「──กำลังตามหาอยู่เลยค่ะ คุณมุชิกิ ไปอยู่ที่ไหนมาคะ」
หลังการต่อสู้ในห้องตรวจประมาณ 10 นาที
มุชิกิที่กำลังเดินโซซัดโซเซตามโถงทางเดินตึกพยาบาลก็ถูกคุโรเอะเรียก
「…..จะว่าไป ในระยะเวลาแค่นี้ทำไมถึงสับเปลี่ยนตัวตนอีกแล้วคะ แถมยังชุดพละยู่ยี่นั่นอีก
ช่วงเวลาที่ฉันละสายตาไปทำอะไรมาคะ? น่ารังเกียจ」
คุโรเอะ จ้องมาที่มุชิกิด้วยสายตาขยะแขยง มุชิกิจึงรีบส่ายหน้า
「ไม่ใช่ ไม่ใช่นะครับ คุโรเอะ」
พอมุชิกิอธิบายสถานการณ์แบบคร่าวๆ คุโรเอะก็หรี่ตาเหมือนเป็นการยอมรับ
「…..แบบนี้นี่เอง อัศวินเอลูลูก้าหรือคะ จะถามเผื่อไว้ก่อนนะคะ…..ยังไม่ถูกจับได้สินะ?」
「ครับ ถึงจะรอดมาได้อย่างหวุดหวิด แต่คิดว่าคงไม่เป็นไร…..」
พอมุชิกิพยักหน้ายืนยัน คุโรเอะก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
แต่ก็จมกับความรู้สึกนั้นได้ไม่นาน รีบเปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจังทันที
「──คุณมุชิกิ มีเรื่องที่อยากคุยอยู่นิดหน่อยค่ะ แต่แถวนี้คนเยอะเกินไป เชิญทางนี้ค่ะ」
「เอ๊ะ? อะ ครับ」
มุชิกิพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินตามคุโรเอะตามโถงทางเดินของตึกพยาบาล
แล้วในที่สุด ทั้งคู่ก็มาถึงจุดที่ไม่ค่อยมีคน คุโรเอะกวาดตามองไปรอบๆเพื่อตรวจสอบ แล้วจึงเปิดปากอีกครั้ง
「…..เนื้อหาแบบละเอียดไว้รอประกาศจากแผนกสืบสวนก็แล้วกันค่ะ แต่ว่า เหตุการณ์ปัจจัยแห่งการสูญสลายครั้งใหญ่เมื่อครู่ อาจเป็นฝีมือมนุษย์ก็ได้ค่ะ」
「เอ๊──」
มุชิกิเบิกตากว้างกับคำพูดของคุโรเอะ
「จะบอกว่าเจ้ามังกรพวกนั้น ถูกใครบางคนสั่งให้โจมตีพวกเราเหรอครับ?」
「เปล่าค่ะ คงไม่ถึงขั้นให้คำสั่ง แต่ว่า…มีความเป็นไปได้ที่จะควบคุมเวลากับสถานที่เกิด
──หรือโยกย้ายปัจจัยแห่งการสูญสลายที่เกิดขึ้นมาไว้ในตำแหน่งเดียวค่ะ」
「แต่ว่า ปัจจัยแห่งการสูญสลายเนี่ย คือตัวตนที่อาจจะทำลายโลกไม่ใช่เหรอครับ? งั้นใครกะ──」
พอถึงตรงนั้น มุชิกิก็หยุดชะงัก
คุโรเอะเดาว่ามุชิกิน่าจะรู้ตัวแล้ว จึงพยักหน้าให้
「ค่ะ เรื่องแบบนั้นน่ะ จอมเวทย์ทั่วไปไม่มีทางทำหรอกค่ะ แล้วก็ไม่ใช่อะไรที่คิดจะทำก็ทำได้ด้วย ──แต่ว่า」
ใช่ คุโรเอะกำลังพูดแบบนั้น
──คนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ อาจเป็นจอมเวทย์ที่โจมตีไซกะกับมุชิกิก็เป็นได้
「พอคิดดูดีๆ ถือเป็นการวางแผนที่สุดยอดเลยล่ะค่ะ ฝูงปัจจัยแห่งการณ์สูญสลายระดับที่ยังไงก็สามารถจัดการได้ แต่ก่อนที่จะจัดการได้ทั้งหมด อาจเกิดความเสียหายขึ้นกับนักเรียน──」
