึกขัดๆ ไม่รู้เมื่อไรจะชิน”
“แรกๆ ก็แปลกเช่นนี้แหละ เดี๋ยวก็ชิน ตอนที่อยู่กันสองคนก็ปฏิบัติต่อข้าอย่างธรรมดาเถอะ ไม่เช่นนั้นข้ามีหวังได้ลืมการพูดอย่างชาวบ้านทั่วไปแน่ๆ”
“อย่ามาว่าข้ากำแหงแล้วสั่งกุดคอข้าทีหลังล่ะ คืนแรก…ผ่านไปได้ด้วยดีหรือไม่”
แพทริเซียได้แต่ส่ายหน้าเมื่อจู่ๆ ราฟาเอลาก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องในที่ลับ คืนแรกอะไรกัน ที่ทำก็แค่นั่งประจันหน้าคุยกันเท่านั้น ราฟาเอลาทำหน้าเหมือนไม่เชื่อที่แพทริเซียพูด
“แต่…ทำไมล่ะ หรือว่า…ข่าวลือนั่นเป็นเรื่องจริงหรือ”
“อืม”
แพทริเซียตอบเสียงเรียบ แต่กลายเป็นว่าคนที่ร้อนเหมือนไฟสุมอกคือราฟาเอลา ไยเจ้าจึงนิ่งเฉยกับเรื่องพรรค์นี้ได้ ราฟาเอลาพูดกับแพทริเซียด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อกับเหตุการณ์ตรงหน้า
“ริซซี่ ไม่สิ ฝ่าบาท นี่เป็นปัญหาร้ายแรงนะ เจ้าก็รู้ว่าที่ยืนของจักรพรรดินีที่ไม่ได้รับความรักจากจักรพรรดิจะน้อยลงแค่ไหน”
“รู้ แต่ปัญหานี้ข้าไม่สามารถแก้ได้ด้วยกำลังของข้าเองนะ เอล่า เจ้าก็รู้ ต่อให้ข้าพยายามเพื่อที่จะกุมพระทัยขององค์จักรพรรดิ พระองค์ก็ทรงไม่เปลี่ยนพระทัย สู้เอาเวลาไปคิดหาวิธีรับมือกับอนาคตอันแสนไกลจะดีกว่า”
“ตอบได้สมเป็นเจ้า แต่ว่าริซซี่…มันคงไม่ได้เป็นไปดังที่เจ้าตั้งใจเสียทุกเรื่องหรอก”
“หมายความว่าอย่างไร”
“หากข้าเป็นอนุภรรยาของพระจักรพรรดิ ข้าจะหาทางลากเจ้าลงมาจากตำแหน่งให้ได้”
ราฟาเอลาพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แพทริเซียซึ่งเป็นภรรยาหลวง อีกทั้งยังเป็นบุตรีของมาร์ควิส คงไม่ตกบัลลังก์เพียงเพราะไม่ได้รับความรักจากจักรพรรดิกระมัง
แต่หากนางเป็นอนุภรรยาของจักรพรรดิ นางคงทำทุกวิถีทางเพื่อให้แพทริเซียตกต่ำลงมา เพราะนั่นจะเป็นการรับประกันความปลอดภัยของตัวเองแม้จะสิ้นองค์จักรพรรดิไปแล้ว
“ริซซี่ นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าควรนิ่งนอนใจนะ ที่ข้าพูด…เจ้าเข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจสิ”
