ตอนที่ 4: ข้อเสนอ
“ฉันอยากมีอินะโมริคุงมาอยู่เคียงข้างและตามใจจนเสียคนเลย! ไม่สิ! จะเอาให้ถึงขั้นอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีฉันเลยค่ะ! ไม่ต้องพูดบอกว่าพูดเกินจริงนะคะเพราะฉันจะทำให้ดู!!”
“เอ๊ะ…?”
ถามจริงนี่เธอพูดอะไรออกมาน่ะ?
ในตอนที่เธอโพสท่าบ้าๆออกมา โทโจซังก็ประกาศออกมาอย่างชัดเจน
คำพูดและการกระทำที่ประหลาดๆทำให้หัวของผมเย็นลงทันที
“ถ้าอินะโมริคุงแต่งงานกับฉัน ฉันสัญญาเลยว่าจะดูแลไปตลอดชีวิต ฉันจะไม่ทำให้ชีวิตของอินะโมริคุงลำบากอีกเลยและจะทำให้มีความสุขที่สุดเลย”
“มันฟังดู… เป็นสิ่งที่ดีมากเลยนะ”
ตอนแรกผมนึกว่าจะถูกชวนเชิญให้เข้าลัทธิบางอย่าง
ทุกคำที่เธอพูดมาจนถึงตอนนี้เหมือนจะผูกมัดจิตใจผมไว้ มันอาจจะเป็นการล้างสมองก็ได้—
“คิดว่าฉันน่าสงสัยเหรอคะ?”
“เพราะ… ที่พูดมามันดีเกินไป”
“มู่~ ฉันคิดว่าฉันต้องอธิบายว่าทำไมฉันถึงตกหลุมรักอินาโมริคุงดีเพิ่มอีกหน่อยสินะ”
โทโจซังปรับอารมณ์ให้เย็นลงแล้วจิบชาที่ชงไว้
“เอิ่ม… อินะโมริคุงรู้ไหมว่าฉันเป็นคนแบบไหน”
“ผมไม่เคยคุยกับโทโจซังจริงๆเลย ผมเลยไม่รู้อะไรมากนัก แต่ผมคิดว่าโทโจซังเป็นคนร่าเริง เข้ากับได้กับทุกคน และก็ใจดีกับทุกคน”
“ฉันดีใจจังดูเหมือนว่าฉันได้รักษารูปลักษณ์ของฉันไว้ได้อย่างเหมาะสม”
เธอเอามือวางที่หน้าอกด้วยความโล่งใจ
ผมไม่แน่ใจว่าได้ยินถูกหรือเปล่า
หากเธอบอกว่า ‘รักษาภาพลักษณ์’ ไว้ แสดงว่านั่นไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเธอ
“ตอนที่ฉันอยู่มัธยมต้น ฉันใช้เวลาทั้งวันอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ เหมือนกับตอนนี้”
“แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้นเลย”
โทโจซังพูดด้วยความไม่พอใจบนใบหน้าของเธอ
“บางครั้งพวกเขาจะพูดว่า ช่วยแบ่งเงินให้พวกเราใช้บ้างสิ เราเป็นเพื่อนกันใช่มั้ย’ “
“อื้ม…”
“พวกเขาไม่เคยคิดว่าฉันเป็นเพื่อนจริงๆ ฉันเดาว่าพวกเขาคิดว่าฉันเป็นเพียงถุงเงิน ดังนั้น ตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย ฉันก็พยายามเป็นศูนย์กลางเสมอ เพื่อไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบอีกต่อไป”
อ้อ นั่นเป็นเหตุผลสินะ
“ฉันเป็นคนที่ไม่ชอบคนที่เข้าหาฉันเพื่อเงิน นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันสามารถเห็นอกเห็นใจความรู้สึกตอนที่อินะโมริคุงที่ยอมทิ้งเงินให้ญาติ และฉันคิดว่าถ้าเป็นอินะโมริคุงที่เข้าใจความรู้สึกนี้จะไม่เข้าหาฉันด้วยเรื่องของเงินแน่นอน”
“…”
“ไม่คิดจะอยู่ด้วยกันหน่อยเหรอ?”