「….. ถ้างั้น ก็หมายความว่า」
พอมุชิกิพูดพร้อมเหงื่อที่ซึมออกจากข้างแก้ม คุโรเอะก็พยักหน้า
「──การปรากฏตัวของท่านไซกะ ถูกชักจูงอย่างงดงามเลยล่ะค่ะ
เหมือนต้องการที่จะยืนยันว่า ท่านไซกะที่อยู่ในโรงเรียนเป็นตัวจริงที่สามารถใช้วิวรณ์บทที่ 4 ได้หรือเปล่า」
「….. 、ถ้างั้น ผมก็──」
คำพูดของคุโรเอะ ทำให้มุชิกิคิ้วขมวด
แต่ว่า คุโรเอะก็ลดสายตาลงแล้วส่ายหน้า
「ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดไปหรอกค่ะ ตอนนั้นถ้าคุณมุชิกิไม่ออกไปก็อาจจะเกิดอันตรายขึ้นกับนักเรียน ต่อให้ท่านไซกะยังอยู่ก็คงทำแบบเดียวกันค่ะ。กลับกัน จงภูมิใจที่ตัวเองสามารถใช้วิวรณ์บทที่ 4 ในสถานการณ์คับขันได้สำเร็จดีกว่าค่ะ」
「นั่นสินะคร้าบ สมเป็นร่างกายของคุณไซกะ」
「น่าพิศวงจริงๆนะคะ พูดตามตรงเผลอคิดว่า’กังวลสักหน่อยสิ’เลยล่ะค่ะ 」
คุโรเอะหรี่ตาแล้วถอนหายใจ ส่วนมุชิกิก็กอดอกตอบรับ
「…..แต่ว่า แย่สุดๆไปเลยไม่ใช่เหรอครับ ถ้าเกิดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดจากคนลอบโจมตีจริงๆ」
「ค่ะ เป็นการยืนยันให้ฝั่งนู้นว่าท่านไซกะยังมีชีวิตอยู่เป็นที่เรียบร้อย
──ถึงจะพูดแบบนั้น แต่จะเอาแต่ซ่อนตัวตลอดไปก็คงไม่ได้ค่ะ จะช้าหรือเร็วสักวันก็คงต้องถูกจับได้อยู่ดี」
จากนั้น คุโรเอะก็ยังพูดต่อ
「มีสิ่งที่สามารถทำได้เฉพาะตอนที่อีกฝั่งรู้ว่าท่านไซกะยังมีชีวิตอยู่ค่ะ」
「สิ่งที่ทำได้…..เหรอครับ?」
「ค่ะ นั่นคือ──」
พอมุชิกิถาม คุโรเอะก็อธิบายแผนนั้นให้ฟัง
「…..แบบนี้นี่เอง แต่ว่านี่มัน…..เสี่ยงเอาเรื่องเลยนะครับ」
「ปฏิเสธไม่ได้ค่ะ แต่ว่าถ้าทำสำเร็จ ก็อาจจะสามารถระบุตัวจริงของคนร้ายได้เลยนะคะ มีค่าให้ลองอยู่มากโข」
พอคุโรเอะพูดจบ ก็มีเสียงแกร๊กขึ้นที่ส้นเท้าแล้วเปลี่ยนทิศร่างกาย
「ฉันจะไปตรวจสอบร่องรอยที่ลานฝึกอีกครั้ง คุณมุชิกิกลับไปเรียนเถอะค่ะ สภาพตอนนี้คงสับเปลี่ยนตัวตนจากความตื่นเต้นไม่ได้ใช่ไหมล่ะคะ」
「อ๊ะ คุโรเอะ──」
ถึงมุชิกิจะเรียก คุโรเอะก็ยังคงเดินต่อไปตามโถงทางเดินของตึกพยาบาล
「……….」
มุชิกิที่ถูกทิ้งไว้ตรงนั้นคนเดียวยืนเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตัดสินใจว่าทำแบบนี้ต่อไปก็คงไม่ได้อะไร แล้วเริ่มเดินออกจากเขตพยาบาล
ทันใดนั้น───
「──มุชิกิ!」
「เหวอ!?」
ทันทีที่ก้าวเท้าออกไป ใครคนหนึ่งก็กระโจนเข้ามาจากทางด้านหน้าจนล้มก้นกระแทก
「เจ็บเจ็บ…..อะ อะไรเนี่ย?」
「มุชิกิ──อา ดีจริงๆ ปลอดภัยสินะ…..!」