เรื่องนี้แพทริเซียรู้อยู่เต็มอก เพราะชาติก่อนโรสมอนด์ก็ทำเช่นนั้น แต่ถ้าชาตินี้นางยังจะทำเช่นนั้นอีก แพทริเซียก็ไม่คิดจะนิ่งเฉยเช่นกัน นี่ไม่ใช่การแก้แค้น แต่มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับชีวิตและครอบครัวของตน
การถูกปลดจากบัลลังก์ในจักรวรรดิมาวินอสหมายถึงความตาย จักรพรรดินีตกบัลลังก์ที่ยังคงความสง่างามและภูมิฐานนั้นไม่มีทางมีได้ เพราะก่อนที่จะถูกขนานนามเช่นนั้น ทั้งตัวเองและครอบครัวคงกลายเป็นน้ำค้างและสลายไปในลานประหาร[2]เสียก่อนแล้ว
“ไม่ต้องห่วงนะเอล่า ข้าไม่ปล่อยให้เรื่องเป็นเช่นนั้นแน่
“อืม ข้าเชื่อ เจ้าฉลาดอยู่แล้ว แต่ต้องระวังตัวอยู่เสมอนะ”
“เจ้าจะปกป้องข้าใช่ไหม”
“ทางกายภาพนั้นแน่นอนอยู่แล้ว แต่สำหรับเรื่องอื่นๆ เช่น เรื่องการเมือง ข้าเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน เจ้าก็รู้นี่”
“แค่อย่างแรกก็พอ เท่านั้นก็ขอบคุณมากแล้ว”
“เช่นนั้นก็แล้วไป”
ราฟาเอลาหัวเราะเบาๆ มันผู้ใดที่จะจู่โจมเข้ามาทำร้ายแพทริเซีย ตัวนางจะลงทัณฑ์มันเอง แต่ถ้าไม่ใช่วิธีนั้น นางก็หมดปัญญา เพราะนั่นไม่ใช่ขอบเขตของนาง ราฟาเอลาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ตอนนี้ฝ่าบาทอาจจะแค่หลงผิดชั่ววูบ ริซซี่ หลงผิดมานาน…หากเจ้าไม่ปิดใจก็คงจะดี”
“เช่นนั้นหรือ”
แพทริเซียพูดคำที่กำกวมแทนคำตอบ ไม่หรอก ราฟาเอลา นี่ไม่แค่ชั่ววูบ ถ้าชั่ววูบจริง เขาคงไม่เย็นชากับพี่สาวของข้าจนถึงวาระสุดท้าย และคงไม่มอบบรรดาศักดิ์ให้บุตรีของบารอนได้เป็นมาร์เชอเนสจนสุดท้ายก็มอบตำแหน่งจักรพรรดินีให้อีก
***
โรสมอนด์ตื่นสาย นางมองลูซิโอที่นอนอยู่เคียงข้างด้วยดวงตาปรือๆ
สามีข้ารูปงามเหลือเกิน โรสมอนด์มองอย่างพินิจพิเคราะห์ด้วยแววตากรุ้มกริ่ม ก่อนจะลูบคลำร่างกายของเขาไปทั่วด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ได้ยินว่าวันนี้ไม่มีราชกิจ เพราะฉะนั้นจะร่วมรักกันอีกสักหนคงไม่เสียหาย
“อึก!”
ลูซิโอลืมตาโพลงก่อนจะกดโรสมอนด์ลงกับเตียง เขาดูดดุนที่กระดูกไหปลาร้าแทนที่จะเป็นริมฝีปากจนขึ้นสีแดงอ่อนๆ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงติดแหบนิดๆ
“ไยจึงไม่มีความกลัวบ้างเลย หืม?”
