เปลี่ยน ปัจจัยแห่งการสูญสลาย > ปัจจัยแห่งการล่มสลาย
จริงๆแปลไว้ว่าล่มสลายตั้งแต่เนื้อเรื่องย่อ ไม่รู้ทำไมถึงเผลอไปเปลี่ยนเป็นสูญสลายหมด
「ค่ะ ก็แบบว่า คนใช้อะไรเนี่ย ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีเลยใช่ไหมล่ะคะ?」
「…..!? ว่าไงนะ──?」
เข้าใจว่าคำพูดนั้นเป็นปฏิกิริยาที่ไม่สมกับเป็นไซกะ แต่ว่า ช่วงเวลาในตอนนั้น มุชิกิไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
ถึงจะตระหนักว่าเป็นคำถามที่ไม่ต่อเนื่องกัน แต่มุชิกิก็ยังพูดต่อ
「เดี๋ยวก่อนสิ คุโรเอะน่ะ อยู่ในคฤหาสมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่…..」
「…..? งั้นหรือคะ? ถ้างั้นก็ขออภัยค่ะ เพราะเคยรบกวนคฤหาสน์ของท่านแม่มดไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง แต่ก็ไม่เคยเห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียว」
「……….」
ในตอนที่ฟังคำพูดเหล่านั้น มุชิกิก็รู้สึกถึงหัวใจที่ค่อยๆเต้นแรงขึ้น
นิสัยที่จริงจังและมุ่งมั่นในสิ่งใดสิ่งหนึ่งของรูริน่ะ รู้ดี และเรื่องที่เธอหลงไหลในตัวไซกะมากขนาดไหน ในช่วงเวลาหลายวันนี้ เข้าใจอย่างเจ็บปวดเลย
ดังนั้น สมองของมุชิกิจึงนึกบางสิ่งขึ้นมาได้
──รูริคนนี้น่ะ คอยช่วยเหลือการใช้ชีวิตในทุกๆด้านของไซกะ การที่จะไม่รู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของสาวใช้เพียงคนเดียวของไซกะน่ะ จะเป็นไปได้จริงๆหรือ──
จริงๆแล้วก็แค่มองตกหล่น?
หรือไซกะเก็บซ่อนตัวตนของคุโรเอะกันแน่?
หรือว่า──
ในหัวของมุชิกิ คิดถึงความเป็นไปได้อันมากมายวกวน แล้วในที่สุด ก็ตัดสินใจถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย
「…..รูริ ครั้งแรกที่เธอได้รู้เรื่องของคุโรเอะน่ะ คือเมื่อไหร่รึ?」
พอมุชิกิถาม รูริก็ใช้นิ้วชี้วาดเป็นรูปวงกลมเหมือนกำลังนึก แล้วตอบกลับมา
「อืมม ครั้งแรกที่ได้เจอคือ──นั่นไง ตอนประชุมตามกำหนดการครั้งก่อนค่ะ ท่านแม่มดเป็นคนพาเด็กคนนั้นเข้าห้องประชุมเองไม่ใช่เหรอคะ?」
「────」
คำตอบนั่น ทำให้เสียงของมุชิกิหายไปอีกครั้ง
การประชุมตามกำหนดการ เรื่องวันนั้นมุชิกิจำได้แม่น
เพราะว่าวันนั้น──คือวันที่มุชิกิกับไซกะรวมร่าง และตื่นขึ้นมาใน〈อุทยาน〉ไงล่ะ
──ก่อนจะถึงวันนั้น ตัวตนของคุโรเอะไม่อยู่ในการสังเกตการณ์ของรูริ
ก็หมายความว่า เวลาที่คุโรเอะปรากฏตัวขึ้นในคฤหาส คือหลังจากที่ไซกะกับมุชิกิถูกโจมตีพอดี…..?