พอมุชิกิทำหน้าบึ้งแล้วพูดออกมา เด็กสาวที่นั่งอยู่บนตัวมุชิกิ──รูริ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
หายใจหืดหอบราวกับเพิ่งวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง ชุดพละที่ห่อหุ้มร่างกายมีเหงื่อชุ่ม
ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า ที่หางตาเหมือนจะมีน้ำตาซึมออกมา
「รูริ…..?」
「อย่าทำให้เป็นห่วงนักจะได้ไหม เพราะหาตัวไม่เจอเลยคิดว่าเป็นอะไรปะ──」
แล้วรูริก็หยุดพูด เหมือนจะรู้ตัวแล้ว ว่าตัวเองกับมุชิกิตกเป้าสายตาของเหล่านักเรียนกับสตาฟโดยรอบ
「…..เดี๋ยวก่อน มานี่」
รูริยืนขึ้นจากตรงนั้นแล้วพูดแบบห้วนๆ ดึงมือมุชิกิออกไปจากตึกพยาบาลทั้งอย่างนั้น
พออ้อมมาที่ด้านหลังตึกก็ปล่อยมือ
「สถานการณ์แบบนั้นยังอุตส่ารอดมาได้อีกนะ คิดว่าตายไปแล้วเสียอีก」
แล้วก็กอดอกพูดอย่างไม่สบอารมณ์ มุชิกิทำตาโตด้วยความแปลกใจ
「เอ๊ะ? รู้สึกจะอารมณ์ต่างจากเมื่อกี้หรือเปล่านะ? ทั้งที่อุตส่าเป็นห่วงขนาดนั้นแท้ๆ…..」
「พูดเรื่องอะไรยะ ไม่ได้เป็นห่วงอะไรสักหน่อย」
พอรูริพูดกลบเกลื่อนจบ ก็จ้องเข้ามาด้วยสายตาแหลมคมแล้วพูดต่อ
「──ที่สำคัญ ทีนี้เข้าใจแล้วใช่ไหม? ว่าจอมเวทย์ของ〈อุทยาน〉ต้องเจอกับเรื่องอันตรายแค่ไหน
ก็ไม่รู้ว่าไปรู้เรื่องของที่นี่จากไหนหรอกนะ แต่นายน่ะ ไม่เหมาะสมหรอก รีบๆเก็บข้าวของแล้วกลับ 『ภายนอก』ไปซะ
ลืมเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่นี่ แล้วใช้ชีวิตอย่างสงบสุข」
รูริพูดแล้วชี้นี้ใส่มุชิกิ
มุชิกิทำเสียงครวญคราญกับความคิดเห็นที่ดูสมเหตุสมผล
「…..ขอโทษนะ รูริ。เรื่องที่ฉันมันไร้พลังน่ะ เข้าใจดีเลยล่ะ、แต่ว่า…..คงทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ทางนี้ก็มีเหตุผลอยู่นิดหน่อยน่ะ」
「เหตุผล…..? อะไรกันล่ะ นั่นน่ะ」
พอมุชิกิพูด รูริก็หรี่ตาทำท่าไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม
แน่นอนว่าจะพูดเรื่องรวมร่างออกไปไม่ได้
เพราะฉะนั้น มุชิกิจึงให้เหตุผลอีกอย่างหนึ่ง
「คือว่า…..พี่ ตกหลุมรักไปแล้วล่ะ」
「หา────」
รูริ เอ๋อกับคำพูดของมุชิกิไปพักหนึ่ง จากนั้นก็
「หาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา────!?」
เสียงตะโกนที่ดังจนน่าจะก้องไปถึงสวรรค์
「มะ มะมะมะหมายความว่ายังไง! เรื่องอะไร! ทะ ที่〈อุทยาน〉นี่มีคนรักอยู่อย่างงั้นหรอ!? จะบอกว่าเพื่อที่จะได้อยู่กับคนๆนั้น ก็เลยกลายมาเป็นจอมเวทย์อย่างงั้นหรอ!?」