“พระองค์ก็ทรงไม่กลัวสิ่งใดนี่เพคะ”
นางยิ้มทรงเสน่ห์ก่อนจะได้ใจยกมือลูบไล้แผงอกของอีกฝ่าย เขาหัวเราะเสียงต่ำ ก่อนจะพูดกับนาง
“ถ้าเมื่อวานข้าอยู่กับจักรพรรดินีคงแย่เลย”
“หม่อมฉันคงร้องไห้เลยล่ะเพคะ”
นางใช้นิ้วหัวแม่มือเรียวยาวลากไล้จากหน้าอกของเขาลงไปยังเบื้องล่าง
“ร้องไห้คิดถึงพระองค์ทั้งคืน”
“ข้าจึงมาอยู่ด้วยทั้งคืนแล้วนี่อย่างไร เมื่อวานก็ทำไปเสียขนาดนั้น ยังไม่พออีกหรือ”
“หากเป็นพระองค์ หม่อมฉันไม่เคยรู้สึกพอเพคะ พระองค์ก็ทรงทราบ”
เมื่อเรียวนิ้วของนางจวนเจียนจะแตะจุดอันตราย เขาก็เอ่ยเตือน
“…เช้าแล้ว พอเถอะ”
“จริงหรือเพคะ”
“ถ้าเริ่มตอนนี้แล้วจะจบเมื่อไรเล่า”
“ก็…จนถึงมืดค่ำหม่อมฉันก็ไม่ว่ากระไรนะเพคะ”
นางยิ้มอ่อนๆ ก่อนจะขยับมืออย่างยั่วเย้า เขาสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่ นางร้อนแรงบนเตียงเสมอ และเขาไม่มีทางรังเกียจแน่นอน ตรงกันข้ามกลับชอบเสียอีก เขาบดขยี้ริมฝีปากของอีกฝ่ายราวกับเป็นเรื่องที่ยากจะหลีกเลี่ยงและป้ายความผิดไปให้นาง
“เจ้ายั่วข้าก่อนนะ”
“เพคะ เอาเป็นว่าหม่อมฉันเป็นคนเริ่มก่อนเอง”
แม้ตอนนี้แดดยามเช้าจะส่องแสงสว่างจ้าแล้ว แต่ทั้งสองก็ยังแหวกว่ายอยู่ในราตรีกาล และราตรีนั้นคงจะสิ้นสุดเมื่อถึงยามที่อาทิตย์ขึ้นตรงศีรษะ
***
ตั้งแต่ก่อนจัดพิธีแต่งงาน แพทริเซียก็ตั้งใจว่าจะทำงานของตัวเองให้ดีเท่านั้น นางจะไม่ไปยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของลูซิโอ
เพราะนางเข้าวังมาในฐานะจักรพรรดินี หาใช่เข้าวังมาเพื่อเป็นข้ารับใช้ยามค่ำคืนให้จักรพรรดิ
นางไม่อยากถูกจับผิด และอย่างน้อย นางต้องทำหน้าที่ของจักรพรรดินีให้ดี เพราะมันจะช่วยนางได้ในยามต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากในภายหลัง ไม่แน่ว่านางอาจเรียกความสงสารได้ก็เป็นได้
“ถวายบังคมพระจักรพรรดินี องค์จันทราผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดิ ขอจงทรงพระเจริญ”
ดัชเชสเอเฟรนีมาหาแพทริเซียและแสดงความเคารพอย่างเป็นทางการ เดิมทีดัชเชสเอเฟรนีปฏิบัติหน้าที่ของจักรพรรดินีทั้งหมด แต่ตอนนี้แพทริเซียกลายเป็นเจ้าของตำหนักจักรพรรดินีแล้วจึงต้องเปลี่ยนผู้ที่จะตัดสินใจเรื่องทั้งหมดในที่นี้
แพทริเซียยิ้มอย่างคนนุ่มนวลและตอบรับคำทักทายของดัชเชสเอเฟรนี
“ไม่เจอกันนานนะคะดัสเชสเอเฟรนี สบายดีไหมคะ”
“หม่อมฉันสบายดีเพราะได้รับพระมหากรุณาธิคุรจากองค์จันทราดวงใหม่เพคะ ฝ่าบาท หม่อมฉันขอขอบพระคุณที่ทรงห่วงใย”