ถ้าเกิดว่านั่นเป็นความจริง
อยู่ในคฤหาสของไซกะเหมือนเป็นสิ่งแน่นอน
รู้เรื่องสถานการณ์ของมุชิกิเหมือนเป็นสิ่งแน่นอน
เด็กสาวที่ชี้นำการกระทำของมุชิกิเหมือนเป็นสิ่งแน่นอนคนนี้──
จริงๆแล้ว เป็นใครกันแน่
「หรือว่า」
มุชิกิ รู้สึกเหมือนบางสิ่งที่เย็นยะเยือกกระจายไปทั่วท้อง แล้วส่งเสียงครางออกมา
ถ้าเกิดพูดอะไรไปมากกว่านี้ จะไม่สามารถกลับไปจุดเดิมได้อีกแล้ว แม้จะตระหนักถึงข้อนั้นดี แต่ก็ทนเก็บไว้ไม่อยู่
ริมฝีปากของมุชิกิ ขยับไปโดยกึ่งไม่รู้ตัว เรียบเรียงความเป็นไปได้ที่เลวร้ายที่สุดออกมา
「คุโรเอะ เธอคือ──」
──แต่แล้ว ในจังหวะนั้นพอดี
ราวกับต้องการที่จะยับยั้งคำพูดของมุชิกิ──
บรรยากาศที่ห้อมล้อมรอบตัวทั้งสองคน ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
「น่ะ…..!?」
「────!」
ความรู้สึกที่ขัดแย้ง เหมือนสวนสาธารณะที่สดใสหลังเที่ยง ค่อยๆถูกความมืดแทรกซึม
หลังจากความมืดเข้าห่อหุ้มบริเวณโดยรอบในพริบตาเดียว ตึกและอาคารขนาดใหญ่จำนวนมาก ก็โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน
──เขาวงกตที่ไม่รู้จักจุดสิ้นสุด、โลกสีเถ้าที่ถูกสร้างขึ้นจากเหล็กและหิน
ใช่แล้ว ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นเป็นแน่ นี่คือมิติที่มุชิกิหลงเข้ามาเมื่อวันก่อน
「──! วิวรณ์บทที่ 4…..!? หรือว่า ใครกัน──」
รูริ เผลอกลั้นหายใจไปวูบหนึ่ง──แต่ก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าของนักรบทันที
คงจะรู้สึกตัวแล้ว เกี่ยวกับเนื้อหาที่คุยกันในที่ประชุมเมื่อวันก่อน ──ตัวตนของจอมเวทย์ประหลาดที่เข้าจู่โจมไซกะ
「【รินโควจิน】!」
พอเรียกชื่อ บนหัวของเธอก็มีตราสัญลักษณ์ส่องสว่างขึ้น 2 วง และนากินาตะแสงปรากฏขึ้นในมือ
──วิวรณ์บทที่ 2 ตำแหน่งของ〈สสาร〉
พอรูริตั้งท่าด้วยนากินาตะในมืออย่างระมัดระวัง ราวกับเอาสิ่งนั้นเป็นคำชวน เงารูปมนุษย์จำนวนมาก ก็คืบคลานออกมาจากช่องว่างของตึกระฟ้า
พอมองดูเจ้าสิ่งนั้น รูริก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
「…..ปัจจัยแห่งการล่มสลายหมายเลข 414 : 『Wraith』──ทำไมปัจจัยแห่งการล่มสลายถึงมาอยู่ในวิวรณ์บทที่ 4…..?」
แต่ว่า เงาเหล่านั้นไม่ตอบคำถาม มุ่งเข้าหามุชิกิกับรูริด้วยรูปลักษณ์ที่ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ด้วยสายตา แล้วอยู่ๆก็กระโดดเข้ามาพร้อมกัน
「────ฮ่ะ!」
รูริสูดลมหายใจเข้า แล้วกู่ร้องพร้อมตวัดใบมีดแสง
ในจังหวะเดียวกัน ใบมีดแสงก็หดตัวเป็นเส้นด้าย แล้วยืดออก
จากนั้น ด้ายแสงก็เคลื่อนไหวไปรอบทิศทางราวกับมีจิตใจเป็นของตัวเอง เงาดำที่แออัดกันอยู่โดยรอบ ถูกผ่าเป็นชิ้นๆอย่างง่ายดาย