「อะ อืม ถึงรายละเอียดจะต่างกันนิดหน่อยก็เถอะ แต่รวมๆแล้วก็ประมาณนั้น…..มั้ง」
「นะ……ซ──」
รูริขมวดคิ้วอย่างหนัก ไม่รู้ทำไม ตาถึงกลอกไปมาเหมือนกำลังร้อนใจอยู่ด้วย
「น่ะ…..นี่จะบ้าหรือไง!? มาเสี่ยงชีวิตในสนามรบเพราะเรื่องแบบนั้นเนี่ยนะ…..!」
「ขอโทษนะ แต่ว่า…สำหรับฉันในตอนนี้น่ะ เป็นเหตุผลที่สำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น」
「────」
พอมุชิกิพูดแบบนั้น รูริก็กัดริมฝีปาก
──ราวกับว่า กำลังพยายามยั้งสติตัวเอง
หลังจากนั้นก็สะบัดหน้าไปมาเหมือนเปลี่ยนใจ
「ยะ ยังไงก็ไม่ได้ ยอมรับไม่ได้หรอก เหตุผลแบบนั้น──」
พอรูริพูดต่อด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มุชิกิก็สั่นคิ้วแล้วร้อง「อ๊ะ」เหมือนนึกอะไรขึ้นได้
「จริงสิ รูริ มีเรื่องที่อยากจะขอร้องอยู่น่ะ」
「…..อะ อะไรเล่า」
「วันเสาร์ที่จะถึงนี้ว่าจะออกไปนอก〈อุทยาน〉สักหน่อยน่ะ ถ้าเกิดว่างละก็…ช่วยมาด้วยกันได้ไหม?」
「……………เห๊ะ?」
คำพูดของมุชิกิ ทำให้รูริหน้าเอ๋อไปแวบหนึ่ง
แล้วในที่สุด สมองก็ทำความเข้าใจกับคำพูดนั้นได้ รูริตาเบิกโพลง
「นะ──นะนะนะนะนี่พูดอะไรของนายยะ อยู่ๆก็、แล้วทำไมฉันต้อง…..」
「ไม่ได้เหรอ ไม่ว่ายังไงก็จำเป็นต้องมีรูริล่ะนะ」
「นน่ะ…..!?」
พอมุชิกิพูดต่อ รูริก็หน้าแดงแจ๋ขึ้นมา
「ระ หรือว่า…..คนที่มุชิกิชอบจะเป็น──」
จากนั้น ก็พึมพำอะไรสักอย่างอยู่คนเดียว แล้วบิดตัวดิ้นไปมา
「รูริ?」
「…..จะ、จะคิดดูก็แล้วกัน…..! แค่คิดดูเฉยๆเท่านั้นแหละนะ!」
รูริชี้ที่มุชิกิแล้วตะโกนแบบนั้นออกมา จากนั้นก็วิ่งสุดชีวิตไปตามทางเดิน
「──ฮิซุมี้─────!」
หลังเลิกเรียนวันนั้น รูริส่งเสียงเหมือนตะโกนแล้วกระแทกเปิดประตูหอพักเข้ามา
ฮิซุมิที่ดูเหมือนจะกลับมาก่อน สะดุ้งตกใจแล้วหันไปหา
「ว้าา! อะ อะไรน่ะ!? เอ๊ะ…..รูริจังเองเหรอ จัดการควันหลงเหนื่อยแย่เลยนะ ว่าแต่มีอะไรล่ะ」
「สะ สะสะสะสถานการณ์ฉุกเฉิน! ทะ ท่านพี่น่ะ!」
「ท่านพี่เนี่ย…..、หมายถึงคุกะคุงสินะ?」
「ใช่! ท่านพี่คนนั้นน่ะ! ชะ ชะชะชะชะ ชวนฉันไปเดทล่ะ!」
「เดทเนี่ย…..แบบพี่น้องเหรอ? ไม่สิ อาจจะแค่ชวนออกไปข้างนอกด้วยกันเฉยๆหรือเปล่า…..」
「ไม่ผิดแน่! บอกว่า『เพราะชอบรูริ ก็เลยมาที่〈อุทยาน〉』ด้วยล่ะ!」
「เอ๊ะ…..เอ๊───!?」
ฮิซุมิทำหน้าประหลาดใจ
「งะ งั้นเหรอ…..กับพี่น้อง……เห๊─…..ละ แล้วถูกชวนยังไงล่ะ…..?」
「มองมาที่ฉันด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วบอกว่า『ฉันน่ะ จำเป็นต้องมีรูริ』ล่ะ…..ตอนนั้นอยู่ใกล้กำแพงหรือเปล่านะ…..?