ผมกำลังจะถูกโน้มน้าวใจ แต่ตอนนี้ผมยอมรับสิ่งที่เธอพูดแล้ว แต่ยังมีอย่างอื่นที่กวนใจอยู่
“แต่ถ้าผมแต่งงานกับโทโจซัง นั่นไม่ได้หมายความว่าผมต้องการเงินเหมือนกันเหรอ?”
“ฉันเป็นคนเสนอเอง ดังนั้นไม่เป็นไร!”
“เอ๊ะ…?”
“ตั้งแต่แรกฉันเป็นคนพยายามใช้เงินมาล่อลวงอินะโมริคุงเองนินา ดังนั้นไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน”
มันเป็นอย่างนั้นเหรอ?
ไม่ว่าเธอจะอธิบายมากแค่ไหน มันก็ฟังดูเหมือนเรื่องไร้สาระอยู่ดี แต่ยังไงก็ดูเหมือนจะสมเหตุสมผลในใจของเธอ
“ฉันจะต้องรับช่วงต่อ โทโจกรุ๊ป จากพ่อทันทีที่จบมหาวิทยาลัย ตอนที่ฉันเรียนอยู่มัธยมปลาย ปี 1 ฉันก็ลองทำธุรกิจง่ายๆเองดู บ้านหลังนี้ไม่ได้ใช้เงินพ่อชื้อมา แต่ใช้กำไรที่ฉันหามาได้ด้วยตัวเองชื้อมาจากพ่อ”
“เอ๊ะ?
“… อืม ฉันซื้อมาด้วยการให้พ่อของฉันเซ็นในฐานะผู้ค้ำประกัน แต่สิ่งที่อยากบอกก็คือฉันมั่นใจว่าจะทำอินาโมริคุงจะไม่ลำบากแน่อน! แน่นอนว่ามีบางอย่างที่ฉันอยากให้อินะโมริคุงทำเช่นกัน!”
“ให้ทำอะไรเหรอ…?”
เธอจ้องมาที่ผมด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเป็นพิเศษ
อินาโมริคุงจะต้องตามใจฉันทุกอย่า ตอนที่ฉันกลับมาถึงบ้านหลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน!”
“… อืม?”
“ลูบหัวฉัน อาบน้ำกับฉัน กินข้าวเย็นกับฉัน และนอนบนเตียงกับฉันในอ้อมแขนของอินาโมริคุง ฉันต้องการให้ทำสิ่งนี้ทุกวัน!”
“อืม… ผมสามารถทำงานบ้านและอะไรแบบนั้นได้…”
“เรื่องทำความสะอาดฉันจะให้พวกเมดทำให้ และฉันจะทำอาหารเย็นให้อินาโมริคุงทาน การทำอาหารเป็นงานอดิเรกที่ฉันชอบมาก แม้ว่าฉันจะต้องการให้คนอื่นช่วย แต่ฉันจะไม่มอบการทำอาหารให้คนอื่น!”
เป็นข้อเสนอที่เหลือเชื่อมาก
“สิ่งที่ยากที่สุดที่อยากให้อินะโมริคุงทำ ฉันจะบอกว่า…”
“บอกว่า…?”
“—ฉันอยากให้อินะโมริคุงเป็นคนใจดี”
ดวงตาของโทโจซังหรี่ลงราวกับว่าเธอกำลังดูวัตถุขนาดจิ๋ว
ผมแน่ใจว่าเมื่อมองเธอ ตาของผมอาจจะเป็นเหมือนกัน
โทโจซัง นั้นรู้สึกโหยหาผม
มันเป็นความจริง แต่มันไม่รู้สึกเหมือนเป็นความจริงเลย
“ฉันต้องการอินะโมริคุง ฉันอยากให้มาอยู่เคียงข้างฉัน จนกว่าแสงสว่างในชีวิตของฉันจะดับลง ฉันต้องการให้อินะโมริคุงอยู่ในหลุมศพเดียวกันกับฉัน และถ้าเป็นไปได้ ฉันก็ต้องการอยู่ด้วยกันในชีวิตหน้าของเรา”
“ผมรับปากไม่ได้หรอกนะ แต่….”