ไม่มีแม้แต่เสียงร้องจากการตาย เหล่าเงาดำสลายหายไปในอากาศ
ทว่า แม้เงาดำจะถูกทำลายไปจนหมดสิ้น เขาวงกตสีเทาก็ยังล้อมรอบมุชิกิกับรูริอยู่
「ชิ──เพราะอยู่นอก〈อุทยาน〉ก็เลยดูถูกกันสินะคะ」
รูริเดาะลิ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ตะโกนด้วยเสียงที่น่าจะดังเข้าไปถึงส่วนลึกของตึกระฟ้า
「──จงออกมาซะ นายของอาณาเขตแห่งนี้ ผู้ใช้วิชาไปถึงวิวรณ์บทที่ 4 ได้เนี่ย คงไม่ทำได้แค่การโจมตีขี้ประติ๋วแบบนี้สินะคะ เป้าหมายคืออะไร ใช้ความรุนแรงโดยรู้ว่าท่านที่อยู่ตรงนี้คือใครหรือเปล่าคะ?」
เสียงตะโกนของรูริ สะท้อนกำแพงตึกราหลายต่อหลายที เกิดเป็นเอคโค่ดังก้องไปทั่วบริเวณ
จากนั้น เสียงฝีเท้าเล็กๆก็ดังขึ้นจากข้างในเงามืด ──เหมือนเป็นการตอบรับเสียงเรียก
「──! รูริ」
「ค่ะ」
พอมุชิกิพูดกระตุ้นให้ระวัง รูริก็ตอบรับเบาๆ แล้วตั้งท่าจับนากินาตะอย่างระมัดระวัง
แล้วในที่สุด ก็เห็นเงาคนเดินออกมาจากช่องว่างของตึกที่เรียงกันซับซ้อน
ทั้งร่างถูกปิดด้วยเสื้อคลุม และเพราะสวมฮู้ดทับลึก จึงยังไม่ต้องถามถึงหน้าตาหรืออายุ แม้แต่เพศก็ยังบอกไม่ได้
แต่ว่า ข้างบนหัวมีตราสัญลักษณ์ซ้อนทับกันอยู่ 4 วง บ่งชี้ว่าเขา หรือเธอคนนี้เป็นนายของอาณาเขตอย่างชัดเจน
ตราสัญลักษณ์ที่มีรูปร่างเหมือนหนามเชื่อมต่อกัน ดูราวกับเป็นฐานของหมวกขนาดใหญ่อย่างไรอย่างนั้น
「ในที่สุดก็เผยตัวออกมาสักทีนะคะ ในนามอัศวินของ〈อุทยาน〉 จะขอควบคุมตั──」
แต่แล้ว
รูริที่ชี้กำลังนากินาตะไปข้างหน้าแล้วพูดอยู่ ก็ตะลึงจนหยุดหายใจ
「──รูริ?」
พอมุชิกิมองไปทางรูริด้วยความประหลาดใจ ก็ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว
นั่นเป็นเพราะว่า ใบหน้าของรูริที่จ้องมองศัตรูอย่างใจเย็นจนถึงเมื่อกี้ กลับเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความสับสนผสมปนเป
เหงื่อโชกเต็มหน้า ริมฝีปากสั่นเทา และตาที่เบิกกว้างจนไม่สามารถขยายไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว ขยับไปมาสั่นระริก ไม่สามารถหาจุดโฟกัสได้
「คุณ──คือ─」
น้ำเสียงที่แหบแห้ง ลอดออกจากลำคอของรูริ
ทั้งคำพูด และเสียงนั่น
──ราวกับได้ล่วงรู้ตัวตนของคนที่กำลังประจันหน้าอยู่เรียบร้อยแล้ว
「…..รูริ!」
「……….」
มุชิกิตะโกนเรียกชื่อของรูริ ในจังหวะเดียวกัน จอมเวทย์ปริศนาก็ยกมือขึ้นข้างหนึ่ง เผยให้เห็นนิ้วเรียวงามจากใต้แขนผ้าคลุม
จากนั้น วินาทีที่จอมเวทย์ดีดนิ้ว
「────!?」
ใบมีดแสงในมือของรูริก็ขยายใหญ่ขึ้น และเปลี่ยนเป็นเข็มจำนวนนับไม่ถ้วน แทงทะลุมือ ขา และหน้าอกของรูริ
「เอ๊ะ────」