อืม…..รู้สึกว่าจะถูกคาเบะด้ง…..แล้วก็น่าจะโดนเชยคางด้วยล่ะ!」
พอรูริพูดออกไป ฮิซุมิก็หน้าแดงจางๆ แล้วโน้มตัวเหมือนสนใจเป็นอย่างมาก
「วะ ว้า…..คุกะคุงเป็นพวกใจกล้าขัดกับหน้าตา…..」
「ทะ ทำไงดีล่ะ!? ที่ผ่านมาฉันก็ไม่เคยเดทเลยด้วย…..」
「ทำยังไงเนี่ย ต่อให้ถามอะไรแบบนั้นกับฉัน…..เอ๊ะ แบบว่า แค่ถามเผื่อไว้ก่อนนะ เดทเนี่ย…จะไปจริงๆเหรอ?」
「มันแน่อยู่แล้ว! เอ๊ะ ทำไมล่ะ? ท่านพี่อุตส่าชวนแบบนี้มีตัวเลือกไม่ไปด้วยเหรอ?」
「เปล่าหรอก คือแบบว่า…..รูริจังก็ทำตัวเกรี้ยวกราดกับคุกะคุงไม่ใช่เหรอ?」
「นั่นมันก็…..หลายๆอย่างน่า! เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น! เรื่องนี้ก็ส่วนเรื่องนี้สิ!」
「งะ งั้นเหรอ…..」
ฮิซุมิเกาแก้มแกรกๆ แล้วถามคำถามเพื่อดึงอารมณ์กลับมา
「แล้ว…..นัดกันวันไหนล่ะ?」
「วันเสาร์นี้!」
「วันเสาร์ หมายความว่าเป็นวันหยุด…..งั้นคงไม่ใช่ชุดนักเรียนสินะ ก่อนอื่นหาชุดที่จะใส่ไปก่อนน่าจะดีหรือเปล่าน้า…..?」
「อย่างงี้นี่เอง! สมเป็นฮิซุมิ! แก่แดด!」
「รู้สึกเหมือนจะมีคำพูดที่ไม่จำเป็นหรือเปล่าน้า」
ฮิซุมิทำหน้าไม่พอใจ แต่รูริก็ไม่สนใจ เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า
จากนั้น ก็ทำการเลือกชุดชั้นในหลากหลายชนิดที่พับอยู่อย่างเป็นระเบียบ
「กฏพื้นฐานคือบนกับล่างต้องเข้าคู่กัน…..สีฟ้าที่คุ้นเคยน่าจะดีที่สุดหรือเปล่านะ หรือจะลองสีดำแบบพวกใจกล้า…..? ไม่สิ เวลาแบบนี้อาจจะควรปลดผนึกสายดึงถุงเถ้าที่เตรียมไว้มากกว่า?」
「เดี๋ยวสิรูริจัง ยังเร็วเกินไป」
「…..! นั่นสินะ ขอบคุณมาก เพราะกำลังฮึกเหิมเลยรีบด่วนสรุปเกินไป
ชุดชั้นในทำศึกที่แท้จริงไม่ใช่ชุดชั้นในลามก แต่เป็นสีขาวที่ดูเรียบร้อยสินะ!」
「ไม่ใช่แบบนั้น」
「ฮิซุมิเนี่ย ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็คอยใจเย็นให้ฉันเสมอ ฉันน่ะ รู้สึกขอบคุณจริงๆนะ ที่มีเพื่อนซี้อย่างเธอ──」
「ลองมาเป็นเพื่อนซี้ที่ถูกขอบคุณในเวลาแบบนี้ดูไหม?」
ฮิซุมิหลังจากเหงื่อตก ก็ทำหน้าถมึงทึงแล้วพูดต่อ
「ทำไมอยู่ๆถึงไปชุดชั้นในล่ะ…..? ก่อนอื่นต้องเริ่มจากภายนอกก่อนไม่ใช่เหรอ…..แล้วเดิมที มีความเป็นไปได้ที่จะถูกเห็นด้วยหรือไง…..?」
「เรื่องนั้น…..ยังไงก็เป็นท่านพี่นี่นะ…..เรื่องเพ่งเล็งน้องสาวมันแน่นอนอยู่แล้ว…..」
「ละ ลามกจกเปรต…..」
ฮิซุมิยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทั้งใบหน้าแดงแจ๋ แต่ว่า จากนั้นก็สะบัดหน้าเปลี่ยนความคิดทันที
「ฟังนะ? รูริจัง ถ้านั่นเป็นตัวเลือกของรูริจัง ฉันก็จะเอาใจช่วย แต่ว่า อย่าได้ไหลไปตามอารมณ์ชั่ววูบเด็ดขาด ต้องให้ความสำคัญกับตัวเองมากๆนะ…..?」
「อือ…..เข้าใจน่า ของแจกในงานแต่งแทนที่จะเป็นถ้วยชามพิมพ์ลาย เอาเป็นของฝากจากแคตตาล็อกน่าจะดีกว่า…..」
「ก็บอกว่ายังเร็วไปไงเล่า!」
ฮิซุมิตะโกนออกมาอย่างหมดความอดทน
MANGA DISCUSSION