จากนั้นนางก็ส่งสายตาให้บรรดาข้ารับใช้ที่ยืนอยู่ พวกนางเดินมายังโต๊ะที่แพทริเซียนั่งและวางเอกสารกองมหึมาลงบนนั้น แพทริเซียเกือบขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวแต่นางไหวตัวทัน และถามเสียงเรียบ
“เอกสารอะไรหรือคะ”
“อย่างที่ทรงทราบว่าหม่อมฉันทำหน้าที่แทนจักรพรรดินีทั้งหมดมากว่าสิบปี”
ดัชเชสเอเฟรนีทำงานทั้งหมดแทนจักรพรรดินีตั้งแต่จักรพรรดิองค์ก่อนขึ้นครองราชย์ นางทำงานแทบทุกอย่างยกเว้นเพียงงานที่ต้องให้จักรพรรดินีเป็นคนตัดสินใจชี้ขาด
หลังจากที่จักรพรรดินีองค์ก่อนซึ่งก็คือจักรพรรดินีอลิซาถูกปลดจากตำแหน่ง จักรพรรดิองค์ก่อนก็ไม่ได้แต่งตั้งจักรพรรดินีองค์ใหม่ ดัชเชสเอเฟรนีจึงต้องทำงานทั้งหมด เพราะฉะนั้นข้าราชบริพารฝ่ายในส่วนใหญ่จึงถือว่านางเป็นหัวหน้าฝ่ายในและทำตามคำสั่งเงียบๆ
“นี่คือเอกสารทั้งหมดที่หม่อมฉันคิดว่าพระองค์ควรทราบเพคะ หากทรงทำความเข้าใจกับเอกสารทั้งหมดนี้ไว้ก็จะเป็นการดี”
“หากท่านว่าดี เราก็จะทำตามค่ะ”
“เพคะ พระองค์ทรงเข้าวังและเพิ่งได้รับการอบรมมาไม่เท่าไร ฉะนั้นหากจะมอบหมายให้พระองค์ทรงงานของฝ่ายในทันทีคงจะลำบากพระทัย หม่อมฉันจึงจะปฏิบัติหน้าที่ในราชวงศ์ต่อไปอีกสักระยะเพคะ”
“เช่นนั้นแล้วเราต้องทำอะไรในระหว่างนั้นคะ”
“จะเป็นการดีหากพระองค์ทรงเข้ารับการอบรมที่เหลือต่อไปอีกหนึ่งปีเพคะ”
“…”
แพทริเซียทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ที่อีกฝ่ายพูดมาก็ไม่ผิดแม้แต่น้อย ดัชเชสเอเฟรนีปฏิบัติงานในราชวงศ์มาก็เกินยี่สิบปีแล้ว
นางน่าจะทำงานได้ดีว่าคนที่เพิ่งเข้ามาอย่างตน และตนก็ไม่คิดจะเอาตำแหน่งจักรพรรดินีแค่เปลือกมาใช้ข่มขู่คนด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นในอดีตเปโตรนิยาก็เข้ารับการอบรมหนึ่งปีและในระหว่างนั้นก็แต่งตั้งให้ดัชเชสเอเฟรนีปฏิบัติงานในราชวงศ์ไปก่อน ฉะนั้นสำหรับแพทริเซียแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทว่า…
[1] เดม หรือ ดาม (Dame) คือ ฐานันดรศักดิ์ยุโรปของสตรีชนชั้นสูงที่เป็นสมาชิกในสภาอัศวิน โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักร ใช้เป็นคำนำหน้าชื่อเหมือนคำว่า ‘เซอร์’ ที่ใช้สำหรับบุรุษ
[2] น้ำค้างในที่นี่มาจากสำนวน น้ำค้างในลานประหาร (형장의 이슬) น้ำค้างเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเช้ามืดและมักจะสลายหายไปในตอนเช้าที่อุณหภูมิสูงขึ้น จึงใช้เปรียบเปรยกับชีวิตที่เปราะบางของมนุษย์ที่มีเกิดย่อมมีดับ และใช้เปรียบเปรยกับผู้ที่เสียชีวิตโดยการถูกประหารชีวิต