“มันไม่ใช่แบบนั้น แต่หมายถึงความรู้สึกของฉันที่มีต่ออินะโมริคุงนั้นจริงจังแค่ไหน”
อาจเป็นเพราะผมหลงไหลในคำพูดของเธอที่ฟังดูเหมือนโกหกทั้งๆ ที่มันไม่ควรเป็นความจริง
..
แต่ — ผมกับโทโจไม่เคยเกี่ยวข้องมาก่อน และไม่ว่าอีกฝ่ายจะพูดว่าหาข้อมูลเกี่ยวกับผมมามากแค่ไหน แต่ก็ยังมีเรื่องเกี่ยวกับโทโจซังที่ผมไม่เข้าใจจากมุมมองของผมมากเกินไป
“… ผมอยากรู้ว่าผมคิดถูกหรือเปล่า ที่โทโจซังชอบผมและเต็มใจที่จะคอยดูแลผมตลอดชีวิตที่เหลือเพื่อแลกกับการแต่งงาน…?”
“ใช่ ฉันอยากให้อินะโมริคุงมาเป็นแมงดาของฉันจริงๆ”
นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรพูดออกมาเลย
“แน่นอนว่า พวกเราสองคนยังเด็กเกินไปแต่งงานกันได้ ดังนั้นเราจะไม่จดทะเบียนสมรสในทันที เมื่ออินะโมริคุงเรียนจบมัธยมปลายแล้ว พวกเราสองคนจะจดทะเบียนสมรสและกลายเป็นคู่รักอย่างเป็นทางการ จนกว่าจะถึงเวลานั้นพวกเราสองคนจะหมั้นหมายกันไว้ก่อน”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น จะเกิดอะไรขึ้น… กับการศึกษามหาวิทยาลัยของผม”
“ถ้าอินาโมริคุงอยากไป ฉันจะจ่ายให้เองค่ะ แต่ถ้าไม่อยากไปก็อยู่ที่บ้านผักผ่อนได้ แน่นอน ถ้าอินะโมริคุงอยากทำงานจริงๆ ฉันก็จะสนับสนุนเองแม้ว่าจะไม่เต็มใจก็ตาม”
โทโจซังไม่อยากให้ผมไปจากเธอเลย
เธอคิดว่าเป็นการดีกว่าสำหรับผมที่จะอยู่บ้านแทนที่จะทำงานเพื่อที่ฉันจะได้ใช้เวลากับเธอมากขึ้น
มันเป็นเรื่องดีเกินกว่าจะเป็นจริงได้
ชีวิตที่ไม่ทำงานและเพียงแค่รัก โทโจซัง ที่มีความงามที่เหมือนนางแบบ
อาจเป็นเรื่องน่าสมเพชในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่รู้สึกสนใจชีวิตแบบนี้
ยังไงก็ตาม…
“มู่~… นายดื้อรั้นจัง ฉันคิดว่าอินะโมริคุงจะยอมรับฉันได้ง่ายๆ ฉันมันไม่มีเสน่ห์เหรอ?”
“ไม่ใช่ว่าโทโจซังไม่มีเสน่ห์…. แต่ผมรู้สึกกังวลหลายอย่างเลย”
“กังวลอะไรหรอคะ?”
“ผมแค่ไม่แน่ใจว่าผมจะแต่งงานโดยปราจากความรักได้”
ผมคิดว่าได้พูดสิ่งที่ชัดเจนที่สุดแล้ว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง โทโจซังกลอกตาและทำหน้าบึ้ง
ผมกำลังคิดว่าผมพูดอะไรแปลก ๆ โดยไม่รู้ตัวหรือเปล่า แต่เธอก็อ้าปากและเริ่มหัวเราะ
“อินะโมริคุงเป็นคนที่น่ารักซะจริงๆนะ อินาโมริคุงได้รับความทุกข์ทรมานมามากก็ควรซื่อสัตย์ต่อความปรารถนาของตัวเองมากขึ้นนะ”
“โทโจซังกำลังพูดเรื่องอะไรเหรอ?”