แม้แต่ตัวเองยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รูริส่งเสียงร้องออกมา แล้วล้มลงบนพื้นราวกับจมกองเลือดที่พุ่งออกมาจากทั่วร่าง
พริบตาเดียว
เหตุการณ์ทั้งหมด เกิดขึ้นในพริบตาเดียว
「รูริ────!」
มุชิกิส่งเสียงร้องตะโกนออกมา แล้ววิ่งไปข้างตัวรูริที่นอนโชกเลือดอยู่
ตราสัญลักษณ์ที่อยู่บนหัวเลือนหายไป นากินาตะที่กำอยู่ในมือก็สลายไปกับแสง
โชคดีที่ยังหายใจอยู่ แต่ความสาหัสแค่มองปราดเดียวก็รู้ เลือดไหลไม่หยุดจากแผลจำนวนนับไม่ถ้วนที่มีอยู่เต็มร่าง
โดยเฉพาะเข็มแสงที่ทะลุผ่านหน้าอก กลัวว่าอาจจะสร้างบาดแผลให้กับอวัยวะสำคัญภายใน
ถ้าไม่รีบนำไปรักษาให้เร็วที่สุด อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ไม่สิ มีความเป็นไปได้ว่า ต่อให้พาไปรักษาก็ยัง──
「….. 、────」
มุชิกิ รู้สึกถึงหัวใจที่บีบรัดจนถึงขีดสุดเพราะสภาพอันเจ็บปวดของน้องสาวร่วมสายเลือด
จ้องไปยังจอมเวทย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความโกรธเกรี้ยวและแค้นเคืองที่ราวกับจะแผดเผาร่างกาย
「แก…..!」
เข้าโจมตีไซกะ มอบบาดแผลฉกรรจ์ถึงชีวิตให้แก่มุชิกิ แถมตอนนี้ ยังทำให้น้องสาวคนสำคัญของมุชิกิต้องมาบาดเจ็บอีก ศัตรูคู่อาฆาตที่ไม่สามารถอภัยได้
──ต้องถูกกำจัด ที่นี่ และตอนนี้
ไม่อย่างนั้น ทั้งรูริ ทั้งมุชิกิ และไซกะ ก็จะต้องตาย
แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าไม่ไหว มุชิกิเตรียมใจแล้วลุกขึ้นประจันหน้ากับจอมเวทย์ ยกแขนสองข้างขึ้น
「────หึ」
พอมองดูสภาพแบบนั้นของมุชิกิ จอมเวทย์ก็ถอนหายใจออกมา แล้วหันหลังเดินกลับ
ราวกับจะบอกว่า เป้าหมายที่มาในวันนี้สำเร็จลุล่วงแล้ว
หรือหมายความว่า──มุชิกิไม่ใช่ระดับที่จะมาเป็นคู่มือ
「เดี๋──」
เดี๋ยวก่อน กำลังจะพูดแบบนั้น แต่มุชิกิก็หยุดคำพูด
จริงอยู่ ที่จอมเวทย์คนนั้นคือคนที่มิอาจยกโทษให้ได้ ──แต่ว่า ถ้าเสียงเรียกนั่นหยุดจอมเวทย์ขึ้นมาจริงๆ รูริจะเป็นยังไง?
โอกาสชนะก็ไม่มีแท้ๆ จะปล่อยให้ชีวิตของรูริต้องมาตกอยู่ในอันตรายเพราะอารมณ์ชั่ววูบไม่ได้เด็ดขาด มุชิกิกำหมัดแน่น และกัดริมฝีปาก มองดูแผ่นหลังของจอมเวทย์ที่กำลังเดินจากไป
──และในที่สุด จอมเวทย์ก็หายไปในเงามืด ทิวทัศน์เขาวงกตที่ล้อมรอบตัวมุชิกิพังทลาย
กลับเป็นสวนสาธารณะสงบสุขหลังเที่ยง
แต่ในภาพที่เห็น มีสิ่งหนึ่งที่ต่างจากเมื่อก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน
「──อาาาา──── ──」
มุชิกิ กำมือสองข้างที่เต็มไปด้วยเลือดของน้องสาวแน่น
แล้วส่งเสียงร้องที่แยกไม่ออกว่าเป็นความโกรธหรือความเศร้า ดังก้องไปทั่ว
MANGA DISCUSSION