“ฉันขอยืมมือนายหน่อยนะ”
จู่ๆ โทโจซังก็จับมือผมแล้วดึงเข้าไปที่หน้าอกของเธอเอง
มือของผมมีลูกโป่งขนาดใหญ่สองอันโอบรอบมือของผมอยู่ จมลงสู่ความนุ่มนวลและความอบอุ่นอย่างที่สุด
ใจของฉันก็ว่างเปล่าทันที
เมื่อมองย้อนกลับไป ฉันสามารถคิดได้เพียงว่าสมองของฉันมีการลัดวงจรเนื่องจากความสับสนอย่างมาก
“อินะโมริคุง..รู้สึกยังไงหรอ!?”
“อา… นุ่มมาก”
ความนุ่มนวลของ หน้าอก ของเธอดูเหมือนจะเป็นความรู้สึกจริงๆของผม
ถึงเวลาที่ผมจะเปิดเผยความรู้สึกที่จริงๆออกไป แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
แก้มของผมร้อนผ่าวด้วยความเขินอายและผมอยากจะขอโทษ ผมก็เลยรีบดึงมือออกมา
แก้มของโทโจซังยิ่งแดงกว่าผมซะอีก และถึงแบบจะไม่ถนัดเรื่องแบบนี้ แต่ผมก็เห็นภาพลวงตาที่มีไอน้ำพุ่งออกมาจากหัวของเธอ
แม้จะอับอาย แต่โทโจซังก็ทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อดึงดูดผม
อะไรคือสิ่งที่ถูกต้องที่ต้องทำ?
ในฐานะผู้ชายอย่าง ฮารุยูกิ อินะโมริ ผมควรทำยังไงดี?
“ขอเวลาหน่อยได้ไหม….?”
“เอ๊ะ?”
“ผมอยากได้เวลาที่ใช้ตกหลุมรักโทโจซัง แต่ผมไม่สนหรอกว่าจะได้จากการเป็นเพื่อนหรืออย่างอื่น…”
ผมรู้สึกว่าฉันอย่างน้อยต้องการเวลาในการยอมรับถึงความตั้งใจที่แน่วแน่ของโทโจซัง
ผมจะยังไม่ให้คำตอบอะไรได้กับเธอในตอนนี้
“—ฉันเข้าใจความรู้สึกของ อินาโมริคุง แล้ว ถ้าอย่างนั้นเริ่มต้นด้วยช่วงทดลองใช้งานหนึ่งเดือนล่ะ”
“ช่วงทดลอง?”
“อื้ม ในช่วงระยะเวลาหนึ่งเดือนอินะโมริคุงจะได้สัมผัสกับชีวิตที่ฉันเพิ่งเสนอไปโดยมีข้อจำกัดบางอย่าง หลังจากนั้น ถ้าต้องต้องการดำเนินการต่อ เราก็สามารถหมั้นกันได้…”
หลังจากได้ยินข้อเสนอของโทโจซัง ผมก็เอามือวางที่อก
หนึ่งเดือน. ด้วยเวลานั้น ผมมั่นใจว่าเธอจะได้เห็นด้านที่น่ารังเกลียดของผมแน่ๆ
ถ้าผมทำให้เธอท้อใจ และทำให้เธอเกียจผม
หลังจากคิดในใจอยู่นาน มันคงไม่ดีถ้าจะปฏิเสธ
พื้นที่ส่วนกลางควรอยู่ที่ไหนสักแห่งในบริเวณนี้
“อื้ม….ถ้ายังงั้นช่วยดูแลผมด้วยนะ”
“เย้! ฝากตัวด้วยนะคะ”
หลังจากนั้น โทโจซังก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขที่สุดเลย
สามารถติดตามผลงานได้ที่ เพจ เเปลเรื่องที่สนใจ
ลงหน้าเพจก่อน 1 วันนะครับ
Chapters
Comments
- ตอนที่ 5: อาบน้ำ เมษายน 13, 2022
- ตอนที่ 4: ข้อเสนอ เมษายน 7, 2022
- ตอนที่ 3: สตอกเกอร์ เมษายน 1, 2022
- ตอนที่ 2: ไปบ้านโทโจซัง มีนาคม 23, 2022
- ตอนที่ 1: โดนไล่ออก มีนาคม 23, 2022
MANGA DISCUSSION